Se connecterพอเห็นว่าคนตัวเล็กในอ้อมกอดได้หลับไปแล้ว คินก็ช้อนร่างเธอขึ้นในท่าเจ้าหญิงอย่างแผ่วเบา กล้ามแขนแข็งแรงโอบพยุงเธอราวกับกลัวว่าหากแรงเกินไปเธอจะเจ็บ เขาก้าวเดินช้า ๆ พาเธอมาวางลงบนเตียงนุ่ม
เขายื่นมือไปหยิบผ้าห่มที่พับเรียบร้อยอยู่ปลายเตียง แล้วค่อย ๆ คลุมขึ้นมาจนถึงอก ปลายนิ้วสัมผัสผิวเธอเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ก้มลงจูบที่หน้าผากมนอย่างอ่อนโยน
“เดี๋ยวจะรีบกลับมา”
คินเอ่ยเสียงต่ำแต่หนักแน่น ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องของเธออย่างไม่เร่งรีบ แต่แววตากลับมีแววครุ่นคิด
ร่างสูงกำลังจะกลับไปห้องของตัวเองเพื่อเปลี่ยนชุด เนื่องจากเย็นนี้มีนัดกินข้าวกับละอองฝนพี่สาวของคนที่กำลังหลับ ซึ่งเป็นนัดที่ผู้ใหญ่จัดการให้ และเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจปฏิเสธได้ แม้ใจลึก ๆ จะไม่อยากไปก็ตาม
“คินลูก มาทำอะไรที่นี่”
ในระหว่างที่คินกำลังก้าวเดินออกจากตึก เสียงหวานแต่ทรงอำนาจของใครบางคนก็ดังแทรกขึ้นจากด้านข้าง
ขาของเขาที่กำลังเดินก็ชะงักทันที ชายหนุ่มก็หันไปตามเสียง ก่อนจะเห็นคุณน้าลีลาวดีแม่ของละอองฟองที่กำลังเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า แววตาคมของท่านมองมาที่เขาอย่างจับสังเกต
“.....” คินรีบยกมือไหว้ด้วยความนอบน้อม “สวัสดีครับคุณน้า”
“เรามาทำอะไรที่นี่ลูก” เสียงของเธอฟังดูปกติ แต่คินก็สัมผัสได้ถึงความอยากรู้อยู่ลึก ๆ
“ผมมาหาเพื่อนครับ”
เขาเลือกเอ่ยตอบโกหกอย่างรวดเร็ว เพราะถ้าให้พูดความจริง มันก็ไม่สามารถพูดออกไปได้
“เพื่อนเราพักที่นี่เหรอ เพื่อนคนไหน” เธอถามต่อ
“ไอ้เสือครับ แต่ไม่ใช่ห้องของมันหรอก แฟนมันอยู่ที่นี่ มันเลยมาอยู่กับแฟน” เขาตอบพลางเก็บสีหน้าให้เรียบที่สุด
“อ๋อ” คุณน้าลีลาวดีพยักหน้าเบา ๆ แต่สายตายังคงจับจ้องเหมือนกำลังอ่านความคิดเขา
“แล้วนี่คุณน้ามาทำอะไรที่นี่ครับ” คินถามกลับเพื่อเบี่ยงประเด็น
“น้ามาหาลูกสาวคนเล็กน่ะ โทรหาตั้งแต่เช้าก็ไม่ยอมรับสาย น้าเลยมาดูว่าเป็นอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงเธอมีแววห่วงใย แต่ก็ปนความไม่พอใจอยู่บางส่วน “เย็นนี้คงไม่ลืมนัดกับลูกสาวอาใช่ไหม”
“ไม่ได้ลืมครับ ผมกำลังจะกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้อง” เขาเอ่ยตอบสั้น ๆ แต่ชัดเจน
“อ๋อ งั้นอาไม่กวนแล้ว รีบไปเตรียมตัวเถอะ”
“ครับ” คินยกมือไหว้อีกครั้งเพื่อเอ่ยลา ก่อนจะหมุนตัวเดินออก มา ก้าวยาวและเร่งจังหวะมากขึ้น เพื่อไปยังลานจอดรถราวกับอยากออกห่างจากสายตาของผู้ใหญ่ที่สามารถอ่านเขาได้ทะลุใจ
ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นกลางความเงียบงัน ทำให้ละอองฟองที่เพิ่งหลับไปได้ไม่นานสะดุ้งตื่น หญิงสาวขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ เพราะตั้งแต่ย้ายมาอยู่ห้องนี้ ก็แทบไม่มีใครมาหา นอกจากพี่คินเพียง
คนเดียว“ใครมานะ”
ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เธอรีบลุกจากเตียง เดินออกมาหน้าห้องนอนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยุดที่ประตูแล้วส่องผ่านตาแมวออก ไป สิ่งที่เห็นทำให้หัวใจเธอสั่นระรัว เพราะตอนนี้แม่ของเธอกำลังยืนกอด อกอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอยู่อีกฝั่งของประตู
ละอองฟองรีบเช็กเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนจะสูดหายใจให้เต็มปอด หลังจากนั้นก็ยื่นมือไปเปิดประตู
“สวัสดีค่ะคุณแม่”
เธอยกมือไหว้อย่างนอบน้อม แต่แทนที่จะได้รับรอยยิ้มตอบกลับ กลับเป็นใบหน้าที่ชักสีหน้าไม่พอใจ และก้าวแทรกเข้ามาในห้องโดยไม่รอคำเชิญ
“.....” หญิงสาวเห็นแบบนั้นก็รีบเดินตามเข้ามาในห้องติด ๆ
“ฉันโทรหาทำไมไม่รับสาย” เสียงของแม่เย็นชาและกดดัน
“พอดีหนูทำโทรศัพท์ตก มันเปิดไม่ติดค่ะ”
“แล้วทำไมไม่ไปซื้อเครื่องใหม่ รู้ไหมว่าฉันโทรหาเป็นร้อยสายแต่เธอไม่ยอมรับเลยสักครั้ง มันน่ารำคาญขนาดไหน”
“ขอโทษค่ะแม่ เดี๋ยวพรุ่งนี้หนูจะไปซื้อเครื่องใหม่”
“.....” แม่เธอเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนเหมือนออกคำสั่ง “อีกสักพักจะมีคนเอาชุดเข้ามาให้ เปลี่ยนชุดแล้วลงไปรอรถที่หน้าคอนโดฯ ฉันให้คนรถมารอไปส่งที่โรงแรม XX”
“ไปทำไมคะ” ละอองฟองขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
“คุณพอลต้องการกินข้าวกับเธอ”
“พอลไหนคะ”
“อย่าถามมาก ฉันสั่งอะไรก็ทำไป” น้ำเสียงนั้นไม่มีที่ว่างให้ต่อรองเลยสักนิด
“แม่คะ เขาเป็นใครเหรอ”
“.....” คุณหญิงลีลาวดีถอนหายใจอย่างรำคาญ “เป็นคนที่พ่อเธอต้องการร่วมงานด้วย เขาสนใจเธอ เลยอยากกินข้าวด้วย”
หัวใจของละอองฟองเริ่มร่วงวูบ เธอรู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ตัวเองอยากเจออีก
“หนูไม่อยากไปค่ะแม่ หนูขอไม่ไปนะ” เธอพูดจากใจจริง เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พ่อกับแม่ส่งเธอไปกินข้าวกับพวกหุ้นส่วน หรือคนที่ท่านอยากร่วมงานด้วย แต่มันเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ โดยส่วนใหญ่ที่เคยเจอจะเป็นผู้ชายวัยเดียวกับพ่อ พวกคนแก่ที่ชอบมองเธอด้วยสายตาล่วงเกิน ทำให้เธอรู้สึกทั้งขยะแขยงและกลัว
“แกมีสิทธิ์ปฏิเสธด้วยเหรอ ฉันสั่งอะไรก็ต้องทำ” เสียงของแม่เริ่มแข็งกร้าว
“แม่คะ”
“.....”
