LOGIN“มึงเป็นไงบ้างแพรว กูห่วงมึงแทบแย่! พ่อกูได้ทำอะไรมึงไหม? แกเมารึเปล่า? แล้วพูดอะไรกับมึงบ้าง? มึงอย่าเชื่อแกเชียวนะเว๊ย!”
ลิ้นพันกันเป็นระวิงพียิงคำถามใส่แพรวแบบไม่มีเว้นวรรค พลางจับหัวไหล่เธอเขย่าโครม ๆ
.
ทำเอาสาวเจ้าถึงกับต้องออกปาก ภายใต้หน้ากากกันแก๊ซกับหน้ากากครอบแก้วจากบริษัท AP ที่พีสวมอยู่ ศีรษะพวกเขาแทบจะโขกกัน เห็นแต่ดวงตาจึงเดาไม่ถูกว่าต่างคนต่างเก็บอะไรไว้ในใจบ้าง ฝ่ายหญิงจึงได้โพล่งคำออกไปก่อน
.
“กูไม่เป็นไรหรอก! พ่อมึงเมาชิบหาย! กูก็เลยปล่อยให้แกหลับคาโต๊ะกินข้าวอยู่ในห้องใต้ดินโน่น!”
.
“ห้องใต้ดิน?! มึงลงไปแล้วเหรอ?!"
.
“อ่า~! กูรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับครอบครัวมึงหมดแล้ว ว่าแต่มึงเหอะไม่เป็นไรใช่ไหม? กูถามพี่เจ้าหน้าที่มูลนิธิคนหนึ่งเขาบอกว่าหน่วยคัดกรองโรคตรวจหากระเทยกันเข้มมาก กูล่ะเสียวมึงจะโดนจับ!”
.
พีเป่าปากถอนใจเฮือกใหญ่ แววตาเขาดูมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับห้องใต้ดินมาก จึงรีบเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับการตรวจคัดกรองให้แพรวฟัง เพื่อที่เสร็จแล้วจะได้รีบถามเธอกลับไปว่า ที่บอกว่ารู้ความจริงน่ะคือรู้เรื่องอะไร ไปรับสาส์นมาแบบบิดเบือนข้อเท็จจริงรึเปล่า
.
แล้วภาพเหตุการณ์ก็ถูกฉายซ้ำผ่านการขมุบขมิบของริมฝีปากพี เขาเล่าเหตุการณ์อย่างรวบรัดฉับไว จนกระทั่งไปสะดุดอยู่ตรงกระบวนการขั้นสุดท้ายอย่างการวัดขนาดองคชาติ ให้ตายเถอะ! แพรวเดาผิดไปนิดเดียวที่คิดว่าไอ้จ้อนของพีน่าจะแยงแผ่นกระดานเจาะรูสำหรับวัดขนาด จนหักเป็นสองซีก
.
แต่ที่ไหนได้เพราะกระดานดังกล่าวแทบจะไม่ถูกใช้งานเลยด้วยซ้ำ วินาทีที่กระเทยหนุ่มปลดกางเกงลงต่อหน้าเจ้าหน้าที่ เพียงแค่เขาเอาดุ้นผงาดอันใหญ่ย้ำค้ำโลกวางพาดลงบนโต๊ะ โต๊ะทั้งโต๊ะก็เหมือนถูกคลุมทับด้วยเงาสีดำขนาดใหญ่ ที่แผ่สยายความมืดจนบดบังทุกสรรพสิ่ง ด้วยเหตุนี้พีจึงรอดมาได้ แล้วพอเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่กู้ภัยกลุ่มใหญ่เตรียมจะเดินทางมาทำงานแถวละแวกบ้านพอดี เขาก็เลยไม่รอรีที่จะขออาศัยติดรถมาด้วย แม้จะต้องแลกกับการโหนกระจกข้างมาประหนึ่งทาซานผจญภัยก็ไม่เกี่ยง พีเป็นห่วงแพรวที่เป็นเพื่อนสนิทมากกว่า
.
“โอเคจบ! กูเล่าเรื่องของกูแล้ว"
"ทีนี้ตามึง! จากการมีเซ็กส์กันครั้งล่าสุดตอนนี้ก็ผ่านไป เอิ่ม.. ม.. ม”
.
กระเทยหนุ่มเหลือบมองดูนาฬิกาข้อมือ พลางแหงนหน้านึกย้อนความหลัง
.
