LOGINกำมือถือเอาไว้พอหลวม ๆ พียังคงรู้สึกสำนึกบุญคุณต่อพระผู้เป็นเจ้าที่เตือนสติเขาให้ปิดเครื่องได้ทันเวลา เพราะเสียงข้อความเพียงเล็กน้อย ก็มากพอที่จะเปิดเผยสถานที่ซ่อนลับของเขาให้เป็นที่ประจักษ์ได้
.
“อีแพรว! อีห่า! เกือบทำกูงานเข้าแล้วไหมล่ะ?”
กระเทยควายพร่ำบ่นกับตัวเอง ในขณะที่หัวใจก็สั่นรัวราวกับกลองชุด
.
เรียกได้ว่างานนี้ถ้าไม่ได้ทักษะการเป็นนักดื่มตัวยงช่วยไว้เขาคงไม่รอด เพราะประตูทึบตันที่เจ้าหน้าที่เคยบอกแท้ที่จริงก็คือกล่องลังเบียร์จำนวนมาก ที่พีดื่มแล้วก็โยนขวดทิ้งไว้ตรงระเบียงด้านหลัง ดูจากตาเปล่าน่าจะมีมากถึง 1,000 - 2,000 ขวด เขาจับขวดเหล่านั้นยัดใส่กล่องแล้วก็วางเรียงไว้เป็นชั้น ๆ โดยหวังว่าสักวันจะเรียกคุณลุงซาเล้งค้าของเก่าขึ้นมาขนไปขาย
.
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเป็นพวกมันนี่เองที่พีใช้ลากมาขวางประตู ปริมาณที่มากบวกกับรูปทรงที่สอดรับกัน ทำให้เกิดสภาวะทึบตันตรงทางเข้าระเบียง จากอีกฝั่งพวกเจ้าหน้าที่จะเห็นเป็นเพียงกำแพงกระดาษสีน้ำตาลเท่านั้น ครั้นพอคิดที่จะผลักหรือดันเข้าไปกลุ่มลังบรรจุขวดก็จะพากันเซ็ตตัวนิ่งตรึงติดแน่น อันเป็นผลพวงมาจากรูปแบบการเรียงซ้อนที่ชิดกันสุด ๆ ชิดจนไม่เหลือช่องว่างบนพื้นระเบียง แพ็ทเทิร์นการเรียงคือ ประตู , กล่องลังเบียร์ , กล่องลังเบียร์ , กล่องลังเบียร์ , กล่องลังเบียร์ ๆ ๆ ๆ แล้วถึงค่อยเป็นราวระเบียงกันตกที่ค้ำอยู่อีกฝั่ง
.
ลองเป็นแบบนี้ต่อให้ช่วยกันดันด้วยพลังช้างสาร กำแพงลังกระดาษที่ยัดไส้ขวดเบียร์เต็มพิกัดก็ยังต้านทานไหว ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมตัวพีถึงเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำนั้น คำตอบก็อยู่ในมืออีกข้างของเขานั่นเอง
.
“บุ๋ง! , บุ๋ง! , บุ๋ง! , บุ๋ง!”
.
นับเป็นเสียงเทเหล้าออกจากขวดที่แสนแผ่วเบาแต่เศร้าโศกหัวใจเป็นที่สุด เสียดายก็เสียดายแต่ทางเลือกของพีก็ไม่ได้มีมากอะไรนัก หลังจากที่เขาได้ยินเต็มสองรูหูว่า ทีมตรวจโรคเชิงรุกกำลังจะใส่แว่นตรวจจับอุณหภูมิความร้อน
.
นี่คือเทคโนโลยีของบริษัท AP ที่พัฒนามาเพื่อใช้แทนปืนวัดไข้ ทว่าตอนนี้กลับถูกนำมาใช้เพื่อเช็คที่อยู่ของกระเทยควาย ผ่านการอ่านค่าอุณหภูมิที่เกินกว่า 37 องศา
.
“บุ๋ง! , บุ๋ง! , บุ๋ง! , บุ๋ง!”
.
