เมอร์ลีอาร์ คาเลนเซีย เจนนิวีพ
เจ้าหญิงลำดับที่ 3 แห่งราชวงศ์อิตาลี
เจ้าหญิงแห่งคาเลนเซีย
พระนามจริง ไอรีน พระนามแฝง คริส อายุ 25 ปี
น้องสาวต่างมารดาของเจ้าชายเฮนรี่และเจ้าชายฮาเซล เธอถูกรับตัวมาเลี้ยงดูในฐานะของเชื้อพระวงศ์ตั้งแต่ช่วงอายุ 5 ขวบ และปกปิดตัวตนนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เพียงเพราะต้องการใช้ชีวิตแบบคนธรรมดามาตลอด
จนกระทั่งวันหนึ่ง เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวตกหลุมรักคนที่ไม่ควรรัก ถูกปฏิเสธจนทำร้ายตัวเองและเสียสติ เพื่อนของเธอมอบชีวิต ร่างกาย และหัวใจให้ผู้ชายไร้หัวใจ ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลใหญ่ผู้ครอบครองตำแหน่งในสภา และรัฐมนตรีมากมายของประเทศ
การทุ่มเทความรักนำพามาซึ่งความทุกข์ทรมานในชีวิต ผู้ชายไร้ความรู้สึกแบบเขาไม่เคยคิดจะหันมาสนใจ แม้แต่ตัวเธอเองยังถูกมองว่าเป็นเพียงผู้หญิงที่ตามตื๊อเขาไม่ต่างจากเพื่อน
จนในที่สุดความอยากเอาชนะ สยบผู้ชายที่ทนงตัวว่าเหนือกว่าเธอและขึ้นอยู่เหนือเขาอย่างแท้จริง จึงจำเป็นให้ต้องเปิดเผยตัวตนเพียงคำพูดของเขาที่ว่า 'มีเพียงราชวงศ์เท่านั้นที่จะอยู่เหนือเขาได้' ในเมื่อเขาเสนอเธอก็สนองให้ทันที...
"เคารพฉันสิ นี่เจ้าหญิงไอรีน คนที่เป็นเจ้าของนายไง...ผู้หญิงที่เขียนชื่อลงบนร่างกายนายน่ะก็คือฉันเอง"
สเตฟาน คาร์พาเธีย
อายุ 28 ปี
ทายาทเพียงคนเดียวตระกูลใหญ่ ตระกูลเก่าแก่ที่อยู่รองจากราชวงศ์ คนไร้ความรู้สึก ไม่เคยรักใครในสายตาของคนรอบตัว แต่ความจริงแล้วเขาไม่สามารถเอาใครเข้ามาแทนที่เธอได้ เพื่อนสนิทที่แอบรักมาตั้งแต่วัยเด็ก
แต่แล้ววันหนึ่งที่ตัวเขาลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับร่างกายที่ถูกผูกพันธะจากหนึ่งในเชื้อพระวงศ์ และตกเป็นของเธออย่างไม่สามารถหลุดหนีไปได้เลย เจ้าหญิงไอรีนหญิงสาวเพียงคนเดียวที่เขาเรียกเธอว่า 'ยายโรคจิต'
ขำขู่ของเธอที่เขาไม่สามารถขัดคำสั่งได้ และทุกคืนที่ต้องอยู่ร่วมกัน เขาต้องควบคุมตัวเองให้ผ่านพ้นไปอย่างยากลำบาก เมื่อเธอเห็นเขาเป็นของเล่นส่วนตัว ความรู้สึกของผู้ชายที่ถูกปลุกปั่นจนทำให้เขาแทบจะเป็นบ้า
"ยายเจ้าหญิงโรคจิต...ใช้ยากับฉันอีกแล้วนะ"
INTRO
ตึก ตึก ตึก
เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นดังขึ้นภายในคฤหาสน์ประจำตระกูลคาร์พาเธีย ร่างบางก้าวเดินผ่านบอดีการ์ดประจำของที่นี่ไปได้อย่างง่ายดาย ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ หรือแตะต้องตัวเธอ หญิงสาวผู้ครองหนึ่งในตำแหน่งสูงของราชวงศ์อิตาลี
กริ๊ก! แอ๊ด!
มือเล็กเอื้อมจับลูกบิดประตูแล้วดันเปิดทันทีโดยที่ไม่ขออนุญาต สายตาจ้องมองไปยังร่างสูงกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงขนาดใหญ่ บนตัวของเขามีหญิงสาวชุดเดรสรัดรูปนั่งคร่อมอยู่
แปะ แปะ แปะ!
