“ได้”
“คะ?” เธอคิดว่าตัวเองฟังผิดจึงจ้องหน้าเขา หวังให้เขาพูดอีกครั้ง
“ผมบอกว่าตกลง” เขาพยักหน้าแล้วพูด “ผมเปิดห้องไว้....ผมจะออกไปก่อนอีกสิบนาทีคุณตามไปแล้วกัน”
เขาพูดจบก็เดินไปทางอื่น พูดคุยทักทายกับคนอื่นๆอีกเล็กน้อยโดยไม่ได้หันมามองเธอเลยสักนิด แวบแรกเธอเกิดลังเลขึ้นมา วันนี้ไม่ใช่วันเกิดเธอ แค่มุกงี่เง่าที่อยากได้ผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้น แต่เขาก็รับมุกด้วย ความไม่มีตัวตนของเธอทำให้ไม่ต้องล่ำลาใครก่อนออกจากงานเลี้ยงที่ทุกคนยังสนุกกันสุดเหวี่ยง เธอเข้าห้องน้ำ นั่งทำใจอยู่ครู่หนึ่ง ดูเวลาจากโทรศัพท์มือถือแล้วตัดสินใจเดินไปที่ลิฟต์ กดชั้นที่ต้องการและเดินไปที่ห้องที่ห้องเขาบอกไว้
เคาะประตูแล้วก็ถอยออกมาครึ่งก้าว นี่เธอทำอะไรอยู่ ถ้าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว หรือหลอกให้เธอมาเจอใครก็ไม่รู้จะทำยังไงดี เท้าที่สวมรองเท้าส้นสูงกำลังจะถอยออกไปที่ละน้อย ประตูบานนั้นก็เปิดออกมาก่อน
“คุณมาช้าไปสามนาที”
“เอ่อ...ขอโทษค่ะ” กฤติกาอดกลัวขึ้นมาไม่ได้ แต่เขายืนรอและจ้องมองเหมือนให้เธอตัดสินใจ ซึ่งสุดท้ายแล้ว เธอก็ก้าวเข้าไปด้านใน
นั้นแหละ เขาก็กลายเป็นของขวัญให้เธอจริงๆ แต่ไม่ใช่ของขวัญวันเกิดที่เธอกุเรื่องขึ้น แต่เป็นของขวัญก่อนจะออกจากบริษัท
ณ ห้องผู้บริหาร
ชายหนุ่มเคาะปลายนิ้วกับโต๊ะทำงานด้วยท่าทีเคร่งเครียดขณะไล่สายตาอ่านประวัติของพนักงานแต่ละคนจากหน้าจอคอมพิวเตอร์
ให้ตายสิ! ทำไมคนอย่าง ‘ไรอัน โจนส์’ ต้องมาทำเรื่องงี่เง่าไร้สาระอย่างนี้ด้วยนะ!
ไรอันไม่รู้ว่าตัวเองหงุดหงิดโมโหเรื่องอะไรกันแน่ เขาถูกผู้หญิงทิ้งในห้องชุดสุดหรูของโรงแรมห้าดาว หรือเพราะไม่รู้ว่าผู้คนนั้นเป็นใคร เขาเช็กประวัติพนักงานที่เกิดวันที่27กุมภาพันธ์ซึ่งไม่ตรงกับผู้หญิงที่เขามีความสัมพันธ์ด้วย นั้นเท่ากับว่าเขาถูกผู้หญิงคนนั้นหลอก แต่งานเลี้ยงคืนนั้นเป็นงานเลี้ยงสำหรับพนักงานในบริษัทเท่านั้น อย่างไรเสีย เธอต้องเป็นพนักงานในบริษัทของเขา แต่...ตอนนี้เขายังไม่รู้เลยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ทำไมต้องโกหกว่าเป็นวันเกิดหรือเพราะแค่อยากใกล้ชิดเขา แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ทำไมเธอถึงหนีเขาไป ไม่ทิ้งชื่อหรือเบอร์ติดต่อกลับให้เขาเลย
ชายหนุ่มวัยสามสิบปีเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ผ่านมาหลายวันแล้ว แต่เขายังคิดถึงผู้หญิงคนนั้นอยู่ ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีความสัมพันธ์คืนเดียวกับผู้หญิงคนอื่น หรือต้องยอมรับว่าเขากลัวว่าเธอจะเอาเรื่องคืนนั้นไปพูดกับคนอื่นว่าเขาเสร็จเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ! ให้ตายสิ! คาสิโนวาอย่างเขาจะให้ใครรู้เรื่องน่าอายอย่างนั้นได้อย่างไรกันเล่า
จะอธิบายยังไงดี ปกติเขาอึดจนอีกฝ่ายต้องร้องขอให้เขาปลดปล่อย แต่อาจเพราะผู้หญิงคนนั้นยังเวอร์จิ้นพลอยทำให้เขาตื่นเต้นไปด้วย จะเรียกว่าเสร็จเร็วก็ไม่เชิง เพราะผู้หญิงก็เสร็จไปสองรอบก่อนที่เขาจะน้ำแตกตามไปด้วย เขาเองไม่คิดว่ารอบนั้นจะแตกเร็วขนาดนี้ ทำให้เขารีบผลุบหายเข้าไปในห้องน้ำ ตั้งสติอยู่ครู่หนึ่ง ตั้งใจว่าออกมาจะจัดการแม่สาวเวอร์จิ้นจอมยั่วแก้มือที่เมื่อครู่เขาเสร็จเร็วไปหน่อย แต่ออกมาจากห้องน้ำก็ไม่เจอเงาร่างของหญิงสาวคนนั้น นอกจากคราบเลือดจางๆ บนที่นอนแล้ว เธอก็ไม่ทิ้งอะไรไว้ให้เขาดูต่างหน้าเลยสักนิด