“จำเป็นล่ะวะ! ไม่ตายก็หาใหม่ได้เว่ย เทลงไป! เทลงไป!”
.
“บุ๋ง! , บุ๋ง! , บุ๋ง! , บุ๋ง!”
.
ช่างเป็นความบังเอิญที่เข้าทาง ที่หลังระเบียงห้องไม่ได้มีแต่ขวดเปล่า พียังมีสต็อกเบียร์กับไวน์ชั้นดีอีกเป็นแกลลอน เขามีแม้กระทั่งโหลยาดอง , สมุนไพรสำหรับดองเหล้า , ยาดองเหล้าตราเก้าเหรียญสูตรเสือสิบเอ็ดตัว , โซดา , ว็อดก้า , เตกีล่า , บาคาร์ดี้ ฯลฯ เรียกได้ว่าขาดแค่เฮโรอีนกับกาวทินเนอร์เท่านั้นที่ไม่มีอยู่หลังห้องแห่งนี้
.
และนี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมในแว่นตาจับความร้อนของพวกเจ้าหน้าที่ ถึงอ่านค่าพลังงานด้านหลังได้เป็นสีแดงเถือก อุณหภูมิสูงลิ่วที่มากเกิน 37 องศาแห่งความเป็นคน ล้วนเป็นผลมาจากปฏิกิริยาความร้อนของแอลกอฮอล์ในเหล้าที่ทำกับแสงแดดภายนอก ผนวกรวมกับความรัดกุมอันสุดบ้าคลั่งของพี ที่ราดรดทุกอย่างลงหัวตัวเองไปพร้อมกันด้วย ทำให้ร่างกายของเขากลืนไปกับอุณหภูมิ แว่นตรวจจับก็เลยไม่สามารถสร้างคลื่นความร้อนเป็นออร่ารูปร่างของคนขึ้นมาได้
.
รอฟังคำสั่งการให้ยกเลิกอย่างจดจ่อ กระเทยหนุ่มทรุดตัวลงนั่งลุ้นด้วยความตื่นเต้น เขาพยายามจะไม่ทำให้ตัวเองใจเย็นเพราะไม่ต้องการให้ร่างกายเย็นลงกว่านี้
.
“แค่สั่งการออกมา.. โถ่เอ๊ย! แค่พูดออกมาว่ากลับกันได้แล้วเท่านี้ก็หมดเรื่อง ฉันอุตส่าห์ลงทุนทำขนาดนี้แล้วนะ"
กัดกรามกรอดเกร็งกำปั้น ลุ้นกดดันราวกับฟังผลสลากกินแบ่งรัฐบาล
.
แต่โชคก็ไม่เป็นใจ ไม่ต่างอะไรจากการซื้อ 92 แล้วออก 66 คือไม่เฉียดเลยสักนิด เปล่าเลย! กำแพงลังกระดาษไม่ได้พังทลายลงมา แว่นตาก็ไม่ได้ทะลึ่งกลับมาอ่านค่าได้ หากแต่เป็นที่ตัวหัวหน้าชุดที่ไม่ยอมลดราวาศอกเลยต่างหาก แกยังคงดันทุรังให้ลูกทีมออกค้นหาต่อไป ค้นทุกซอกทุกมุมรื้อกระจุยกระจาย จนอพาร์ทเม้นท์ของพีแทบจะมีสภาพเหมือนถูกยกเค้า หมอเหมือนโจรนอกเครื่องแบบ พวกเขาเหมือนองคุลิมาลที่สวมชุดปลอดเชื้อ และพร้อมจะเชือดเหยื่อทุกคนที่ประสบพบเห็น
.
“พยายามต่อไปมันต้องอยู่ที่นี่แหละ! ถ้าต้องทุบกำแพงข้ามไปฝั่งโน้นฉันก็จะทำ จะต้องมีอะไรอยู่หลังกำแพงนั่นแน่ ๆ !”
.
“แต่หัวหน้าครับ.. เราไม่มีอำนาจ?”
.
