LOGIN“นี่พูดจริงเหรอครับน้องแพรว เมื่อวานเรายังต้านพวก AP ได้อยู่เลย น้องเจรจากับพวกเขาได้นี่ พี่ว่ายังเร็วไปนะที่เราจะหนี!”
ถ้อยคำขลาดเขลาจากชายในแคลนตะเบ็งออกมาต่อหน้าทุกคน ณ ตอนนี้สมาชิกทั้งหมดได้แพ็คกระเป๋าและมายืนกระจายตัวอยู่เต็มสถานีชั้นล่างแล้ว ผนังโล้นโล่งเตียนทั้งสี่ด้าน ปราดสายตาดูทีเดียวก็เห็นกันหมดว่าที่นี่โคตรจะไม่ปลอดภัย และพร้อมจะถล่มลงมาได้ตลอดเวลา
.
แพรวจึงโพล่งคำขึ้น
.
“หึ.. พี่นี่สมกับเป็นนักเต้นระบำโป๊จริง ๆ นะ! แต่ก็แล้วแต่พี่เถอะ! พี่จะไม่ไปก็ได้ใครอยากอยู่ต่อก็เชิญตามสบาย นี่คือแผนของหนู ๆ ให้เสรีภาพแก่ทุกคน เพราะหนูเองก็การันตีไม่ได้เหมือนกันว่าสิ่งที่คิดมันจะถูกต้องทั้งหมด ก็แค่ใช้การบันทึกสถิติกับชั่งน้ำหนักความเป็นไปได้ดู สุดแต่ใครจะไขว่คว้าเห็นควรยังไงงานนี้ไม่บังคับ”
.
สาวเจ้ายังคงย้ำชัดในจุดยืนเธอประทับเป้ขึ้นบนบ่าเรียบร้อย ไม้หน้าสามคู่ใจก็พร้อมกระชับขึ้นมือ เดินออกไปแค่ไม่กี่ก้าวโลกภายนอกอันเต็มไปด้วยเชื้อโรคก็อ้าแขนรอรับเธออยู่ก่อนแล้ว ภารโรงหนุ่มที่เพิ่งปฏิสนธิกับนักเต้นระบำโป๊ไปเมื่อวานก็เลยขอเอ่ยคำขึ้นบ้าง
.
“ถ้างั้นพวกเราขออยู่ที่นี่ต่อล่ะกันน้องแพรว เราต่างติดเชื้อกันทั้งคู่แล้วก็คงอยู่ได้อีกไม่นานเท่าไหร่นักหรอก สู้อยู่ที่นี่แล้วคอยชะลอพวก AP เอาไว้ดูจะเข้าท่ากว่า เราเหนื่อยเกินจะไปเป็นภาระใครแล้ว ๆ ก็อยากจะอยู่ด้วยกันในวาระสุดท้ายของชีวิตด้วย ขอให้เราได้ตอบแทนน้องบ้างเถอะนะ”
.
“แต่พี่คะ! คือหนูไม่ได้รังเกียจอะไรพวกพี่เลยนะอย่าเข้าใจผิด! จะไปด้วยกันก็ได้แคลนเราไม่มีผู้ชายเลย ถ้ามีเหตุจำเป็นอาจจะต้องพึ่งพาพวกพี่ก็ได้”
.
“ไม่หรอกครับ!”
.
จบประโยคนี้นักเต้นระบำโป๊ผู้เคยขี้ขลาดก็ได้เดินเข้าไปโอบเอวนักการภารโรงเอาไว้ พวกเขาผ่านการสังวาชกันมาแล้ว เชื้อผสมเชื้อ กามผสมกาม โควิดอาจจะอ่อนอำนาจลงไปบ้าง แต่ฮอร์โมนในร่างกายนี่สิที่ไม่เหลือความเป็นชายอีกต่อไป การแสดงออกละม้ายคล้ายตุ้งติ้ง ทั้งสองพยักหน้าให้กันพลางทอดสายตาเป็นประกายวิบวับ
.