“8 ชั่วโมง! กูเดาว่ามึงยังไม่ได้แดกยาคุมสักเม็ดเลยใช่ไหมแพรว?”
.
“ก็กูติดอยู่ข้างล่างกับพ่อมึงสองต่อสอง จะเอาเวลาไหนไปซื้อ”
สาวเจ้าสวนกลับ
.
ส่งผลให้พีมีปฏิกิริยาทันที เขาแทบจะพุ่งเข้ามาประชิดตัวเธอ พลันใช้หน้ากากครอบแก้วชนกับหน้ากากกันแก็ส กัดฟันกรอด ๆ สลับกับพ่นถ้อยคำออกจากลำคอช้า ๆ กึ่งกระซิบกระซาบ
.
“ชู่ววว.. เงียบ.. อย่าเสียงดัง! ย้ายไปคุยกันที่ระเบียงหน้าบ้านดีกว่า กูไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้”
.
.
บรรยากาศมาคุก่อตัวขึ้นทันที สองเพื่อนซี้ในชุดกันเชื้อเดินต้วมเตี้ยมตามกันเข้าไปยังส่วนหน้าของตัวบ้าน แต่ไม่ถึงกับเข้าไปด้านใน โดยมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยมากมายทำงานงก ๆ เป็นฉากหลัง เสียงเจาะถนน เสียงทุบค้อนปอนด์ใส่ปูนซีเมนต์ รวมถึงเสียงโอดโอยของผู้ประสบเหตุ ไม่อยู่ในสายตาของทั้งสองคนเลย พวกเขาแคร์แค่เรื่องของตัวเอง คนที่เสือกเรื่องคนอื่นมาก็อยากเล่า ส่วนคนที่กลัวความลับของตัวเองจะหลุดก็อยากฟัง พีกับแพรวจึงนั่งลงที่บันไดไม้ขั้นเตี้ย ๆ ที่หน้าทางขึ้นบ้าน
.
“เร็วเลย! มึงรีบบอกมาว่ามึงรู้อะไรบ้าง? ตอนนี้ยาคุมสำคัญสุดกูขอย้ำ!”
พีชิงตัดบทตั้งแต่ยังไม่เริ่ม
.
ซึ่งแพรวก็สวนกลับทันควันด้วยการควักสมาร์ทโฟน โชว์หลักฐานประกอบคำอธิบาย
.
“มึง.. ไม่.. ใช่.. กระเทย!”
“พ่อมึงคิดถึงแม่มึงมาก จนยัดเยียดโครโมโซมเพศหญิงผ่านระบบยีนเข้ามาในตัวมึง ทำให้มึงมีสภาพเป็นยอดชายนายสายเหลือง กระเทยเป็นแค่เรื่องสมมุติ และมึงไม่จำเป็นต้องหลบหนีการตามล่าของหน่วยสืบสวนโรคก็ได้”
“กูมีหลักฐานพร้อม ภาพในห้องแล็บใต้ดินของพ่อมึงจะพิสูจน์เองว่ากูไม่ได้โกหกแม้แต่นิดเดียว!”
“เอ้านี่! ลองดูเองสิ!”
.
“ฟึบ!”
รีบกระชากโทรศัพท์ออกจากมือเพื่อนเป็นการด่วน พีถึงกับพูดไม่ออกดวงตาเขาแทบจะถลนออกนอกเบ้า เขาเช็ดน้ำตาที่เหมือนจะคลอแล้วพูดขึ้น
.
“บะ.. บ้าน่า เรื่องแบบนี้มัน.. น.. น.. ชีวิตกูไม่ควรจะแฟนตาซีขนาดนี้หรอกแพรว”
“มึงได้ของแบบนี้มาได้ยังไง? พ่อไม่เคยให้กูเข้าโซนห้องแล็บเลยสักครั้ง แม้แต่ลงไปข้างล่างก็เถอะ! เต็มที่กูยังใช้ชีวิตอยู่แค่ชั้นบนเอง แต่นี่มึงถึงกับบุกเข้าไปในห้องแล็บใต้ดินที่เป็นความลับของครอบครัวกูได้ กูว่ามันชักจะแปลก ๆ ”
“มึงทำอะไรกับพ่อกูรึเปล่าแพรว มึงวางยาแกหรอ?! ”
.
แพรวอึ้งไปสามวิกับท่าทีที่ค่อนข้างเซอร์ไพรต์ของพีที่แสดงออก หล่อนจึงลองกระเซ้าดู
.
“กูแค่ยั่วเขาด้วยหุ่นของกู~!”