“มีดิ! ทำไมจะไม่มี! เรามีพรก.ฉุกเฉินภายใต้สถานการณ์อันไม่ปกติไง ไปเอาค้อนปอนด์มา! ขวานหรืออะไรก็ได้! ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าคลื่นความร้อนด้านหลังนั่นคืออะไร?"
"ทีมเราจะแพ้ทีมอื่นไม่ได้เป็นอันขาด! รู้ถึงไหนอายเขาถึงนั่นจะเอาหน้าไปไว้ไหนถ้าจับได้แค่แมวตุ๊ด ๆ ตัวหนึ่ง ฉันรับไม่ได้หรอกนะ!”
.
“ครับ! รับทราบครับ!”
.
“ตุบ ๆ , ตุบ ๆ , ตุบ ๆ , ตุบ ๆ ”
.
ทุกสำเนียงเสียงสนทนาพีได้ยินหมด เขาได้ยินแม้กระทั่งเสียงฝีเท้ากระทบพื้นที่คล้ายกับการออกวิ่ง คราวนี้จึงเป็นอะไรที่หน้าสิ่วหน้าขวานยิ่งกว่าเก่า ภายในใจรุ่มร้อนดั่งขุมนรก แดดส่องแรงขึ้นกลิ่นแอลกอฮอล์เหม็นหึ่งฉุนโพรงจมูก หากจะกล่าวว่าถึงทางตันแล้วก็คงไม่ผิดอะไร
.
“เอาไงดีวะกู?”
ปากขยับแต่ไม่มีเสียง
.
จินตนาการถึงสาวประเถทสองผู้โดดเดี่ยวท่ามกลางดงขวดเหล้า พีกลับมาเพ่งเล็งที่โทรศัพท์อีกครั้งแต่ก็ไม่กล้าเปิดเครื่องเพราะกลัวเสียงจะทำให้คนข้างในรู้ตัว ด้วยความสัตย์จริงว่าเขากำลังจะตายด้วยน้ำมือตัวเอง ลองคิดดูสิว่าระเบียงที่ไหนในโลกจะมีทางออกสองทางบ้าง ทุกที่ล้วนเข้าออกได้ทางเดียวหมด ลังขวดเบียร์นับพันที่ขวางประตูอยู่จึงเหมือนกรรมที่ตามสนอง มันขวางคนไม่ให้เข้ามาได้ก็จริง แต่มันก็ขวางพีไม่ให้หนีออกไปได้เช่นกัน
.
ทุกอย่างตีกันอีรุงตุงนังไปหมด แล้วทันใดนั้นเอง! ใบหูก็เริ่มได้ยินเสียงอีกฝั่งกำลังเริ่มกระบวนการทุบ
.
“ตรึม! , ตรึม! , ตรึม!”
.
“แม่งเอ๊ย!?”
พีรีบชะเง้อตัวลงไปมองห้องด้านล่างที่ชั้น 4 นั่นสูงชิบเป๋ง! และเขาก็บอกกับตัวเองโดยพลันว่าต่อให้เป็นเฉินหลงที่ได้กับจา พนม ก็ไม่มีใครกล้ากระโดดออกไปจากชั้น 5 ตรงนี้แน่
.
“สูงมากอ่ะ! ถ้าพลาดตกลงไปได้ตายแบบศพไม่สวยชัวร์!”
.
“ตรึม! , ตรึม! , ตรึม! , ตรึม! , ตรึม! ”
“ตรึม! , ตรึม! , ตรึม! , ตรึม! , ตรึม! ”
ผนังเริ่มสั่นกล่องลังเริ่มเขยื้อน นั่นยิ่งทำให้สติกระเจิดกระเจิงขึ้นไปอีก
.
“ไม่! ยังไงฉันก็ไม่ยอมให้โดนจับเด็ดขาด! แพรวเพิ่งแชทมาบอกว่าพวกเขาจะล่ากระเทยไปทำอะไรก็ไม่รู้ กระเทยมีศักดิ์ศรีเว่ย! การเก๊กแมนตบตาขายผ้าเอาหน้ารอดก็ไม่ใช่ทางออก เพราะงั้นยอมตายซะยังดีกว่า! , ฮึ่ยยย!”
