จ้วงขาออกไปพร้อมกับการเชิดหน้า บานประตูกลายเป็นที่รองตีนให้เหยียบย่ำ ประดังความแค้นสุมทรวงทำให้แพรวแสดงออกเช่นนี้ เธอหยุดเจรจาพาทีมุ่งหน้าออกไปจากอพาร์ทเมนต์แห่งนี้โดยเร็ว และถึงแม้ว่าพีจะพยายามตะโกนไล่หลังพลันวิ่งเปลือยท่อนบนออกมาตาม แพรวก็ไม่สนอีกแล้ว
.
“อีแพรวเดี๋ยว! ชุดมึงมันไม่เรียบร้อย มึงจะโนบลาออกไปเดินโทง ๆ ไม่ได้!”
.
เห็นแต่แผ่นหลังเดินลงบันไดไปไกลลิบ ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงตามสไตล์ของคนที่เพิ่งเสียตัว พีหยุดแล้วแต่แพรวไม่ยอมหยุด เขาไม่ใช่พระพุทธเจ้าแล้วแพรวก็ไม่ใช่องคุลีมาล ไม่มีทางที่จะตรัสรู้ชอบได้ด้วยตนเอง กระเทยหนุ่มเลยต้องปล่อยเลยตามเลยเดินวกกลับเข้าไปในห้อง พร้อมกับยกบานประตูทั้งบานเอาไปประกบไว้คืนที่เดิม
.
“อีห่า! ค่าส่วนกลางกูก็ต้องจ่ายอีก! ขอให้มึงไม่ท้องอย่าให้กูต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นการแต่งมึงเป็นเมียเลยอีแพรว!”
.
.
ตัดภาพมาที่หญิงสาวเพื่อนสนิท เธอยังคงมุ่ยหน้าเดินเหวี่ยงลงบันไดมาด้วยความหงุดหงิด ห้องของพีอยู่ชั้นบนสุดคือชั้น 5 ซึ่งไม่สูงพอที่จะทำให้อพาร์ทเมนต์แห่งนี้มีลิฟท์ไว้อำนวยความสะดวก สาวเจ้าจึงได้แต่เดินแล้วก็เดิน เดินไปคิดไปว่ายังไงซะสถานที่ ๆ จะไปก็คงไม่พ้นร้านขายยาที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่ร้านของเปรม นิสิตหนุ่มโดนจับตัวเข้า State quarantine ไปแล้วในฐานะของบุคคลสำคัญที่ผลิตเชื้อสายพันธุ์ใหม่จากการร่วมเพศ จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ร้านของเขาจะไม่ถูกสั่งปิด
.
“ตุบ , ตุบ , ตุบ , ตุบ ,”
ฝีเท้ากระทบขั้นบันไดหนักแน่น แก้มบวมตุ่ยอมพะนำกล้ำกลืนกลัวว่าตัวเองจะท้องกับเพื่อน และนั่นเท่ากับว่าแพรวก็ไม่ใช่คนดีอะไร เผิน ๆ จะแรดกว่ามิวท์ที่เอากับพี่เปรมซะอีก
.
“สาธุขอให้มีสักร้านเหอะ เราไม่อยากไปซื้อยาคุมฉุกเฉินไกล ๆ ยิ่งเข้าใกล้ผู้คนน้อยเท่าไหร่ยิ่งปลอดภัยเท่านั้น”
แพรวอธิษฐานแต่ท่วงท่าก็หาใช้การยกมือประนมจรดหน้าผากไม่ เธอดันเลือกที่จะวาดฝ่ามือลงมานาบกับหน้าอก พลางบีบจับปรับให้เข้ารูป ป้องกันการดีดเด้ง
.
“ชิ! ดันลืมบลาไว้บนห้องอีพีซะได้! ช่างเหอะเสียเวลา! ไปมันทั้ง ๆ โป้ ๆ อย่างงี้แหละ ยังไงซะพอออกไปข้างนอกเราก็ต้องใส่หน้ากากครอบแก้วคลุมทั้งหน้าอยู่แล้ว”
.
