LOGIN
แอดดด
เสียงเปิดประตูเข้ามา ทำให้เจ้าของใบหน้าน่ารักหันไปมองทางต้นเสียง เมื่อเห็นว่าเป็นใครก็ฉีกยิ้มหวานส่งไปให้ทันที
“เสร็จหรือยังเกี๊ยว พี่เขามานั่งรอสักพักแล้วนะ”
“ใกล้เสร็จแล้วค่า~ เดี๋ยวหนูตามลงไปนะคะ”
เสียงของ ‘เกวริน’ ตอบรับเสียงใส ก่อนจะหันมามองกระจกหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ปัดแก้มและเติมลิปกลอสสีชมพูหวานอย่างเร่งรีบ
“อย่าให้รอนานนักล่ะ รีบๆ ลงมาได้แล้ว กว่าเดินทางถึงกรุงเทพ เดี๋ยวก็มืดค่ำเสียก่อน”
“ค่าๆ เดี๋ยวรีบตามไปค่า~”
ว่าแล้วร่างอวบอิ่มในชุดเดรสสีชมพูแขนตุ๊กตาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ หมุนตัวไปมาหน้ากระจกอยู่หลายที จนมั่นใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยจึงรีบไปลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกจากห้องไปอย่างทุลักทุเล
ทางฝั่งของ ‘ภากร’ ซึ่งกำลังนั่งคุยกับผู้เป็นแม่ของเด็กสาวอยู่ด้านล่าง พอเหลือบเห็นเจ้าของร่างอวบอิ่มเดินลงมาจากบันได ก็ลุกขึ้นแล้วไปช่วยเธอถือกระเป๋าเดินทางใบนั้นอย่างที่ทำเป็นประจำ
“เอามา เฮียช่วย”
“อุ้ย...ขอบคุณค่ะเฮียภีม”
เกวรินฉีกยิ้มสดใสส่งไปให้ ‘ว่าที่คู่หมั้น’ สุดหล่อของตัวเองอย่างนึกขอบคุณ ทว่าอีกฝ่ายก็ยังคงตีหน้านิ่งเหมือนเดิม และตอบกลับมาว่า ‘อืม’ เพียงคำเดียวเท่านั้น
ปกติแล้ว เวลาที่มหาวิทยาลัยปิดเทอม หรือเปิดเทอม ภากรก็จะเป็นคนอาสาพาเธอไปส่งที่กรุงเทพฯ แทบทุกครั้ง เนื่องจากก่อนหน้านี้พ่อแม่ของเขาก็อาศัยอยู่ในละแวกเดียวกัน และทั้งสองครอบครัวก็สนิทกันมาก จนถึงขั้นที่เคยเอ่ยปากไว้เมื่อหลายปีก่อนว่าถ้าเด็กสาวเรียนจบเมื่อไหร่ จะให้แต่งงานกันทันที
“ฝากไปส่งยัยเด็กดื้อของน้าหน่อยนะลูก”
“หนูไม่ได้ดื้อสักหน่อย...” เกวรินยู่ปาก เถียงผู้เป็นแม่กลับไปทันควัน ภาวดีเห็นแบบนั้นก็ค้อนลูกสาวตัวดีไปทีหนึ่ง
“ยังจะเถียงอีก?”
“เปล่านะคะ...ไม่ได้เถียงเล๊ยยย”
“เกี๊ยว!”
“ไม่ต้องห่วงครับคุณน้า ผมจะดูแลน้องอย่างดี ไม่ให้ไปเถลไถลที่ไหนแน่นอนครับ” เสียงทุ้มของภากรเอ่ยขึ้นห้ามทัพ สองแม่ลูกจึงยอมสงบศึกย่อมๆ กันชั่วคราว
“ภีมพูดแบบนี้น้าก็สบายใจ แต่ถ้าเกี๊ยวดื้อมากก็จัดการได้เลยนะลูก น้าให้สิทธิ์เต็มที่”
“แม่อะ~!”