“เราจะอยู่ด้วยกันที่นี่ ความเป็นกระเทยจากสองเราอย่างน้อยก็น่าจะล่อพวก AP ให้เบนความสนใจมาหาได้บ้าง น้องแพรวจงไปซะเถอะเราขออวยพรให้ทุกคนโชคดี ไม่ต้องเป็นห่วงเรานะเพราะยังไงเราสองคนก็ต้องตายเพราะติดเชื้ออยู่แล้ว ช่วยมีชีวิตต่อไปเผื่อพวกพี่ ๆ ด้วยนะเด็ก ๆ”
.
คราวนี้หันมองมาทางเจนิสกับเพื่อน เล่นเอากลุ่มสาวมัธยมถึงกับสะอื้น ไม่ถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหวหรอกเพราะยังไม่ได้ผูกพันกันขนาดนั้น แต่เจนิสกับเพื่อนก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่โคตรจะจริงใจของพี่ทั้งสองอยู่ดี เธอกับเพื่อนจึงเลือกที่จะเงียบพลันแบกเป้ขึ้นหลังเตรียมเดินทางร่วมหัวจมท้ายไปกับแพรวแทน
.
สงบนิ่งสรุปความเช็คยอดกันอยู่พักใหญ่ท้ายที่สุดก็ได้ความออกมาว่า จะมีแค่พวกเด็ก ๆ กับคนชราแล้วก็แพรวเท่านั้นที่จะได้ไปต่อตามแผน แพรวไม่อาจปฏิเสธเจตจำนงอันใหญ่ยิ่งของพี่นักการกับพี่นักเต้นเอาไว้ได้ แม้พวกเขาจะเป็นชายใจเป็นหญิงแต่สิ่งที่เขาเสียสละนั้นก็หาได้ยากยิ่งในสังคมที่มีแต่คนเห็นแก่ตัว จนแพรวรู้สึกเสียดายเหลือเกินที่หาสิ่งแทนใจที่เลอค่ามากกว่านี้มาให้ไม่ได้ เธอลงทุนฉีกชายเสื้อยืดตัวเก่งของตัวเองออกเสียงดัง
.
“แคว๊กกก!!!”
.
เผยให้เห็นหน้าท้องอันแบนราบกับรอนกล้ามเลขสิบเอ็ด ตามสไตล์ของสาวหุ่นดีที่โชกโชนการต่อสู้ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น! เพราะสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อก็คือของแทนใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ตั้งใจจะมอบให้แก่กันไว้เป็นที่ระลึก
.
มือเรียวรีบควักปากกาเมจิกด้ามเมื่อคืนออกมาเขียนชื่อตัวเองลงไป ต่อด้วยการกวักมือเรียกสมาชิกคนอื่น ๆ ให้มาช่วยกันลงลายมือชื่อและเขียนคำอวยพรต่าง ๆ ลงในเศษผ้าเพื่อตอกย้ำว่าจะไม่ลืมกัน และจะจดจำร่วมกันว่าครั้งหนึ่งเราเคยฟันฝ่าอุปสรรคร่วมกันมาก่อน
.
“น่าเสียดายนะพี่ที่โทรศัพท์กับเน็ตมันล่มไปหมด ไม่งั้นเราคงได้ทิ้งที่อยู่ไว้ติดต่อกันบ้าง”
แพรวพูดขณะดูน้อง ๆ สลับกันเขียน
.
“ใช่..ไปรษณีย์ก็ไม่มี ตึกสำนักงานโดนย่อยแทบไม่เหลือ แต่ได้แค่นี้พวกพี่ก็ดีใจมากแล้วล่ะ ขอบคุณทุกคนมากนะเราจะเก็บผ้าชิ้นนี้ไว้เป็นอย่างดีเลย จนกว่าเราจะตายกันไปข้าง”
หนุ่มนักการกล่าว ส่วนคู่รักนักเต้นที่ยืนอยู่ติดกันก็ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
.
ทั้งแคลนร่ำลากันเป็นครั้งสุดท้าย โดยมีซากปรักหักพังของอาคารด้านหลังพังครือลงมาเป็นแบล็คกราวน์ ควันโขมงโพยพุ่ง แพรวตัดสินใจแล้ว ถึงเวลาเสียทีที่จะต้องออกเดินทาง รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลองเมืองชนบทในภาคกลางคือที่หมาย และที่ ๆ จะต้องไปให้ได้ก่อนเป็นลำดับแรกก็คือท่าเรือ
.