.
ชั้น 5 ผ่านไปไล่ไปถึงชั้น 4 ลดมาถึงชั้น 3 แพรวจึงเริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ ลองจินตนาการถึงประตูห้องที่เรียงกันเป็นตับแต่สุดแสนจะเงียบเหงาดูสิ ใช่! มันควรจะเป็นอย่างงั้น ทุกคนควรจะเก็บตัวเงียบเพื่อความปลอดภัย แต่ไม่ใช่ที่ชั้น 3 แห่งนี้ แพรวประหลาดใจมากจนต้องใช้แผ่นหลังอันบอบบางพิงกับกำแพง แล้วหยุดฝีเท้ารอตรงบันไดทางลง
.
“เหมี๊ยววว!”
เสียงแมวปุกปุยร้องระงม
.
“แมวมาจากไหน? ที่นี่เขาห้ามมีสัตว์เลี้ยงไม่ใช่เหรอ?”
หญิงสาวคิด
.
“เหมี๊ยววว!”
มันแผดเสียงร้องแบบไม่หยุดหย่อน ก่อนที่ต่อมาจะกระโจนพรวดลงบันไดวิ่งตื๋อตัดหน้าแพรวลงไปยังชั้น 2 คล้ายกับตื่นคน แล้วก็หายลับตาไป
.
“เอ๋.. หรือจะเป็นแมวที่คนแอบเลี้ยงไว้นะ แกหนีออกมาจากห้องหรอ? หรือหิว? เป็นไปได้! อาจจะขาดอาหารเพราะเจ้าของหนีออกจากกรุงเทพไปแล้วก็ได้”
“ถ้าเป็นงั้นจะน่าสงสารมากเลย.. แกถูกทิ้ง.. แกคงเป็นของเล่นชั่วครั้งชั่วคราว พอเขาหมดสนุกแล้วก็ปล่อยทิ้งขว้างให้พบกับชะตากรรมอันแสนเจ็บปวด.. ฮือ.. อ.. อ.. อ”
“ฮือ.. อ.. อ.. ชีวิตพวกเรานี้ช่างเหมือนกันเหลือเกินเจ้าแมวตัวเล็ก ฉันไม่ได้น่ารักเหมือนแกหรอก ฉันน่าสงสารเหมือนแกต่างหาก ฮือ.. อ.. อ.. ฮือ.. อ.. อ”
.
คิดเองเออเองเป็นฉาก ๆ หนักกว่าทฤษฎีจับแพะชนแกะก็คือการจับแมวมาชนเมียนี่เอง ดูเหมือนจิตใจแพรวจะเจ็บช้ำขั้นสุด ทุกอย่างที่คิด ทุกจิตที่ทำ ทุกการกระทำที่รู้สึก จึงมีแต่เรื่องของเปรมกับมิวท์อยู่ในหัว จากที่เคยกลัวว่าตัวเองจะท้องและรีบเดินทางตามหายาคุม ไป ๆ มา ๆ ด้วยความหวั่นไหวกึ่งสงสาร เธอกลับเลือกที่จะแวะออกข้างทางเพื่อตามหาแมวผู้ร่วมอุดมการณ์ตัวนี้ซะก่อน
.
เธอหักเลี้ยวไปด้านซ้ายเมื่อเดินลงบันไดชั้น 3 ลงมา นี่คือทิศทางที่เจ้าเหมียววิ่งลับตาไปครั้งล่าสุดและเธอจะต้องตามตัวมันจนเจอให้ได้
.
“เหมี๊ยว.. เหมี๊ยว.. เหมี๊ยว.. เจ้าเหมียวออกมาเร๊ววว! มากับฉันนี่มาฉันมีของกินด้วยนะ เหมี๊ยว..ว..ว ๆ”
.