.
“นั่นไง!?”
.
“เปล่า ๆ ๆ ๆ ! ไม่ใช่! กูล้อเล่นอีบ้า! พ่อมึงอ่ะเมาแล้วเห็นกูเป็นคุณนุช กูต่างหากที่เกือบจะโดนปล้ำ!”
.
“What คุณนุช?!”
“No! ไม่ใช่ล่ะ! แม่ที่ทิ้งพวกเราไปมีผัวใหม่อ่ะนะ ผู้หญิงพรรค์นั้นแม้แต่ชื่อพ่อกูยังไม่ให้กูเรียกเลย แกเกลียดเธอเข้ากระดูกดำ กูว่ามึงแต่งเรื่องหลอกกกูแล้วล่ะแพรว"
“หลบซิ! กูจะลงไปดูข้างล่าง เช็คให้ละเอียดว่ามึงทำอะไรกับพ่อกูไว้”
.
พีกระทืบเท้าโครม ๆ สวนทางกับแพรวที่พยายามเถียงสุดฤทธิ์ เธอให้เหตุผลต่าง ๆ นา ๆ ว่าคลิปและรูปถ่ายที่ถ่ายมานั้นเป็นของจริงร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะพ่อรักคุณนุชมากการเสียชีวิตของเธอจึงถูกปกปิดไว้ บางทีแกอาจจะไม่ต้องการให้พีเสียใจก็ได้ สู้ให้รู้ว่าแม่จากไปเพราะมีผู้ชายคนใหม่ยังดีกว่ารู้ว่าแม่ตาย
.
และอีกประการก็คือพ่อจะให้พีรู้ไม่ได้ว่าเขานั้นคือร่างทดลองที่เกิดจากความผิดพลาด พ่อเจตนาจะแปลงสภาพพีให้กลายเป็นคุณนุชคนใหม่ เป็นผู้หญิงเรียบร้อย , สวย , โอบอ้อมอารีย์ , และเป็นแม่ที่ดีของลูก แต่ผลที่ออกมาก็อย่างที่เห็น ร่างทดลองหมายเลขหนึ่งมีความเป็นผู้หญิงขึ้นก็จริง แต่ออกมาในรูปแบบของกระเทยควายหรือคิงคองผสมกับก็อตซิลล่า แล้วนับวันก็มีแต่จะร้อง กรี๊ด! , กรี๊ด! , กรี๊ด! แล้วก็ กรี๊ดดดด!
.
“นี่คือเหตุผลที่เขาไม่บอกมึงเว๊ยพี มึงพิจารณาดูสิว่ามันสมเหตุสมผลขนาดไหน!”
“มึงไม่ต้องเชื่อกูก็ได้ แต่มึงควรดูหลักฐานทางเทคโนโลยี ของแบบนี้แม้แต่ข้อกฎหมายเขาก็รับรอง!”
แพรวลุกขึ้นยืนกางแขน พลันพร่ำบ่นบิดตัวเอียงไปมา เพื่อขวางทางเข้าประตูหน้าบ้านเอาไว้
.
แต่ก็เหมือนจะไม่เป็นผลไม้ซีกงัดไม้ซุงดี ๆ นี่เอง แพรวสู้แรงพีไม่ไหวด้วยประการทั้งปวง โดนชนทีเดียวร่างบางก็ถึงกับร่วงกราวลงกับพื้น
.
“ผลั่ก!”
.
“อย่าขวางกูแพรว! นี่มันเรื่องครอบครัวกูนะ! กูรู้ว่ามีงชอบสอดแต่เรื่องนี้กูขอเถอะวะ!”
.
“แพรว!”
.
“อีแพรววว!”
(ทำไมเงียบไปล่ะ)
.
พอเห็นว่าเพื่อนสาวไม่ยอมส่งเสียงเหมือนเคย พีจึงต้องละสายตาออกจากบานประตูแล้วสะบัดหน้าหันย้อนกลับ ก่อนจะพบว่าอิริยาบถของเธอนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว แพรวนั่งราบเหยียดขาออกมากับพื้น สองมือกุมหน้าท้องอันแบนราบแต่ร้องโอดโอยทุรนทุรายเจ็บปวด
.
“ช่วยด้วยพี~ กูปวดท้อง~~”
“ปวดเหมือนปวดท้องเมนเลยอ่ะ.. อือ.. โอ๊ยย~~!”
.