“ครับคุณน้า” เขาพยักหน้าน้อยๆ เป็นการตอบรับ เหลือบมองคนตัวเล็กที่ทำหน้ายู่อยู่ข้างๆ แล้วมุมปากก็กระตุกยิ้มบางเบาโดยไม่มีใครทันได้สังเกต
หลังจากที่เกวรินล่ำลากับผู้เป็นแม่เสร็จ ภากรก็ช่วยลากกระเป๋าเดินทางไปไว้ในรถยนต์คันหรูซึ่งจอดรออยู่หน้าบ้านของเด็กสาว
“เดินทางปลอดภัยนะลูกนะ” ภาวดียืนโบกมือน้ำตาซึมอยู่หน้าบ้าน แม้ตอนอยู่ด้วยกันกับลูกสาวจะทะเลาะกันแทบทุกวัน แต่พอต้องห่างกันจริงๆ ก็อดรู้สึกวูบโหวงในใจไม่ได้
“ไม่ต้องห่วงค่า~ ถึงเมื่อไหร่เดี๋ยวหนูไลน์ไปบอกน้า~” เกวรินลดกระจกลงแล้วยิ้มแฉ่งโบกมือกลับรัวๆ จนผู้เป็นแม่หลุดหัวเราะออกมากับท่าทีดี๊ด๊าของลูกสาวเพียงคนเดียวของตน
“วันนี้หนูสวยไหมคะเฮีย”
ขับรถออกจากบ้านมาได้สักพัก เสียงใสของเด็กสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เอ่ยขึ้น เขาจึงตวัดสายตามองเร็วๆ ทีหนึ่งแล้วหันไปสนใจกับการขับรถต่อ
“ว่าไงคะเฮีย หนูสวยไหม?” เสียงหวานถามย้ำอีกครั้ง ด้วยดีกรีดาวคณะฯ บวกกับความน่ารักสดใสและยิ้มง่ายของเธอ ทำให้มีผู้ชายแวะเวียนมาส่งขนมจีบไม่หยุด ทว่าคนที่เธออยากให้สนใจมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น
“ก็ดี...”
อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไม่แสดงอารมณ์อะไร เกวรินได้ฟังก็หน้ามุ่ย ปากขมุบขมิบบ่นเสียงเบาอยู่คนเดียว
ชิ...อุตส่าห์แต่งหน้าแต่งตัวจัดเต็มขนาดนี้ไม่คิดจะชมกันเลยหรือไง!
“แล้วนี่หิวหรือยัง” ภากรเห็นเด็กสาวเงียบไปจึงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง กลัวว่าเด็กกินจุอย่างเกวรินจะงอแงเพราะท้องว่างระหว่างเดินทาง
“หิวค่ะ...”
“อยากกินอะไรล่ะ ใกล้ๆ นี่มีร้านอาหารไทยอยู่ ถัดไปก็เป็นปั๊ม”
“อยากกินเฮียค่ะ หนูกินได้ไหมคะ?”
คนตัวเล็กยิ้มแป้น หันหน้ามาสบตากับตาพร้อมกะพริบตาปริบๆ ท่าทางของเธอดูน่ารักหยิก ทว่าภากรยังอดใจเอาไว้ได้
ท่องไว้ไอ้ภีม...
น้องยังเด็ก...
“เป็นเด็กเป็นเล็กทำไมพูดจาแบบนี้” เขาตีหน้าขรึม หันไปดุเด็กสาวที่ห่างกัน 7 ปีเสียงแข็ง
“ก็ไม่เด็กแล้วนะคะ ปีนี้หนู 21 แล้ว อีกหน่อยพอเรียนจบก็ได้จะได้แต่งกับเฮียแล้วด้วย”
ริมฝีปากอมชมพูฉีกยิ้มกว้าง พูดจ้ออย่างภูมิใจเรื่องที่ครอบครัวของเธอกับเขาเคยสัญญากันไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะว่าเธอเรียนจบเมื่อไหร่ จะให้แต่งงานกันทันที
พูดแค่นี้ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย!