หัวหน้าแคลนประกบหน้ากากกันแก๊ซอันเก่าเขรอะ ที่ได้มาจากบ้านพีขึ้นมาคลุมทับใบหน้า ทันทีที่หันหลังกลับมาเธอก็พบว่าสมาชิกทุกคนเองก็ทำแบบเดียวกัน มีหน้ากากครอบแก้วตวัดดีดขึ้นมาประกบชิดสนิทหัว พร้อมกว่านี้จึงไม่มีอีกแล้ว
.
“พร้อมนะทุกคน!”
แพรวตะโกนปลุกใจ
.
“Yes!”
แทบจะได้ยินเป็นการประสานเสียง กำลังใจเต็มเปี่ยมถึงส่วนประสมจะโคตรไม่ลงตัวระหว่างกลุ่มเด็กรุ่นใหม่กับคนแก่ในบ้านพักคนชรา แต่การทีมีแพรวเป็นแนวหน้า ทุกอย่างก็ถือว่าง่ายลงมาเยอะ
.
ร้องเท้าผ้าใบก้าวพ้นออกมาจากชายคาสถานีรถไฟฟ้าร้างแบบยิ่งใหญ่ แพรวกางแผนที่เดินอาด ๆ ขนาบไปกับเข็มทิศเพื่อนำทางทุกคนมุ่งลงสู่ทางใต้ และต่อให้ตึกแถวร้านรวงอาคารต่าง ๆ จะล้มระเนระนาดมีแต่กองเศษอิฐเศษปูนแพรวก็ไม่สน ประสบการณ์จะช่วยเธอได้เธอทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้วซึ่งมันก็เวิร์คทุกที
.
.
ตัดภาพมาอีกฟากหนึ่ง ณ ทิศ 6 นาฬิกามุ่งลงทางใต้ราว 10 กิโลเมตร กล้องโทรทัศน์ขนาดใหญ่จากอาคารทรงกลมครึ่งเสี้ยวของหอดูดาวประจำเมืองได้ส่องมายังพวกของแพรวพอดี อาคารตรงนี้รกร้างไม่ต่างจากสถานที่อื่นในตัวเมือง ส่วนอดีตของมันก็ไม่ธรรมดาเช่นกันเพราะเคยเป็นแหล่งท่องเที่ยวในกำกับดูแลของพวก AP มาก่อน ซึ่งปัจจุบันก็ยังเป็นอยู่แต่แค่ถูกทอดทิ้งมาสักระยะ
.
ความจริงก็คือมีใครบางคนนั่งอยู่หลังกล้อง! ระยะทางไกลเป็นบ้าเป็นหลังแต่จอมอนิเตอร์ที่ลิงค์สัญญาณต่อกับกล้องก็ยังส่องสว่างให้ใครคนนั้น ได้เห็นความเคลื่อนไหวของกลุ่มแพรว
.
“เฮ้! คนนี่!? ใช่คนจริงด้วย! ยังมีผู้รอดชีวิตนอกเหนือจากกลุ่มของเราอยู่!”
“ดีจัง.. เราโชคดีมาก ๆ”
.
