วันต่อมา
“เราไปก่อนนะ ไว้เจอกัน!” ลัลลาเบลโบกมือลา แล้วตรงไปยังรถของทางบ้านที่มาจอดรอ
“ขอให้สนุกนะ” มือเล็กยกขึ้นโบกลาเพื่อน คืนนี้ลัลลาเบลต้องไปงานปาร์ตีนั่นสินะ ในใจก็ได้แต่อวยพรให้เพื่อนตัวเองสมหวังนั่นแหละ
ร่างบางหันหลังเดินตรงไปทางด้านหลังของมหา’ลัย เพื่อไปขึ้นรถกลับบ้านอย่างทุกวัน เส้นทางที่ให้รถจอดรอเป็นจุดพิเศษที่ทางมหา’ลัยปิดเอาไว้สำหรับฉัน ตลอดทางเดินจึงมีเพียงความเงียบและเสียงใบไม้พัดตามแรงลมเท่านั้น
“อ่า...”
กึก!
สองเท้าหยุดก้าวเดินแล้วหันมองไปรอบตัว ผีเหรอ หรืออะไร หรืองู แต่เสียงเหมือนเสียงคนมากกว่า แต่นี่มันกลางวันอยู่เลยนะ ผีที่ไหนจะออกมา ฉันหยุดความคิดตัวเองและก้าวเท้าจะเดินต่อ แต่ทุกอย่างก็หยุดนิ่งไปเมื่อเสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง
“พ พี่ฟานคะ อื้อ!”
เสียงผู้หญิงเรียกชื่อใครบางคน และเสียงครางนั่นทำให้คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยนอกจากกิจกรรมเข้าจังหวะ เฮ้อ! เรื่องปกติของวัยนี้ที่ชอบอะไรตื่นเต้นใช่มั้ย
“พี่สเตฟานคะ อ๊ะ...” เดี๋ยว...สเตฟานงั้นเหรอ
ฉันหันมองไปรอบตัวเพื่อหาจุดที่เสียงนั้นดังมา สเตฟาน...จะใช่เขามั้ยนะ แล้วมาทำอะไรผู้หญิงในที่แบบนี้ สองเท้าก้าวเดินขยับเข้าไปใกล้ซอกระหว่างอาคาร
กึก!
กรุ้งกริ้ง ~
จ้อง ~
แต่ยังไม่ทันจะเข้าไปใกล้มานัก สองเท้าต้องหยุดยืนนิ่งอยู่กับที่ แมวเหมียวตัวน้อยเดินออกมาจากมุมอาคาร หยุดหันมองสบตากับฉันขนาดนี้เป็นใครก็ต้องรู้ว่ามันกำลังสนใจอะไรอยู่
เมี้ยว ~
เสียงร้องของแมวตัวน้อยดังไปทั่วบริเวณ ยังไม่จบเพียงเท่านั้นเมื่อมันกำลังเดินเข้ามาหา ความอยากรู้อยากเห็นหายไปทันที การโดนจับได้ที่มาใช้เส้นทางนี้ไม่สนุกแน่ อุตส่าห์ปิดตัวเองมาได้ตั้งนาน ช่างเถอะสเตฟานไม่ได้มีแค่คนเดียวสักหน่อย
บางทีเขาอาจจะสนใจลัลลาเบลจริงก็ได้ คงไม่มาทำเรื่องอะไรแบบนี้กับผู้หญิงคนอื่น เมื่อคิดได้เช่นนั้นร่างบางหันหลังเพื่อเดินไปยังหลังมหา’ลัย แต่เหมือนพระเจ้าจะกลั่นแกล้ง เพราะเจ้าแมวตัวน้อยยังคงเดินตามหลังมาไม่ห่าง
เมี้ยว ~
เจ้าแมวนี่เสียงดีจริง แล้วยังจะเดินตามฉันมาอีก
เมี้ยว ~ เมี้ยว ~ เมี้ยว ~
“เสียงดีจริง ไปด้วยกันเลย” เดินตามไม่หยุดขนาดนี้อยากไปอยู่กันด้วยละสิ
