LOGINจนแล้วจนรอดก็กระท่อนกระแท่นมาถึงอัครสถาน ดินแดนมหาเศรษฐีที่คฤหาสน์ประจำตระกูลของมิวท์ตั้งอยู่จนได้ มันไม่ได้ย่อยสลายไปอย่างที่พีแช่ง แถมยังตั้งตระหง่านมองเห็นแต่ไกลโดดเด่นค้ำฟ้าด้วยโดมทรงระฆังคว้ำถึง 3 หลัง
.
ด้านในมีสนามหญ้ากว้างขวาง กำแพงรั้วปรากฎสัญลักษณ์บริษัท AP เด่นหลาชัดเจน บริษัทแห่งนี้เป็นอะไรที่ใหญ่โตระดับประเทศ ครอบครองกิจการแทบจะทุกอย่างตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ไล่มาตั้งแต่ผลิตปุ๋ย , ส่งออก - นำเข้ารถยนต์ , ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ , อินเตอร์เน็ต , ค่ายโทรศัพท์ , ไม้เว้นแม้กระทั่งห้างสรรพสินค้าหรือกิจการร้านสะดวกซื้อ จนเคยมีคนนิยามว่าในแต่ละวันล้วนเป็นไปไม่ได้เลยที่คนในประเทศจะไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท AP พวกเขาอยู่เหนือกคำว่าผูกขาด ใหญ่ย้ำค้ำฟ้าใครก็สู้ไม่ได้
.
คาแร็คเตอร์ที่ว่าก็เลยถูกส่งลงมายังคฤหาสน์ของเจ้าของด้วย พวกเขาคงรักองค์กรนี้มากถึงได้เอาสัญลักษณ์บริษัทมาติดรอบรั้วเต็มไปหมด ซึ่งก็เป็นเรื่องดีเพราะสิ่งนี้ช่วยให้พีกับแพรวมั่นใจมากขึ้น
.
“มึงเคยมาบ้านมิวท์มาก่อนไหมวะ?”
แพรวถามขึ้น พลางชะเง้อคอส่องผ่านหลังพีมองตรงขึ้นไปข้างหน้า
.
"ไม่อ่ะ! ก่อนหน้านี้ก็เจอกันแค่ที่หอกับมหาลัย เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่บุกมาถึงที่นี่ หวังว่าคงไม่ผิดหลังนะ"
พีผินหน้ากลับ พลางค่อย ๆ ผ่อนคันเร่งลงจนกลายเป็นการชะลอรถ
.
ก่อนจะกำเบรคหยุดห้ามล้อเสียงดัง!
.
"เอี๊ยดดด!"
.
"เดี๋ยวนะ! กูว่ามันแปลก ๆ ว่ะแพรว"
.
"ยังไง?"
เพื่อนสาวตวัดขาลงจากมอเตอร์ไซต์ เธอสืบเท้าเดินไปหยุดอยู่ด้านหน้า
.
"ก็มันเงียบเกินไปน่ะสิ!"
"โซนพักอาศัยระดับนี้อย่างน้อยก็ต้องมียามหน้าหมู่บ้านบ้าง"
"นี่พวกเราวิ่งตรงเข้ามาทื่อ ๆ แลกบัตรสักใบก็ไม่มี กูกลัวว่าเราจะโดนจับข้อหาบุกรุกเคหะสถานเอาน่ะสิ คนรวยพวกนี้มันยิ่งเขี้ยวลากดินอยู่"
.
แพรวพยักหน้าเห็นด้วยเธอเริ่มเดินไปที่ประตูอัลลอยหน้าคฤหาสน์ AP พลางส่องเข้าไปในนั้นแล้วก็ไม่เห็นจะมีใครสักคน คนใช้หายไป ยามก็หายไป ที่จะมีก็มีแค่คนสวนแก่ ๆ คนหนึ่งที่กำลังกวาดใบไม้งก ๆ เงิ่น ๆ
.
"บางทีพวกเขาอาจจะโดนเชิญให้ออกจากงานไปแล้วมั้ง ก็ตอนนี้มันยุคโควิดระบาดนี่นา?"
.
"อีแพรว! คฤหาสน์ตระกูล AP เนี่ยะนะ มึงเอาสมองส่วนไหนคิด ไม่มีทางซะหรอก!"
.
"ใครสนล่ะ! ก็ในเมื่อคีย์หลักของวันนี้คือการมาหามิวท์ไม่ใช่เหรอ งั้นกูก็จะบุกเข้าไป!"