ป้องปากร้องเรียกพอเป็นพิธีระหว่างนั้นสองขาเจ้ากรรมก็ย่ำเดินสำรวจไปพลางด้วย ภาพที่แพรวเห็นมีเพียงโถงทางเดินกว้าง ๆ ที่ปูพรมสีแดงฉานกับห้องหับต่าง ๆ ที่ปิดประตูเงียบสนิท หลอดไฟเพดานยังคงสว่างไม่ได้ดูน่ากลัวเหมือนหนังผีแต่อย่างใด แต่ทำไมเจ้าเหมียวถึงไม่ยอมโผล่มาอันนี้เธอก็มิทราบ
.
“เอ๊ะ! หรือเราจะคิดผิดนะ”
.
“ไม่สิ! นั่นไงมันอยู่นั่น!?”
.
“เหมี๊ยววว!!!”
“แคว๊ก ๆ , แคว๊ก ๆ , แคว๊ก ๆ , แคว๊ก ๆ”
.
เจ้าเหมียวหมอบอยู่สุดทางเดินอีกฟาก เหมือนมันกำลังตะกุยพื้นมุดเข้าไปในห้องเบอร์หนึ่งด้วยความลำบากลำบน
"มันต้องได้กลิ่นของกินในนั้นแน่ ๆ หยุดนะเจ้าเหมียวขืนเธอทำต่อไปเท้าจะเป็นแผลนะ!”
.
นิสิตสาววิ่งแจ้นเข้าไปดู อพาร์ทเมนต์แห่งนี้มีบันไดขึ้นลงสองทาง คือฝั่งซ้ายสุดกับขวาสุดและแพรวกำลังวิ่งจากซ้ายไปขวา จากห้องเบอร์ 10 ไปถึงห้องเบอร์ 1 ซึ่งมีแมวเหมียวขนสีทองกำลังตะกุยพรมหน้าห้องอย่างขมีขมัน มันกำลังหวาดกลัวไม่ได้หิวอย่างที่แพรวคิด การกัดฟันแยกเขี้ยวบ่งบอกตามสัญชาตญาณสัตว์ว่ามันต้องการจะเอาตัวรอด ไม่ใช่อยากได้อาหารอย่างที่แพรววิเคราะห์
.
“เหมี๊ยว.. เหมี๊ยว.. เหมียว..ว..ว.. ชู่วววว.. หยุดนะหยุด โอ๋ ๆ ๆ”
.
“อ๊ะ! , ใครอ่ะ?”
.
เดชะบุญที่ระหว่างจะเอื้อมตัวลงไปอุ้มหญิงสาวกลับสังเกตเห็นการมาถึงของคนกลุ่มใหญ่ พวกเขาเดินตรงขึ้นบันไดมา โดยมีเป้าหมายเป็นเจ้าแมวตัวนี้ แพรวรีบหามุมหลบก่อนที่ต่อมาหนึ่งในนั้นจะพูดผ่านวิทยุให้ได้ยิน
.
“พบแล้วครับบอสรูปพรรณสัณฐานเป็นสัตว์สี่เท้าไฟลัม: Chordata คลาส: Mammalia สีทอง ขนาดอัณฑะบิดเบี้ยวเสียรูป มีรอยฉีกขาดบริเวณทวาร เข้าข่ายกลุ่มเสี่ยงสูงเป็นสิ่งมีชีวิตข้ามเพศ ขออนุมัติคำสั่งจับกุมตัวครับ!”
.
“ครืดดด.. ครืดดด.. ครืดดด.."
เสียงวอดังสนั่นหวั่นไหวท่ามกลางความเงียบสงัดของชั้น 2 ที่ประตูทุกห้องปิดสนิท เจ้าเหมียวจวนตัวเสียแล้วและในที่สุดแพรวก็รู้จนได้ว่ามันกำลังหนีอะไร
.