เก้าอี้หมุนติ้วโดดเดี่ยวในห้องที่เปล่าเปลี่ยวและมืดสลัว ทุกอย่างยังคงคลุมครือและขาดความชัดเจนอันกระจ่างชัด ดูไม่ออกว่าเขาเป็นคนร้ายหรือคนดี แต่รู้แน่ ๆ ว่าเขาคนนี้น่าจะเหลือตัวคนเดียวเพียงลำพัง ภาพมุมกว้างในห้องสลัวทรงโค้ง เผยให้เห็นสิ่งมีชีวิตมากมายที่นอนกองอยู่บนพื้น พวกเขาเป็นคน ต่างคนต่างร้องโอดโอยแล้วก็มีหลายคนที่ถึงขั้นสลบไสล
หน้าท้องแบนราบบดนาบเข้าหากัน มิวท์อยู่บนเจนิสอยู่ล่างการสั่นเทิ้มดังกล่าวค่อย ๆ ทุเลาลง แล้วก็ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงที่ใช้ห้ามหั่นจะเอาชีวิตของมิวท์ก็เริ่มอ่อนแรงลงเช่นกัน เธอค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะของคนปกติ จุกหัวถันชูชันเกร็งเสียว และแม้แต่กงเล็บที่ยื่นยาวออกมาก็เริ่มหดสั้นกลับลงไป."พี่มิวท์คะ.."เจนิสกระแอมถามทั้งที่ใบหน้ายังคงบี้อยู่กับร่องนมของมิวท์ เธอผินหน้าเอียงเปลี่ยนมุมไปมาพอให้มิวท์ตื่นตัว สลับกับการแลบลิ้นเลียที่ฐานเต้าด้านล่างพลันลากวนโค้งไปตามความอวบอูมของบัวตูมคู่."แผล็บ.. บ.. บ.. บ!"."อ่าาา..า..า..า..า.."รุ่นใหญ่เผลอหลุดครางออกมาแผ่วเบา ลมหายใจร้อนผ่าวพ่นพรูออกมาทดแทนไอแห่งความเหม็นสาปจากเชื้อโควิด ตามติดมาด้วยผิวพรรณที่กลับมามีน้ำมีนวลเป็นสีชมพูบานสะพรั่งอีกครั้ง นี่คือผิวแบบลูกคุณหนูขนานแท้ มันคงผ่านการทำสปาร์มาจากหลายสถาบัน จึงไร้ซึ่งรอยด่างรอยดำ กระจ่างใสราวกับหลุดออกมาจากกระปุกครีม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอะไรที่โคตรจะน่าฟัด!.ทว่าพอต้องมานอนคร่อมร่างของเด็กมัธยมอยู่แบบนี้ จิตใต้สำนึกของมิวท์ก็ต้องทำหน้าที่ของมันผ่านการปกป้องตัวเอง ทำให้สาวเจ้าต้องตัวกระตุกอีกหน พลั
จากด้านหนึ่งสู่อีกด้านหนึ่ง สาวน้อยวัยมัธยมเร่งฝ่ามือกระโจนโผทะยานไปสู่ตำแหน่งที่คิดว่าได้ยินเสียง พลางผงะเข้ากับรอยโหว่บนตัวเครื่องที่เกิดจากบานประตูที่กระเด็นออกไป แสงสว่างจากหลอดไฟภายในส่องลอดออกมาเป็นลำ นาทีนั้นแม้แต่แท่งไฟในมือเธอก็คงจะไม่จำเป็นซะแล้ว."มีการต่อสู้กันงั้นเหรอ?"เจนิสกระซิบ.พูดกับใครก็ไม่รู้ในเมื่อก็อยู่ตัวคนเดียว เหมือนเธอกำลังประเมินสถานการณ์ ข้างหน้ามีศพ ข้างหลังประตูพัง แล้วเมื่อกี้ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกรี๊ด! นั่นอาจจะเป็นเสียงของมิวท์ก็ได้ บางทีเธออาจจะอยู่ในสภาวะวิกฤต."หรือมีผู้ติดเชื้อบุกเข้ามาทำร้ายพี่มิวท์?!".คราวนี้ไม่คิดแล้วแต่เหวี่ยงร่างกายเข้ามาในเครื่องเลย! โดยไม่สนหน้าอินท์หน้าพรหม เจนิสใช้แรงเหวี่ยงจากกระเป๋าเป้ตวัดทีเดียวร่างบางของเธอก็ม้วนหน้าเข้ามาด้านในราวกับนักยิมนาสติก เสี่ยงตายไม่ว่ามารยาทไม่ต้องทุกสิ่งที่ทำล้วนมาจากความต้องการจากหัวใจ ทว่าสิ่งที่เธอเห็นก็คือ...มิวท์ในเวอร์ชั่นผู้ติดเชื้อ.. ที่ยืนจังก้าเล็บยาวเฟื้อยลากมากับพื้น.!.หากย้อนกลับไปอ่านสักหน่อย จะเห็นเลยว่าบุคลิกของมิว์นั้นใกล้เคียงกับเปรมตอนที่รอเย่อร์เธอในห้องกระจกมาก