“ใครบอกจะแต่งด้วย?”
“ง่ะ...ก็เฮียไง เฮียบอกจะแต่งกับหนู~”
ว่าแล้วก็ขยับตัวเข้าไปใกล้ กอดแขนล่ำเขาเอาไว้พร้อมถูไถใบหน้าหวานไปมาอย่างออดอ้อน ทว่าโดนมือหนาดันศีรษะเธอออกเสียก่อน
“อย่าเนียน เฮียเคยพูดตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าจะแต่งด้วย”
“ก็ตอนนั้นไง~ ตอนหนูเรียนอยู่ปอสองอะ!”
“ฮะ?”
“อย่าบอกนะว่าลืมจริงๆ อะ” เกวรินกอดอกหันไปมองคนตัวโตตาขวางอย่างแง่งอน
“ก็ลืมจริงๆ นั่นแหละ...”
“เฮีย!”
“หึ...เลิกพูดอะไรไร้สาระได้แล้ว สรุปจะกินอะไร ใกล้จะถึงปั๊มแล้ว เดี๋ยวลงไปซื้อให้”
“ชิ...กินอะไรก็ได้ค่ะ เอาแค่ไส้กรอกห้าไม้ ชาเขียวปั่นแก้วใหญ่หวานมากหนึ่งแก้ว แล้วก็ซาลาเปาสองลูก กับเลย์อีกสองถุงแค่นี้พอ ตอนนี้หนูกินอะไรไม่ค่อยลงน่ะค่ะ”
รายการอาหารที่เด็กสาวร่ายยาวมาเมื่อครู่ทำเอาหลุดยิ้มออกมาจนได้ เขาส่ายหน้าไปมาอย่างจนใจกับท่าทางที่ดูแง่งอนแต่ก็ยังห่วงเรื่องของกินของเธอ
“โอเค...งั้นระหว่างเฮียไปซื้อของ อยากเข้าห้องน้ำก็รีบเข้าแล้วมาเจอกันที่รถนะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
เธอตอบกลับไปเสียงเบา ยังรู้สึกน้อยใจอยู่บ้างเรื่องที่เขาบอกว่าจำเรื่องสัญญาเมื่อหลายปีก่อนไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากจะงอแงใส่เขามากนักเพราะจำได้ดีว่าเขาเคยบอกว่าไม่ชอบเด็กดื้อเอาแต่ใจ พอคิดถึงเรื่องเมื่อตอนนั้น มุมปากของเธอก็ยกยิ้มขึ้นอย่างอารมณ์ดี
‘โตขึ้นจะแต่งกับหนูจริงๆ ใช่ไหมคะ’ เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กหญิงตัวเล็กในวัยเพียง 8 ขวบ เอ่ยถามตาแป๋ว ขณะที่กำลังนั่งทำการบ้านอยู่ในห้องนั่งเล่นใกล้ๆ กับเด็กชายที่ดูโตกว่ามากซึ่งกำลังอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ กัน
‘หืม ไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน’
‘หนูได้ยินพ่อแม่เราคุยกันค่ะ บอกว่าถ้าหนูเรียนจบจะให้เราแต่งงานกัน’
‘อืม...ไม่รู้สิ ไม่ค่อยอยากแต่งกับเด็กดื้อเท่าไหร่แฮะ...’
‘นะ หนูไม่ดื้อค่ะ!’
‘ไม่ดื้อ? ...เมื่อสองวันก่อนใครแกล้งเอาหมากฝรั่งไปใส่ในรองเท้าเพื่อน’ ภากรหรี่ตาจับผิด เพิ่งจะเปิดเทอมได้ไม่กี่วันเด็กแสบก็สร้างวีรกรรมอีกแล้ว
‘กะ ก็อยากมาว่าหนูก่อนทำไมล่ะ...’
‘เอาเป็นว่าถ้าตั้งใจเรียน ไม่แกล้งเพื่อน ไม่แอบหลับในห้องเรียน เดี๋ยวจะกลับไปคิดเรื่องนั้นดูอีกที’ เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พลางโยกศีรษะของเด็กแสบตัวจิ๋วไปมาอย่างเอ็นดู
‘จริงนะคะ สัญญาแล้วนะ!’
‘อื้อ...แต่ต้องดูพฤติกรรมก่อนนะ’
เกวรินมัวแต่นั่งอมยิ้มเหม่อคิดถึงเรื่องเมื่อสิบกว่าปีก่อน จนไม่ได้ยินเสียงเรียกจากคนตัวโตที่นั่งอยู่ข้างๆ
“เกี๊ยว”
“....”
“เกี๊ยว!”
“อุ้ย! ตกใจหมดเลยเฮีย” คนตัวเล็กสะดุ้งโหยงอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงทุ้มอยู่ใกล้ๆ หู “ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ขนาดนี้ เฮียแอบมีใจให้หนูเหรอคะ?”
“.....”
“แหะๆ ...ไม่แซวแล้วก็ได้ เฮียเรียกหนูทำไมคะ”
“ถึงปั๊มแล้ว จะลงไปเข้าห้องน้ำไหม”
“ไปค่ะไป” เธอฉีกยิ้มหวาน พยักหน้ารัวๆ จากนั้นทั้งคู่ก็ลงจากรถแล้วแยกกันไปทำธุระส่วนตัวของตัวเอง
หลังจากที่เกวรินเข้าห้องน้ำเสร็จ เธอก็เห็นร่างสูงของภากรเดินถือถุงขนมเต็มไม้เต็มมือออกมาพอดี เธอฉีกยิ้มกว้างแล้วปรี่เข้าไปช่วยเขาถือ แต่อีกฝ่ายกลับเบี่ยงตัวหลบแล้วเดินนำหน้าไปที่รถโดยไม่หันมามองเด็กสาว
“ทำไมเฮียต้องปฏิเสธน้ำใจหนูด้วยเนี่ย”
ขึ้นมาบนรถเธอก็บ่นเสียงอุบอิบ ตั้งใจอยากจะเข้าไปช่วยเพื่อให้เขาเอ่ยชมแท้ๆ แต่เสียแผนซะได้
“ช่วยกินก็พอ ของแค่นี้จะอยากถือไปทำไม”
ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือหนาไปขยี้ผมยาวที่เด็กสาวเซ็ตเป็นลอนอย่างดีจนยุ่งเหยิงไปหมด
ผมทรงนี้เกวรินตั้งใจม้วนลอนอยู่เกือบชั่วโมง ทว่านอกจากจะไม่โกรธที่เขาทำแบบนี้แล้ว ยังยิ้มแป้นเอียงศีรษะเข้าใกล้ให้เขาสัมผัสได้อย่างเต็มที่ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มหวานหยด
“กลัวหนูเหนื่อยเหรอคะเฮีย~”
“เปล่า...กลัวซุ่มซ่ามจนทำหลุดมือ”
“เฮียอะ!” เกวรินยู่ปากอย่างน้อยใจ แต่พอมองเห็นรอยยิ้มเอ็นดูจากอีกฝ่ายก็เขินจนโกรธต่อไม่ลงแล้ว
“ชิ...เพราะเฮียหล่อหรอกนะ หนูถึงให้อภัยง่ายๆ แบบนี้ ไว้รอบหน้าถ้าเฮียว่าหนูซุ่มซ่ามอีก หนูจะ…”
“จะอะไร?” ภากรเลิกคิ้วถาม เอียงหน้ามองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู
“จะโดดจุ๊บแก้มแบบนี้ไงคะ!”
จุ๊บ!