กลุ่มคนพวกนี้มีกันนับสิบชีวิตพวกเขาใส่ชุดคล้ายกับชุด PPE ของหน่วยตรวจเชื้อเชิงรุก แต่คาดปลอกแขนสีรุ้ง มิหนำซ้ำสีของเครื่องแบบก็ไม่ใช่สีขาวบริสุทธิ์แบบที่เคยเห็นในข่าว หากแต่เป็นสีเขียวเข้ม ๆ คล้ายกับชุดของคุณหมอในห้องผ่าตัด แพรวได้แต่นิ่งเงียบเธอสั่นเทาไปหมดในที่ซ่อน แต่ก็ยังไม่สู้เจ้าเหมียวที่เหมือนจะรู้ชะตากรรมตัวเอง เมื่ออีกฟากหนึ่งของวิทยุตอบกลับมา
.
“ครืดดด.. ครืดด.. ครืดดด.."
.
“จัดการเลย! ล่าพวกวิปริตมาให้หมด ไอ้พวกสองเพศ! จะคนหรือสัตว์ก็กวาดให้เกลี้ยงตึกอย่าให้เหลือ!”
.
“รับทราบครับ”
.
สิ้นสุดคำสั่งเสียงปืนยิงตาข่ายพร้อมกระสอบป่านก็เข้าประจำที่ พวกเขาใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีจับเจ้าเหมียวตุ๊ดซี่ยัดใส่ในถุง หนึ่งคนแบกมันลงไปด้านล่าง ส่วนที่เหลือพากันวิ่งกรูขึ้นไปข้างบนเพื่อเคาะไล่ทีละห้องหาเหยื่อรายต่อไป
.
แต่ทว่า!
.
“ติ๊ด , ติ๊ด , ติ๊ด , ติ๊ด”
.
“เดี่ยวก่อน! สัญญาณจากเครื่องเซ็นเซอร์แจ้งว่ายังมีพวกสองเพศอยู่บนชั้นนี้อีกหนึ่ง?!”
เจ้าหน้าที่คนเดิมหยุดชะงัก เขาคว้าไหล่ทีมงานคนอื่นเอาไว้ พลางบอกว่าอย่าเพิ่งขึ้นไป
.
“เอ้า! ก็แมวสีทองในกระสอบไง นั่นล่ะนับเป็นหนึ่ง!”
.
“เหรอ! งั้นก็ไปต่อได้ ขอโทษที”
.
ทำเอาแพรวถึงกับโล่งอก เธอยังคงซุ่มดูอยู่ตรงซอกประตูดวงเธอดีมากที่คณะตรวจเชื้อกลุ่มนี้ทยอยวิ่งผ่านชั้นสองไปทีละคนสองคน บางทีอาจจะเป็นเพราะเจ้าเหมียวที่ช่วยเธอไว้ ถ้าไม่ได้มันชั้นนี้ทั้งชั้นคงถูกตรวจสอบ แล้วก็คงจะเป็นเธอที่โดนสอบสวน
.
“ฮู่วววว..”
เป่าปากพรูหลังเจ้าหน้าที่คนสุดท้ายวิ่งผ่านไป
.
เหงื่อนองท่วมหน้าสาวเจ้าค่อย ๆ ย่องลงบันไดมาช้า ๆ จนถึงชั้นล่าง ก่อนจะเดินออกจากอพาร์ทเมนต์แห่งนี้ได้สำเร็จ โดยไม่ลืมที่จะกดปุ่มเรียกใช้หน้ากากครอบแก้วที่ผลิตโดยบริษัท AP
.
"กริ๊ก!!!"
“ฟรึบ! , ฟับ! , ฟรึบ , ฟับ!”
.
หมุนเวียนเปลี่ยนสลับราวกับหนังทรานฟอร์เมอร์ เพียงเท่านี้ใบหน้าของแพรวก็ถูกอำพรางไว้ด้วยกระจกครอบแก้วแล้ว เดินไปไหนก็ไม่มีใครสงสัย กลมกลืนกับผู้คนแถมยังปลอดภัยจากไวรัสสุด ๆ
.
“เอาล่ะทีนี้ก็แค่เดินหาร้านยา ท่ามกลางบ้านเมืองและถนนหนทางที่มีแต่รถคุณหมอ?”
“มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ยะ? แค่แวะไปมีอะไรกันแป๊บเดียวทำไมด้านนอกถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้!”
.
ไม่แปลกที่แพรวจะตื่นตูมเพราะทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เหมือนกับเวลาคนอึ๊บกันแล้วหลั่งไวเกินควรนั่นแหละ ยวดยานคันอื่นจอดนิ่งข้างทาง ที่วิ่งอยู่จึงมีแต่รถพยาบาลที่เปิดหวอไซเรน กับคาราวานตรวจโรคเชิงรุกที่มีเปรมเป็นหัวหน้าชุด รถของหน่วยนี้ทุกคันถูกทาเป็นสีม่วง มีธงสีรุ้งผูกอยู่ท้ายรถด้านหลังเพื่อให้ประชาชนทุกคนสังเกตเห็น การตรวจโควิด-19 ได้เปลี่ยนรูปแบบไปแล้ว พวกเขายกเลิกการตรวจหาผู้ติดเชื้อ แต่เปลี่ยนมาตรวจจับบุคคลผู้มีรสนิยมรักร่วมเพศแทน ซึ่งก็อย่างที่เห็นว่าตรวจแม้กระทั่งกับสัตว์!
.
ทั้งหมดทั้งมวลก็ไม่ใช่เพราะใคร สิ่งนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเปรม! พลังการรักษาของเขาทำให้กระเทยในสังคมตกอยู่ในสภาวะเสี่ยง
.
แพรวแหงนมองย้อนขึ้นไปบนอพาร์ทเมนท์ หน้ากากครอบแก้วทำให้เธอมองเห็นห้องของพีชัดเจนแม้จะอยู่ในทิศย้อนแสง
.
.
“อีพี? มึงอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วเพื่อน!”
“ซ่าาาา~!”เสียงโครงเรือยอร์ชที่ยังต่อไม่เสร็จกระทบผิวน้ำกระซ่านเซ็น พอดีกันกับโดรนอารักขาที่ใช้งานได้โคตรจะคุ้ม มันตัดสายเคเบิลที่ยึดโยงออกไปหมดสิ้น พลันลอยขึ้นไปบนฟ้าเพื่อทำหน้าที่ฉายไฟส่องสว่างลงมา ราวกับสปอร์ตไลท์ตามสนามกีฬากลางแจ้ง.“แชะ! , แชะ!”.ราตรีกาลเข้าครอบครองท้องฟ้า ส่วนท้องธาราก็เป็นไปตามการคำนวณ ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นจริงเฉกเช่นที่แพรวฟันธงเอาไว้ ต่างคนต่างรีบกระโจนลงเรือ และแม้ตัวบอดี้จะโคลงเคลงหนักมาก แต่ก็นับว่าดีอย่างที่ยังพอจะแบกรับน้ำหนักของทุกคนไหว ในส่วนนี้ต้องยกเครดิตให้กับทักษะของช่างต่อเรือ หรือไม่ก็เศรษฐีเจ้าของทุนทรัพย์ เพราะลำพังก้าวแรกที่ย่ำลงมา แพรวก็เห็นแล้วว่าทุกส่วนของโครงสร้างล้วนทำขึ้นจากวัสดุชั้นเยี่ยมเกรดพรีเมี่ยมทั้งสิ้น .