8 ชั่วโมง 45 นาที คือเวลาที่นับจากการโดนหลั่งในครั้งล่าสุด เวลานั้นกระชั้นชิดมากแล้ว และบางทีพอโดนแรงกระแทกเมื่อครู่เข้าไป เจ้าตัวน้อยที่อยู่ในครรถ์ก็อาจจะอยากทักทายคนเป็นแม่บ้างล่ะมั้ง
หน้าท้องแบนราบบดนาบเข้าหากัน มิวท์อยู่บนเจนิสอยู่ล่างการสั่นเทิ้มดังกล่าวค่อย ๆ ทุเลาลง แล้วก็ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงที่ใช้ห้ามหั่นจะเอาชีวิตของมิวท์ก็เริ่มอ่อนแรงลงเช่นกัน เธอค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะของคนปกติ จุกหัวถันชูชันเกร็งเสียว และแม้แต่กงเล็บที่ยื่นยาวออกมาก็เริ่มหดสั้นกลับลงไป."พี่มิวท์คะ.."เจนิสกระแอมถามทั้งที่ใบหน้ายังคงบี้อยู่กับร่องนมของมิวท์ เธอผินหน้าเอียงเปลี่ยนมุมไปมาพอให้มิวท์ตื่นตัว สลับกับการแลบลิ้นเลียที่ฐานเต้าด้านล่างพลันลากวนโค้งไปตามความอวบอูมของบัวตูมคู่."แผล็บ.. บ.. บ.. บ!"."อ่าาา..า..า..า..า.."รุ่นใหญ่เผลอหลุดครางออกมาแผ่วเบา ลมหายใจร้อนผ่าวพ่นพรูออกมาทดแทนไอแห่งความเหม็นสาปจากเชื้อโควิด ตามติดมาด้วยผิวพรรณที่กลับมามีน้ำมีนวลเป็นสีชมพูบานสะพรั่งอีกครั้ง นี่คือผิวแบบลูกคุณหนูขนานแท้ มันคงผ่านการทำสปาร์มาจากหลายสถาบัน จึงไร้ซึ่งรอยด่างรอยดำ กระจ่างใสราวกับหลุดออกมาจากกระปุกครีม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอะไรที่โคตรจะน่าฟัด!.ทว่าพอต้องมานอนคร่อมร่างของเด็กมัธยมอยู่แบบนี้ จิตใต้สำนึกของมิวท์ก็ต้องทำหน้าที่ของมันผ่านการปกป้องตัวเอง ทำให้สาวเจ้าต้องตัวกระตุกอีกหน พลั
จากด้านหนึ่งสู่อีกด้านหนึ่ง สาวน้อยวัยมัธยมเร่งฝ่ามือกระโจนโผทะยานไปสู่ตำแหน่งที่คิดว่าได้ยินเสียง พลางผงะเข้ากับรอยโหว่บนตัวเครื่องที่เกิดจากบานประตูที่กระเด็นออกไป แสงสว่างจากหลอดไฟภายในส่องลอดออกมาเป็นลำ นาทีนั้นแม้แต่แท่งไฟในมือเธอก็คงจะไม่จำเป็นซะแล้ว."มีการต่อสู้กันงั้นเหรอ?"เจนิสกระซิบ.พูดกับใครก็ไม่รู้ในเมื่อก็อยู่ตัวคนเดียว เหมือนเธอกำลังประเมินสถานการณ์ ข้างหน้ามีศพ ข้างหลังประตูพัง แล้วเมื่อกี้ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกรี๊ด! นั่นอาจจะเป็นเสียงของมิวท์ก็ได้ บางทีเธออาจจะอยู่ในสภาวะวิกฤต."หรือมีผู้ติดเชื้อบุกเข้ามาทำร้ายพี่มิวท์?!".คราวนี้ไม่คิดแล้วแต่เหวี่ยงร่างกายเข้ามาในเครื่องเลย! โดยไม่สนหน้าอินท์หน้าพรหม เจนิสใช้แรงเหวี่ยงจากกระเป๋าเป้ตวัดทีเดียวร่างบางของเธอก็ม้วนหน้าเข้ามาด้านในราวกับนักยิมนาสติก เสี่ยงตายไม่ว่ามารยาทไม่ต้องทุกสิ่งที่ทำล้วนมาจากความต้องการจากหัวใจ ทว่าสิ่งที่เธอเห็นก็คือ...มิวท์ในเวอร์ชั่นผู้ติดเชื้อ.. ที่ยืนจังก้าเล็บยาวเฟื้อยลากมากับพื้น.!.หากย้อนกลับไปอ่านสักหน่อย จะเห็นเลยว่าบุคลิกของมิว์นั้นใกล้เคียงกับเปรมตอนที่รอเย่อร์เธอในห้องกระจกมาก