จะบ้าตาย! ตอนแรกเขานึกว่าเจอมิจฉาชีพเข้าให้แล้ว แต่กระเป๋าสตางค์รวมทั้งโทรศัพท์มือถือและข้าวของอื่นๆ ของเขายังอยู่ดี เหมือนว่าเธอไม่ได้แตะต้องสิ่งของของเขาสักชิ้น
แรกทีเดียวคิดจะขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม แต่คิดไปคิดมาก็เกรงว่าคนอื่นจะคิดว่าเขาเสียท่าผู้หญิงเข้าให้แล้ว คิดได้ว่าเธอบอกเขาว่าวันนั้นเป็นวันเกิดและเป็นพนักงานในบริษัท เมื่อถึงวันทำงาน เขาจึงดูข้อมูลของพนักงานในบริษัทโดยเน้นคนที่เกิดในวันนั้น ทว่าเขามั่นใจว่าภาพของพนักงานที่เห็นในจอคอมพิวเตอร์ไม่ใช่ผู้หญิงที่เขามีอะไรด้วย
“คุณไรอัน ได้เวลาประชุมแล้วค่ะ”
คุณวิไล-เลขาสาวหน้าห้องเข้ามาเรียกอย่างรู้หน้าที่ ชายหนุ่มพยักหน้ารับปิดโปรแกรมคอมพิวเตอร์แล้วลุกขึ้นยืน จะว่าไปเลขาหน้าห้องยังสวยกว่าผู้หญิงคนนั้น แต่เขาตั้งปณิธานเอาไว้แล้วว่าจะไม่กินพนักงานในบริษัทของตัวเอง เขาไม่อยากมีปัญหาชู้สาวในที่ทำงานและกลายเป็นตัวอย่างไม่ดีให้พนักงานในบริษัทที่พ่อสร้างขึ้นกับมือ คืนนั้นเพราะความสงสาร อืม...เรียกว่าสงสารก็คงได้ เพราะแววตาเธอเศร้า ผู้หญิงตาสวยๆ ไม่ควรมีแววตาเศร้าหมองขนาดนี้ เขาจึงยอมเป็นของขวัญให้เธอ เผื่อเธอจะดีขึ้นแต่เธอกลับหนีไปเสียอย่างนั้น ทำให้เขาหงุดหงิดใจอยู่อย่างนี้
หลบได้หลบไป ถ้าหาตัวเจอเมื่อไหร่ จะเป็นคนเลวให้ร้องขอชีวิตเลยทีเดียว
สีหน้าเคร่งเครียดของประธานบริษัททำเอาพนักงานต่างร้อนๆ หนาวๆ ไปตามๆกัน แม้จะเป็นประธานบริษัทอายุน้อย รับช่วงต่อจากบิดา แต่เรื่องการทำงานตัดสินใจเด็ดขาด บริหารจัดการงานได้อย่างน่าชื่นชม พาบริษัทฟันกำไรนับร้อยล้านในเวลาอันสั้น แม้จะสีหน้าเย็นชาและภาพลักษณ์เย่อหยิ่งแต่ทุกคนก็ยอมรับได้
ไรอันนั่งที่ตำแหน่งประธานแล้วฟังการบรรยายสรุปยอดขายรวมทั้งแผนงานที่ดำเนินการในไตรมาสหน้า ระหว่างการประชุมที่เคร่งเครียด พนักงานของบริษัทเข้ามาเสิร์ฟอาหารว่างและกาแฟ กฤติกาถูกเรียกตัวมาช่วยงานเล็กๆน้อยๆ เป็นประจำจนเคยชิน เวลาอย่างนี้ทำให้เธอได้มองเห็นใบหน้าหล่อเหลาของบอสได้ถนัดเต็มสองตา ทว่าครั้งนี้เหมือนเขาจ้องเขม็งมาทางเธอ ทำเอามือไม้สั่นเกือบทำแก้วกาแฟหลุดมือ
“ยัยดาว ระวังหน่อยสิ”
“ขอโทษค่ะพี่ศศิ” กฤติการีบพูดขึ้นแล้วก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของตัวเอง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็รีบเดินออกมาด้านนอกอย่างรวดเร็วด้วยหัวใจเต้นรัว
‘เขา’ คงจำเธอไม่ได้สินะ
กฤติกาไม่รู้ว่าตัวเองควรรู้สึกอย่างไรดี ดีใจหรือเสียใจที่เขามีท่าทีเย็นชา แต่มันก็เป็นแบบนี้มาตลอดสามปีที่เธอทำงานที่นี่ แบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ เธออาจเป็นฝันร้ายของเขาก็ได้ ผู้หญิงที่ไม่เชี่ยวชาญเรื่องบนเตียงทำให้ผู้ชายไม่มีความสุขขนาดต้องหนีเข้าห้องน้ำ เธอเองก็อับอายอยู่ไม่น้อยเลยรีบคว้าเสื้อผ้ามาสวมทั้งที่ยังเจ็บหน่วงท้องน้อยแล้วเผ่นหนีออกมาทันที
“เป็นอะไรไปวันนี้ใจลอยจัง” ศศิเป็นรุ่นพี่ในที่ทำงานอดดุกฤติกาไม่ได้ แต่อีกฝ่ายก็ได้แต่ยิ้มแหยทำให้เธอได้แต่ส่ายหน้าไปมา “ถึงจะทำเรื่องลาออกไว้แล้ว แต่ยังไงก็ช่วยตั้งใจทำงานหน่อยสิ”
“ค่ะ ...ขอโทษค่ะ”
ศศิถอนหายใจ ปกติกฤติกาเป็นคนทำงานดี หัวไว แต่บางครั้งก็ดูเหมือนจะเข้ากับเพื่อนร่วมงานได้ไม่ดีนัก แต่ไม่เคยสร้างปัญหาในที่ทำงาน ตอนที่รู้ข่าวว่าจะลาออกก็ตกใจถึงขั้นเรียกมาคุยเป็นการส่วนตัว แต่เห็นว่าอีกฝ่ายลาออกเพื่อกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิด ไม่ได้มีปัญหาในที่ทำงานก็โล่งใจ คนเราอยู่ตรงไหนสบายใจก็ควรเลือกอยู่ตรงนั้น เธอจึงไม่คิดห้ามปราม รุ่นพี่ถอนหายใจอีกรอบแล้วก็โบกมือไล่