ฉันหันกลับไปทางแมวตัวน้อยแล้วก้มอุ้มเธอขึ้นมาไว้ในอ้อมอกและในจังหวะที่เงยหน้าขึ้นกลับมายืนหลังตก สายตาก็เห็นกับเท้าคู่หนึ่งเดินออกมาจากซอกตึก
“...” ฉันรีบหันหลังกลับทันที และทำเป็นมองไม่เห็น
“เดี๋ยว...” เสียงผู้หญิงร้องทัก แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
เมี้ยว ~ แมวในอ้อมแขนร้องทักแล้วเงยหน้าขึ้นมอง
“...” นี่ก็ร้องเก่งจริง
“ไม่มีหูหรือไงถึงเรียกแล้วไม่ได้ยิน” เสียงของเธอแสดงถึงความไม่พอใจที่ถูกเมิน
“เรียก...เหรอคะ” ฉันหันหลังกลับไปทางเธอแล้วชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“...” ผู้หญิงกอดอกมองฉัน
“...” แต่ความสนใจตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่เธอเลยสักนิด รอยแดงที่ต้นคอนั่น...
ติ้ด! ติ้ด!
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นไม่ใช่ของฉัน และไม่ใช่ของผู้หญิงตรงหน้าแน่ เพราะมันดังมาจากบริเวณข้างตึก และไม่ต้องสงสัยนาน เมื่อร่างสูงก้าวเดินออกมาพร้อมกดรับโทรศัพท์
“เฮเลนอยู่ที่ไหน เดี๋ยวเราเดินไปหา” เขาเดินคุยโทรศัพท์ผ่านเราทั้งคู่ไปโดนไม่คิดจะหันมามอง ผู้ชายคนนั้น...สเตฟาน ผู้ชายที่ลัลลาเบลแอบรัก มาทำอะไรกับผู้หญิงที่นี่
“อย่าคิดจะสนใจเขาเด็ดขาด” ผู้หญิงตรงหน้าพูดขึ้นทันทีที่เห็นว่าฉันมองตามหลังเขา
“...” แค่มองก็คิดว่าสนใจแล้วเหรอ โคตรไร้สาระเลย
“เอางี้...” เธอเดินเข้ามาใกล้แล้วส่งยิ้มหวานให้
“...”
“ดูจากการแต่งตัวเชย ๆ นี่น่าจะเป็นรุ่นน้องฉันใช่มั้ย เรียนปีไหน” เชยเหรอ ก็มาเรียนต้องให้แต่งยังไงยะ
“ปีหนึ่งค่ะ”
“พี่ชื่อเอวา แล้วผู้ชายคนนั้นชื่อสเตฟาน”
“...” บอกทำไม ฉันถามเธอตอนไหน
“เราพึ่งมีอะไรกันในห้องชมรมเก่า เอาไปเล่าให้เพื่อนฟังได้นะ ใคร ๆ ก็รู้จักสเตฟานกันทั้งนั้น”
ฉันเข้าใจสิ่งที่เธอต้องการละ อยากให้เอาไปพูดต่อทั่วมหา’ลัยสินะ อยากเปิดเผยความสัมพันธ์ แต่ฝั่งนั้นคงไม่อยากให้ใครรู้ หรือเขาก็ไม่ได้สนเธอตั้งแต่แรก
“ขอบคุณที่แนะนำตัวให้รู้จักโดยที่ยังไม่ได้ถามนะคะ” พูดจบก็ส่งยิ้มแล้วหันหลังกลับเดินไปหลังมหา’ลัยทันที
“เดี๋ยว! ทางนั้นเขาห้ามเดินผ่านนะ จะไปทำอะไร” จะอยากรู้อะไรมากมายเนี่ย!
