เพิ่งฉลองวันครบรอบด้วยกันอยู่หยก ๆ เพิ่งโดนเขาขอแต่งงานเมื่อไม่นานมานี้ ใครจะคิดละว่าเพียงคล้อยหลังได้เพียงหนึ่งเดือนหลังจากวันนั้นเขาจะมีท่าทีเปลี่ยนไป ทำตัวห่างเหินหมางเมินเธอราวกับเธอไม่มีตัวตน ชักสีหน้าใส่เวลาเธอเข้าใกล้ ตะคอกใส่เมื่อเธอทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ ซึ่งตลอดเวลาที่คบกันมาเขาไม่เคยแสดงท่าทีแบบนี้ใส่เธอเลยสักครั้งมีแต่เอาอกเอาใจกัน ประคบประหงมเธออย่างดี อะไรกันล่ะที่ทำให้เขาเปลี่ยนไปขนาดนี้
หรือว่าบ้างทีที่เขาเป็นแบบนี้ มีใครบางคนเข้ามาเปลี่ยนเขากัน?
ยิ่งคิดความเสียใจและผิดหวังก็ยิ่งถาโถมเข้าใส่เธออย่างจังจนขอบตาสวยแดงก่ำนัยน์ตาเคล้าคลึงไปด้วยหยาดน้ำสีใส
‘กันตา’ นั่งนิ่งทอดสายตามองวิวทิวทัศน์จากระเบียงห้องคอนโดพลางหวนคิดไปถึงวันแรกที่เธอได้รู้จักกับพีรภัทรหรือ’เฮียพี’ ที่ใครหลายคนต่างพากันเรียกเขาแบบนั้นกัน
เธอและเขาเจอกันที่ผับในคืนนั้น คืนที่ไคเดินเข้ามาจีบเค้กเพื่อนสาวของเธอ ในคืนนั้นกันตาเห็นพีรภัทรผ่าน ๆ ตาจากมุมไกล ๆ และแม้นว่าเขาจะอยู่ในที่มืดแต่ความเป็นเขากลับส่องประกายดูดีมาถึงเธอ มีหลายครั้งหลายคราที่กันตาแอบลอบมองไปทางพีรภัทรทว่าขณะนั้นตัวเขากลับรายล้อมไปด้วยเหล่าผู้หญิงสวย ๆ โดยภายหลังจากที่ผับปิดแล้วกันตาได้แยกย้ายกับเพื่อนสนิทกลับมายังคอนโดของเธอเอง และไม่รู้ว่ามันเป็นความบังเอิญหรือตั้งใจกันที่เธอกับเขาบังเอิญพักอยู่คอนโดเดียวกันอีกทั้งห้องของเธอกับเขายังอยู่ตรงข้ามกันอีกด้วย
คอนโดนี้เป็นคอนโดใหม่ที่กันตาเพิ่งย้ายมา จึงไม่แปลกอะไรเลยที่เธอจะไม่รู้ว่าเธอกับพีรภัทรอาศัยอยู่คอนโดเดียวกัน
วันนั้นเขาและเธอพูดคุยกันนิดหน่อยก่อนจะแยกย้ายเข้าห้องใครห้องมัน
ก็อก ๆ
จนกระทั่งเช้าตรู่ของอีกวันที่ประตูหน้าห้องของเธอโดนเคาะ กันตาส่องตาแมวดูเธอจึงเห็นเป็นพีรภัทรที่ยืนจังก้าอยู่
“มีอะไรรึเปล่าคะ” เธอจึงเปิดประตูออกไปถามขมวดคิ้วมองเขาด้วยความสงสัย
“เฮียซื้อน้ำเต้าหู้กับข้าวต้มมาฝาก หนูเอาไปกินสิ” มือหนาชูของที่ซื้อมาให้หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มดูก่อนที่จะยื่นทุกอย่างในมือให้กับเธอ
“ขอบคุณนะคะ” กันตารับมาโดยไม่ลืมกล่าวขอบคุณ
“เฮียเต็มใจครับ” พีรภัทรยิ้มละมุมก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าห้องตัวเองไป