“ไปทำเอกสารให้เสร็จเถอะ พรุ่งนี้เช้าพี่ต้องเห็นรายงานชุดนั้นวางอยู่บนโต๊ะทำงานของพี่”
“ค่ะ ทราบแล้วค่ะ”
กฤติกาก้มหน้ารับคำสั่งแล้วเดินกลับไปทำงานที่โต๊ะของตัวเอง นอกจากงานที่รุ่นพี่มอบหมายให้แล้ว เธอยังต้องสะสางงานเก่าเพื่อส่งมอบให้คนที่จะมาทำงานในตำแหน่งของเธอทำต่อ อยู่กรุงเทพฯมาตั้งหลายปี ไม่ได้ซึมซับความเป็นคนกรุงเลยสักนิด หรือว่านิสัยขี้เหงาแต่ชอบอยู่คนเดียวไม่ยุ่งกับใครจะชัดเจนขึ้นเมื่ออยู่ในเมืองหลวงที่แสนวุ่นวายอย่างนี้
เพราะใช้ชีวิตคนเดียวจนชิน ได้เวลาเลิกงานแล้วแต่เธอไม่รีบร้อนออกจากบริษัท ก็ไม่รู้จะรีบกลับไปทำไมนี่นะ รถก็ติด เธอมักนั่งเล่นในที่ทำงานต่ออีกหน่อย กว่าจะเก็บกระเป๋าออกจากที่ทำงานก็มักจะหลังหกโมงเย็นไปแล้ว แต่วันนี้กฤติกาอยู่พิมพ์รายงานการประชุมจนเย็นค่ำ เธออ่านตรวจทานอีกรอบแล้วจึงปริ้ตเอกสารใส่แฟ้มให้เรียบร้อย หยิบกระเป๋าสะพายขึ้นคล้องไหล่แล้วถือเอกสารไปวางไว้ที่โต๊ะทำงานของพี่ศศิถ้า...ถ้าเธอไม่อยู่แล้วจะมีใครคิดถึงเธอบ้างไหมนะกฤติกาได้แต่ยิ้มเศร้าให้ตัวเอง เธอแพ้แล้ว อย่างที่พ่อพูดไว้จริงๆ เธอไม่เหมาะกับการใช้ชีวิตที่กรุงเทพเลยสักนิด ดวงตาคู่สวยกวาดสายตามองรอบๆ อีกครั้งแล้วเดินออกมาจากห้องทำงาน ทว่าร่างของเธอก็ปะทะเข้ากับแผ่นอกกำยำที่ขวางทางอยู่เบื้องหน้า“อ๊ะ! ขอโทษค่ะ!” กฤติกาเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็ต้องเบิกตากลมโตกว้างแล้วเผลอเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างลืมตัว“คุณไรอัน”ประธานหนุ่มเห็นคนตัวเล็กถอยหลังเตรียมตั้งท่าจะหนีก็รีบยื่นมือไปโอบเอวบางมาแนบชิดกับร่างกำยำของตนอย่างรวดเร็ว เร็วเสียจนหญิงสาวไม่ทันตั้งหลัก ร่างเล็กเข้าไปซุกซบในอกของเขาแล้ว“ได้เจอตัวสักที”“คะ?” ดวงตากลมกะพริบตาปริบๆ
“อยากสัมผัสผมเหรอ” เขายิ้มยั่วแล้วจับมือเธอวางบนหน้าอกของเขา “ได้...ได้ไหมคะ” เธอถามอย่างขลาดกลัวแทนคำตอบ เขาปล่อยมือเธอแล้วปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตแล้วถอดออก เผยแผงอกกำยำและกล้ามท้องเป็นมัดสวย เธอยื่นมือวางบนแผ่นอกตรงตำแหน่งหัวใจรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนใต้ฝ่ามือ แล้วเงยหน้าสบตากับดวงตาสีน้ำตาลสวยที่เวลาราวกับมีลูกไฟโหมไหม้อยู่ในนั้นสิ่งที่เธอต้องการสัมผัสคือหัวใจของเขางเสียงครางต่ำในลำคอทำให้มือนุ่มชะงักไป เขายื่นหน้าไปจูบปากเธออีกครั้ง ความเป็นชายอัดแน่นดุนดันตุงเป้ากางเกง เขาอุ้มหญิงสาวขึ้นอย่างง่ายดายพาเธอไปที่เตียงนอนขนาดคิงส์ไซด์ เธอยกสะโพกขึ้นเพื่อให้เขาถอดกระโปรงออกไปพ้นเรียวขา ลมหายใจถี่กระชั้นขึ้นอีกครั้ง ริมฝีปากของบอสหนุ่มผละจากกลีบปากสาวแล้วพรมจูบลำคอจนเกิดรอยแดง ร่างเล็กกระสับกระส่ายไปมาด้วยความต้องการที่เอ่อล้น ไรอันปลดตะขอชุดชั้นในของเธอออกด้วยมือข้างเดียว แล้วอ้าปากครอบครองยอดอกที่ชูชันท้าทายสายตา เขากดริมฝีปากลงบนผิวอ่อนนุ่มและหอมกรุ่น“อึก...คุณไรอัน...” กฤติกาครางกระเส่าเมื่อยอดอกถูกเขาดูดกลืนด้วยริมฝีปากหยักสวย เขาดูดแรงขึ้นสลับกับใช้ลิ้นตวัดไล้เล