พึ่บ! แมวตัวน้อยถูกชูขึ้นเหนือหัว สองเท้าก้าวเดินไปข้างหน้า
“เอาน้องแมวไปคืนค่ะ!” น่ารำคาญ
เมื่อหลุดออกจากสายตาของผู้หญิงคนนั้นได้แล้ว ก็แอบเดินมาจนถึงทางออกข้างหลังมหา’ลัยรถสีขาวจอดรออยู่นานแล้ว ถึงจะเคยขออนุญาตที่จะเดินทางกลับเองด้วยรถประจำทางไปแล้ว แต่แม่ก็ไม่ยอมอยู่ดี
ปึง!
“สวัสดีค่ะคุณรุสโซ” เสียงหวานกล่าวทักทายคนขับรถของตนเองหลังจากขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว
“ยินดีต้อนรับกลับครับเจ้าหญิง” รอยยิ้มของผู้ใหญ่ใจดีถูกส่งมาให้ แต่เขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นเข้ากับเจ้าตัวเล็กที่อยู่บนตัก
“อ้อ น่ารักมั้ยคะ” เจ้าแมวตัวน้อยถูกชูไปตรงหน้า
“มอมแมมเชียว สงสัยเราต้องพาเจ้าตัวเล็กไปตรวจสุขภาพกันก่อนจะเอากลับไปที่พักนะครับ”
“คุณรุสโซใจดีจังเลยค่ะ” พวกเขาไม่เคยขัดใจ หรือดุว่าสิ่งที่ฉันทำ กลับกันยังตามใจเอามาก ๆ ซะด้วย
“สำหรับเจ้าหญิงผมยินดีเสมอครับ” พูดจบรถยนต์ก็เคลื่อนตัวออกไปทันที
แต่เรื่องราวเมื่อกี้ล่ะ...เรื่องของผู้ชายคนนั้น ถ้าฉันบอกลัลลาเบลไปเธอจะเชื่อมั้ยนะ แต่ที่ผ่านมาเพื่อนของฉันก็รู้มาตลอด งั้น...เล่าให้ฟังต่อหน้าดีกว่า ถือว่าเป็นการเตือนแล้วกันนะ
เมี้ยว ~
“เสียงดีจังเลยเราเนี่ย ร้องจนได้เรื่อง” ฉันพูดกับเจ้าตัวน้อยแล้วส่งยิ้มให้มัน ตั้งชื่อว่าอะไรดีนะ ~
วันต่อมา
‘Lullabelle: พึ่งตื่นขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้ไปเรียน ไว้เจอกัน’
ข้อความของลัลลาเบลถูกส่งมาในเวลา 14.30 น. เหมือนว่าเธอจะพึ่งตื่น คงเป็นผลจากปาร์ตีเมื่อคืน ก็อยากจะรู้ว่าพวกเขาเป็นยังไง แต่การรบกวนเธอในตอนนี้ก็คงไม่เหมาะเช่นกัน เอาไว้เจอหน้าก็แล้วกัน
“คริส” เสียงเรียกของเพื่อนร่วมห้องดังขึ้น
“อะไรเหรอ” ฉันหันมองไปตามเสียงเรียก ผู้หญิงสองคนเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ข้างฉันประกบซ้ายขวา
“ลัลลาเบลไม่มาเรียนเหรอ”
“อื้อ เห็นว่าไม่ค่อยสบายน่ะ” นี่พยายามช่วยแก้ตัวให้อย่างดีที่สุดแล้วนะเนี่ย มือเล็กเปิดโน้ตบุ๊กขึ้นเพื่อเตรียมตัวเรียน
“เพื่อนเธอบอกว่าแบบนั้นเหรอ”
“หมายความว่ายังไง” ฉันถามกลับไปในขณะที่ตัวเองสนใจไปที่หน้าจอ
“ไม่มีอะไร อาจารย์มาแล้วเรียนเถอะ” พูดจบทั้งคู่ก็ลุกกลับไปนั่งที่ของตัวเองทันที บางทีฉันคงต้องทำตัวอยากรู้อยากเห็นเรื่องคนอื่นแบบคนในมหา’ลัยบ้างแล้วแหละ
3 วันต่อมา
ปึก!