วินาทีนั้นกันตาไม่สามารถควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจตัวเองได้ หัวใจของเธอเต้นรัวเร็วอย่างบ้าคลั่งในขณะที่ริมฝีปากผุดรอยยิ้มบาง ๆ ออกมา เธอรู้สึกหวั่นไหวให้กับการกระทำของพีรภัทรอย่างที่ไม่ควรจะเป็น เธอเผลอไผลไปกับการกระของเขาอย่างง่ายดาย
และเมื่อมีครั้งแรกที่เขาซื้อของมาฝากก็ต้องมีครั้งต่อไป ทุก ๆ เช้าพีรภัทรจะหอบหิ้วข้าวต้มกับน้ำเต้าหู้มาแขวนไว้ที่หน้าประตูห้องของเธอ เขาทำแบบนั้นอยู่ประมาณสองอาทิตย์ได้ก่อนที่เราจะแลกคอนแทคกัน เขาเป็นคนทักมาหาเธอก่อน ใช้คำหวานหยอดใส่เธอไม่ยั้ง ชวนเธอไปดูหนัง อีกทั้งชวนเธอไปทานข้าวด้วยบ่อย ๆ มีชวนเธอดื่มบางประปรายที่ห้องของเขา
ความสัมพันธ์ของเธอและเขาก้าวกระโดดเพราะความที่เขาชวนเธอไปดื่มที่ห้องของเขานั่นแหละ มีคืนหนึ่งเธอดื่มจนเมาเละตื่นมาพบว่าตัวเองนอนเปลือยกายอยู่ข้างกายเขา
หัวสมองของกันตามึนตึ๊บเธอจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่างนอกจากสัมผัสวาบหวามที่เขามอบให้
“ไม่ต้องกลัวนะ เฮียจะรับผิดชอบหนูเอง” เขาที่ตื่นขึ้นมาแล้วเห็นสีหน้าไม่สู้ดีนักของหญิงสาวจึงเอ่ยบอกเธอด้วยน้ำเสียงและแววตาจริงจัง เธอไม่จำเป็นต้องกังวลหรือกลัวอะไรทั้งนั้นเพราะเขายินดีรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ โดยการคบหาเธอเป็นแฟน
จากวันนั้นความสัมพันธ์ของกันตากับพีรภัทรก็ขยับขึ้นมาราวกับก้าวกระโดด พีรภัทรดูแลกันตาอย่างดีเรื่อยมาตามคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้ เขาดูแลเธอประดุจดั่งเจ้าหญิง ประเคนทุกอย่างให้โดยที่เธอไม่เคยร้องขอ
ชีวิตรักของเธอกับเขาดำเนินไปอย่างราบเรียบและเรียบง่าย ทุก ๆ วันยังเต็มไปด้วยความหวานชื่นที่ทั้งเธอและเขาขยันเติมเต็มให้แก่กัน เราเพิ่งฉลองวันครบรอบสองปีด้วยกันอย่างชื่นมื่นและวันนั้นเป็นวันเดียวกันกับที่เขาขอเธอแต่งงาน
วินาทีที่เขาคุกเข่าลงต่อหน้า วินาทีที่เขายื่นแหวนมา และวินาทีที่เขาเอื้อนเอ่ยประโยคนั้นออกมา กันตายังจำความรู้สึกวันนั้นได้เป็นอย่างดี เธอวาดภาพอนาคตของเธอกับพีรภัทรไว้ทุกอย่าง ในทุก ๆ เรื่องราวของเธอมักมีพีรภัทรอยู่ในนั้นด้วยเสมอ
เพราะทุกอย่างที่เป็นเธอกับเขาก่อนหน้านั้นมันดีมาก ดีซะจนกันตาไม่เคยวาดฝันถึงจุดจบ เธอจึงไม่สามารถตั้งรับได้ทันเมื่อจู่ ๆ พีรภัทรก็เปลี่ยนไป
เธอเฝ้าถามตัวเองซ้ำ ๆ ว่าเธอทำอะไรผิด แต่เธอก็ไม่เคยได้รับคำตอบนั้น จนบางครั้งกันตาก็อดคิดไม่ได้เลยว่า
หรือจริง ๆ แล้วเธอไม่ได้ผิดอะไร แค่ตอนนี้เธอไม่ใช่คนที่เขารักอีกต่อไปแล้วก็เท่านั้น