“!!” เขาถึงกับนิ่งค้างไปชั่วขณะกับการกระทำเมื่อครู่ของเกวริน แม้เธอจะเคยแอบจุ๊บแก้มเขาตอนเด็กๆ แต่พอเริ่มเข้ามหาวิทยาลัยก็ไม่เคยถึงเนื้อถึงตัวกันขนาดนี้มาก่อนเลยสักครั้ง
“แค่สาธิตให้ดูเองค่ะ เฮียตกใจทำไมคะ” เธอยิ้มถามตาเป็นประกาย รู้สึกดีเหลือเกินที่เห็นแก้มของเขามีสีชมพูพาดจางๆ
“เด็กแสบ...”
“อิอิ หนูให้หอมคืนก็ได้นะคะ”
ว่าแล้วก็เอียงแก้มให้เขาเอาคืนอย่างเต็มใจ ทว่าอีกฝ่ายกลับใช้มือหนาดันหน้าเธอออกห่างทันที
“ดื้อเกินไปแล้วนะเกี๊ยว...เลิกเล่นได้แล้ว เฮียต้องใช้สมาธิขับรถ”
เขาเอ่ยเสียงเข้ม สายตาโฟกัสที่การขับรถและมองถนน ตีหน้านิ่งทำท่าเหมือนไม่สนใจเธอ แต่ใครจะรู้ว่าตอนนี้หัวใจแกร่งกำลังเต้นกระหน่ำอย่างหนักจนแทบจะทะลุออกมาอยู่แล้ว
“เชอะ...ไม่ได้เล่นสักหน่อย”
เด็กสาวพูดเสียงอุบอิบ เห็นเขาทำหน้าเคร่งขรึมก็ยู่ปากเล็กน้อย คิดว่าเมื่อครู่ที่เห็นเขาเขินคงแค่ตาฝาดไป
แต่ไม่เป็นไรหรอก...
สักวันเธอจะทำให้เฮียหวั่นไหวให้ได้เลย!
ร่างอวบอิ่มในชุดเดรสสั้นสายเดี่ยวสีดำหมุนตัวไปมาหน้ากระจกอย่างพอใจ ปกติเกวรินไม่ค่อยใส่ชุดรัดรูป แหวกหลัง โชว์เนินอกแบบนี้เท่าไหร่ แต่เพราะคืนนี้เธอวางแผนบางอย่างกับเพื่อนรักเอาไว้แล้ว เลยต้องเปลี่ยนลุคให้ดูเซ็กซี่มากกว่าปกติแชะ แชะ“ลงรูปนี้แล้วกัน...” เกวรินโพสต์ท่าถ่ายรูปหน้ากระจก จงใจโน้มตัวลงต่ำเล็กน้อย แล้วถ่ายมุมสูงให้เห็นร่องอกขาวชัดๆ แล้วลงสตอรี่ในไอจี พร้อมกับแท็กสถานที่ที่เธอนัดกับของขวัญเอาไว้TrrrrrrrrTrrrrrrจังหวะที่เธอหยิบกระเป๋ากลิตเตอร์สีดำขึ้นมา เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นพอดี เกวรินจึงกดรับสายแล้วใส่รองเท้าส้นสูงไปด้วย[ออกมายัง]“ใกล้ถึงแล้ว”[ถึงไหน]“ถึงหน้าประตูห้องฉันเนี่ยแหละ” เกวรินตอบกลับไปกวนๆ จากนั้นก็ได้ยินเสียงพ่นลมหายใจแรงๆ จากเพื่อนรักอย่างที่คิดเอาไว้แกล้งยัยขวัญนี่สนุกจริงๆ ~[ไม่กวนสักวันได้ไหมยัยเกี๊ยว?]“ชิ...ให้ฉันมีความสุขบ้างเหอะ ฉันร้องไห้มาเยอะแล้ว”[ความสุขแกคือการแกล้งชาวบ้าน?]ได้ฟังแบบนั้นเธอก็ฉีกยิ้มกว้างแล้วตอบกลับไปทันควัน“ถูก!”[…….]“ชิ ไม่แกล้งแล้วก็ได้...แล้วนี่แกถึงไหนแล้วอะ”ตอนนี้ต้องให้เพื่อนตัวดีช่วย เธอเลยยอมหยุดกวนประสาทชั่