จู่ ๆ ลัลลาเบลก็ปิดโน้ตบุ๊กของตัวเองลงแล้วรีบเก็บของ ทำทีจะลุกออกจากห้องไปทั้งที่ยังอยู่ในคาบเรียน
หมับ!
“จะไปไหน” ฉันดึงแขนเธอเอาไว้แล้วกระซิบถาม
“เดี๋ยวเรามา โอ๊ะ! ไม่ใช่สิอาทิตย์หน้าเจอกัน”
“คาบเรียนพึ่งเริ่มเองนะ แล้วหายไปตั้งสามวัน พึ่งกลับมานี่ก็จะไม่เรียนอีกแล้ว” ลัลลาเบลดูลุกลี้ลุกลน ยิ่งฉันถามมาก เธอยิ่งแสดงอาการไม่พอใจ
“คริส...เดี๋ยวเรามา ไม่ต้องถามเยอะ” พูดจบเธอก็เดินออกจากห้องเรียนโดยไม่สนใจสายตาของทุกคนเลยสักนิด แต่เพราะที่นี่มีแต่ทายาทบุคคลสำคัญจากทั่วโลกเข้าเรียน อาจารย์จึงได้แต่มอง ไม่กล้าพูดอะไรออกมาทั้งนั้น
เธอหายไปสามวันหลังจากงานปาร์ตี กลับมาตั้งแต่เช้าก็เอาแต่พูดเรื่องปาร์ตีนั่นไม่หยุด ฉันเลยไม่มีโอกาสจะได้พูดสิ่งที่ตัวเองเจอมาเลย หรือบางทีพูดออกไปเธอก็คงไม่สนใจมันด้วยซ้ำ
“อย่าพูดแบบนี้นะคะพี่สเตฟาน รู้สึกเหมือนจะอ้วกอยู่ตลอดเวลาเลยค่ะ” รอยยิ้มของหญิงสาวตรงหน้ายียวนจนน่าหมั่นไส้“ขนาดรู้สึกจะอ้วกยังพาติดตัวตลอดเวลาขนาดนี้ การกระทำกับคำพูดสวนทางกันจังเลยนะครับไอรีน” สเตฟานตั้งใจเรียกชื่อของอีกฝ่าย เพราะรู้ว่าฉันไม่ชอบเสียงของเขาเวลาเอ่ยชื่อตัวเอง“จะแปลกอะไรล่ะ มันก็เหมือนพกหมากระเป๋าติดตัวนั่นแหละ”“ขาดไม่ได้จนต้องให้อยู่ใกล้ตลอดเวลา คลั่งรักอะไรขนาดนี้ครับ หรือมีปมในชีวิตทำให้ขาดผู้ชายไม่ได้” ต่างฝ่ายต่างตั้งใจให้อีกคนถูกมองไปในทางที่แย่ แต่ดันไม่มีใครยอมใคร“ปากเก่งขนาดนี้ทำไมหลุดออกไปจากฉันไม่ได้ล่ะ อ๋อ ลืมไปเลยก็เพราะ...” นิ้วเรียวชี้ไปยังคนตัวสูงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ความหมายที่จะสื่อเตือนสมองนิ่ม ๆ ของเขาคือ ชื่อของฉันที่อยู่บนตัว“หุบปาก” สเตฟานพูดขึ้นก่อนที่ฉันจะได้พูดอะไรไปมากกว่านี้พึ่บ!ร่างสูงลุกขึ้นยืนสายตายังคงจับจ้องมาที่ฉัน ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องผ่านสายตาทุกคนออกไปทันที ว่านอนสอนง่ายแบบนี้ตั้งแต่แรกก็จบ ชอบให้ฉันพูดมากทุกครั้งเลยพึ่บ!ตึก ตึก ตึกร่างบางลุกขึ้นจากโซฟาเช่นกัน แต่แทนที่จะเดินออกจากห้องไปทันทีฉันกลับเดินเข้าไปหยุดยืนตร