พีรภัทรกับกันตายิ้มรับคำอวยพรจากทุกคนด้วยความปลื้มปิติ ความสุขมันฉายออกมาทางแววตาของชายหนุ่มและหญิงสาว ทั้งพีรภัทร ทั้งกันตาไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าวันนี้เขาและเธอมีความสุขมากขนาดไหน อวยพรกันเสร็จสรรพทุกคนก็แยกย้ายไปนั่งที่ใครที่มัน เพื่อเลี้ยงดื่มฉลองให้แก่คู่บ่าว-สาวในค่ำคืนนี้ กันตาจับมือพีรภัทรเดินมาหยุดยืนอยู่กลางโต๊ะอาหารที่ทุกคนกำลังพากันดื่มสังสรรค์อย่างสนุกสนานมีความสุข “ทุกคนคะ” เสียงเรียกของกันตาทำให้ทุกคนภายในโต๊ะหันมามองทางเธอเป็นตาเดียว พลางเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงตั้งคำถามกับหญิงสาวว่าเธอมีอะไร “อะไรลูก” เป็นแม่ของหญิงสาวที่ถามขึ้นมามองลูกสาวที่เอาแต่ยิ้มกรุ้มกริ่มด้วยแววตาแปลกใจ “หนูมีเรื่องสำคัญจะบอกกับทุกคนคะ” กันตากวาดสายตามองทุกคนในโต๊ะพลางระบายยิ้มกรุ้มกริ่มออกมา “เรื่องสำคัญอะไรครับ” ไม่เว้นแม้แต่พีรภัทร เขาเองก็อดตื่นเต้นกับเรื่องที่หญิงสาวบอกไม่ได้ ก้อนเนื้อภายในอกด้านซ้ายเต้นระส่ำจนเขากลัวว่ามันจะทะลุออกมาวิ่งโลดเต้นอยู่ด้านนอก กันตาไม่พูดอะไร เธอเอื้อมมือจับมือชายหนุ่มขึ้นมาแนบหน้าท้องที่ยังแบนราบของเธอแทนการตอบคำถาม เพียงแค่นั้นก็เรียกเสียงฮื
และแล้วในที่สุดวันนี้ก็มาถึง…..วันที่เขาและเธอแต่งงานกัน ภาพวันแต่งงานที่เธอเคยวาดฝัน งานแต่งงานเล็ก ๆ ที่เธออยากมีตอนนี้มันเกิดขึ้นจริง ๆ แล้ว และภาพพวกนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าชายหนุ่มไม่กลับมา และเธอไม่กลับไป ต้องขอบคุณเขาที่พยายามง้อขอเธอคืนดี ต้องขอบคุณเธอที่ยอมให้โอกาสเขา ภาพวันนี้จึงได้เกิดขึ้น งานแต่งงานของพีรภัทรกับกันตาเป็นเพียงงานแต่งงานเล็ก ๆ ริมทะเล ที่มีเพียงครอบครัวชายหนุ่ม ครอบครัวเธอและเพื่อน ๆ ของทั้งสองคนเท่านั้น ถึงแม้ว่าครอบครัวของกันตาจะเป็นคนมีหน้ามีตาทางสังคมก็ตามแต่หญิงสาวก็ไม่เคยคิดอยากจัดงานแต่งงานให้ใหญ่โต ซึ่งพ่อแม่ของเธอก็ไม่ได้ว่าอะไร ออกแนวตามใจลูกสาวเสียด้วยซ้ำ อะไรที่ลูกว่าดี ลูกต้องการจะทำ พ่อแม่ของหญิงสาวก็พร้อมซัพพอร์ตเสมอ กันตายืนมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกมากล้น ดวงหตาปริ่มไปด้วยหยาดน้ำสีใส เธอมองทุกคนที่กำลังพูดคุยหัวเราะยิ้มกันอย่างมีความสุข ด้วยความสุขใจ ก่อนที่เธอจะรับรู้ถึงแรงโอบรัดจากทางด้านหลัง “เฮียเดินตามหาหนูตั้งนานที่แท้ก็มายืนอยู่ตรงนี้นี่เอง ว่าแต่หนูมองอะไรอยู่เหรอคะ” พีรภัทรเอียงคอถามหญิงสาวในอ้อมอกที่เพิ่งเลื่อนขั้นจ