.
ประดุจสับสวิทซ์เปลี่ยนโหมด จู่ ๆ แพรวก็เริ่มโหดขึ้นมาหลังจากนึกขึ้นได้ว่ามิวท์กับเปรมอาจจะมีอะไรกัน ภาพของเพื่อนสนิทร่วมรักกับอดีตคนรักช่างบาดตาบาดใจ เขาเอาเธอท่าไหนและเธออ้าขาให้เขาเอายังไง เป็นสิ่งที่แพรวต้องขุดคุ้ยตามหาความจริง และเพียง 3 มิลมือเรียวก็จะเอื้อมถึงกริ่งหน้าบ้านอยู่แล้ว
.
ทว่าในเสื้ยวอึดใจก่อนที่นิ้วจะกระทบแป้นพีก็แทรกขึ้น!
.
"เฮ๊ย! เดี๋ยวก่อนนั่นมิวท์! มิวท์ออกมาแล้ว!"
.
ตาสองคู่จ้องมอง ณ จุดเดียวกัน ร่างเล็กผมยาวประบ่าในชุดลำลองเดินกระหยิ่มออกมาจากหน้าบ้าน มิวท์อยู่ในลุคคุณหนูเธอน่ารักน่าเอ็นดูมาก แม้จะแอบมองจากระยะห่างแต่เธอก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่เสมอมิเปลี่ยนแปลง
.
"มึงจะห้ามกูทำไมพี"
"งั้นก็กดกริ่งเรียกมิวท์เลยสิ จะได้เปิดประตูเอารถเข้าไป"
.
"พรึบ!"
กระชากข้อมือดึงเพื่อนให้นั่งลงแบบสุดแรงเกิด ก่อนที่พีจะตวาดใส่แพรวอีกครั้ง เขาบอกให้เธอดูเหตุการณ์ที่อยู่ในนั้นให้ดีซะก่อน
.
"มึงดูมิวท์ก่อนสิ! ดูสิ่งที่มิวท์กำลังทำกับคนสวน!"
.
"อึก..ก..ก"
"อะ..อะไรกัน..น..น.?!"
ตาพร่าสาปเครือแค่จะกลืนน้ำลายแพรวยังทำไม่ไหว
.
ช่างเป็นความจริงที่หักมุมระดับสูงสุด ที่แท้สาเหตุที่คนงานในบ้านหายไปหมดก็เพราะแบบนี้นี่เอง เมื่อมิวท์เลือกที่จะคุกเข่าลงแล้วใช้ปากอมนกเขาให้ลุงคนสวน ลุคสาวใสมาดไฮโซกลายเป็นอดีต เธอผงกหัวประหลก ๆ ซดน้ำกามดูดกลืนทั้งยังเลียให้บ้างเป็นระยะ ๆ ทุกอย่างเกิดขึ้นแบบ Outdoor กลางแจ้ง
.
เหตุแห่งพฤติการณ์คิดได้เพียง 2 แง่นั่นคือ ไม่หื่นจนเก็บอาการไม่อยู่ ก็อาจะเป็นเพราะต้องการเจือจางพิษโควิดที่อยู่ในร่างกายตัวเอง บางทีมิวท์อาจจะคิดแบบนั้นก็ได้ เพราะข่าวการติดเชื้อของเปรมก็ออกจะโด่งดัง แล้วใครล่ะที่เป็นคู่นอนคนล่าสุดของเขาถ้าไม่ใช่เธอ
.
ชั่วพริบตาที่ทำเสร็จหล่อนเริ่มเช็ดน้ำลาย ลุกขึ้นยืนก่อนจะกลับหลังหันกลับเข้าบ้าน ทิ้งลุงคนสวนให้ยืนแข็งทื่อตัวเกร็งเสียมที่แกถืออยู่ถึงกับหลุดออกจากมือ และไม่กี่วินาทีให้หลังแกก็ล้มตึงสลบเหมือด เดือดร้อนไปถึงรปภ.จากฝั่งตรงข้ามที่ต้องวอร์หากันโกลาหล
.