(ปัจจุบัน)นัยน์ตาเฉี่ยวจ้องมองรูปปั้นเทพพระเจ้ากรีกโบราณผ่านเลนส์กล้อง แม้เธอจะให้ความสนใจไปที่รูปปั้นตรงหน้า แต่ก็รู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่าสายตาคนรอบข้างกลับให้ความสนใจมาที่เธอหญิงสาววัยอายุ 25 ปี ผมยาวสีดำตรงถึงสะโพก ใบหน้าสวยคมเอกลักษณ์เด่นของตัวเองคือไฝใต้ตาขวา บางมุมมันก็ทำให้ใบหน้าของเธอสวยหวานชวนหลงใหล บางมุมสวยดุจนผู้ชายหลายคนอยากเข้ามาท้าทาย แต่สถานะที่เมื่อใครได้รับรู้ก็ต้องถอยห่างทำให้ผู้คนทั่วไปจึงทำได้เพียงมองแชะ แชะ แชะเสียงกดชัตเตอร์บันทึกภาพดังขึ้นเป็นจังหวะ สองเท้าก้าวเดินวนรอบรูปปั้นและกดบันทึกภาพไปด้วย อีรอสหรืออีกชื่อคิวปิดเทพพระเจ้าแห่งความรัก ภาพจำของใครหลายคนก็คือเทวดาตัวน้อยมีปีกสีขาวคอยยิงศรให้คนตกหลุมรักกันแต่สักกี่คนจะรู้ว่าเทพพระเจ้าตัวน้อยมีศรสองแบบ หนึ่งศรทำให้ตกหลุมรัก หนึ่งศรทำให้เกลียดกัน แม้แต่ในตำนานความรักของเทพพระเจ้าเองก็ยังมีอุปสรรค แล้วเราจะคาดหวังให้มีรักที่สมหวังตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันไปทำไมในเมื่อเทพเจ้าแห่งความรักยังทำมันไม่สำเร็จ“เจ้าชายมาถึงแล้วครับ” เสียงผู้ดูแลเอ่ยขึ้น แต่หญิงสาวก็ยังคงให้ความสนใจไปที่รูปปั้นตรงหน้ามากกว่าบุคคลระดับสูง
“เสียมารยาทจังนะครับ เจ้าของห้องยังไม่อนุญาตให้เข้าเลย” เสียงของชายผู้เป็นเจ้าของห้องดังทักท้วงขึ้น ทำเอาทุกคนหยุดชะงัก แม้แต่ตัวฉันเอง“...” ร่างบางหันกลับไปมอง“แล้วก็เอาคนบุกเข้ามาห้องคนอื่นขนาดนี้ เขาไม่ได้สอนมารยาทให้เด็กกำ อ้อ ไม่ใช่สิ...เจ้าหญิง” ตั้งใจด่ากันเลยนี่หว่า แต่เราก็ตั้งใจด่ากันมาตั้งแต่แรกแล้ว“ทุกคนออกไปรอข้างนอก” เมื่อได้ยินคำสั่งของฉัน สเตฟานยิ้มมุมปาก ส่วนคนอื่นหันกลับมามองด้วยความตกใจ“พวกเราไม่สามารถปล่อยให้เจ้าหญิงอยู่กับผู้ชายในเวลาแบบนี้โดยไร้การดูแลได้ครับ” หัวหน้าผู้ดูแลพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด“ไม่เป็นอะไร คุณสเตฟานเขาไม่ทำอะไรเราหรอก” ยิ้มฝีปากบางฉีกยิ้ม สายตายังคงจ้องมองกันและกัน“แต่...” ผู้ดูแลที่ยังเป็นกังวลพยายามจะพูดต่อ แต่เสียงของสเตฟานแทรกขึ้นมาซะก่อน“ผมไม่สิ้นคิดทำอะไรเจ้าหญิงหรอกครับ” ฉันล่ะชอบปากหมอนี่จริง ๆ ไม่ทำให้รู้สึกเบื่อดี“ช่วยสุภาพกับเจ้าหญิงด้วยครับคุณสเตฟาน” ผู้ดูแลกล่าวตักเตือนเขา แต่อีกฝ่ายก็ดูจะไม่ได้สนใจในคำเตือน“ผมพูดผิดตรงไหนล่ะ ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือเจ้าหญิงนะครับ ถ้าทำอะไรเธอผมก็แย่สิ” ปากพูดแบบนั้น แต่เชื่อเถอะในใจเ
ปึง!ประตูรถปิดลงทั้งสองฝั่งพร้อมกัน วันนี้ฉันถูกพากลับพร้อมพี่เฮนรี่ จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นทำให้ต้องเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง ทุกเรื่องที่รู้ ทุกเรื่องที่เกิดขึ้น ระหว่างสเตฟานกับลัลลาเบล แต่ยกเว้นเรื่องที่ตัวเองเข้าไปที่คลับเพราะไม่อยากให้พี่เฮนรี่เป็นห่วงไปมากกว่านี้“แน่ใจแล้วใช่มั้ยว่าเป็นเขา” เสียงทุ้มเอ่ยถามพร้อมกับหักเลี้ยวพวงมาลัยรถขับวนลงจากตึกจอด“ถ้าไม่ใช่เขาจะเป็นใคร เพื่อนของไอรีนมีผู้ชายที่ชอบอยู่แค่คนเดียว”“พี่ถึงถามนี่ไงว่าแน่ใจใช่มั้ย เพราะภาพนั้นถูกส่งเข้าสู่เมลนักศึกษาทั้งมหา’ลัยนะ แล้วพี่ก็เห็นว่าไม่ได้มีผู้ชายแค่คนเดียว”“เข้าข้างผู้ชายด้วยกันเองหรือเปล่าเนี่ย”“ไม่ใช่สักหน่อย” พี่เฮนรี่หันมาสบตา“มองน้องแบบนี้หมายความว่ายังไง”“ก็ที่รู้มานะ สเตฟานไม่มีทางคบผู้หญิงคนไหน และไม่มีทางพาเรื่องแบบนี้เข้ามาหาตัวเองแน่นอน ระดับคาร์พาเธียไม่ปล่อยอะไรโง่ ๆ แบบนี้หรอก”“ครั้งนี้อาจจะเล่นสนุกจนลืมนึกถึงผลที่ตามมาก็ได้”“ไม่มีทาง สเตฟานชอบเฮเลนผู้ดูแลพิเศษของไอรีนไง เขาไม่มีทางพลาดเรื่องแบบนี้ให้ตัวเองดูไม่ดี”“ชอบพี่เฮเลน?” ถึงว่าสิ น้ำเสียงเวลาคุยกับพี่เฮเลน ทั้งตอนที่รับโทร
ณ ห้องสมุดมหา’ลัยผ่านเหตุการณ์นั้นมาหลายอาทิตย์ลัลลาเบลก็ยังไม่ยอมกลับมาเรียน เราทั้งคู่ทะเลาะกันรุนแรงเพราะฉันเข้าไปวุ่นวายชีวิตเธอเกินหน้าที่ของเพื่อนทำให้เราต่างห่างกันออกไป ฉันพยายามติดต่อเธอทุกทาง แต่ก็ไร้ความหมาย“เพื่อนล่ะคะ” พี่เฮเลนนั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามถามขึ้น“ยังไม่กลับมาเรียนเลยค่ะ”“ไม่ใช่ความผิดของ...” พี่เฮเลนเหมือนจะยังไม่ชินกับการเรียกชื่อแฝงของฉันเฉย