นับตั้งแต่วันที่กันตาตัดสินใจย้ายมาอยู่กับพีรภัทรนี่ก็ผ่านมาสองเดือนกว่า ๆ แล้ว และอีกไม่กี่วันข้างหน้าที่จะถึงนี้….ก็เป็นวันแต่งงานของเธอกับเขาแล้ว หลังจากที่พีรภัทรออกจากโรงพยาบาลได้ไม่นาน กันตากับพีรภัทรก็จูงมือกันไปบอกกับเหล่าผู้ใหญ่ว่าเขาและเธอตัดสินใจที่จะแต่งงานกัน ทั้งครอบครัวของกันตาและพีรภัทรที่ได้ทราบอย่างนั้น ต่างพากันดีใจเป็นอย่างมาก บรรยายกาศภายในครอบครัววันนั้นต่างเต็มไปด้วยความชื่นมื่นและมีความสุขที่เด็กทั้งสองตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ด้วยกันอีกครั้ง เหล่าผู้ใหญ่ยังออกคำสั่งกันตากับพีรภัทรมาว่า ให้ชายหนุ่มขยันทำการบ้าน และให้กันตาปล่อยมีลูกได้แล้ว เหล่าคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย อยากอุ้มหลานเต็มแก่ อยากมีเด็กตัวน้อย ๆ มาเชยชม ทุกคนต่างพากันตื่นเต้นและยินดีกับการตัดสินใจครั้งนี้ของเธอและเขา กันตาตัดสินใจจัดงานแต่งริมทะเล ตามแผนเดิมที่เธอเคยวาดฝันไว้ งานแต่งงานเล็ก ๆ ที่มีแค่คนสำคัญอยู่ในนั้น ซึ่งพีรภัทรเองก็เคารพทุกการตัดสินใจของแฟนสาวไม่คิดเอ่ยคัดค้านหรือโต้แย้งสิ่งใด อะไรที่หญิงสาวต้องการ อะไรที่หญิงสาวทำแล้วมีความสุข พีรภัทรไม่ขัดเธออยู่แล้ว เขามีแต่สนั
กันตาเดินออกมาจากร้านไอศกรีมเตรียมจะเดินกลับไปยังรถของเธอที่จอดอยู่อีกฟากฝั่ง แต่แล้วกันตาก็ต้องชะงักนิ่งงันเมื่อสายตาปะทะเข้ากับร่างสูงโปร่งของพีรภัทร เรียวคิ้วสวยขมวดเข้าหากันมองคนรักอย่างนึกสงสัยว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ก่อนเธอจะออกมาเธอพูดย้ำกับเขาแล้วว่าไม่ให้เขาออกไปไหน ให้เขารอเธออยู่บ้านรอจนกว่าเธอจะกลับไป แล้วเหตุไฉนเขาถึงได้มายืนหน้าสลอนอยู่ที่นี่ “เฮียมาได้ยังไง” “ไอ้กันต์พาเฮียมา” กันตาถึงบางอ้อ เธอยิ้มเจื่อนเดินเข้าไปสวมกอดคนรักซบหน้าลงกับอกแกร่งของพีรภัทรอย่างออดอ้อน เพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะโกรธที่เธอปิดบังเพื่อนของเขาเรื่องของวันใหม่ พีรภัทรยกมือขึ้นลูบแผ่นหลังคนรักเบา ๆ “เฮียโกธรหนูไหม ที่หนูไม่บอกเรื่องวันใหม่กับเฮียกันต์” กันตาถามเสียงอู้อี้ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับพีรภัทรด้วยซ้ำ เธอไม่อยากเห็นสายตาผิดหวังของเขา “เฮียไม่โกรธหรอก เฮียจะโกธรหนูทำไม เฮียเข้าใจ เป็นใครก็ไม่อยากให้เพื่อนต้องเสียใจกับผู้ชายพรรค์นั้น… ว่าแต่หนูรู้มาตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหมว่าวันใหม่หนีไปอยู่ที่ไหน” กันตาผงกศีรษะขึ้นลงในขณะที่เธอยังซบอกของพีรภัทรอยู่ “แล้วเฮียกันต์รู้