หลายวันต่อมา@มหาวิทยาลัย“โอเคไหมแก” ของขวัญถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นสภาพหมดอาลัยตายอยากของเพื่อนรักที่แม้จะมาเข้าเรียน แต่เหมือนจะลืมเอาวิญญาณมาด้วย“แกคิดว่าไงล่ะ” เกวรินหันไปคุยด้วยช้าๆ เบะปากเตรียมจะร้องไห้ แต่โดนชี้นิ้วห้ามไว้เสียก่อน“หยุดค่ะ! ไม่ต้องร้องแล้ว!”“อึก...ไม่ได้ร้อง~”“เฮ้อออ...มานี่เลยแก อายชาวบ้านเขา”ว่าแล้วก็ดึงข้อมือเล็กของเกวรินให้เดินตามไปที่ศาลาใต้ร่มไม้ใหญ่แห่งหนึ่งนอกอาคาร ซึ่งบริเวณนี้ค่อนข้างเงียบสงบ คนไม่พลุกพล่านเหมือนตอนอยู่ในโรงอาหารเมื่อครู่“เอาเลย ทีนี้อยากร้องก็ร้องเลย”“อึก...บอกแล้วไงว่าไม่ได้ร้อง” เธอตอบกลับไปเสียงอ้อมแอ้ม ยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ ทีหนึ่ง แล้วสูดน้ำมูกกลับคืนแรงๆ ราวกับเด็กน้อยก็ไม่ปานหลังจากเกิดเรื่องคืนนั้น ตอนเช้าเขาแค่มาส่งที่คอนโดแล้วก็กลับไป เธอรู้ว่าเขาโกรธ แต่เธอก็น้อยใจเขาเหมือนกัน เลยไม่ได้โทรไปง้อหรือคุยกับเขาเลยสักคำจนตอนนี้ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว...“จ้ะ ไม่ร้องเลย”“ฮึก...แกว่าเฮียภีมเขารังเกียจฉันไหม”“ฉันว่าไม่นะ”“แต่เฮียไม่ให้ฉันไปหาที่ห้องแล้วนะ...”“เดี๋ยวก็หายโกรธเองแหละน่า แกอย่ากังวลไปเลย ฉันไม่เคยเห็นเฮี
หลังจากทานมื้อเที่ยงเสร็จ เกวรินก็อ้อนให้ว่าที่คู่หมั้นไปร้านคาเฟ่ดัง ตกเย็นก็แวะซื้อขนมเข้าห้องเล็กน้อย และด้วยความเพลียจากการเดินทางเมื่อวาน บวกกับการเที่ยวเล่นในวันนี้ ระหว่างทางที่ขับกลับคอนโด เด็กสาวจึงผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย กว่าจะตื่นอีกทีก็เป็นตอนที่ภากรอุ้มเธอขึ้นมานอนบนเตียงนุ่มแล้ว“อื้อ~…เฮียภีมขา นอนเป็นเพื่อนหนูหน่อย” เธอปรือตามองคนตัวโตที่กำลังห่มผ้าให้ ดึงข้อมือหนาเต็มไปด้วยเส้นเอ็นของเขาเอาไว้อย่างออดอ้อน“เฮียต้องไปเคลียร์งาน” ภากรตอบเสียงเบา ลูบผมนุ่มของเด็กสาวอย่างอ่อนโยน“ไหนบอกวันนี้ไม่ทำงานไงคะ”“อย่าดื้อสิเกี๊ยว”“แต่ว่า...”