.
สิ้นสุดการตัดสินใจเฮือกสุดท้าย สาวประเภทสองก็ได้ชะโงกหน้าลงไปมองระเบียงห้องด้านล่างใหม่อีกที คราวนี้พีลงรายละเอียดมากขึ้นเขาเห็นราวตากผ้าที่เต็มไปด้วยผ้าอ้อมเด็ก มีกาละมังซักผ้าที่มีขวดนมแช่เอาไว้ และที่สำคัญมีพื้นที่มากพอให้เขาเหวี่ยงตัวลงไปแลนด์ดิ้ง
.
“ข้างล่างน่าจะเป็นห้องของเด็ก ถ้าเราเหวี่ยงตัวเข้าไปในนั้นได้ประตูมุ้งลวดบาง ๆ ตรงระเบียงคงไม่คณามือ พอลงไปถึงก็ค่อยรีบเผ่นออกไปทางบันไดหนีไฟ ใช่! เป็นไปได้อยู่!”
.
“ตรึม! , ตรึม! , ตรึม! , ตรึม! , ตรึม! ”
“ตรึม! , ตรึม! , ตรึม! , ตรึม! , ตรึม! ”
.
“หัวหน้าครับ! ข้างนอกมีแสงสว่าง มีกลิ่นเหล้าด้วยครับ!”
.
“เยี่ยม! เรามาถูกทางแล้วทุบต่อไปอย่าหยุดนะ!”
.
“ครับ!”
.
ฝั่งข้างในก็ช่างเร่งเร้าประเมินจากสถานการณ์คาดว่าอีกไม่เกิน 5 นาที สิ่งที่พีใช้กีดขวางไว้ก็คงจะสิ้นสภาพ จุดซ่อนเร้นที่ไม่ใช่จิ๋มของเขาคงจะถูกเปิดเผย เพราะฉะนั้นจะทำอะไรก็ควรรีบทำ ถ้าไม่รีบล่ะก็เขาได้หมดอนาคตแน่
.
“เหี้ย! เอาวะตายเป็นตาย! เราแค่ต้องหาอะไรยาว ๆ ที่คล้ายเชือกมาใช้โรยตัวสักหน่อย"
.
หันซ้ายแลขวาดันมีแต่ขวดเหล้า ยาวสุดที่เห็นคงจะเป็นเชือกรองเท้าแต่มันจะพอเหรอ?
.
“พอสิ! ถ้าเอาทุกอย่างมามัดรวมกัน”
.
พีทำเหมือนหันมาพูดกับคนเขียน แต่ก็ช่างเถอะ! เพราะสิ่งที่เขาทำนั้นน่าสนใจกว่ามาก เขาถอดรองเท้าออกแกะเชือกรองเท้าออกมา , ถอดถุงเท้าออก , ถอดกางเกงออก , ถอดเสื้อออก , ถอดสร้อยคอ , ถอดแม้กระทั่งสิ่งที่ไม่ควรถอดอย่างกางเกงในชาย เปลี่ยนกระเทยร่างควายให้คล้ายกับกอลิล่าเปลือยตามป่าธรรมชาติ
หน้าท้องแบนราบบดนาบเข้าหากัน มิวท์อยู่บนเจนิสอยู่ล่างการสั่นเทิ้มดังกล่าวค่อย ๆ ทุเลาลง แล้วก็ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงที่ใช้ห้ามหั่นจะเอาชีวิตของมิวท์ก็เริ่มอ่อนแรงลงเช่นกัน เธอค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะของคนปกติ จุกหัวถันชูชันเกร็งเสียว และแม้แต่กงเล็บที่ยื่นยาวออกมาก็เริ่มหดสั้นกลับลงไป."พี่มิวท์คะ.."เจนิสกระแอมถามทั้งที่ใบหน้ายังคงบี้อยู่กับร่องนมของมิวท์ เธอผินหน้าเอียงเปลี่ยนมุมไปมาพอให้มิวท์ตื่นตัว สลับกับการแลบลิ้นเลียที่ฐานเต้าด้านล่างพลันลากวนโค้งไปตามความอวบอูมของบัวตูมคู่."แผล็บ.. บ.. บ.. บ!"."อ่าาา..า..า..า..า.."