พีรภัทรนอนเป็นผักหยอดน้ำเกลืออยู่โรงพยาบาลหนึ่งอาทิตย์รอจนให้ยาฆ่าเชื้อครบในที่สุดวันนี้หมอก็อนุญาตให้เขากลับบ้านได้ ทันทีที่หมอบอกว่าให้กลับบ้านคนที่นอนป่วยมาเนิ่นนานถึงขั้นร้องตะโกนออกมาด้วยความดีใจ ฉีกยิ้มหน้าบานแฉ่งชวนให้คนที่ได้มองเผลอยิ้มตามเขาไปด้วยเลย “เย่ ในที่สุดก็ได้กลับสักที เบื่ออาหารโรงพยาบาลจะแย่อยู่แล้ว” พีรภัทรเอ่ยยิ้ม ๆ พลางเดินเข้ามาสวมกอดแฟนสาวจากด้านหลัง ในขณะที่แฟนสาวกำลังเก็บสัมภาระต่าง ๆ ลงกระเป๋า “อะไรของเฮียเนี่ย” กันตาว่าให้อย่างไม่จริงจังเมื่อคนตัวโตวุ่นวายกับร่างกายของเธอ ใบหน้าหล่อซุกไซ้ซอกคอระหงในขณะที่มือก็ละลาบละล้วงเข้ามาด้านในเสื้อบีบขย้ำหน้าอกอวบอย่างมันส์มือ “คิดถึงร่างกายหนูจัง” พีรภัทรเอ่ยเสียงกระเส่า สูดดมความหอมจากร่างระหงเข้าปอดฟอดใหญ่ กลิ่นหอมจากเรือนร่างของกันตาช่างหอมหวานยั่วยวนชวนหัวใจเขาปั่นป่วนซะเหลือเกิน ความคิดถึงที่มีต่อเรือนร่างของเธอช่างมากล้น เขาอยากตะกองกอด อยากกระแทกกระทั้นอัดลำรักใส่ร่องรักคับแน่นของกันตาให้สมกับความคิดถึงที่มีจะแย่อยู่แล้ว แค่คิดสมองของเขาก็เตลิดไปไกลจนท่อนลำที่อยู่ภายใต้กางเกงโรงพยาบาลผงาดความใหญ
ขณะนี้ภายในห้องพักฟื้นเต็มไปด้วยเสียงเซ็งแซ่ของพวกเฮีย ๆ ที่แห่กันมาเยี่ยมพีรภัทรหลังจากที่รู้ข่าวว่าชายหนุ่มป่วยจนเข้าโรงพยาบาล “กูบอกมึงแล้วว่าอย่าโหม อย่าโหมงานไม่คิดจะฟังกู แล้วเป็นไงไม่ตายคาบ้านคนเดียวก็บุญเท่าไหร่แล้ว” ไคที่เห็นสภาพของเพื่อนรักก็บ่นออกมาด้วยความเป็นห่วง เนื่องจากเขาเคยเตือนพีรภัทรหลายครั้งหลายหนแล้วไม่ให้โหมงานหนัก หาเวลาพักผ่อนให้ตัวเองบ้างแต่พีรภัทรก็ไม่เคยคิดจะฟังกันสุดท้ายเป็นยังไงมานอนเป็นผักเป็นปลาให้น้ำเกลืออยู่โรงพยาบาลจนได้ “บ่นเป็นเมียกูเลยนะมึง” “ถุย ใครอยากไปเมียมึงกันไอ้ควาย แมน ๆ แบบกูเป็นได้แค่ผัวหนูเค้กเท่านั้นแหละ” ไคทำท่าสะอิดสะเอียนใส่พีรภัทรพลางเดินหนีมานั่งกับเมียรักอีกมุมหนึ่งของห้อง ออดอ้อน ออเซาะเมียเด็กโดยไม่อายสายตาของใครที่มองมา พวกเพื่อน ๆ ที่เห็นก็พากันทำหน้าระอาให้กับการกระทำของไค “คบกันมาตั้งหลายปีแล้วเฮียไคยังคลั่งรักอีเค้กไม่เปลี่ยนเลยนะคะ” กันตาที่นั่งปอกผลไม้อยู่เอ่ยแซวออกมาด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นความคลั่งรักของไคที่มีต่อเพื่อนรักของเธอยังเหมือนวันวาน “เปลี่ยนไม่ได้ค่ะ มีแต่เพิ่มขึ้นทุกวัน” ว่าแล้วไคก็หอมแก้มเมียเด็