LOGIN"มาห้ามในสิ่งที่ยากที่สุดทำไม รุ่นพี่เดินมาแล้ว เลิกทำตัวเหมือนหมาถูกเจ้าของทิ้งได้แล้ว" ไคชัวร์บอกพลางลุกขึ้นยืนแล้วไปเตรียมตัวในส่วนของสนามบินทันที
"เข้าไปข้างในกันเถอะ"
"ครับ พี่จินฮวน"
ตอนแรกอยากจะถามว่าคนอายุน้อยกว่าเป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้นแต่ได้ยินเสียงที่ดังพอสมควรของไคชัวร์เลยทำให้เข้าใจและเดินมาเรียก ใบหน้าหวานพยายามกลั้นหัวเราะไม่ให้อีกคนรู้ตัว บทสนทนาของทั้งสองคนก่อนหน้านี้จินฮวนได้ยินทั้งหมด แต่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเท่านั้นเอง
"จินฮวน ถ้ามันยากขำออกมาดีกว่า" เขาเห็นน้องชายฝาแฝดที่พยายามกลั้นหัวเราะแล้วเหมือนทรมาณ ถ้าแบบนี้หัวเราะออกมาไม่ดีกว่าเหรอ
"ถ้าผมหัวเราะเดี๋ยวน้องจะรู้ครับว่าได้ยินที่คุยกัน"
"ก็ได้ยินจริงๆ คุยกันเสียงดังขนาดนั้น ไม่มีทางที่จะไม่ได้ยิน"
จินฮานเห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา คุยกันเสียงดังแบบนั้นเป็นใครก็ต้องได้ยินทั้งนั้นเพราะยืนอยู่หน้าทางเข้า ถึงจะไม่รู้ว่าเรื่องอะไรแต่ได้ยินว่าคุยอะไรแน่นอน ได้แต่ส่ายห
“อย่าดีแต่ปาก ทำให้ได้ด้วย” ไคชาร์ตอบออกไป“เป็นไคชัวร์ปลอมตัวมาใช่ไหมเนี่ย! ทำไมปากร้ายแบบนี้” ไคซีเริ่มไม่ไว้ใจ“ผมนี่ล่ะ! ไม่ใช่ไคชัวร์หรอก แต่บอกตรงๆ ว่ารำคาญการรับปากด้วยปากเต็มทนแล้ว กลับไปทำหน้าที่การงานที่ควรทำเถอะ”“พี่สามารถกลับมาบ้านตอนเทศกาลได้ใช่ไหม”“กลับมาได้เสมอถ้าเป็นเทศกาล หรือมีเอกสารที่ต้องสอบถามจากพ่อแม่ แต่ถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องเสนอหน้ามา ผมให้แค่นี้ล่ะ ถือว่ายอมมากแล้ว”“นั่นสินะ ถ้าเทียบกับที่ผ่านมาคงอึดอัดน่าดู”“ผมอึดอัดมานานแล้วแค่ไม่อยากพูดเฉยๆ แต่รอบนี้มันไม่ใช่แล้ว มันมากเกินจะทน ไม่ส่งนะ! ดูแลตัวเอง”ไคซีมองน้องชายคนเล็กของบ้านเดินออกจากห้องนอนตนเองไปด้วยแววตาเศร้าหมอง เธอก็แค่อยากให้ความรักกับน้องชายทั้งสองคน ที่ในอดีตความอิจฉาของเธอมันบังตาทำให้ไม่ได้ให้ความรักอย่างที่ควรจะเป็น ทำดีแค่เฉพาะกับตอนที่พ่อแม่อยู่เท่า