หญิงสาวผวาเฮือกเมื่อลิ้นของเขาแตะที่กลีบเนื้อหยอกล้อกลีบดอกไม้ที่เบ่งบาน ลิ้นร้อนโลมเลียทำเอาร่างกายเธอสั่นระริก เขาจับต้นขาของเธอให้แยกออกกว้าง ละเลงลิ้นไปตามกลีบเนื้อกระตุ้นจุดเสียว กระสันที่ซ่อนอยู่ภายใน มือเรียวเล็กเผลอกดศีรษะของเขา หยาดน้ำหวานหลั่งออกมามาก ไรอันกอบกุมแท่งเอ็นของตัวเองขณะรัวลิ้นใส่กลีบสวาท เสียงหอบหายใจสลับกับเสียงครวญครางทำให้เร่งรัวลิ้นเพื่อกระตุ้นให้เธอไปถึงจุดสุดยอดอีกครั้ง “อร๊ายยยย” กฤติกาหวีดร้องออกมาอีกครั้ง เธอแทบนับไม่ได้แล้วว่าถูกเขาทำให้เสร็จสมไปกี่รอบ เขาขบเม้มกลีบเนื้อเธอเบาๆ แล้วยันกายขึ้น จ้องมองใบหน้าที่เขินอาย “ผมชอบอยู่ในตัวคุณ” เขาพูดพลาง “คุณเป็นธรรมชาติแบบนี้ล่ะยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว” เขาหยิบหมอนมารองใต้สะโพกทำให้เนินเนื้อโชว์เด่นอยู่เบื้องหน้า เขาประคองท่อนเอ็นที่แข็งขึงทั้งที่ปลดน้ำรักไปเมื่อครู่ค่อยๆกดหัวบากในร่องเสียว ริมฝีปากของเธอสั่นระริก ความเป็นชายใหญ่โตของเขาผลุบหายไปในกายสาว โพรงอ่อนนุ่มบีบรัดจนเขาครางอย่างพอใจ “คุณต้องเลิกคิดว่าทำให้อีกฝ่ายไม่มีความสุข” เขาพูดแล้วเริ่มขยั
ร่างเล็กออกมาจากห้องน้ำ ได้ยินเสียงคุยโทรศัพท์ทำให้เธอแทบกลั้นหายใจ กลัวจะเผลอส่งเสียงออกไปแล้วทำให้บอสของเธอต้องลำบากใจ “ก็ได้ รออยู่ด้านล่างนั้นแหละผมกำลังจะลงไปแล้ว” ไรอันพูดด้วยน้ำเสียงปกติแต่คนทั่วไปอาจฟังดูเย็นชา เขาปรายตามองคนตัวเล็กที่ยืนนิ่งอยู่มุมห้องแล้วพยักหน้าเป็นเชิงเรียกให้เธอเดินเข้ามาใกล้ๆ เขาพูดคุยอีกสองสามคำแล้วก็วางปิดโทรศัพท์ “ช่วยติดกระดุมให้ผมหน่อย” “ค่ะ” กฤติกาเดินเข้าไปใกล้แล้วยื่นมือไปติดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้เรียบร้อย ตามด้วยเนคไท และเพราะตัวเธอเตี้ยกว่าเขามากทำให้ต้องเขย่งปลายเท้าขึ้น “ผมมีนัด” เขาพูดแล้วยกมือขึ้นลูบผมยาวนุ่มมือเบาๆ ทำไมเขากลายเป็นคนแบบนี้ไปได้นะ เห็นยัยดาวลูกไก่อะไรนี่ที่ไร อยากจับอยากจูบไปเสียทุกครั้งที่เจอ นับวัน ยิ่งควบคุมความต้องการได้ยากขึ้นทุกที “ค่ะ” เธอได้แต่ยิ้มให้เขา ซึ่งก็คงไม่มีอะไรให้เธอทำได้มากไปกว่ายิ้ม “เก็บกระเป๋าคุณสิ เราลงไปพร้อมกัน” กฤติกาส่ายหน้าไปมาเร็วๆจนผมที่รวบเป็นหางม้าส่ายไปมา ไรอันขมวดคิ้วไม่ค่อยพอใจนัก แต่เธอยังยืนยั
เสียงประตูห้องเปิดออกรบกวนสมาธิของประธานหนุ่ม เขาเงยหน้าขึ้นมองเห็นร่างสุดเซ็กซี่ของไลลาเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม เลขาหน้าห้องวิ่งตามมาติดๆ “ไรอันขา ไลลามารับไปกินมื้อเที่ยงค่ะ” “ขอโทษค่ะ ดิฉันห้ามไม่ทันจริงๆ” “ช่างเถอะ” เขาโบกมือไปมาคล้ายไม่ใส่ใจ เขาไม่ได้โง่และรู้ว่าไลลาต้องการสิ่งใด และเขาก็รำคาญผู้หญิงที่ตามตื้อเขาแบบนี้ด้วย “ไรอันขา ไลลาจองโต๊ะสำหรับมื้อเที่ยงไว้แล้ว เราไปกินข้าวกันค่ะ” ไลลาเดินมาหมายจะนั่งที่ตักของไรอัน แต่ชายหนุ่มลุกพรวดขึ้นก่อนทำเอาดาราสาวหน้าเจือนไปทันที “คุณวิไลช่วยสืบประวัติพนักงานที่ลาออกไปแล้วได้ไหมครับ” “คะ?” เลขาหน้าห้องแปลกใจกับคำสั่งของท่านประธานแต่ก็พยักหน้ารับ “ได้ค่ะ ไม่มีปัญหาค่ะ” “ดีครับ ผมอยากรู้ทุกเรื่องของผู้หญิงที่ชื่อกฤติกา....ได้เรื่องยังไงโทรรายงานผมได้ทันที” เขาบอกชื่อนามสกุลของยัยเวอร์จิ้นไป เลขาคนเก่งฟังครั้งเดียวก็จำได้ ผงกศีรษะรับคำสั่งแล้วหมุนตัวเดินออกไป ดาราสาวอ้าปากค้างที่เห็นประธานหนุ่มไม่สนใจเธอสักนิด ร่างสูงกำลังจะก้าวออกไปแต่ชะงัก
คำหวานสอบเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย แต่บ้านเกิดอยู่ไกลเดินทางไม่สะดวกจึงต้องมาอยู่หอพัก ช่วงเรียนปี1 เธอพักอยู่หอในของมหาวิทยาลัย พอขึ้นปีสองก็มาอยู่บ้านเดียวกับพี่สาวและพี่เขยเพราะพ่อกับแม่อยากประหยัดค่าใช้จ่ายจึงฝากฝังลูกสาวคนเล็กให้มาอยู่กับ ‘คำรัก’ พี่สาวที่แต่งงานได้ปีเศษ จะเรียกว่าแต่งงานได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ เธอรู้ว่าพี่สาวจดทะเบียนสมรสกับนักรบ แต่ไม่มีพิธีแต่งงานอะไร ได้ยินพ่อกับแม่พูดว่าเสียดายเงินค่าจัดงานแต่ง เอาเงินมาตั้งตัวดีกว่าบ้านของ ‘นักรบ’ พี่เขยวัยสามสิบอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรใกล้มหาวิทยาลัยและใกล้ที่ทำงานของพี่ทั้งสอง เธอย้ายเข้ามาอยู่ได้เทอมหนึ่งแล้ว ระหว่างที่อยู่ที่นี่ก็ไม่ได้อยู่ฟรีกินฟรี เธอทำงานบ้านทุกอย่าง ยังดีที่บ้านชั้นเดียวหลังเล็กกะทัดรัดจึงดูแลไม่ยากนัก ดูแลเรื่องเสื้อผ้าของพี่ทั้งสองรวมทั้งทำอาหารง่ายๆ ที่พี่สาวมักจดรายการให้เธอซื้อของสดมายัดใส่ตู้เย็นไว้ จะว่าไปก็ไม่ได้ลำบากอะไร ยกเว้นเรื่องกิจกรรมเข้าจังหวะของพี่สาวกับพี่เขยที่ระยะหลังมานี้ เอ่อ...เหมือนจะเสียงดังและทำกิจกรรมนอกห้องนอนกันบ่อยๆ ทำให้เธอนอนไม่หลับไปด้วย"ขอบตาดำไปแล้วนะ ทาครีมบำ
“อร๊ายยย” คำหวานร้องครางออกมาเมื่อแท่งเนื้อกดกระแทกเข้ามา“ซี๊ด...ร่องหวานแน่นชะมัด” ธามไทครางกระเส่าแล้วเริ่มโยกสะโพก เขาจับเอวคอดไว้มั่นแล้วซอยลำเอ็นใส่ร่องรักของหญิงสาว ร่างเธอไถลไปตามแรงกระแทกจากด้านหลังจนต้องยึดโต๊ะไว้ให้มั่น ปล่อยให้คนด้านหลังขยับโยก“อูยย อ่าส์ มันลำมากเลยหวาน”ธามไธก้มมองท่อนเนื้อที่ผลุบเข้าออกมาร่องรัก มันอาบน้ำรักของหญิงสาวทำให้เคลื่อนเข้าออกได้สะดวกขึ้น“ซี๊ด...อ่าส์” “ธาม...” คำหวานได้แต่เรียกชื่อเขา รับรู้ได้ว่าเขากระแทกลำเอ็นรัวๆ จนร่างของเธอสั่นไหว สองขาแทบไม่มีแรงยืน“อีกนิดนะหวาน เรา...ใกล้..อะ...ใกล้แล้ว ซี๊ด เสียวมากเลย...อะ อ่า...”ร่องรักขมิบรัดลำเอ็นทำให้เขาได้แต่แหงนหน้าคราง ธามไทเกร็งกระตุกด้วยถึงจุดสุดยอด เขาสูดลมหายใจลึกแล้วค่อยๆ ถอนแก่นกายออกตามด้วยถอดถุงยางมัดแล้วโยนทิ้งในถังขยะใกล้ๆ กัน คำหวานรู้สึกโหวงเหวงชอบกล แต่กระนั้นก็ทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง ชายหนุ่มหัวเราะอารมณ์ดี ประคองหญิงสาวขึ้นยืนแล้วดึงกางเกงของเธอขึ้น โน้มหน้าลงจูบกลีบปากเบาๆ ก่อนพาเธอไปนั่งที่โซฟา“ขอเข้าห้องน้ำแป๊บนะ” เขาพูดแล้วผลุบหายไปในห้องน้ำ คำหวานยกมือขึ้นแตะห
“อะไรกัน พอเสร็จแล้วทำเป็นห่างเหิน” นักรบหัวเราะแล้วปลดเนคไทออกจากปกเสื้อแล้วตามด้วยปลดกระดุมเสื้ออย่างใจเย็น แต่ทำให้คำหวานกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก“หวาน...หวาน...” เธอจะแก้ตัวยังไงดี เขาต้องได้ยินเธอครางเรียกชื่อเขาเต็มสองหูแน่ๆ“ทำหน้าเหมือนกลัว เรื่องพวกนี้ธรรมดาจะตายไป ก็เหมือนกินข้าว กินไม่อิ่มก็หิว เป็นธรรมดา” เขาพูดยิ้มๆ แล้วถอดเสื้อออกพาดไปที่โซฟา อวดมัดกล้ามแน่นๆ แบบคนที่ชอบออกกำลังกายเป็นประจำ โดยเฉพาะ กิจกรรมบนเตียง“แฟนทำให้ไม่อิ่มสินะ ถึงหิวแบบนี้”“พี่รบ!” เธอไม่คิดว่าพี่เขยที่มักจะเงียบๆ พูดน้อยจนเรียกได้ว่าไม่ได้คุยกันเลย แต่เวลานี้สายตาโลมเลียและน้ำเสียงที่เขาใช้ เหมือนเป็นคนละคนที่เธอรู้จัก ทั้งกลัว ทั้งอาย ที่ถูกจับได้แบบนี้ คำหวานรีบลุกขึ้นหมายจะเดินหนีเข้าห้องตัวเอง แต่แขนถูกคว้าไว้ก่อน เพียงกระตุกทีเดียวเธอก็เสียหลักนั่งบนตักของเขาแล้ว“ว้าย!” คำหวานร้องเสียงหลง “ปล่อยเถอะค่ะ เดี๋ยวพี่รักกลับมาเห็นเข้า หวานไม่อยากให้พี่สองคนผิดใจกันเพราะหวาน”แทนที่อีกฝ่ายจะกลัวแต่วงแขนกลับรัดแน่นขึ้น ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดใบหูของน้องเมียคนสวย “นี่ไม่รู้เหรอว่าพี่สาวเธอไปสัมม