“ถ้าไม่ให้ทำงานคืนนี้ พรุ่งนี้เช้าได้อยู่ห้องคนเดียวนะ จะเอาแบบนั้นไหม”“ไม่เอาค่ะ” เกวรินตอบกลับไปทันควัน ยู่ปากน้อยๆ อย่างเสียดาย อยากให้เขานอนเฝ้าเหมือนสมัยเรียนประถมต้น แต่ก็เข้าใจว่าเขามีภาระหน้าที่ของตัวเองที่ต้องจัดการเธอไม่ดื้อแล้วเธออยากเป็นเด็กดีของเฮีย...“งั้นฝันดีนะครับ ค่ำๆ เดี๋ยวปลุกไปอาบน้ำกินข้าว”“อื้อ...สู้ๆ นะคะเฮียภีมคนเก่งของหนู” เธอคลี่ยิ้มหวานส่งไปให้ก่อนจะปิดปากหาววอดแล้วปิดเปลือกตาลงช้าๆ ภากรเห็นแบบนั้นหัวใจแกร่ง
@ห้างสรรพสินค้าขณะที่เดินเข้าไปในห้าง เกวรินก็พิมพ์คุยอะไรบางอย่างในมือถือไม่หยุดจนเกือบจะเดินชนเข้ากับคนอื่นอยู่หลายที จนภากรต้องเป็นฝ่ายจูงมือให้เธอเดินตาม เด็กสาวถึงยอมละความสนใจจากมือถือแล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มหวานให้เขา“มือเฮียใหญ่จัง...หนูชอบ”ว่าแล้วก็ประสานนิ้วมือเข้ากับเขาแล้วแกว่งไปมาอย่างอารมณ์ดี ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยมา ไม่บ่อยนักที่เฮียจะเป็นฝ่ายจับมือเธอก่อนแบบนี้ มีแค่เธอที่อ้อนกึ่งบังคับจับมือเขาเองมากกว่า“ไม่เล่นมือถือต่อแล้วหรือไง”“ทำไมคะ น้อยใจเหรอ?”“เปล่า...” เขาปฏิเสธเสียงเรียบ ทว่าใบหน้ากลับแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นักกับเรื่องเมื่อครู่“หนูคุยกับแม่ค่า~ ไม่ได้คุยกับผู้ชาย เฮียไม่ต้องหึงน้า”“ไร้สาระ...”“ชิ ว่าหนูตลอดเลย” เธอยู่ปากน้อยๆ ไม่ได้แซวอะไรเขาอีก“แล้วได้บอกแม่หรือยังว่ามานอนที่ห้องเฮีย”“บอกแล้วค่ะ แม่บอกว่านอนยาวๆ เลย ไม่ต้องห่วง แม่โอเค”“เกี๊ยว...เอาดีๆ”“แหะๆ ไม่กล้าบอกค่ะ เฮียอย่าบอกแม่นะ หนูกลัวโดนดุ”“แต่ไม่กลัวเฮียดุว่างั้น?”“ถึงเฮียดุ แต่ได้ค้างห้องเฮีย หนูก็ยอมค่ะ” เธอยิ้มแป้นอย่างภูมิใจ แม้จะรู้สึกผิดที่โกหกแม่ แต่เรื่องค
“เฮ้อออ...เฮียภีมขา ทำไงดีคะ หนูลืมเอาคีย์การ์ดคอนโดมา ว้า~ แย่จัง...ลืมของสำคัญได้ไงน้า~”เสียงหวานของเกวรินเอ่ยขึ้นเหมือนรู้สึกผิดเต็มประดา ทว่ามุมปากกลับยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์“เกี๊ยว...เฮียไม่เล่น” ภากรกดเสียงต่ำ หันไปมองเด็กสาวที่นั่งทำตาปริบๆ อยู่ข้างๆ อย่างคาดโทษ“โถ่...