“นี่เอาไปอ่าน เวลาเขาถามอะไรจะได้ตอบได้” แม่โยนซองเอกสารมาวางลงบนโต๊ะ “ถ้าเธอทำให้เขาเซ็นสัญญาได้ อยากได้อะไรก็บอก พ่อเธอยินดีที่จะซื้อให้ทุกอย่างตามที่เธอต้องการเลย”
“หนูไม่อยากได้อะไร ไม่อยากไปด้วย”
เพียะ!
เสียงฝ่ามือกระทบแก้มดังก้อง ละอองฟองหน้าหันไปตามแรงตบ ความร้อนแล่นวาบบนผิวแก้ม น้ำตาเริ่มคลอก็ค่อย ๆ ไหลรินอาบแก้ม
“ฉันสั่งอะไรแกก็ต้องทำ”
“แม่คะ หนูเป็นลูกแม่นะ” เธอเอ่ยเสียงสั่น เหมือนกำลังร้องขอเศษเสี้ยวความเห็นใจจากผู้ให้กำเนิด
“ก็เพราะแกเป็นลูกฉันไง แกถึงต้องทำตามที่ฉันสั่ง”
คำตอบนั้นเย็นชา ไร้ซึ่งความอ่อนโยนใด ๆ ราวกับตอกย้ำว่าความเป็นแม่ลูกในบ้านนี้มีไว้เพื่อใช้เป็นเครื่องมือ ไม่ใช่สายใยรัก
“.....” ละอองฟองเม้มริมฝีปากแน่น พยายามกลืนคำพูดทั้งหมดลงคอ
“อย่าไปสายนะ ถ้าแกทำให้ฉันกับพ่อขายหน้า ฉันเอาแกตายแน่”
น้ำเสียงนั้นเย็นเยียบและเฉือนลึกลงในหัวใจ ละอองฟองยืนตัวแข็งราวกับถูกตรึงไว้กับพื้น ริมฝีปากสั่นไหวแต่ไม่มีเสียงใดหลุดออกมา
ความรู้สึกเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นบีบคอเธอไว้ ลมหายใจเริ่มติดขัด แผ่นอกขยับขึ้นลงถี่รัว ความร้อนจากแรงตบยังคงแผดเผาแก้ม แต่กลับไม่ร้อนเท่าความรู้สึกเจ็บลึกในอก
เธอก้มหน้าลงพื้น ไม่กล้าสบตาผู้ให้กำเนิดที่ยืนอยู่ตรงหน้า เพราะทุกครั้งที่สบตา เธอจะเห็นเพียงความคาดหวังที่เต็มไปด้วยแรงบีบคั้น
ไม่มีพื้นที่ให้ตัวตนของเธอได้หายใจเสียงรองเท้าส้นสูงของแม่ดังกึกก้องห้อง เมื่อท่านเดินตรงไปที่ประตู ก่อนหันมามองเธอครั้งสุดท้ายด้วยสายตาที่เหมือนจะย้ำเตือนว่าอย่าขัดคำสั่ง
ประตูปิดลงอย่างแรง ทิ้งให้ห้องทั้งห้องเงียบกริบ ละอองฟองทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างหมดแรง น้ำตาที่กลั้นไว้อย่างยากลำบากก็ไหลลงอาบแก้มทันที
เธอหลับตา แล้วสูดอากาศหายใจลึกอย่างพยายามควบคุมตัวเอง แต่หัวใจกลับสั่นระรัวด้วยทั้งความกลัวและความสิ้นหวัง เพราะรู้ดีว่าไม่ว่าเธอจะรู้สึกอย่างไร สุดท้ายเธอก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอยู่ดี
“หนูก็ลูกแม่เหมือนกัน ทำไมถึงไม่รักหนูเหมือนที่แม่รักพี่ฝนบ้าง”