เสียงปรบมือดังขึ้นพร้อมกับเท้าเรียวก้าวเดินเข้ามาในห้อง หญิงสาวบนเตียงสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ ซึ่งฉันไม่ได้ให้ความสนใจผู้หญิงคนนั้นแม้แต่นิด เพราะเป้าหมายคือผู้ชายที่ใช้สายตาเบื่อหน่ายมองมาที่ทางนี้ต่างหาก
“ไง...” เสียงกล่าวทักของฉันยิ่งทำให้อีกฝ่ายแสดงความรำคาญออกมาอย่างชัดเจน
“ไม่ต้องสนใจเธอหรอกครับ” สเตฟานยกมือกุมสะโพกอวบเอาไว้ให้นั่งทับกลางลำตัวเขาไว้เช่นเดิม แล้วบังคับโยกสะโพกของเธอบดเบียดกับกลางลำตัว
“อะ อื้อ!” เสียงหลุดคราง
"แบบนั้นแหละครับเด็กดี"
พึ่บ!
ข้างเตียงยุบลงตามน้ำหนักตัวที่นั่งลง ไอรีนเอื้อมมือมาโอบกุมหน้าอกทั้งสองข้างจากด้านหลังแล้วออกแรงบีบ ใบหน้าสวยวางปลายคางลงบนไหล่เล็ก แต่สายตาของเธอกลับจ้องไปยังผู้ชายที่นั่งอยู่
“ฉันจะนับหนึ่งถึงสามเธอต้องออกให้พ้นจากที่นี่ หรือจะเชื่อมั่นในตัวผู้ชายตรงหน้าก็ได้นะว่าเขาจะปกป้องเธอได้ อ้อ! ลืมแนะนำตัวฉันเจ้าหญิงลำดับที่สามแห่งราชวงศ์อิตาลีค่ะ ผู้ที่สามารถทำให้คุณหายไปอย่างไร้ร่องรอย และลบประวัติของคุณได้เพียงภายในหนึ่งนาที”
พึ่บ!
สิ้นเสียงคำเตือนหญิงคนนั้นก็ยันตัวถอยห่างออกแล้ววิ่งหนีออกไปจากห้องทันที สายตาของสเตฟานจ้องมองมาที่หญิงสาวผู้ครอบครองตัวเขา เจ้าหญิงไอรีน
ปึง!
เสียงประตูปิดดังลั่น และเมื่อผู้หญิงคนนั้นออกไปแล้ว ภายในห้องจึงเหลือเพียงเราสองคนเท่านั้น
“จัดการตัวเองให้เรียบร้อยภายในห้านาที” พูดจบร่างบางก็ลุกขึ้นยืน แต่ก็ถูกมือของสเตฟานเอื้อมมาจับเอาไว้ซะก่อน
หมับ!
“เก่งจังเลยนะ แต่หมายถึงปาก” เขาออกแรงดึงตัวเธอให้ขยับเข้าไปใกล้
“ขอบคุณที่ชม ฉันปากเก่งมานานแล้ว หรือว่าจะห้ามไม่ให้ฉันพูดเหรอ” คนถูกดึงพยายามยื้อตัวเอาไว้ และแน่นอนว่าแรงที่น้อยกว่าย่อมแพ้
หมับ!