เธอสั่งให้สองเด็กสาวเพื่อนเจนิสเอาเศษไม้แผ่นแบน ที่วางกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปมาทำเป็นที่คัดท้าย มีความโชคดีอย่างที่ของเหล่านี้ไม่ใช่ของหายากอะไรนัก ถ้าอยู่บนเรือที่ยังต่อไม่เสร็จ หลังจากนั้นก็สั่งให้พวกเธอ Stand by รอคัดท้ายตามคำสั่งอีกที ก็เลยเหลือแต่เจนิสกับโบ๊ทที่ยังว่างงานและยังไม่ได้รับมอบหมายให้ทำอะไร.เรือค่อย ๆ แล่นออ
นั่นจึงเท่ากับว่าน้ำในทะเลอาจจะไม่ปลอดภัย บางทีแม่น้ำสาขาทุกสายก็อาจจะปนเปื้อนไปด้วยเชื้อแล้วก็ได้ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงโบ๊ทจึงได้ขยับนิ้วมือกับแหวนทั้ง 5 ของเขาอีกที .“ฟิ้ว~!”โดรนอารักขาลำเก่งโฉบปักหัวลงมาจากเบื้องบน ราวกับพญาอินทรีย์พร้อมเข้าประจำที่.มันยื่นท่อนเหล็กสีเงินลักษณะคล้ายก้านปรอทวัดไข้ออกมาจากลำตัวส่วนล่าง ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกันกับที่กระสุน .35 มม. จำนวนมหาศาลร่วงกราวลงมาเมื่อตอนก่อน ความยาวของอุปกรณ์ชนิดนี้น่าจะราว 2 ไม้บรรทัดเห็นจะได้ และโบ๊ทเรียกมันว่า “โคโรน่ามิเตอร์” ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีไว้สำหรับตรวจหาเชื้อโควิดโดยเฉพาะ.เขาสั่งการให้โดรนอารักขาหย่อนมันลงไปในน้ำทะเล แกว่งส่ายวนคนไปมาราว 20 - 30 ทีโดรนก็ยกตัวเองขึ้นจากน้ำ ปรากฏว่าไฟสถานะบนลำโดรนถึงกับแดงโล่! การลิงค์สัญญาณเกิดขึ้นทันที ก่อนจะฉายค่าสถานะและชุดข้อมูลพร้อมกับผลแล็บไปยังกระจกครอบแก้วที่โบ๊ทสวมใส่อยู่ พลันเปลี่ยนใบหน้าบ่องแบ้วของเขาให้กลายเป็นจอแสดงผลไปในบัดดล.“มันก็เหมือนการ “swab”(สว็อป) ตอนเราไปให้หมอแหย่จมูกนั่นแหละครับพี่ ๆ แค่เปลี่ยนจากรูจมูกคนเป็นน้ำทะเล ว่าแต่ผลเป็นไงบ้างครับ? ”โบ๊
ห้าชีวิตกับอีกหนึ่งลำโดรนย่างกรายเข้ามายังโซนลับแลแห่งนี้ด้วยความมุ่งมั่น ย้อนกลับไปไม่ได้คือเหตุผลข้อที่หนึ่ง ส่วนการไปต่อไม่ได้เพราะข้างหน้ามีแต่ทะเลคือเหตุผลข้อที่สอง แพรวก็เลยเดินนำหน้าแบกกระเป๋าเป้อาด ๆ พลางควัก Glock 18 อาวุธประจำกายขึ้นมาประทับเล็งเอาไว้ เพราะไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เรียนตามตรงว่าท่าเรือเป็นแอเรียที่เธอมีข้อมูลน้อยมากเมื่อเทียบกับที่อื่น ที่นี่แทบจะไม่ได้ถูกเขียนรายละเอียดใด ๆ ไว้ในแผนที่เลย ฉะนั้นหน้าที่ของมันจึงจบลงเพียงเท่านี้.