หลังจากหญิงสาวปลดปล่อยคราบคาวรักออกมา จนถึงกับหอบหายใจถี่ คินก็พลันปาดลิ้นโลมเลียไปทั่วกลีบดอกไม้ เพื่อกลืนกินน้ำหวานทั้งหมดของเธอแน่นอนว่าในจังหวะนั้น ร่างกายของเธอก็พลันสั่นกระตุกอีกครั้งคล้ายคนจวนจะเสร็จสม ทั้งเสียวซ่าน ทรมานและรู้สึกสุขสมอารมณ์ไปพร้อมกัน“อึก...อื้อ พี่คิน พอแล้ว นะ...หนูเสร็จแล้ว อือ...”เธอเอ่ยเสียงสั่นพลางพยายามดันใบหน้าของชายหนุ่มอีกห่างจากตัวเอง เพราะแค่ถูกเขาสัมผัสเพียงเล็กน้อย เธอก็เสียวซ่านจนใจแทบจะขาดเสียให้ได้ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะถูกเขากินในห้องครัวแทนข้าวแบบนี้“หนูเสร็จแล้ว แต่พี่ยังไม่เสร็จนี่” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาตอบเสียงเรียบ ๆ แบบไม่อายปาก“พะ...พี่ยังไม่เสร็จแล้วจะให้หนูทำยังไงเล่า”ละอองฟองเอ่ยตอบทั้งที่หน้าแดงก่ำ ไม่กล้าสบตากับอีกฝ่าย แถมยังเริ่มรู้สึกเขินอายขึ้นมานิด ๆ จนต้องยกมือขึ้นปิดหน้าอก พลางหุบขาเข้าหากันอีกครั้งทว่าคินกลับเร็วกว่า เขาคว้าวงแขนเรียวทั้งสองข้างเอาไว้ ก่อนจะซุกหน้าเข้าหาเต้าอวบที่ชูช่อเต่งตึงล่อใจอยู่ตรงหน้า พลางอ้าปากงับด้วยท่าทางหิวโหย“อ๊ะ! อะไรกัน พี่คิน อื้ออ กินไปรอบหนึ่งแล้วนี่นา อ๊า”ละอองฟองแกล้งโวยวายเบา
คินเดินเข้ามาในบ้านด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม อารมณ์ดีตั้งแต่ยังไม่ก้าวพ้นประตู เพราะเพียงแค่คิดว่าภรรยาสาวกำลังลงมือทำอาหารรอเขาอยู่ ความเหนื่อยล้าจากการทำงานทั้งวันก็พลันสลายไปในพริบตาโดยทันทีที่เสียงประตูบ้านปิดลง ภาพที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำเอาหัวใจของเขาเต้นแรงกว่าเดิม เพราะตอนนี้ภรรยาสาวกำลังยืนอยู่หน้าเตาในครัว ร่างบอบบางสวมผ้ากันเปื้อนพิมพ์ลายน่ารัก ผมยาวถูกรวบขึ้นลวก ๆ ให้พ้นใบหน้า เผยลำคอระหงขาวนวล ขณะที่มือเล็กกำลังขยับปรุงอาหารอย่างคล่องแคล่วเธอกำลังฮัมเพลงเบา ๆ ไปตามจังหวะดนตรีที่เปิดคลออยู่ เสียงหวานนั้นกลมกล่อมพอ ๆ กับกลิ่นหอมจากหม้อแกงที่ลอยอบอวลไปทั่วห้องครัวคินหยุดยืนมองอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่งโดยไม่เอ่ยอะไร แววตาคมเต็มไปด้วยความละมุน ราวกับต้องมนตร์สะกด เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าความสุขของตัวเองจะเรียบง่ายเพียงเท่านี้ การได้กลับบ้านมาเจอผู้หญิงคนนี้ที่ยืนรออยู่ในครัวริมฝีปากหยักยกยิ้มกว้างขึ้นอีกนิด ก่อนที่เขาจะเดินย่องเข้าไปข้างหลังเธออย่างเงียบเชียบ พลางยกแขนกว้างโอบเอวบางจากด้านหลังแนบแน่น ก้มหน้าซุกลงที่ไหล่ขาวพร้อมสูดกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเธออย่างเต็มปอด“หอมทั้งกับข้าว หอมทั้ง