ไอรีนถูกกระชากไปซบลงบนอกกว้าง มือข้างหนึ่งถูกสเตฟานจับเอาไว้แล้วเลื่อนกุมกลางลำตัว ส่วนกายแข็งหลบซ่อนอยู่ภายในเขากุมมือเธอไว้ไม่ให้ขยับหนี
“ปากคนเรามันห้ามกันไม่ได้ แต่มันทำให้แตกได้” พูดจบริมฝีปากแดงยกยิ้มมุมปาก แต่สายตาเขากลับเลื่อนมองไปยังจุดที่มือเล็กกุมเอาไว้ ไอ้สิ่งที่พูดกับสิ่งที่ต้องการมันไปกันคนละความหมาย
“คุกเข่าต่อหน้าฉันสิ” ร่างบางโน้มหน้าเข้าไปใกล้
“ถ้าคุกเข่าต่อหน้าเธอ ด้วยส่วนสูงของฉันมันจะอยู่พอดีปากเลยนะ” ทุกอย่างที่เขาสื่อไปคนละความหมายที่ฉันพูด ไม่แปลกใจที่ทำไมเพื่อนของฉันถึงหลงเขามาก ก็ไอ้บ้านี่...เกินจะรับมือไหว
——————✧◦♚◦✧——————
“อย่าพูดแบบนี้นะคะพี่สเตฟาน รู้สึกเหมือนจะอ้วกอยู่ตลอดเวลาเลยค่ะ” รอยยิ้มของหญิงสาวตรงหน้ายียวนจนน่าหมั่นไส้“ขนาดรู้สึกจะอ้วกยังพาติดตัวตลอดเวลาขนาดนี้ การกระทำกับคำพูดสวนทางกันจังเลยนะครับไอรีน” สเตฟานตั้งใจเรียกชื่อของอีกฝ่าย เพราะรู้ว่าฉันไม่ชอบเสียงของเขาเวลาเอ่ยชื่อตัวเอง“จะแปลกอะไรล่ะ มันก็เหมือนพกหมากระเป๋าติดตัวนั่นแหละ”“ขาดไม่ได้จนต้องให้อยู่ใกล้ตลอดเวลา คลั่งรักอะไรขนาดนี้ครับ หรือมีปมในชีวิตทำให้ขาดผู้ชายไม่ได้” ต่างฝ่ายต่างตั้งใจให้อีกคนถูกมองไปในทางที่แย่ แต่ดันไม่มีใครยอมใคร“ปากเก่งขนาดนี้ทำไมหลุดออกไปจากฉันไม่ได้ล่ะ อ๋อ ลืมไปเลยก็เพราะ...” นิ้วเรียวชี้ไปยังคนตัวสูงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ความหมายที่จะสื่อเตือนสมองนิ่ม ๆ ของเขาคือ ชื่อของฉันที่อยู่บนตัว“หุบปาก” สเตฟานพูดขึ้นก่อนที่ฉันจะได้พูดอะไรไปมากกว่านี้พึ่บ!ร่างสูงลุกขึ้นยืนสายตายังคงจับจ้องมาที่ฉัน ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องผ่านสายตาทุกคนออกไปทันที ว่านอนสอนง่ายแบบนี้ตั้งแต่แรกก็จบ ชอบให้ฉันพูดมากทุกครั้งเลยพึ่บ!ตึก ตึก ตึกร่างบางลุกขึ้นจากโซฟาเช่นกัน แต่แทนที่จะเดินออกจากห้องไปทันทีฉันกลับเดินเข้าไปหยุดยืนตร
(ปัจจุบัน)นัยน์ตาเฉี่ยวจ้องมองรูปปั้นเทพพระเจ้ากรีกโบราณผ่านเลนส์กล้อง แม้เธอจะให้ความสนใจไปที่รูปปั้นตรงหน้า แต่ก็รู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่าสายตาคนรอบข้างกลับให้ความสนใจมาที่เธอหญิงสาววัยอายุ 25 ปี ผมยาวสีดำตรงถึงสะโพก ใบหน้าสวยคมเอกลักษณ์เด่นของตัวเองคือไฝใต้ตาขวา บางมุมมันก็ทำให้ใบหน้าของเธอสวยหวานชวนหลงใหล บางมุมสวยดุจนผู้ชายหลายคนอยากเข้ามาท้าทาย แต่สถานะที่เมื่อใครได้รับรู้ก็ต้องถอยห่างทำให้ผู้คนทั่วไปจึงทำได้เพียงมองแชะ แชะ แชะเสียงกดชัตเตอร์บันทึกภาพดังขึ้นเป็นจังหวะ สองเท้าก้าวเดินวนรอบรูปปั้นและกดบันทึกภาพไปด้วย อีรอสหรืออีกชื่อคิวปิดเทพพระเจ้าแห่งความรัก ภาพจำของใครหลายคนก็คือเทวดาตัวน้อยมีปีกสีขาวคอยยิงศรให้คนตกหลุมรักกันแต่สักกี่คนจะรู้ว่าเทพพระเจ้าตัวน้อยมีศรสองแบบ หนึ่งศรทำให้ตกหลุมรัก หนึ่งศรทำให้เกลียดกัน แม้แต่ในตำนานความรักของเทพพระเจ้าเองก็ยังมีอุปสรรค แล้วเราจะคาดหวังให้มีรักที่สมหวังตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันไปทำไมในเมื่อเทพเจ้าแห่งความรักยังทำมันไม่สำเร็จ“เจ้าชายมาถึงแล้วครับ” เสียงผู้ดูแลเอ่ยขึ้น แต่หญิงสาวก็ยังคงให้ความสนใจไปที่รูปปั้นตรงหน้ามากกว่าบุคคลระดับสูง
“เสียมารยาทจังนะครับ เจ้าของห้องยังไม่อนุญาตให้เข้าเลย” เสียงของชายผู้เป็นเจ้าของห้องดังทักท้วงขึ้น ทำเอาทุกคนหยุดชะงัก แม้แต่ตัวฉันเอง“...” ร่างบางหันกลับไปมอง“แล้วก็เอาคนบุกเข้ามาห้องคนอื่นขนาดนี้ เขาไม่ได้สอนมารยาทให้เด็กกำ อ้อ ไม่ใช่สิ...เจ้าหญิง” ตั้งใจด่ากันเลยนี่หว่า แต่เราก็ตั้งใจด่ากันมาตั้งแต่แรกแล้ว“ทุกคนออกไปรอข้างนอก” เมื่อได้ยินคำสั่งของฉัน สเตฟานยิ้มมุมปาก ส่วนคนอื่นหันกลับมามองด้วยความตกใจ“พวกเราไม่สามารถปล่อยให้เจ้าหญิงอยู่กับผู้ชายในเวลาแบบนี้โดยไร้การดูแลได้ครับ” หัวหน้าผู้ดูแลพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด“ไม่เป็นอะไร คุณสเตฟานเขาไม่ทำอะไรเราหรอก” ยิ้มฝีปากบางฉีกยิ้ม สายตายังคงจ้องมองกันและกัน“แต่...” ผู้ดูแลที่ยังเป็นกังวลพยายามจะพูดต่อ แต่เสียงของสเตฟานแทรกขึ้นมาซะก่อน“ผมไม่สิ้นคิดทำอะไรเจ้าหญิงหรอกครับ” ฉันล่ะชอบปากหมอนี่จริง ๆ ไม่ทำให้รู้สึกเบื่อดี“ช่วยสุภาพกับเจ้าหญิงด้วยครับคุณสเตฟาน” ผู้ดูแลกล่าวตักเตือนเขา แต่อีกฝ่ายก็ดูจะไม่ได้สนใจในคำเตือน“ผมพูดผิดตรงไหนล่ะ ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือเจ้าหญิงนะครับ ถ้าทำอะไรเธอผมก็แย่สิ” ปากพูดแบบนั้น แต่เชื่อเถอะในใจเ
ปึง!ประตูรถปิดลงทั้งสองฝั่งพร้อมกัน วันนี้ฉันถูกพากลับพร้อมพี่เฮนรี่ จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นทำให้ต้องเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง ทุกเรื่องที่รู้ ทุกเรื่องที่เกิดขึ้น ระหว่างสเตฟานกับลัลลาเบล แต่ยกเว้นเรื่องที่ตัวเองเข้าไปที่คลับเพราะไม่อยากให้พี่เฮนรี่เป็นห่วงไปมากกว่านี้“แน่ใจแล้วใช่มั้ยว่าเป็นเขา” เสียงทุ้มเอ่ยถามพร้อมกับหักเลี้ยวพวงมาลัยรถขับวนลงจากตึกจอด“ถ้าไม่ใช่เขาจะเป็นใคร เพื่อนของไอรีนมีผู้ชายที่ชอบอยู่แค่คนเดียว”“พี่ถึงถามนี่ไงว่าแน่ใจใช่มั้ย เพราะภาพนั้นถูกส่งเข้าสู่เมลนักศึกษาทั้งมหา’ลัยนะ แล้วพี่ก็เห็นว่าไม่ได้มีผู้ชายแค่คนเดียว”“เข้าข้างผู้ชายด้วยกันเองหรือเปล่าเนี่ย”“ไม่ใช่สักหน่อย” พี่เฮนรี่หันมาสบตา“มองน้องแบบนี้หมายความว่ายังไง”“ก็ที่รู้มานะ สเตฟานไม่มีทางคบผู้หญิงคนไหน และไม่มีทางพาเรื่องแบบนี้เข้ามาหาตัวเองแน่นอน ระดับคาร์พาเธียไม่ปล่อยอะไรโง่ ๆ แบบนี้หรอก”“ครั้งนี้อาจจะเล่นสนุกจนลืมนึกถึงผลที่ตามมาก็ได้”“ไม่มีทาง สเตฟานชอบเฮเลนผู้ดูแลพิเศษของไอรีนไง เขาไม่มีทางพลาดเรื่องแบบนี้ให้ตัวเองดูไม่ดี”“ชอบพี่เฮเลน?” ถึงว่าสิ น้ำเสียงเวลาคุยกับพี่เฮเลน ทั้งตอนที่รับโทร