ปลายนิ้วแห้งผากราวกับกระดาษทราย กว่าจะสัมผัสได้ถึงหยดน้ำหยาดแรกกลีบผกาก็ช้ำมากจนออกสีแดงแกมระเรื่อ มิวท์เสียวแค่ในใจแต่ร่างกายกลับไม่เป็นดังที่หวัง เธอเอาแผ่นหลังพิงกับกำแพงห้องโดยสารพลางหลุบสายตามองเรียวขาของตัวเองทั้งสองข้างที่ตั้งชันขึ้นและกำลังสั่นระริก เธอเร่งเกินไปเธอฝืนทั้งที่ไม่ได้เงี่ยนจริง.ตอกย้ำการโกหกตัวเองด้วยการดีดกางเกงผ้ายืดที่พันอยู่กับข้อเท้าออก เธออยากเห็นความงุ้มเกร็งของปลายตีน เผื่อจะทำให้มีอารมณ์กระสันขึ้นมาต้านทานการกลายร่างได้บ้าง."ซีดดดด...จิ๋มแห้งจัดเลยอ่ะโถ่เอ๊ย!".แท่งน้ิวเปลี่ยนจากสองเป็นสาม ชี้ , กลาง , นาง เรียงตัวเป็นขยุมพลันยัดเข้าไปแบบสุดเหยียดก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ผลหล่อนจึงได้รับแต่ความเจ็บปวดกลับมา แรงเสียดสีที่ขาดน้ำหล่อลื่นเป็นอะไรที่ทำร้ายช่องคลอดมาก มิวท์เหมือนกำลังทำทารุณกรรมกับตัวเอง และที่สำคัญที่สุดก็คือ ณ ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ มุมมองสายตาของเธอก็เริ่มเห็นเป็นฉากสีแดงและเส้นเลือดยึกยือถักทอขึ้นมาแล้ว!."เรากำลังจะกลายร่าง.. อ่ะ.. อ๊ากกก..ก..ก..ก , อั๊ก..ก..ก!""เด็กผู้หญิงคนนั้นกับแท่งไฟส่องสว่างในมือ ทำให้เชื้อโควิดในตัวเรากำลังจะออกมา..
ภาพในฝันประเดประดังเข้ามาในหัว ภาพของการสังวาชกันในน้ำ ภาพของมิวท์สาวสวยหุ่นงามที่ถูหน้าอกบี้บดกับแผ่นหลังของเธอ สิ่งเหล่านี้ทำเอาเจนิสถึงกับมือไม้สั่น แม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นโลโก้ของบริษัท AP ตรงท้ายเครื่องบิน และจากจุดที่ยืนอยู่ก็สูงและมืดเกินกว่าจะพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณที่ติดตัวมายังไงเธอก็ว่าใช่ นี่ต้องเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ตั้งใจออกมาตามหาแน่นอน."เอาไว้ก่อนเรื่องช่วยเหลือผู้คน เสียใจด้วยนะคะน้า แต่ก็ต้องขอบคุณด้วยเหมือนกันนี่ถ้าไม่ใช่ลูกผัวน้าหนูคงไม่ได้เจอกับเครื่องบิน"."ปั๊ก! , ฟู่..!!!"จากอุปกรณ์จุดไฟในมือกลายเป็นแท่งไฟส่องสว่าง มันถูกกระทุ้งด้วยหัวเข่าและเปล่งแสงสว่างโพลงออกมาทำให้ทั้งสองฟากของซอกเขากลายเป็นสีแดง."รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง" ถ้าจะต้องมีซาวด์ดนตรีประกอบเพลง "เล่นของสูง" ของวงบิ๊กแอสถือว่าเหมาะมาก เพราะเจนิสรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเสี่ยงแค่ไหน แท่งความร้อนเรืองแสงที่ถืออยู่จะกลายเป็นตัวล่อชั้นดีให้บรรดาผู้ติดเชื้อพุ่งเป้ามาที่เธอ แต่ก็นะ! จะให้ทำไงได้ล่ะในเมื่อหัวใจเรียกร้อง.เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดหาเหตุผลให้กับความรัก เมื่อนั้นก็แปลว่