“พรึบ!”แพรวพับแผนที่เก็บเข้าไปในกระเป๋า สื่อให้ทุกคนเห็นว่าแต่นี้ต่อไปคือการด้นสดล้วน ๆ พลาดก็คือตายและถ้าไม่อยากตายก็จงอย่าพลาด.“ระวังตัวด้วยทุกคน เราจะเข้าไปในโกดังนั่นดู คิดว่าน่าจะเป็นคลังเก็บสินค้าและบันไดลงสู่ท่าเรือก็น่าจะอยู่ในนั้น”แพรวกระซิบบอก.เช่นกันกับเจนิสกับเพื่อน ๆ ที่ต่างก็ระวังหน้าระวังหลังให้กันเป็นอย่างดี เธอจับมือโบ๊ทเอาไว้แทบจะตลอดเวลา โดยหารู้ไม่ว่าโดรนอารักขาที่ลอยอยู่บนฟ้า นั้นมีขีดความสามารถที่สูงกว่าคนจริง ๆ อย่างพวกเธอสามคนรวมกันซะอีก.“ไม่เป็นไรครับพี่เจนิสไม่ต้องดูแลผมดีนักหรอก ทางที่ดีผมว่าพ
พรรคพวกของโบ๊ทมีกันอยู่หลายคน แล้วก็ดำรงชีวิตแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ จากการตามล่าของพวก AP เหมือนกับแคลนอื่น ๆ พวกเขามี LGBT รวมอยู่ในกลุ่มเยอะ ก่อนที่ความผิดพลาดจะมาเกิดขึ้นที่ท้องฟ้าจำลอง เมื่อหน่วยแพทย์ของ AP ที่เป็นเจ้าของพื้นที่เดิมเกิดย้อนกลับมาเช็คทรัพย์สิน มีการปะทะกันเกิดขึ้น! แคลนของโบ๊ทแตกเป็นเสี่ยงเนื่องจากไปถือวิสาสะยึดเอาแลนด์มาร์คตรงนี้เป็นจุดพักแรม ผู้คนก็เลยถูกกวาดต้อนไปเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงพ่อแม่ของเขาด้วย .ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมโบ๊ทถึงรอดมาได้นั้น ก็อยู่ที่แหวนทั้ง 5 วงบนนิ้วมือของเขานั่นเอง อุปกรณ์ชิ้นนี้มีไว้ใช้บังคับโดรนมากกว่า 150 ลำ บางลำเป็น Riot โดรนติดอาวุธหนัก บางลำเป็นโดรนอารักขา ส่วนบางลำก็เป็นโดรนข่าวสาร โบ๊ทใช้พวกมันอย่างคล่องแคล่วในการต่อสู้กับพวก AP และขับไล่พวกทรราชเหล่านี้ออกไปจากอาคารท้องฟ้าจำลองได้เป็นผลสำเร็จ ทว่าก็ต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นการอยู่คนเดียวในอาคารหลังโตแบบโดดเดี่ยว พ่อแม่ไม่อยู่แล้ว เพื่อนฝูงพี่น้องก็โดนหางเลขไปด้วยหมด.ย้อนกลับไปหลายตอนก่อนหน้านี้ เราจึงได้เห็นโบ๊ทใช้กล้องโทรทัศน์ส่องหาแคลนที่ยังมีผู้รอดชีวิตไปทั่วเมือง จนกระทั่งมาพบกับกลุ่
เสมือนหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่กระเสือกกระสนหาทางรอด ตัวเป็นจักรกลทว่าข้างในคงมีจิตวิญญาณของปลาช่อนที่กำลังจะโดนทุบหัวบรรจุอยู่ Riot โดรนถึงได้แสดงพฤติกรรมเกรี้ยวกราดดังที่เห็น เปลวไฟพ่นออกมารอบทิศราวกับลูกข้างที่รวมร่างกับกระบองไฟ มันพ่นขู่คำรามแล้วก็ได้ผล เมื่อกลุ่มเรดี้ทั้ง 4 นางต่างก็ถอยกรูออกห่างไปทุกที พอเจนิสลองสืบเท้าเข้าไปใกล้มันก็พ่นไฟออกมาใส่อีก.“อ๊ายยย! ไม่ได้เลยพี่แพรวไฟร้อนมากค่ะ!”เธอรีบผินหน้ากลับมาบอก.สวนทางกับแพรวที่มีประสบการณ์มากกว่า หลังจับสัญญาณได้จากไฟสถานะบนตัวโดรนที่มีการกระพริบเปลี่ยนจังหวะไป พลางบอกให้น้อง ๆ ตระเตรียมอาวุธขึ้นมือเอาไว้.“ไม่เป็นไรเจนิส.. ไม่ต้องเข้าไปหรอก.. เราแค่ต้องตามเจ้านี่ไปก็พอ”.“ไปไหนอ่ะพี่?”.“เดี๋ยวก็รู้! เจ้าโดรนนี่ไม่มีทางทำแบบนี้ได้ถ้าไม่มีใครบังคับ.. เชื่อฉัน!”.แล้วก็จริงอย่างที่แพรวสันนิษฐาน ผ่านไปราว 3 นาทีกับอีกนิดหน่อยแก๊สในตัวก็หมดลง จากไฟพุ่ง ๆ ตอนนี้แค่ถ่มถุยออกมายังยากลำบาก ไหนจะท่วงท่าการบินที่กระท่อนกระแท่นเต็มทีนั่นอีก เพดานบินเริ่มลดระดับต่ำลง Riot โดรน เริ่มเบี่ยงเส้นทางบินหนีออกไปอีกฝั่งผ่านการร่อนที่เอียงกระเ
เหลือเชื่อว่าจะได้ยินเสียงจิ้งหรีดแทนที่กระสุนปืน เจนิสส่งทุกคนเข้านอนและตอบแทนความไว้ใจจากแพรวด้วยการห่มผ้าให้กับพี่สาว แม้จะรู้ดีว่าในสถานการณ์เช่นนี้คงยากที่จะข่มตาหลับ แต่ชีวิตนั้นก็ต้องก้าวต่อไป แพรวอุตส่าห์นำทุกคนให้รอดมาถึงพื้นที่ใต้ทางด่วนตรงนี้ได้ แล้วมีหรือที่สายแข็งนักนอนเช้าอย่างเจนิสจะไม่ตอบแทนกลับไปบ้าง.เธอค่อย ๆ ย่องห่างออกมาจากจุดพัก สอดส่ายสายตาผ่านทะลุไปตามซอกหลืบต่าง ๆ ที่คิดว่าน่าสงสัย พลันตั้งคำถามกับตัวเองในใจว่าเสียงจิ้งหรีดนั้นมาจากไหน ถ้าเป็นเสียงปืนหรือเสียงคนฆ่ากันตายยังจะเป็นไปได้มากกว่า.“นั่นน่ะสิ! แปลกมากเลย? โควิดมันกินได้แม้กระทั่งผนังปูน แล้วกับสิ่งมีชีวิตเปลือกหุ้มอย่างจิ้งหรีดกลางคืนเนี่ยะนะ ไม่ใช่ล่ะ! เป็นไปไม่ได้!”“ถ้าเราไม่หูแว่วไปเอง เราควรจะตรวจสอบทุกจุดที่น่าสงสัยให้ละเอียดที่สุด”.กระชับหน้ากากครอบแก้วให้ติดแน่น ตัวเลขสถานะก๊าซลดลงเล็กน้อยเพราะความตื่นเต้น ส่วนในมือที่ถืออยู่ก็คือพลองไม้ขนาดยาวที่เป็นเหมือนอาวุธประจำกายของเธอ มันทั้งง่อนแง่นแล้วก็ดูบอบบางจนจินตนาการไม่ออกว่าถ้าเอาไปฟาดหัวใครเข้า Damage จะเข้าสักเท่าไหร่ แต่ครานั้นเจนิสก็