มิวท์ไม่รู้หรอกว่ามีคนมองอยู่ เธอคงไม่รู้จริง ๆ ว่าทุกการกระทำสุดห่ามของเธอ ได้ถูกเพื่อนอีกสองคนจดจำไว้หมดแล้ว นั่นยิ่งตอกย้ำว่าแต่นี้ต่อไปความสัมพันธ์ของคนทั้ง 3 คงไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิมได้อีกต่อไป
ปุ่มสวิตซ์ถูกกดไปตั้งแต่อยู่บนรถ ปล่อยเวลาผ่านเลยไปเล็กน้อยบ้านทั้งหลังก็จมหายยุบลงไปใต้ดิน! นี่คือระบบป้องกันตัวเองที่ด็อกเตอร์ออกแบบไว้นานแล้ว เพื่อใช้ป้องกันตัวบ้านไม่ให้โดนไวรัสกัดกร่อน แกมีนวัตกรรมเจ๋ง ๆ แบบนี้หลายอย่างเพียงแต่เป็นพวกเราเองที่ไม่ได้โฟกัสมาที่แกตั้งแต่แรก กลับมัวแต่ตามติดชีวิตของแพรวกับความมะรุมมะตุ้มเละเทะของเนื้อเรื่อง จนหวิดจะออกทะเลอยู่หลายรอบ.ซึ่งจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วเพราะนี่คือศึกสุดท้าย มีแผ่นเหล็กขนาดเท่าบานประตูสองบานวางแผ่หลาอยู่บนสนาม ตรงตำแหน่งที่เคยเป็นตัวบ้านมาก่อน ลักษณะของมันคล้ายกับประตูบานพับที่แข็งแรงแต่กลับวางนอนอยู่บนพื้น ไม่ได้ตั้งขนานกับพื้นโลกอย่างที่ควรจะเป็น แพรวที่อยู่ใกล้กับด็อกเตอร์เลือกที่จะทอดสายตาต่ำลง พลางเพ่งมองไปยังฝ่ามืออันหยาบกร้านของชายสูงอายุ พอดีกันกับมิวท์และเฟิงฉินที่เร่งเดินตามมาติด ๆ."อะไรอ่ะแพรว.. ไม่เห็นจะมี! , อุ๊บ!".โดนจ่อนิ้วเข้ากับริมฝีปาก ยินเสียงจี่จากแพรวทำให้เฟิงฉินกับมิวท์ต้องเงียบลงในทันใด ทุกคนต่างจ้องมองไปยังกระบวนการในการเปิดประตูอันพิลึกพิลั่นนั่น."เงียบก่อนอย่าเพิ่งพูดอะไร ประตูทางลงอุโมงค์มีเซ็นเ
"ซ่าาาาา , ซ่าาาาา , ครืดดด.. ด.. ด.. ด , ครืดดด.. ด.. ด.. ด"ตามปกติถ้าเปิดวิทยุก็จะได้ยินเสียงประมาณนี้.แต่หนนี้กลับเป็นอะไรที่แตกต่างออกไป แพรวถึงกับกระชากตัวเครื่องออกมาจากช่องเสียบหน้าคอนโซลรถ แล้วเอามาแนบหูตัวเองให้ถนัดถนี่ โชคร้ายที่ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นเลย! เพราะเสียงที่ดังกลับมาก็มีแต่เสียงสะท้อนจากปลายกระบอกปืน."ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง!"."อ๊ากกกก! , เอื๊อกกกก! , อ๊ากกกก.. ก.. ก.. , อ๊ากกกก!".ถ้อยสำเนียงผนวกรวมกับเสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยอง บ่งบอกถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่ทางฟากโน้น หัวหน้าหน่วยทั้งสองและลูกทีมหลักร้อยคงไม่มีใครรอด แม้แต่ลูกทีมของเฟิงฉินที่พูดแต่คำจีนใส่กันก็ไม่มีการวิทยุตอบกลับมาแต่อย่างใด พวกเขาน่าจะตายคาสมรภูมิเยี่ยงทหารดินเผาของจิ๋นซีฮ่องเต้ และตอนนี้ก็คงจะเหลือแต่เฟิงฉินผู้เป็นหัวหน้า กับมิวท์ , แพรว , แล้วก็ด็อกเตอร์ ที่เป็นดั่งความหวังสุดท้าย.แพรวลองจูนสัญญาณคลื่นวิทยุไปอีกหลายย่าน แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิมคือเงียบสนิท! ไม่ม่วี่แววว่าจะมีเสียงใดลอดเข้ามา เว้นก็แต่เสียงร้องคำรามของพวกผู้ติดเชื้อที่ดังไม่หยุดหย่