ๆ“คริสค่ะ”“ไม่ใช่ความผิดของคริสเลยนะคะ การที่เราเป็นห่วงเพื่อนที่หลุดเข้าไปวงโคจรแบบนั้น” พี่เฮเลนรู้ว่าฉันเป็นกังวลกับเรื่องนี้ จึงคอยเข้ามาปลอบใจอยู่บ่อยครั้ง“ค่ะ เดี๋ยวสักวันมันก็ดีขึ้นแหละ พวกเราเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว ก็มีงอนกันบ้างตามประสาผู้หญิง พี่เฮเลนเคยเป็นมั้ยคะ”“ประจำค่ะ พวกพี่ทะเลาะกันเองเวลาว่าง ๆ ก็มี”“น่ารักจังเลยนะคะ” มีทะเลาะกันเวลาว่างด้วย“พี่ไม่รบกวนเวลาแล้ว ขอตัวไปเรียนก่อนนะคะ” พี่เฮเลนลุกขึ้นยืนแล้วส่งยิ้มหวานมาให้“บ๊ายบายค่ะ” มือเล็กยกขึ้นโบกไปมา มองตามแผ่นหลังของหญิงสาวที่เดินออกจากห้องสมุดไปฉันหันกลับมาสนใจงานในโน้ตบุ๊กของตัวเองต่อ นิ้วเรียวเลื่อนคลิกหน้าจอเว็บของมหา’ลัยขึ้นมา แต่จู่ ๆ
ร่างบางกวาดสายตามองไปรอบห้อง ไม่ใช่แค่คู่ของลัลลาเบลที่มีพฤติกรรมแบบนี้ อีกหลายคู่ที่นัวเนียเข้าหากันโดยไม่สนใจว่าใครจะมอง แต่สิ่งที่สะดุดตาฉันมากที่สุดก็เห็นจะเป็น อุปกรณ์เสพสิ่งเสพติดที่วางเกลื่อนกลาดอยู่บนโต๊ะ“เธอเป็นเพื่อนของเด็กนี่เหรอ” เสียงของคนที่ฉันพึ่งด่าเขาไปถามขึ้น เรียกสติให้กลับมา“ลัลลาเบล เรากลับกันเถอะ” ฉันไม่สนใจคำถามของสเตฟานรีบเดินเข้าไปดึงแขนเพื่อนตัวเองออกจากผู้ชายคนนั้นหมับ! ยังไม่ทันจะเข้าถึงตัวเพื่อน ข้อมือเล็กก็ถูกกระชากเต็มแรงจากผู้ชายตัวสูง“อย่าเมินคำถามฉัน” สเตฟานกดเสียงต่ำ สายตาดุจ้องมองหน้า“ไม่รู้ก็คงไม่ตายใช่มั้ย”“...” เมื่อได้รับคำตอบทำเอาสายตาของเขาเปลี่ยนไปทันที โมโหสินะ“หรือจะตายที่ไม่ได้รู้ก็บอก ฉันจะได้เล่าให้ฟังว่าตัวเองเป็นใครแล้วคุณจะได้ไปตายซะ” ข้อมือเล็กพยายามดึงออกจากมือหนา แต่แรงบีบที่ข้อมือแรงขึ้นจนร่างบางแสดงสีหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด“นี่มันคริส เด็กกำพร้าตระกูลที่ควีนมาเรียรับมาเลี้ยงนี่” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น ฉันก็ดังพอตัวเลยนะเนี่ย“ก็แค่เด็กกำพร้า...แต่เป็นเด็กกำพร้าที่ปากดีดี” สายตาดูถูกของผู้ชายตรงหน้ายิ่งทำให้ฉันรู้สึกเ