ปลายนิ้วแห้งผากราวกับกระดาษทราย กว่าจะสัมผัสได้ถึงหยดน้ำหยาดแรกกลีบผกาก็ช้ำมากจนออกสีแดงแกมระเรื่อ มิวท์เสียวแค่ในใจแต่ร่างกายกลับไม่เป็นดังที่หวัง เธอเอาแผ่นหลังพิงกับกำแพงห้องโดยสารพลางหลุบสายตามองเรียวขาของตัวเองทั้งสองข้างที่ตั้งชันขึ้นและกำลังสั่นระริก เธอเร่งเกินไปเธอฝืนทั้งที่ไม่ได้เงี่ยนจริง.ตอกย้ำการโกหกตัวเองด้วยการดีดกางเกงผ้ายืดที่พันอยู่กับข้อเท้าออก เธออยากเห็นความงุ้มเกร็งของปลายตีน เผื่อจะทำให้มีอารมณ์กระสันขึ้นมาต้านทานการกลายร่างได้บ้าง."ซีดดดด...จิ๋มแห้งจัดเลยอ่ะโถ่เอ๊ย!".แท่งน้ิวเปลี่ยนจากสองเป็นสาม ชี้ , กลาง , นาง เรียงตัวเป็นขยุมพลันยัดเข้าไปแบบสุดเหยียดก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ผลหล่อนจึงได้รับแต่ความเจ็บปวดกลับมา แรงเสียดสีที่ขาดน้ำหล่อลื่นเป็นอะไรที่ทำร้ายช่องคลอดมาก มิวท์เหมือนกำลังทำทารุณกรรมกับตัวเอง และที่สำคัญที่สุดก็คือ ณ ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ มุมมองสายตาของเธอก็เริ่มเห็นเป็นฉากสีแดงและเส้นเลือดยึกยือถักทอขึ้นมาแล้ว!."เรากำลังจะกลายร่าง.. อ่ะ.. อ๊ากกก..ก..ก..ก , อั๊ก..ก..ก!""เด็กผู้หญิงคนนั้นกับแท่งไฟส่องสว่างในมือ ทำให้เชื้อโควิดในตัวเรากำลังจะออกมา..
ภาพในฝันประเดประดังเข้ามาในหัว ภาพของการสังวาชกันในน้ำ ภาพของมิวท์สาวสวยหุ่นงามที่ถูหน้าอกบี้บดกับแผ่นหลังของเธอ สิ่งเหล่านี้ทำเอาเจนิสถึงกับมือไม้สั่น แม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นโลโก้ของบริษัท AP ตรงท้ายเครื่องบิน และจากจุดที่ยืนอยู่ก็สูงและมืดเกินกว่าจะพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณที่ติดตัวมายังไงเธอก็ว่าใช่ นี่ต้องเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ตั้งใจออกมาตามหาแน่นอน."เอาไว้ก่อนเรื่องช่วยเหลือผู้คน เสียใจด้วยนะคะน้า แต่ก็ต้องขอบคุณด้วยเหมือนกันนี่ถ้าไม่ใช่ลูกผัวน้าหนูคงไม่ได้เจอกับเครื่องบิน"."ปั๊ก! , ฟู่..!!!"จากอุปกรณ์จุดไฟในมือกลายเป็นแท่งไฟส่องสว่าง มันถูกกระทุ้งด้วยหัวเข่าและเปล่งแสงสว่างโพลงออกมาทำให้ทั้งสองฟากของซอกเขากลายเป็นสีแดง."รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง" ถ้าจะต้องมีซาวด์ดนตรีประกอบเพลง "เล่นของสูง" ของวงบิ๊กแอสถือว่าเหมาะมาก เพราะเจนิสรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเสี่ยงแค่ไหน แท่งความร้อนเรืองแสงที่ถืออยู่จะกลายเป็นตัวล่อชั้นดีให้บรรดาผู้ติดเชื้อพุ่งเป้ามาที่เธอ แต่ก็นะ! จะให้ทำไงได้ล่ะในเมื่อหัวใจเรียกร้อง.เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดหาเหตุผลให้กับความรัก เมื่อนั้นก็แปลว่