หนาวตัวสั่นทั้งยังควันออกปาก แทบไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะมาตกอยู่ในสภาพนี้ได้ เปรมมองไปด้านหลังเพื่อเช็คว่านี่คือหน้าตึก AP ไม่ใช่กระท่อมเอสกิโม ทว่าเช็คแล้วเช็คเล่าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าชานเมืองฝั่งโน้นนั้นเกิดอะไรขึ้น เขารู้แต่เพียงว่าคราวก่อนเป็นฝ่ายเขาเองที่เพลี่ยงพล้ำเสียท่า ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากกลศึกของศัตรู ความเย็นเฉียบเงียบขรึมที่เป็นอยู่จึงเปรียบได้กับสาส์นเตือนให้เขารับรู้ว่าต้องละเอียดรอบคอบมากยิ่งขึ้น."หึ๊ยยย!"กัดกรามกรอดก้มหน้าลงหงุดหงิด.เรียนตามตรงว่ากองทัพผู้ติดเชื้อเวอร์ชั่นตีบวกเป็นล้าน ๆ สู้กับคนจำนวนหลักร้อยนั้นโคตรจะไม่สูสี แต่ครานั้นเปรมก็ไม่อยากพลาดอีกแล้ว เขาเคยเสียหมามาแล้วหนหนึ่งจึงรีบหลับตาลงเร่งทำสมาธิอีกครั้ง ก่อนที่ต่อมาหน้าจอคอนโทรลในจิตใจจะสว่างโพลงขึ้นทีละดวงสองดวง! มันคือตัวแทนของลูกสมุนผู้ติดเชื้อแต่ละตน ซึ่งเปรมสามารถคอนโทรลได้ไกลถึง 30 กม.!."วิ้ง~!"."โคร่งงงงง~!"."โคร่งงงงงงงง~!"."โคร่งงงงงงงงงงงง~!".ตัดภาพไปฝั่งโน้นจะเห็นสัมภเวสีไวรัสจำนวน 10 ตัวที่ถมึงทึงดวงตาขึ้น! ดวงเนตรสีแดงก่ำร้อนฉ่าน่ากลัวสยดสยอง แต่ละตัวเดินง่อนแง่นเยื้อย่างอ
ภาพความยิ่งใหญ่อลังการประหนึ่งพระราชาออกว่าราชการที่หน้าบัลลังก์ มองจากมุมต่ำฝ่าความยั้วเยี้ยสะอิดสะเอียนเข้าไป จะเห็นเปรมยืนผายมืออยู่บนชั้น 3 ตัวเขาใหญ่เท่ากับมดแต่ท่วงท่าการผายมือออกทั้งสองข้างนี่สิ ที่ช่างทรงพลังและน่ายำเกรงยิ่งกว่าสิ่งใด เสียงแซ่ซ้องอื้ออึงจากสัมภเวสีไวรัสนับล้านดังระงม พวกมันต่างพากันหันหน้าขึ้นไปมองในทิศทางเดียวกัน แม้เนื้อตัวจะเบียดแน่นราวกับอัดกันอยู่ในงานคอนเสิร์ตก็ตามที."โคร่งงงงง~!"เปรมก้มหน้าลงไปคำรามใส่ เขาไม่จำเป็นต้องหลับตาอีกต่อไปแล้วเพราะเบื้องล่างคือสมาชิกผู้ติดเชื้อที่คอนโทรลได้ทุกอย่าง.สอดรับกับรูปปากของเจ้าตัวที่เริ่มจะงอกยาวออกมา คมเขี้ยวพับงุ้มหุบเข้าไปด้านหลัง โควิดกำลังโชว์วิวัฒนาการกล้ามเนื้อมุมปาก คิดเอาสิว่าขนาดถนนคอนกรีตทั้งเส้นเชื้อยังย่อยสลายได้ แล้วนับประสาอะไรกับช่องปากของร่างภาชนะอย่างเปรม แค่ขมิบนิดเดียวรูปปากที่เคยแข็งเป็นหิน ตอนนี้ก็พูดในสิ่งที่มันคิดออกมาได้แล้ว."โคร่งงงงง~!"คำรามเที่ยวนี้ข้างล่างนับล้านถึงกับร้องตาม."โคร่งงงงง! , โคร่งงงงง! , โคร่งงงงง! , โคร่งงงงง! , โคร่งงงงง!"."เรียก..! , กู..! , ว่า..! , เปรม..!!