รุ่นใหญ่เผลอหลุดครางออกมาแผ่วเบา ลมหายใจร้อนผ่าวพ่นพรูออกมาทดแทนไอแห่งความเหม็นสาปจากเชื้อโควิด ตามติดมาด้วยผิวพรรณที่กลับมามีน้ำมีนวลเป็นสีชมพูบานสะพรั่งอีกครั้ง นี่คือผิวแบบลูกคุณหนูขนานแท้ มันคงผ่านการทำสปาร์มาจากหลายสถาบัน จึงไร้ซึ่งรอยด่างรอยดำ กระจ่างใสราวกับหลุดออกมาจากกระปุกครีม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอะไรที่โคตรจะน่าฟัด!.ทว่าพอต้องมานอนคร่อมร่างของเด็กมัธยมอยู่แบบนี้ จิตใต้สำนึกของมิวท์ก็ต้องทำหน้าที่ของมันผ่านการปกป้องตัวเอง ทำให้สาวเจ้าต้องตัวกระตุกอีกหน พลั
จากด้านหนึ่งสู่อีกด้านหนึ่ง สาวน้อยวัยมัธยมเร่งฝ่ามือกระโจนโผทะยานไปสู่ตำแหน่งที่คิดว่าได้ยินเสียง พลางผงะเข้ากับรอยโหว่บนตัวเครื่องที่เกิดจากบานประตูที่กระเด็นออกไป แสงสว่างจากหลอดไฟภายในส่องลอดออกมาเป็นลำ นาทีนั้นแม้แต่แท่งไฟในมือเธอก็คงจะไม่จำเป็นซะแล้ว."มีการต่อสู้กันงั้นเหรอ?"เจนิสกระซิบ.พูดกับใครก็ไม่รู้ในเมื่อก็อยู่ตัวคนเดียว เหมือนเธอกำลังประเมินสถานการณ์ ข้างหน้ามีศพ ข้างหลังประตูพัง แล้วเมื่อกี้ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกรี๊ด! นั่นอาจจะเป็นเสียงของมิวท์ก็ได้ บางทีเธออาจจะอยู่ในสภาวะวิกฤต."หรือมีผู้ติดเชื้อบุกเข้ามาทำร้ายพี่มิวท์?!".คราวนี้ไม่คิดแล้วแต่เหวี่ยงร่างกายเข้ามาในเครื่องเลย! โดยไม่สนหน้าอินท์หน้าพรหม เจนิสใช้แรงเหวี่ยงจากกระเป๋าเป้ตวัดทีเดียวร่างบางของเธอก็ม้วนหน้าเข้ามาด้านในราวกับนักยิมนาสติก เสี่ยงตายไม่ว่ามารยาทไม่ต้องทุกสิ่งที่ทำล้วนมาจากความต้องการจากหัวใจ ทว่าสิ่งที่เธอเห็นก็คือ...มิวท์ในเวอร์ชั่นผู้ติดเชื้อ.. ที่ยืนจังก้าเล็บยาวเฟื้อยลากมากับพื้น.!.หากย้อนกลับไปอ่านสักหน่อย จะเห็นเลยว่าบุคลิกของมิว์นั้นใกล้เคียงกับเปรมตอนที่รอเย่อร์เธอในห้องกระจกมาก
ปลายนิ้วแห้งผากราวกับกระดาษทราย กว่าจะสัมผัสได้ถึงหยดน้ำหยาดแรกกลีบผกาก็ช้ำมากจนออกสีแดงแกมระเรื่อ มิวท์เสียวแค่ในใจแต่ร่างกายกลับไม่เป็นดังที่หวัง เธอเอาแผ่นหลังพิงกับกำแพงห้องโดยสารพลางหลุบสายตามองเรียวขาของตัวเองทั้งสองข้างที่ตั้งชันขึ้นและกำลังสั่นระริก เธอเร่งเกินไปเธอฝืนทั้งที่ไม่ได้เงี่ยนจริง.ตอกย้ำการโกหกตัวเองด้วยการดีดกางเกงผ้ายืดที่พันอยู่กับข้อเท้าออก เธออยากเห็นความงุ้มเกร็งของปลายตีน เผื่อจะทำให้มีอารมณ์กระสันขึ้นมาต้านทานการกลายร่างได้บ้าง."