ณ ห้องสมุดมหา’ลัยผ่านเหตุการณ์นั้นมาหลายอาทิตย์ลัลลาเบลก็ยังไม่ยอมกลับมาเรียน เราทั้งคู่ทะเลาะกันรุนแรงเพราะฉันเข้าไปวุ่นวายชีวิตเธอเกินหน้าที่ของเพื่อนทำให้เราต่างห่างกันออกไป ฉันพยายามติดต่อเธอทุกทาง แต่ก็ไร้ความหมาย“เพื่อนล่ะคะ” พี่เฮเลนนั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามถามขึ้น“ยังไม่กลับมาเรียนเลยค่ะ”“ไม่ใช่ความผิดของ...” พี่เฮเลนเหมือนจะยังไม่ชินกับการเรียกชื่อแฝงของฉันเฉย ๆ“คริสค่ะ”“ไม่ใช่ความผิดของคริสเลยนะคะ การที่เราเป็นห่วงเพื่อนที่หลุดเข้าไปวงโคจรแบบนั้น” พี่เฮเลนรู้ว่าฉันเป็นกังวลกับเรื่องนี้ จึงคอยเข้ามาปลอบใจอยู่บ่อยครั้ง“ค่ะ เดี๋ยวสักวันมันก็ดีขึ้นแหละ พวกเราเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว ก็มีงอนกันบ้างตามประสาผู้หญิง พี่เฮเลนเคยเป็นมั้ยคะ”“ประจำค่ะ พวกพี่ทะเลาะกันเองเวลาว่าง ๆ ก็มี”“น่ารักจังเลยนะคะ” มีทะเลาะกันเวลาว่างด้วย“พี่ไม่รบกวนเวลาแล้ว ขอตัวไปเรียนก่อนนะคะ” พี่เฮเลนลุกขึ้นยืนแล้วส่งยิ้มหวานมาให้“บ๊ายบายค่ะ” มือเล็กยกขึ้นโบกไปมา มองตามแผ่นหลังของหญิงสาวที่เดินออกจากห้องสมุดไปฉันหันกลับมาสนใจงานในโน้ตบุ๊กของตัวเองต่อ นิ้วเรียวเลื่อนคลิกหน้าจอเว็บของมหา’ลัยขึ้นมา แต่จู่ ๆ
ร่างบางกวาดสายตามองไปรอบห้อง ไม่ใช่แค่คู่ของลัลลาเบลที่มีพฤติกรรมแบบนี้ อีกหลายคู่ที่นัวเนียเข้าหากันโดยไม่สนใจว่าใครจะมอง แต่สิ่งที่สะดุดตาฉันมากที่สุดก็เห็นจะเป็น อุปกรณ์เสพสิ่งเสพติดที่วางเกลื่อนกลาดอยู่บนโต๊ะ“เธอเป็นเพื่อนของเด็กนี่เหรอ” เสียงของคนที่ฉันพึ่งด่าเขาไปถามขึ้น เรียกสติให้กลับมา“ลัลลาเบล เรากลับกันเถอะ” ฉันไม่สนใจคำถามของสเตฟานรีบเดินเข้าไปดึงแขนเพื่อนตัวเองออกจากผู้ชายคนนั้นหมับ! ยังไม่ทันจะเข้าถึงตัวเพื่อน ข้อมือเล็กก็ถูกกระชากเต็มแรงจากผู้ชายตัวสูง“อย่าเมินคำถามฉัน” สเตฟานกดเสียงต่ำ สายตาดุจ้องมองหน้า“ไม่รู้ก็คงไม่ตายใช่มั้ย”“...” เมื่อได้รับคำตอบทำเอาสายตาของเขาเปลี่ยนไปทันที โมโหสินะ“หรือจะตายที่ไม่ได้รู้ก็บอก ฉันจะได้เล่าให้ฟังว่าตัวเองเป็นใครแล้วคุณจะได้ไปตายซะ” ข้อมือเล็กพยายามดึงออกจากมือหนา แต่แรงบีบที่ข้อมือแรงขึ้นจนร่างบางแสดงสีหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด“นี่มันคริส เด็กกำพร้าตระกูลที่ควีนมาเรียรับมาเลี้ยงนี่” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น ฉันก็ดังพอตัวเลยนะเนี่ย“ก็แค่เด็กกำพร้า...แต่เป็นเด็กกำพร้าที่ปากดีดี” สายตาดูถูกของผู้ชายตรงหน้ายิ่งทำให้ฉันรู้สึกเ