เฮียอะ ให้หนูไปค้างห้องเฮียแค่ไม่กี่วันเอง แป๊บเดียวก็สิ้นเดือนแล้ว นะๆๆๆ”“ไปติดต่อนิติ ขอคีย์การ์ดอันใหม่”“ไม่เอา~”“งั้นไปนอนโรงแรม”“ง่ะ...เฮียให้หนูไปนอนด้วยน้า~”ว่าแล้วก็กอดแขนล่ำๆ ของอีกฝ่ายไว้แน่น มองเขาตาแป๋วอย่างน่าสงสารเผื่อเขาจะใจอ่อนบ้าง“ไม่ได้”“แต่แม่ฝากหนูไว้ให้เฮียดูแลแล้วนะ ถ้าเฮียผิดคำพูดมันจะไม่ดีเอานา~”“นี่วางแผนมาแล้วใช่ไหม?” เขาหรี่ตาลงมองคนตัวเล็ก รู้ดีว่านี่ต้องเป็นแผนการของเด็กสาวอย่างแน่นอนรอบก่อนที่มาเล่นในห้องเขาก็แกล้งหลับไม่ยอมกลับห้อง จนต้องอุ้มออกไปส่งที่คอนโดด้วยตัวเอง แต่เธอก็ไม่วายงอแงตลอดทาง จะนอนค้างกับเขาให้ได้ให้ตาย...ทำไมนับวันยิ่งดื้อแบบนี้!“ปะ เปล่านะคะ”“โทรไปบอกน้าภาดีไหมว่าเด็กดื้องอแงจะไปค้างห้องเฮีย?”“เฮียอ่า~ อย่าขู่หนูสิคะ ปกติหนูก็ไปเล่นห้องเฮียอยู่แล้ว แค
แอดดดเสียงเปิดประตูเข้ามา ทำให้เจ้าของใบหน้าน่ารักหันไปมองทางต้นเสียง เมื่อเห็นว่าเป็นใครก็ฉีกยิ้มหวานส่งไปให้ทันที“เสร็จหรือยังเกี๊ยว พี่เขามานั่งรอสักพักแล้วนะ”“ใกล้เสร็จแล้วค่า~ เดี๋ยวหนูตามลงไปนะคะ”เสียงของ ‘เกวริน’ ตอบรับเสียงใส ก่อนจะหันมามองกระจกหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ปัดแก้มและเติมลิปกลอสสีชมพูหวานอย่างเร่งรีบ“อย่าให้รอนานนักล่ะ รีบๆ ลงมาได้แล้ว กว่าเดินทางถึงกรุงเทพ เดี๋ยวก็มืดค่ำเสียก่อน”“ค่าๆ เดี๋ยวรีบตามไปค่า~”ว่าแล้วร่างอวบอิ่มในชุดเดรสสีชมพูแขนตุ๊กตาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ หมุนตัวไปมาหน้ากระจกอยู่หลายที จนมั่นใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยจึงรีบไปลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกจากห้องไปอย่างทุลักทุเลทางฝั่งของ ‘ภากร’ ซึ่งกำลังนั่งคุยกับผู้เป็นแม่ของเด็กสาวอยู่ด้านล่าง พอเหลือบเห็นเจ้าของร่างอวบอิ่มเดินลงมาจากบันได ก็ลุกขึ้นแล้วไปช่วยเธอถือกระเป๋าเดินทางใบนั้นอย่างที่ทำเป็นประจำ“เอามา เฮียช่วย”“อุ้ย...ขอบคุณค่ะเฮียภีม”เกวรินฉีกยิ้มสดใสส่งไปให้ ‘ว่าที่คู่หมั้น’ สุดหล่อของตัวเองอย่างนึกขอบคุณ ทว่าอีกฝ่ายก็ยังคงตีหน้านิ่งเหมือนเดิม และตอบกลับมาว่า ‘อืม’ เพียงคำเดียวเท่านั้นปกติแล้ว