“อื้ม! มีต้มแซ่บกระดูกอ่อนเป็นพยานไง” อัคคีทำหน้าจริงจัง “กูชอบมึง ชอบเวลาอยู่กับมึง ชอบที่มึงเป็นตัวเองแบบนี้ด้วย” “มาพูดแบบนี้ก็เขินแย่” น้ำมนต์อายจึงเอาแต่ก้มหน้าก้มตากินอาหารของตัวเอง “กินเยอะๆ” อัคคีใช้ส้อมจิ้มเสื้อร้องไห้วางใส่จานของน้ำมนต์ “จะได้มีแรง” “แรง? แรงอะไร” “มาถึงนี่แล้วก็ขึ้นห้องกูไง” “ไอ้ลามก” “มึงก็เอาของใช้เสื้อผ้าของมึงมาไว้ห้องกูบ้างก็ได้” อัคคีกลับมาพูดเหมือนเดิม “กูก็เอาเสื้อผ้าของกูไว้ห้องมึงไง” “เอางั้นก็ได้”“หรือไม่ก็ย้ายมาอยู่ด้วยกัน” “บ้าสิ พ่อแม่รู้ได้ด่าตาย” “พ่อแม่มึงน่ารักจะตาย ตอนนั้นกูไปบ้านมึงยังทำกับข้าวให้กูกิน เรียกกูลูกทุกคำเลย” “พ่อแม่กูเรียกเพื่อนกูว่าลูกทุกคน” “ก็อีกหน่อยก็เป็นลูกเขยไง” “มึงนี่...” “กูจริงจังแล้วก็จริงใจด้วย” เขายิ้ม “สาบานต่อหน้าตำหอยแครงเลย” “อย่าพูดเล่น” น้ำมนต์ทำตาดุใส่ “กูไม่อยากเล่นกับไฟ” “มึงก็เป็นน้ำ น้ำก็คู่กับไฟ” เขาพูดไ
หน้าตึกคณะ “ไม่ต้องมารับก็ได้” น้ำมนต์บ่นจ้องหน้าคนที่ยืนรออยู่หน้าคณะ เพื่อนคนอื่นๆของน้ำมนต์ต่างพากันหัวเราะคิกคัก พวกเขาเห็นทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกันมานาน พอรู้ว่าตกลงเป็นแฟนกันก็อดหยอกล้อกันไม่ได้ “ก็เป็นแฟนไงถึงต้องมารับ” เพื่อนคนอื่นแซวแล้วแกล้งผลักไหล่น้ำมนต์ให้เข้าไปใกล้อัคคี “ไปเถอะๆ พวกเราจะกลับแล้วเหมือนกัน” “อื้ม” อัคคีส่งยิ้มให้เพื่อนของน้ำมนต์แล้วหันมาสบตากับ...เอ่อ..แฟนหมาดๆ ของตัวเอง “ทำไมไม่อยากให้มารับ หรือกลัวคนอื่นรู้ว่าเราคบกัน หรือว่าแอบมีใครอีก” “ละเทอะน่า” น้ำมนต์ส่ายหน้าไปมา “ก็เรียนคนละคณะอยู่คนละฟากเลย เลิกเรียนก็ไม่ตรงกัน ไหนจะมีกิจกรรมอีก ไม่ต้องมาเทียวรับเทียวส่งก็ได้ คุยกันเหมือนเดิมนั้นแหละ อีกอย่างกูขับรถมา มึงจะขับรถตามกูอีกเหรอ” “งั้นคราวหน้ากูขับรถไปรับมึงมาเรียนดีไหม แล้วตอนกลับกูก็จะได้ไปส่งมึงไง” “ไอ้ไฟ กูไม่ได้เป็นง่อย” บ่นแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ “มึงเองก็งานเยอะนี่ ปีสามแล้ว แล้ว...ตอนดึกมึงก็มาหากูอยู่แล้วนี่” ท้ายประโยคเสียงแผ่วเบาแถมแก้มยังแดงเรื่อ
น้ำมนต์ก็อธิบายไม่ถูก แค่รู้สึกแปลกๆ ปกติอัคคีมาห้องเธอไม่กี่ครั้ง ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยเดียวกันแต่เรียนคนละคณะ ก็เจอกันน้อยลง เพียงแค่ยังคุยเล่นผ่านไลน์หรือทักไปที่เฟซบุ๊คอยู่เสมอ แล้วเธอก็เจ็บทุกครั้งที่เห็นมันลงรูปคู่กับแฟน“เป็นไรไปอยู่ดีๆก็เงียบ”“เปล่า” น้ำมนต์ส่ายหน้า “แล้วมึงล่ะเป็นยังไง คราวนี้ง้อแฟนด้วยอะไร”อัคคีหน้าตึงขึ้นมาทันที “ทำไมกูต้องง้อเขาด้วย”“ทุกทีมึงง้อเขานี่” น้ำมนต์ทำหน้าเบื่อหน่อย “ซื้อกระเป๋าถือให้ รองเท้าใหม่ นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ น้ำหอม เครื่องสำอาง...”“พอๆ มึงไม่ต้องรื้อฟื้นแล้ว” อัคคีกุมขมับ นี่เขาเป็นบ้าไปจริงๆ ทำไมต้องทุมเทให้ผู้หญิงที่ไม่ได้จริงใจกับเขาขนาดนี้“ดูมึงซื้อให้กูดิ แคนตาลูป แตงโม แก้วมังกร มะม่วงดอง ฝรั่งแช่บ๊วย”“แล้วมึงอยากได้อะไร กูซื้อให้ก็ได้”“แล้วมึงจะมาซื้อของให้กูทำไม วันเกิดกูก็เลยมาแล้วด้วย”“อ้าว...ทำไมมึงไม่บอกกู”“แล้วทำไมกูต้องบอกมึง” น้ำมนต์เบ้ปากใส่ “เพื่อนกันลืมวันเกิดกันก็ไม่ตายหรอก”“เป็นเพื่อนกันยิ่งต้องห้ามลืมวันเกิด” อัคคีรู้สึกผิดไม่น้อย “วันเกิดกู มึงยังจำได้”‘เพราะเป็นคนสำคัญไง’แต่น้ำมนต์ไม่ได้พูดอย่างที่คิ