“หมายความว่ายกโทษให้พี่แล้วงั้นเหรอ” ไคซีถามด้วยความสงสัย“ก็บอกว่ารับทราบแล้วจะเก็บไปคิดอีกที พี่หูไม่ดีเหรอ” ไคชาร์บอกพลางด้วยสายตาเอือมระอา บางครั้งก็รู้สึกว่าถ้าทำเหมือนไม่ตอบไปซะแบบไคชัวร์ก็อาจจะดีไม่น้อยเลย ทำไมยิ่งตอบเหมือนยิ่งปวดหัวมากกว่าเดิมก็ไม่รู้“แล้วมันต่างกันยังไง”“ต่างสิ ยกโทษให้หมายความว่าผมให้อภัยแล้ว แต่บอกว่ารับทราบหมายถึงรับรู้ ไปเรียนหลักภาษามาใหม่เถอะ”“ไอ้แฝดนรกเอ๊ย!” ไคซีด่าไล่หลังตามมา“ขอบคุณครับ” ไคชาร์ขานรับแล้วเดินออกมาจากห้องเป็นคำที่ได้ยินมานานจนเรียกว่าเคยชินแล้วหรือเปล่ากับคำว่าแฝด แล้วไม่รู้ว่าไปเอาคำนั้นมาจากไหน แต่ก็ไม่สนใจหรอก จะเรียกยังไงก็ช่าง ตราบใดที่คนรักยังจำเขาไม่สลับกับพี่ชายฝาแฝดก็เพียงพอแล้ว คนอื่นก็ช่างมันแล้วกัน
ณ สนามบินนานาชาติไต้หวันเถา-ยุเหวียน“พวกเราขยันกลับมาไต้หวันกันเหลือเกินนะ ทำเหมือนมันอยู่แค่หน้าทางเข้ามหาลัยกับหอพักเลย” ไคชัวร์บอกพลางมองไปรอบสนามบิน“คนที่ให้บินมาคือแกไม่ใช่หรือไง จะมาบ่นอะไรอีก” ไคชาร์บอกพลางหาวไปด้วย ก็แค่คุยกันว่าควรจัดการเรื่องให้เรียบร้อยสักพักตัวมาอยู่บนเครื่องบินแล้ว ดูออกเลยว่ามันสั่งให้คนพามาบนเครื่อง ไม่ได้ถามความสมัครใจกันและจะมาพูดเพื่ออะไร“ไม่คิดจะทำตัวดีใจว่าได้กลับมาบ้านเกิดหน่อยเหรอ”“รีบนั่งรถกลับบ้านเถอะ จะได้เคลียร์ปัญหากัน”รถลีมูซีนจอดรอให้ทั้งคู่ขึ้นไปและเมื่อเข้าไปแล้วแฝดพี่นั่งเล่นเกม ส่วนแฝดน้องนอนหลับไม่สนใจใคร บรรยากาศของทั้งคู่ในครั้งนี้ดูไม่ดีเอาเสียเลย ทำให้คนขับรถและคนที่นั่งข้างกันนั้นพากันเงียบตามไปด้วย เพราะกลัวจะรบกวนจนทำให้ทั้งสองคนไม่พอใจขึ้นมาแกร๊ก!
“เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะครับ” จินฮวนถามย้ำอีกครั้ง“จะถามทำไม ในเมื่อก็ได้ยินอยู่แล้ว” จินฮานยักไหล่แล้วกลับมานั่งกินข้าวแทนการตอบ ใครจะบ้าตอบอีกรอบให้โดนด่ากันล่ะ หนีมากินข้าวน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้“มีอะไรกันหรือเปล่าครับ” ไคชาร์ถามพลางสะบัดผมไปมาอยู่หน้าห้องน้ำ เหมือนได้ยินเสียงเถียงกันไปมาอยู่สักพัก หรือเขาไม่ควรถามเพราะเหมือนรุ่นพี่จะถลึงตาใส่แม้ไม่ได้พูดออกมา ส่วนพี่จินฮวนรอยยิ้มดูน่ากลัวแปลก ๆ“มี / ไม่มี” คำตอบของทั้งคู่ไม่ตรงกันยิ่งดูน่าสงสัยกว่าเดิม“แค่อยากได้ยินพี่ชายพูดซ้ำ แต่เหมือนว่าจะไม่อยากพูดออกมาเท่านั้นเอง” จินฮวนไม่ยอมแพ้ เขายังอยากให้อีกฝ่ายพูดออกมาให้ได้ อย่าคิดที่จะหนีเด็ดขาด“ไม่มีอะไรจะพูด ไม่ชอบพูดซ้ำ” จินฮานเอ่ยพลางยักไหล่“พี่จ
แกร๊ก!“เฮ้อ.....นึกว่าจะไม่รอดแล้ว เป็นยังไงบ้างล่ะ ฝีมือของฉัน”“สมบูรณ์แบบเหมือนคุณชายใหญ่มาก สมกับเป็นฝาแฝดกันเลยครับ ตอนแรกผมคิดว่าจะมีเพียงคุณชายจินฮานเท่านั้นที่จะปลอมตัวเป็นคุณชายจินฮวนได้ แต่วันนี้คิดว่าทั้งสองฝีมือการแสดงยอดเยี่ยมจริง ๆ ” เลขาของจินฮานเอ่ยปากชม เอาจริงเหมือนมากจนเขากลัวจริง ๆ ไม่ใช่แค่การแสดงเท่านั้นแต่คงไม่กล้าบอกออกไปว่าความกลัวทั้งหมดนั้นเกิดจากเขากลัวคุณชายจินฮวน ไม่ใช่เพราะว่ากลัวคุณชาย จินฮานเลยแม้แต่น้อย สีหน้า การพูด ท่าทาง แทบจะกลายเป็นคนเดียวกัน ถึงจะอยู่ด้วยกันมากแค่ไหนแต่การแสดงเป็นอีกคนที่ไม่ใช่ตัวเองมันไม่น่าจะง่ายขนาดนั้น แต่พวกเขาทำได้ราวกับหายใจ บ่งบอกถึงความรักและความใส่ใจกัน“ถ้างั้นไปเยี่ยมพี่จินฮานที่โรงพยาบาลกันเถอะ ป่านนี้คงเป็นห่วงผมแย่แล้ว”“ได้ครับ คุณชายเล็ก”เขากดสั่งอาหารร้
ณ งานการกุศลเป็นการออกงานครั้งสุดท้ายของ จินฮานก่อนจะกลับไปเรียนหนังสือตามปกติร่วมกับน้องชายฝาแฝด ข่าวลือที่เขามักจะรักและเอ็นดูน้องมากผิดปกตินั่นไม่ใช่ข่าวลือที่เกินจริง เพราะมันเป็นเรื่องจริงมานานแล้ว ทุกคนในแวดวงธุรกิจและสังคมรับรู้โดยทั่วกันว่าจินฮวนได้รับความรักมากผิดปกติและเจ้าตัวก็ไม่ได้บ่นหรือปริปากอะไรทั้งนั้น รวมถึงยอมรับทั้งหมดนั่นด้วยความเต็มใจและรอยยิ้มที่สดใสอีกต่างหาก ทำให้ไม่มีใครรู้สึกแปลกใจกับประเด็นนี้เท่าไหร่ ทุกสายตาจับจ้องไปยังผู้มาใหม่จากรถลีมูซีนรุ่นล่าสุดว่าใครสามารถซื้อทันในรอบแรกที่มีวางขายในอเมริกาเมื่อประตูเปิดออกมาว่าเป็นใคร ทำให้รู้ว่าไม่ใช่เรื่องที่ควรตกใจเช่นกัน เพราะคนชอบรถมากอย่างจินฮานจะต้องซื้อเก็บสะสมเอาไว้อย่างแน่นอน“จำเป็นจะต้องซื้อทั้งหมดกี่ภาพ อยากรีบกลับบ้าน” รวมถึงเรื่องที่เป็นคนปากร้ายมากที่สุดก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แตกต่างจากน้องชายฝาแฝดอย่า