ซีดดดด...จิ๋มแห้งจัดเลยอ่ะโถ่เอ๊ย!".แท่งน้ิวเปลี่ยนจากสองเป็นสาม ชี้ , กลาง , นาง เรียงตัวเป็นขยุมพลันยัดเข้าไปแบบสุดเหยียดก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ผลหล่อนจึงได้รับแต่ความเจ็บปวดกลับมา แรงเสียดสีที่ขาดน้ำหล่อลื่นเป็นอะไรที่ทำร้ายช่องคลอดมาก มิวท์เหมือนกำลังทำทารุณกรรมกับตัวเอง และที่สำคัญที่สุดก็คือ ณ ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ มุมมองสายตาของเธอก็เริ่มเห็นเป็นฉากสีแดงและเส้นเลือดยึกยือถักทอขึ้นมาแล้ว!."เรากำลังจะกลายร่าง.. อ่ะ.. อ๊ากกก..ก..ก..ก , อั๊ก..ก..ก!""เด็กผู้หญิงคนนั้นกับแท่งไฟส่องสว่างในมือ ทำให้เชื้อโควิดในตัวเรากำลังจะออกมา..
ภาพในฝันประเดประดังเข้ามาในหัว ภาพของการสังวาชกันในน้ำ ภาพของมิวท์สาวสวยหุ่นงามที่ถูหน้าอกบี้บดกับแผ่นหลังของเธอ สิ่งเหล่านี้ทำเอาเจนิสถึงกับมือไม้สั่น แม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นโลโก้ของบริษัท AP ตรงท้ายเครื่องบิน และจากจุดที่ยืนอยู่ก็สูงและมืดเกินกว่าจะพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณที่ติดตัวมายังไงเธอก็ว่าใช่ นี่ต้องเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ตั้งใจออกมาตามหาแน่นอน."เอาไว้ก่อนเรื่องช่วยเหลือผู้คน เสียใจด้วยนะคะน้า แต่ก็ต้องขอบคุณด้วยเหมือนกันนี่ถ้าไม่ใช่ลูกผัวน้าหนูคงไม่ได้เจอกับเครื่องบิน"."ปั๊ก! , ฟู่..!!!"จากอุปกรณ์จุดไฟในมือกลายเป็นแท่งไฟส่องสว่าง มันถูกกระทุ้งด้วยหัวเข่าและเปล่งแสงสว่างโพลงออกมาทำให้ทั้งสองฟากของซอกเขากลายเป็นสีแดง."รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง" ถ้าจะต้องมีซาวด์ดนตรีประกอบเพลง "เล่นของสูง" ของวงบิ๊กแอสถือว่าเหมาะมาก เพราะเจนิสรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเสี่ยงแค่ไหน แท่งความร้อนเรืองแสงที่ถืออยู่จะกลายเป็นตัวล่อชั้นดีให้บรรดาผู้ติดเชื้อพุ่งเป้ามาที่เธอ แต่ก็นะ! จะให้ทำไงได้ล่ะในเมื่อหัวใจเรียกร้อง.เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดหาเหตุผลให้กับความรัก เมื่อนั้นก็แปลว่