“ไอ้ไฟ” “พอเห็นหน้ากูยิ้มไม่ออกเลยหรือไง” “มึงมาทำอะไรที่นี่” น้ำมนต์กดเสียงให้เบาลงเกรงว่าจะไปรบกวนคนอื่น แต่เธออยู่ในซอกด้านในแทบไม่มีใครเดินผ่านมา “คนมาห้องสมุดให้มาทำอะไรล่ะ” อัคคีถามยิ้มๆ เริ่มอารมณ์ดีขึ้นที่เห็นใบหน้าหวานแดงระเรื่อ ท่าทางเขินอายอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก ยิ่งดูก็ยิ่งน่ารักยังไงไม่รู้ น้ำมนต์ไม่รู้จะทำหน้ายังไง หลังจากเรื่องคืนนั้น ก็ไม่เคยคุยเรื่องความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นอีก หรือจะว่าไปเธอก็ไม่รู้ว่าจะคุยอะไร มันก็คงเป็นแค่เซ็กส์เท่านั้น ซึ่ง...เวลานั้นอาจ...ต่อให้ไม่ใช่เธอ เขาก็คงมีอะไรกับใครก็ได้ “มีอะไรหรือเปล่า” อัคคีถามอย่างเป็นห่วง แล้วก้มหน้ากระซิบที่ข้างหู “ยังเจ็บอยู่ไหม” “ถามอะไรของมึง” น้ำมนต์ขึงตาใส่ แต่ไม่อาจสะกดไม่ให้ตัวเองหน้าแดง ถึงจะพูดออกมาไม่หมดแต่ก็เข้าใจได้ว่าอัคคีหมายถึงเรื่องอะไร “ก็กูเป็นห่วงนี่”เขาพูดไปตามที่คิด ถึงจะผ่านมาหลายวัน แต่พอนึกถึงคืนนั้น ที่เขาจับร่างอวบอิ่มกินหลายรอบ ตอนเช้าตื่นมาเห็นสภาพอ่อนเพลียจนน่าสงสาร จากเดิมที่คิดว่าจะ
อัคคีครางอย่างพอใจที่รู้ว่าเพื่อนสาวเสร็จคาลำเอ็นไปแล้ว เขาเปลี่ยนท่าจับเรียวขาลงจากบ่า เรียวขางามรัดเอวไว้ เขาเร่งจังหวะกระแทกสุดๆ น้ำมนต์เด้งเอวรับ เธอเพิ่งเสร็จไปและถูกเขากระหน่ำจวนจะเสร็จไปอีกรอบ ร่องเสียวขมิบบีบรัดแก่นกายที่ผลุบเข้าออกสร้างความเสียวซ่าน เสียงครางของคนสองคนดังผสานกัน มือใหญ่บีบเคล้นหน้าอกอวบอิ่ม ลีลาการกระแทกลำทำให้น้ำมนต์สะบัดหน้าไปมา ร่องรักปล่อยน้ำเสียวออกมามาก ความรู้สึกคับตึงหายไปหมดสิ้น เหลือแต่ความเสียวที่แล่นพล่านไปทั่วร่าง“ไฟ...จะ...จะเสร็จอีกแล้ว”“เสร็จพร้อมกัน กูจะแตกแล้ว อ๊ะ ...”“อร๊ายยย” น้ำมนต์แอ่นกายขึ้นเกร็งกระตุกปับๆๆๆๆเขาโหมแรงเด้าเนินเนื้อไม่ยั้ง บดขยี้โหนกเนื้อที่เปียกชุ่มคราบน้ำรักที่แยกไม่ออกว่าของใคร ก่อนที่จะน้ำแตก เขาชักลำเอ็นออกจากร่องเสียวแล้วใช้มือชักลำเอ็นต่อจนน้ำรักขาวขุ่นพุ่งออกมาเปื้อนเปรอะหน้าท้องของน้ำมนต์ น้ำรักอุ่นร้อนทำให้เธอปรือตาขึ้นมอง เห็นอัคคีแหงนหน้าคำรามอย่างสุขสมขณะที่เธอหอบหายใจจนตัวโยน เขาปรับลมหายใจครู่หนึ่งแล้วโน้มหน้าลงจูบหน้าผากของเธอก่อนจะดึงร่างเปลือยเปล่าเข้ามาไว้ในอ้อมกอด แต่มือไม้ที่เปะที่หน้าอกและ
อัคคีเรียกเพื่อนเพราะเห็นว่าเงียบไป เขายันตัวขึ้นก้มมองจึงรู้ว่าน้ำมนต์หลับไปแล้ว เอื้อมมือข้ามร่างเล็กไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะเพื่อดูเวลาซึ่งก็เลยเที่ยงคืนมาแล้ว เขาวางโทรศัพท์ลงที่เดิม ก้มมองคนที่นอนเบียดอยู่จึงพบสายตาของเพื่อนสนิทจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว“กูทำมึงตื่นเหรอ” น้ำมนต์สบตากับอัคคี นี่มันคงคิดว่าแฟนเก่าจะส่งข้อความมาหาละมั้งถึงได้วางโทรศัพท์ไว้ห่างมือไม่ได้ เธออ้าปากเหมือนจะพูดแต่เปลี่ยนใจ ขยับตัวนอนหงายแล้วยกมือขึ้นคล้องคออัคคีไว้ เหนี่ยวตัวให้มันก้มลงมาหา แล้วยื่นริมฝีปากไปประกบกับริมฝีปากหยักสวยของชายหนุ่มอัคคีทำตาปริบๆ แต่แรงขบเม้มที่ริมฝีปากทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้ฝันไป น้ำมนต์ผละริมฝีปากอุ่นแล้วพูดเบาๆ“...มึง...โสดแล้วนี่...ก็ทำแบบนี้ได้ใช่ไหม...”ในห้องที่มีเพียงแสงสว่างจากหน้าจอโทรทัศน์ แต่ก็ยังทำให้เห็นแก้มนวลแดงปลั่ง ท่าทีเขินอายดูน่ารักและน่าแทะเล็ม สายตารอคอยทำให้เขาตัดสินใจได้ในทันที“อืม กูโสดแล้ว”ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาโพรงปากของหญิงสาว หัวใจของน้ำมนต์เต้นแรงเมื่อมือใหญ่เลื่อนเสื้อนอนของเธอขึ้นเพื่อลูบไล้หน้าอกอวบอิ่มที่ไร้บราเซียปกปิด เสียงครางหวานห