“คุณหนู”ทันทีที่ร่างบางก้าวลงจากรถ เหล่าแม่บ้านต่างก็รีบวิ่งกรูเข้ามาหาด้วยสีหน้าดีใจที่ได้เห็นเจ้านายสาวกลับมา หญิงสาวเห็นดังนั้นก็รีบยกมือไหว้อย่างนอบน้อม“สวัสดีค่ะ ช่วยเอาของหลังรถเข้าไปในบ้านให้หน่อยนะคะ วันนี้หนูแวะซื้อของมาเยอะเลย” เธอกล่าวเสียงอ่อนหวาน ก่อนจะยิ้มบาง “มีขนมครกด้วยนะ เอาไปแบ่งกันกินได้เลยค่ะ”“ขอบคุณค่ะคุณหนู” เสียงแม่บ้านตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง ต่างช่วยกันขนของเข้าไปอย่างขะมักเขม้น“แล้วนี่คุณพ่อกับคุณแม่อยู่ไหนเหรอคะ” เธอหันไปถามแม่นมที่คอยเดินตามไม่ห่าง“คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายกำลังนั่งดื่มชาที่หลังบ้านค่ะ”“อ๋อ งั้นหนูไปหาคุณพ่อคุณแม่ก่อนนะคะ แม่นมไปนั่งพัก กินขนมกับพี่ ๆ เขาได้เลย”“ได้ค่ะคุณหนู” แม่นมพยักหน้า ยิ้มอย่างเอ็นดู ก่อนจะถอยออกไปหญิงสาวเดินตรงไปยังสวนด้านหลังบ้านอย่างคุ้นเคย กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกมะลิที่ปลูกเรียงรายตามทางเดินโชยมาตามสายลมอ่อน ๆ จนทำให้เธอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวพอมาถึงหลังบ้าน ก็พบว่าคุณพ่อกับคุณแม่กำลังนั่งจิบชากันอยู่ที่ศาลากลางสวน บรรยากาศร่มรื่นจนชวนให้รู้สึกอบอุ่นใจ“คุณพ่อ คุณแม่ สวัสดีค่ะ” เธอรีบยกมือไหว้ด้วยความนอบน้อมทันทีที่
“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่”ทันทีที่รถจอดสนิท ละอองฟองก็รีบเปิดประตูลงจากรถ ก่อนจะเดินจูงมือสามีหนุ่มตรงเข้าไปในตัวบ้านด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความคิดถึงคนบ้านหลังนี้เมื่อก้าวเข้ามาด้านในแล้ว เธอก็พบกับคุณพ่อคุณแม่ของคินที่กำลังนั่งเล่นอยู่กับหลานชายตัวน้อยวัยสองขวบ ลูกชายคนเล็กของคิมน้องชายฝาแฝดของสามี ซึ่งทันทีที่ทั้งสองท่านเห็นเธอเดินเข้ามา ก็ยิ้มกว้างพลางกวักมือเรียก ละอองฟองจึงรีบเดินเข้าไปกอดท่านทั้งคู่ด้วยความรักและผูกพัน“คิดถึงจังเลยลูก ตอนพี่คินโทรมาบอกว่าหนูมาหาที่บริษัท แม่ก็ตกใจนะ เพราะเมื่อวานยังคุยกันอยู่ ไม่เห็นบอกอะไรเลย”“ถ้าบอกก่อน งั้นก็ไม่เซอร์ไพรส์สิคะ” ละอองฟองยิ้มสดใส ก่อนจะหันไปโบกมือทักหลานชายตัวน้อยที่นั่งเล่นอยู่ “ตัวเล็กน่ารักจังเลยค่ะแม่”“จริงจ้ะ น่ารักมากเลย”ละอองฟองมองเด็กน้อยด้วยสายตาอบอุ่น ก่อนจะหันกลับมาถาม “แล้วพ่อแม่ของหลานไปไหนกันคะ”“พ่อแม่เขาพาเจ้าแฝดไปซื้อชุดนักเรียนน่ะลูก เปลี่ยนชั้นเรียนแล้ว ชุดมันคับก็เลยต้องไปซื้อใหม่”“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง”ละอองฟองพยักหน้าเข้าใจ คุณแม่ก็ไม่รอช้า จูงมือเธอไปนั่งลงที่โซฟาตัวว่าง โดยมีพี่คินนั่งลงเคียงข้างไม่ห่าง