"แหวนเธอเป็นไงบ้างโบ๊ท ยังใช้งานได้อีกไหม!?"เสียงตะโกนจากเจนิสพุ่งแหวกอากาศ ทแยงสวนขึ้นไปบนแนวกำแพงวิลเลจ."ไม่ได้แล้วพี่.. ลำพังใช้ดึงดาวเทียมให้ตกลงมาสู่ชั้นบรรยากาศ นิ้วผมก็แทบจะขาดอยู่แล้ว!"โบ๊ทป้องปากตะโกนตอบลงมา จากนั้นจึงพาดฝ่ามือลงกับสันกำแพง เขามองเห็นลอยห้อเลือดปูดบวมและเส้นเลือดฝอยมากมายที่บ่งบอกได้ถึงอาฟเตอร์เอฟเฟ็คหลังการใช้แหวน.เย็นย่ำอาทิตย์อัสดงใกล้ค่ำ วันนี้ก็เหมือนวันวานเมื่อวานก็เหมือนวันก่อน ที่วิลเลจย่อมต้องถูกโจมตีเป็นเรื่องปกติ จะต่างจากเดิมหน่อยก็แค่หนนี้แทบจะไม่มีใครเหลืออยู่ที่นี่เลย แพรวไม่อยู่หัวหน้าหน่วยทั้งคู่ก็ไม่อยู่ กระทั่งเจนิสต้องลงไปไฟว้กับสัมภเวสีไวรัสข้างล่างด้วยตัวเอง เธอถึงกับต้องเกณฑ์คุณลุงคุณป้ากับทหารรับจ้างคลาสต่ำที่ถูกหัวหน้าหน่วยทิ้งไว้ให้มาเป็นสหายร่วมรบ.เด็ก 9 ขวบอย่างโบ๊ทกลายเป็นคนคุมสถานการณ์จากบนกำแพง แต่ก่อนข้างบนนี้จะมีทหารรับจ้างยืนสลับเวรยามคุ้มกันตลอด 24 ชั่วโมง แต่ปัจจุบันกลับเหลือแค่โบ๊ทเพียงคนเดียว อาญาสิทธิ์เด็ดขาดทั้งหมดจึงตกเป็นของเขา ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้โบ๊ทใช้แหวนเวอร์ชั่น 2 ที่สร้างขึ้นจากเศษเหล็ก ย้ายผีดิบผู้
คอหักห้อยต่องแต่ง น้ำลายยืดหยดย้อยเป็นพิซซ่าขอบชีส เสื้อผ้าขาดวิ่นกลิ่นยิ่งไม่ต้องพูด กองทัพผี Covid กรูกันออกมามากกว่าครึ่งร้อย ดูท่าทางพิกลพิการและทิศทางที่เคลื่อนมาก็เหมือนกับถูกคอนโทรลมาจากแหล่งเดียวกัน พวกมันกลายเป็นสิ่งไม่มีชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีจิตใจไร้สัมปัชชัญญะร่างกายที่มูฟแกว่งไกวก็เหมือนทำไปตามคำสั่ง.ถนนคอนกรีตด้านหน้าแนวที่แตกร้าวและมีหญ้าแห้งแซมเล็กน้อยกลายเป็นสมรภูมิแรก ความกว้างของมันมากกว่า 8 เลนแต่บัดนี้ทั้งถนนและเกาะกลางกลับเต็มไปด้วยภูตผีที่ประจันหน้าอยู่กับลูกทีมของเฟิงฉิน.กลุ่มชายชาวจีนเกาะกลุ่มกันเป็นครึ่งวงกลม พร้อมกับเครื่องทำความเย็นแบบพกพาที่แบกอยู่บนแผ่นหลัง ด้านหลังสุดของแนวโล่มนุษย์คือกลุ่มรถกระบะที่จอดไว้เรียงกัน พวกมันบรรทุกเครื่องทำความเย็นเวอร์ชั่นใหญ่ยักษ์เอาไว้ และตอนนี้ก็กำลังเดินเครื่องเต็มที่เพื่อใช้ในการดำเนินกลยุทธ์เปลี่ยนกลางวันให้กลายเป็นกลางคืนอย่างที่เห็น.สาบานได้ว่าทั้ง 50 นายไม่มีทีท่าว่าจะหวาดกลัวเลย เหล่าชายตาตี๋ต่างพากันยืนจังก้าราวกับรอให้กองทัพผู้ติดเชื้อพุ่งเข้ามาขย้ำ! แต่ก็แน่นอนว่าหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนกับหัวหน้าหน่วยทหาร