"ไป! ,ไป! ,ไป!, เดินหน้าเร่งฝีเท้าหน่อยทุกคน! ใกล้จะค่ำแล้วอย่าแตกแถวดูแลกันและกันด้วย!"เสียงหัวหน้าหน่วยหันมากำชับ."อีกราว 500 เมตรก็จะถึงประตูหน้าวิลเลจแล้ว ในนั้นทุกคนจะปลอดภัยสบายใจได้"แกผินหน้ากลับมามองตรงพลางกระชับปืนคู่ใจแนบวงแขน แบกเป้ประทับบ่าเดินจ้ำอ้าวรวดเร็วปานจรวด.ที่ด้านหลังมีสมาชิกกลุ่มเพิ่มจำนวนขึ้นกว่า 20 ชีวิต มีทั้งเด็กและผู้หญิงแล้วก็คนแก่ ทุกคนต่างอยู่ในสภาพเหนื่อยล้าอิดโรย โดยมีสมาชิกหน่วยลาดตระเวนกระจายตัวล้อมรอบพวกเขาไว้อีกชั้นหนึ่ง พวกเขาต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันแล้วก็โชคดีมากที่ไม่มีใครเสียชีวิตจากการปะทะกันเมื่อตอนบ่ายเลย.แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำแบบนี้ก็ไม่แน่ ไม่มีใครอยากเสี่ยงกับกลุ่มผู้ติดเชื้อเวอร์ชั่นกลางคืนหรอก หัวหน้าหน่วยก็เลยพยายามย้ำนักย้ำหนาว่าให้ทุกคนเร่งฝีเท้าต้องไปให้ถึงวิลเลจก่อนตะวันตกดินให้ได้ ภาษากายดูจริงจังน่าเกรงขาม แต่ใครเล่าจะรู้ว่าในใจลึก ๆ นั้นหัวหน้าเป็นห่วงเจนิสมากขนาดไหน."โถ่.. เจนิสเอ๊ย! อุตส่าห์บอกแล้วว่าให้รักษาแนวด้านหลังเอาไว้ ทำไมถึงทำอะไรโดยพลการนะ""นี่เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองเก่งพอจะอาสาไปช่วยเหล
ทิ้งกระเป๋าเป้ปลดสัมภาระที่คิดว่าจะเป็นภาระในภายภาคหน้าไว้ที่พื้น เจนิสทำตามอย่างว่าง่าย เธอไม่มีแม้แต่อารมณ์ขี้งอนหรืองี่เง่าใด ๆ ด้วยเพราะรู้สถานการณ์ดี สิ่งที่ติดตัวมาจึงมีแค่ปืนหน้าไม้กับซองใส่ลูกดอก ในทิศหกนาฬิกาด้านตรงกันข้าม ร่างบางเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการคลานศอก เธอกดตัวให้ต่ำกระดืบ ๆ คืบคลานไปอยู่ในแนวด้านหลังสุดตามที่รุ่นพี่ออกคำสั่ง."เข้าใจแล้วค่ะ.. ไว้ใจหนูได้เลยหนูจะระวังหลังให้เอง ถ้าเจอผู้รอดชีวิตบอกให้ตามมาทางนี้ได้เลยนะคะ!"แม้แต่ซุ่มเสียงก็ดุดันจริงจังขึ้น ตอกย้ำว่าเธอไม่ได้มาเล่น ๆ.ด้วยความสัตย์จริงว่าการบู้นั้นไม่ใช่สไตล์ของเจนิสมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอเป็นนักรบสายซับพอร์ตไม่ใช่ตัวแทงค์ และถ้านับสถิติการฆ่าผู้ติดเชื้อแล้วล่ะก็ในแคลนก็คงจะเป็นเธอนี่แหละที่ตัวเลขอยู่ในลำดับต่ำสุด กลับกันแต่ถ้าหากเป็นการหนีเพื่อเอาตัวรอดแล้วล่ะก็ เจนิสก็จะพลิกสถิติกลับขึ้นมาเป็นผู้นำแห่งวงการได้เลย.จากคลานเริ่มค่อย ๆ ลุกขึ้นกระหยิ่มย่อง มือเรียวเกี่ยวตะขอขึ้นสายหน้าไม้เตรียมไว้ พลันกระโดดยิงหนึ่งดอกออกไปเมื่อเห็นเป้าหมายชัดเจน."ฟิ้ววว!"."ปั๊ก!"."หัว" เหมือนกันแต่เป็น "หัวเ