ห้าปีต่อมา...“ถ้าทำมาแล้วได้แค่นี้ ทีหลังก็ลาออกไปซะ ฉันจะได้หาคนใหม่มาทำแทน” คินตวาดเสียงเข้ม พลางโยนเอกสารในมือลงกระแทกโต๊ะอย่างแรง เสียงกระดาษกระจายไปทั่วห้องประชุมจนพนักงานหลายคนสะดุ้งเฮือก หน้าซีดเผือด ต่างก้มหน้างุดไม่กล้าแม้แต่จะสบตา“วันนี้ประชุมแค่นี้ สัปดาห์หน้าหวังว่าจะไม่เป็นแบบนี้อีก ไม่อย่างนั้น เตรียมหางานใหม่ยกทีมได้เลย”น้ำเสียงเย็นเยียบของเขากระแทกลงกลางใจคนฟัง ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องประชุมด้วยสีหน้าตึงเครียด ขณะที่บรรยากาศหนักอึ้งยังคงคลุ้งอยู่อย่างนั้น“ท่านรองจะรับกาแฟอีกไหมครับ ผมจะได้ไปจัดการให้” ศักดนัย เลขาฯ คู่ใจที่เดินตามหลังเอ่ยขึ้นอย่างเกรงใจ“ไม่ต้อง เอางานค้างทั้งหมดเข้ามา ฉันจะเคลียร์ให้เสร็จเอง”คินถอนหายใจแรงราวกับระบายความหงุดหงิด ก่อนจะเปิดประตูห้องทำงานเข้าไป แต่พอเข้ามาด้านใน กลับมีบางสิ่งทำให้เขาชะงัก กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของน้ำหอมที่เขาคุ้นเคย กลิ่นที่ละอองฟองชอบใช้เสมอ มันอบอวลจนหัวใจเขาเผลอสั่นไหว“นี่กูคิดถึงเมียจนเพี้ยนไปแล้วเหรอเนี่ย”เขาพึมพำกับตัวเองพลางทิ้งตัวลงบนเก้าอี้หนัง ยื่นมือไปหยิบเอกสารตรงหน้าขึ้นมาพลิกดูพอให้จิตใจได้จดจ่อก
หลายวันต่อมา...“วันนี้หนูแต่งตัวเป็นยังไง สวยไหมคะ” เสียงหวานเอ่ยถามพร้อมกับหันไปทำตาแป๋วมองคนข้าง ๆ“สวย” คินตอบสั้น ๆ แต่สายตาคมยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าเธอไม่วางตา “แต่ว่าฉันว่าแก้มมันแดงไปหน่อยนะ”ละอองฟองรีบยกมือขึ้นจับแก้มตัวเองทันที “ไม่แดงหรอก แบบนี้แหละ เทรนกำลังมา” น้ำเสียงของเธอเจือความมั่นใจปนขี้เล่นเล็ก ๆคินส่ายหน้าเบา ๆ แต่รอยยิ้มมุมปากกลับปรากฏขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ “ตามใจ” เขาพูดช้า ๆ ราวกับจะยอมแพ้ให้กับความดื้อรั้นของคนตัวเล็ก “วันนี้วันสุดท้ายแล้ว ตั้งใจสอบให้ดี ถ้าเทอมนี้เกรดออกมาสวย อยากได้อะไรก็จะซื้อให้”น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ดังอยู่ในรถทำให้บรรยากาศอบอุ่นขึ้นทันที แม้จะเป็นประโยคธรรมดา แต่ละอองฟองกลับยิ้มกว้างเหมือนเด็กที่ได้ยินสัญญาจากผู้ใหญ่ใจดี“จริงเหรอคะ พูดแล้วห้ามคืนคำนะ” เธอเงยหน้าขึ้นมามองทันที “อืม” เขาพยักหน้ารับสั้น ๆ “งั้นหนูอยากได้รถใหม่ เอาแบบแพง ๆ เลยนะ” เธอพูดพลางยิ้มกวน ความจริงไม่ได้อยากได้สักหน่อย แค่อยากลองเชิงเขาดูว่าถ้าเป็นของชิ้นใหญ่ขนาดนี้ เขาจะยังตามใจเธออยู่หรือเปล่าคินเหลือบตาไปมองนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบเรียบ ๆ แต่แฝงความมั่นคงในน้ำเสียง“