"ไป! ,ไป! ,ไป!, เดินหน้าเร่งฝีเท้าหน่อยทุกคน! ใกล้จะค่ำแล้วอย่าแตกแถวดูแลกันและกันด้วย!"เสียงหัวหน้าหน่วยหันมากำชับ."อีกราว 500 เมตรก็จะถึงประตูหน้าวิลเลจแล้ว ในนั้นทุกคนจะปลอดภัยสบายใจได้"แกผินหน้ากลับมามองตรงพลางกระชับปืนคู่ใจแนบวงแขน แบกเป้ประทับบ่าเดินจ้ำอ้าวรวดเร็วปานจรวด.ที่ด้านหลังมีสมาชิกกลุ่มเพิ่มจำนวนขึ้นกว่า 20 ชีวิต มีทั้งเด็กและผู้หญิงแล้วก็คนแก่ ทุกคนต่างอยู่ในสภาพเหนื่อยล้าอิดโรย โดยมีสมาชิกหน่วยลาดตระเวนกระจายตัวล้อมรอบพวกเขาไว้อีกชั้นหนึ่ง พวกเขาต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันแล้วก็โชคดีมากที่ไม่มีใครเสียชีวิตจากการปะทะกันเมื่อตอนบ่ายเลย.แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำแบบนี้ก็ไม่แน่ ไม่มีใครอยากเสี่ยงกับกลุ่มผู้ติดเชื้อเวอร์ชั่นกลางคืนหรอก หัวหน้าหน่วยก็เลยพยายามย้ำนักย้ำหนาว่าให้ทุกคนเร่งฝีเท้าต้องไปให้ถึงวิลเลจก่อนตะวันตกดินให้ได้ ภาษากายดูจริงจังน่าเกรงขาม แต่ใครเล่าจะรู้ว่าในใจลึก ๆ นั้นหัวหน้าเป็นห่วงเจนิสมากขนาดไหน."โถ่.. เจนิสเอ๊ย! อุตส่าห์บอกแล้วว่าให้รักษาแนวด้านหลังเอาไว้ ทำไมถึงทำอะไรโดยพลการนะ""นี่เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองเก่งพอจะอาสาไปช่วยเหล
ทิ้งกระเป๋าเป้ปลดสัมภาระที่คิดว่าจะเป็นภาระในภายภาคหน้าไว้ที่พื้น เจนิสทำตามอย่างว่าง่าย เธอไม่มีแม้แต่อารมณ์ขี้งอนหรืองี่เง่าใด ๆ ด้วยเพราะรู้สถานการณ์ดี สิ่งที่ติดตัวมาจึงมีแค่ปืนหน้าไม้กับซองใส่ลูกดอก ในทิศหกนาฬิกาด้านตรงกันข้าม ร่างบางเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการคลานศอก เธอกดตัวให้ต่ำกระดืบ ๆ คืบคลานไปอยู่ในแนวด้านหลังสุดตามที่รุ่นพี่ออกคำสั่ง."เข้าใจแล้วค่ะ.. ไว้ใจหนูได้เลยหนูจะระวังหลังให้เอง ถ้าเจอผู้รอดชีวิตบอกให้ตามมาทางนี้ได้เลยนะคะ!"แม้แต่ซุ่มเสียงก็ดุดันจริงจังขึ้น ตอกย้ำว่าเธอไม่ได้มาเล่น ๆ.ด้วยความสัตย์จริงว่าการบู้นั้นไม่ใช่สไตล์ของเจนิสมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอเป็นนักรบสายซับพอร์ตไม่ใช่ตัวแทงค์ และถ้านับสถิติการฆ่าผู้ติดเชื้อแล้วล่ะก็ในแคลนก็คงจะเป็นเธอนี่แหละที่ตัวเลขอยู่ในลำดับต่ำสุด กลับกันแต่ถ้าหากเป็นการหนีเพื่อเอาตัวรอดแล้วล่ะก็ เจนิสก็จะพลิกสถิติกลับขึ้นมาเป็นผู้นำแห่งวงการได้เลย.จากคลานเริ่มค่อย ๆ ลุกขึ้นกระหยิ่มย่อง มือเรียวเกี่ยวตะขอขึ้นสายหน้าไม้เตรียมไว้ พลันกระโดดยิงหนึ่งดอกออกไปเมื่อเห็นเป้าหมายชัดเจน."ฟิ้ววว!"."ปั๊ก!"."หัว" เหมือนกันแต่เป็น "หัวเ