"ไป! ,ไป! ,ไป!, เดินหน้าเร่งฝีเท้าหน่อยทุกคน! ใกล้จะค่ำแล้วอย่าแตกแถวดูแลกันและกันด้วย!"เสียงหัวหน้าหน่วยหันมากำชับ."อีกราว 500 เมตรก็จะถึงประตูหน้าวิลเลจแล้ว ในนั้นทุกคนจะปลอดภัยสบายใจได้"แกผินหน้ากลับมามองตรงพลางกระชับปืนคู่ใจแนบวงแขน แบกเป้ประทับบ่าเดินจ้ำอ้าวรวดเร็วปานจรวด.ที่ด้านหลังมีสมาชิกกลุ่มเพิ่มจำนวนขึ้นกว่า 20 ชีวิต มีทั้งเด็กและผู้หญิงแล้วก็คนแก่ ทุกคนต่างอยู่ในสภาพเหนื่อยล้าอิดโรย โดยมีสมาชิกหน่วยลาดตระเวนกระจายตัวล้อมรอบพวกเขาไว้อีกชั้นหนึ่ง พวกเขาต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันแล้วก็โชคดีมากที่ไม่มีใครเสียชีวิตจากการปะทะกันเมื่อตอนบ่ายเลย.แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำแบบนี้ก็ไม่แน่ ไม่มีใครอยากเสี่ยงกับกลุ่มผู้ติดเชื้อเวอร์ชั่นกลางคืนหรอก หัวหน้าหน่วยก็เลยพยายามย้ำนักย้ำหนาว่าให้ทุกคนเร่งฝีเท้าต้องไปให้ถึงวิลเลจก่อนตะวันตกดินให้ได้ ภาษากายดูจริงจังน่าเกรงขาม แต่ใครเล่าจะรู้ว่าในใจลึก ๆ นั้นหัวหน้าเป็นห่วงเจนิสมากขนาดไหน."โถ่.. เจนิสเอ๊ย! อุตส่าห์บอกแล้วว่าให้รักษาแนวด้านหลังเอาไว้ ทำไมถึงทำอะไรโดยพลการนะ""นี่เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองเก่งพอจะอาสาไปช่วยเหล
ทิ้งกระเป๋าเป้ปลดสัมภาระที่คิดว่าจะเป็นภาระในภายภาคหน้าไว้ที่พื้น เจนิสทำตามอย่างว่าง่าย เธอไม่มีแม้แต่อารมณ์ขี้งอนหรืองี่เง่าใด ๆ ด้วยเพราะรู้สถานการณ์ดี สิ่งที่ติดตัวมาจึงมีแค่ปืนหน้าไม้กับซองใส่ลูกดอก ในทิศหกนาฬิกาด้านตรงกันข้าม ร่างบางเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการคลานศอก เธอกดตัวให้ต่ำกระดืบ ๆ คืบคลานไปอยู่ในแนวด้านหลังสุดตามที่รุ่นพี่ออกคำสั่ง."เข้าใจแล้วค่ะ.. ไว้ใจหนูได้เลยหนูจะระวังหลังให้เอง ถ้าเจอผู้รอดชีวิตบอกให้ตามมาทางนี้ได้เลยนะคะ!"แม้แต่ซุ่มเสียงก็ดุดันจริงจังขึ้น ตอกย้ำว่าเธอไม่ได้มาเล่น ๆ.ด้วยความสัตย์จริงว่าการบู้นั้นไม่ใช่สไตล์ของเจนิสมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอเป็นนักรบสายซับพอร์ตไม่ใช่ตัวแทงค์ และถ้านับสถิติการฆ่าผู้ติดเชื้อแล้วล่ะก็ในแคลนก็คงจะเป็นเธอนี่แหละที่ตัวเลขอยู่ในลำดับต่ำสุด กลับกันแต่ถ้าหากเป็นการหนีเพื่อเอาตัวรอดแล้วล่ะก็ เจนิสก็จะพลิกสถิติกลับขึ้นมาเป็นผู้นำแห่งวงการได้เลย.จากคลานเริ่มค่อย ๆ ลุกขึ้นกระหยิ่มย่อง มือเรียวเกี่ยวตะขอขึ้นสายหน้าไม้เตรียมไว้ พลันกระโดดยิงหนึ่งดอกออกไปเมื่อเห็นเป้าหมายชัดเจน."ฟิ้ววว!"."ปั๊ก!"."หัว" เหมือนกันแต่เป็น "หัวเ