“อย่าเพิ่งหลับนะ กูแบกคนเมาขึ้นคอนโดไม่ไหว” หญิงสาวแสร้งทำเสียงดุทั้งที่ใจสั่นไหว ขับรถเก๋งคันเล็กมุ่งหน้าสู่คอนโดที่อยู่ไม่ไกลมหาวิทยาลัยนัก เพราะบ้านอยู่ไกลที่เรียน พ่อกับแม่จึงตัดสินใจซื้อคอนโดให้ลูกสาวอยู่ ตั้งใจว่าถ้าลูกเรียนจบก็เอาไว้ปล่อยให้เช่าได้ ถนนยามค่ำคืนรถราไม่มากนักจึงใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงที่หมาย หญิงสาวจอดรถเรียบร้อยก็หันไปปลดเข็มขัดนิรภัยให้เพื่อน เพราะคิดว่าอีกฝ่ายหลับ แต่เขากลับลืมตามองเธออีกครั้ง “มึงก็ยังดีกับกูเสมอเลยนะ” “พูดอะไรเพ้อเจ้อน่า” น้ำมนต์หันไปหยิบกระเป๋าของตัวเองแล้วลงจากรถ รอจนเพื่อนชายลงมายืนแล้วจึงล็อกรถแล้วเดินนำมาที่ลิฟต์ แต่เห็นท่าทางเดินโซเซทำให้ต้องเดินย้อนกลับมาประคองไหล่ของเพื่อนให้เข้าไปด้านใน “มึงตัวหนักขึ้นอีกหรือเปล่าวะ” หญิงสาวบ่นเพราะรู้สึกว่าเพื่อนตัวหนักขึ้น “เมื่อก่อนหิ้วปีกมึงกูยังหิ้วได้สบาย” “เมื่อก่อนนะ มันสมัยออกค่ายปีหนึ่งไม่ใช่เหรอ” อัคคีหัวเราะแล้วเปลี่ยนมาโยกหัวเพื่อนสาวเล่น ถึงจะเรียนคนละคณะ แต่อยู่ชมรมเดียวกัน ได้ไปทำค่ายอาสาด้วยกันอยู่สองสามครั
เสียงหวานครางสุดเสียงร่องรักขยิบรัวทำให้ตรัยภูมิคำรามไปด้วย เขาถอนแก่นกายออกจากร่องสวาท น้ำเมือกวาวใสอาบลำเอ็นเปียกชุ่ม ชายหนุ่มลงไปยืนข้างเตียงแล้วจับข้อเท้าของแพรวา ดึงร่างเล็กมาที่ขอบเตียง แยกเรียวขาออกกว้างจนเห็นกลีบเนื้อสีอ่อนที่บวมแดงเพราะถูกบดขยี้ แพรวากัดริมฝีปาก เวลานี้เธอไม่สนใจว่าอีกด้านของผนักกระจกจะนัวเนียสลับคู่กันขนาดไหน แต่เวลานี้เธอมีแต่เขาเท่านั้นหนุ่มใหญ่จับเอวคอดไม่ให้หลบหนีแล้วเสียบลำเอ็นเข้าไปจนมิดด้าม หญิงสาวขย้ำหน้าอกตัวเองพลางส่งเสียงเผ็ดร้อนออกมา เขากระแทกลำเอ็นจนร่างเล็กสั่นไหว ในห้องแอร์ที่เย็นฉ่ำแต่ร่างเปลือยสองร่างเปียกไปด้วยเหงื่อและน้ำกาม“ป๋าขา...”“เรียกผัวสิ” เขาสั่งอย่างเอาแต่ใจ น้ำรักไหลอาบลำเอ็นทำให้เขายิ่งซอยเอวได้สาแก่ใจ“ผัว...ผัวขา...”เขากระแทกหนักหน่วงขึ้น เสียงเนื้อกระทบเนื้อดัง ตับ ตับ ตับ เคล้ากับเสียงครางกระเส่า ความเสียดเสียวทำให้โพรงสาวร้อนฉ่าเช่นเดียวกับแก่นกายของเขาที่ร้อนระอุจนในที่สุดก็พ่นลาวาออกมาพร้อมกับร่างเล็กที่เกร็งกระตุกเพราะถึงจุดสุดยอดอีกครั้งตรัยภูมิค่อยๆ ถอนแก่นกายออกช้าๆ มองคราบรักที่ไหลออกมา เขาประคองร่างที่ไร้เรี่ย
“ใจเย็นๆหนูแพร เพิ่งเริ่มเอง”เขาหัวเราะในลำคอแล้วเบี่ยงกางเกงชั้นในตัวน้อยออกไปเพื่อสอดใส่แท่งสีชมพูให้มันสั่นในโพรงสวาท มือเรียวเล็กจิกที่โซฟา ดวงตาคู่หวานจ้องมองภาพเบื้องหน้า สาวสวยหุ่นเร้าใจ สองมือประคองหน้าอกอวบใหญ่เข้าหาจนปลายถันเสียดสีกันไปมา ตรัยภูมิใช้อีกมือที่ว่างขย้ำหน้าอกให้แพรวา หญิงสาวเสียวซ่านได้แต่ครางกระเส่า ร่องรักหลั่งน้ำหวานออกมามาก แพรวาไม่เหลือความอดทนใดๆอีก เธอยกสะโพกขึ้นรับจังหวะจ้วงแทงแท่งสีชมพู สายตาของเธอมองสองสาวที่อยู่หลังบานกระจกใช้แท่งเสียวเสียบในร่องรักของกันและกัน ช่วยกันกระแทกดุ้นสวาทขณะจูบปากแลกลิ้น “อา ซี๊ดดด คุณป๋า หนูแพรจะแตก...อ๊า”เธอหวีดร้องเมื่อถูกเขาปรนเปรอจนน้ำแตก ร่างกายเกร็งกระตุกคาแท่งสีชมพู ริมฝีปากอิ่มเผยอขึ้น ตรัยภูมิไม่รอช้าโน้มหน้าลงจูบกลีบปากหวานฉ่ำ เธอจูบตอบเล่นลิ้นอย่างเร้าร้อน มือใหญ่เลื่อนรูดซิปชุดเดรสของเธอลงเพื่อให้ชุดกระโปรงสีไวน์แดงออกไปพ้นร่าง หน้าอกคู่สวยมีจุกปิดปลายถันอยู่ เขาจัดการมันออกแล้วบี้ปลายถันเล่นทำให้ร่างอรชนบิดเร้าไปมา เธอเสียวซ่านจนต้องขย้ำต้นขาใหญ่ของเขา “ป๋าขา...ใส่เถอะ หนูแพรอยาก