Se connecterตัดภาพมาที่ฟากฝั่งของแพรว แม้โซนที่พักตรงนี้จะถูกกันไว้เป็นพื้นที่ส่วนตัวสำหรับหัวหน้าแคลน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันก็แค่กำแพงผุ ๆ พัง ๆ กับลังกระดาษที่เอามากั้นเป็นฉากกันลมเท่านั้น มองขึ้นไปข้างบนจะเห็นหลังคาที่เหลืออยู่แค่ครึ่งเดียว ช่องปูนเพดานแตกแหว่งเว้ามองเห็นหมู่ดาว ฟากฟ้า และอวกาศสุดสวย แพรวยังคงต้องนอนบนหนังสือพิมพ์อยู่เลย และสิ่งเดียวที่ดูดีที่สุดสำหรับโซนพักอาศัยของเธอก็คงจะหนีไม่พ้นโต๊ะญี่ปุ่นขาพับตัวเล็กกระทัดรัด ที่มีไว้สำหรับใช้เขียนและวางแผนอะไรต่อมิอะไรหลาย ๆ อย่าง
.
โต๊ะถูกกางออกที่ข้างหนังสือพิมพ์ปูนอน แพรวหย่อนตัวลงพลางเอี้ยวตัวไปหยิบเอากระเป๋าเป้ออกมาเช็คของ ในนั้นมีแผนที่ , เข็มทิศ , เครื่องคิดเลข , แล้วก็สมุดจดบันทึก เธอเททุกอย่างออกมากองรวมกัน ดูท่าราตรีนี้คงอีกยาวนานครั้นจะมีความง่วงแทรกซึมอยู่บ้าง แต่บรรยากาศแบบนี้แหละในตอนที่สมาชิกทุกคนหลับใหล และอุดมไปด้วยดวงดาวมากมายทอประกายเป็นเพื่อน ช่างเหมาะเหลือเกินสำหรับการทำฌานสมาธิ โพธิปัญญาคงโพยพุ่ง แล้วเส้นทางการเดินทางต่าง ๆ ก็คงจะพร้อม
.
“อาจจะ 2 - 3 วันข้างหน้า ตราบใดที่อาคารสถานีรถไฟฟ้านี่ยังทนการกัดกินของเชื้อไหว”
แพรวพูดกับตัวเองระหว่างจัดวางของ
.
ทันใดนั้นแผ่นปูนขนาดเท่าฝ่ามือก็ร่วงกราวลงมาจากเพดาน มันหล่นลงไปยังชั้นล่างห่างจากคอบันไดเลื่อนไปแค่ไม่กี่เซ็นต์ กระทบพื้นเสียงดัง "เปรี๊ยง!”
.
“หรือไม่ก็อาจจะเป็นวันพรุ่งนี้เลยก็ได้.. เหอะๆ”
แพรวหัวเราะขำคิกคักอยู่คนเดียว
.
นานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้รู้สึกดีแบบนี้มาก่อน อาจจะเป็นเพราะมีเด็ก ๆ เข้ามาอยู่ในแคลนด้วยกระมังโลกถึงได้ดูสดใสขึ้น เธอจัดแจงวางอุปกรณ์ที่สำคัญลงบนโต๊ะเสร็จสรรพ และสิ่งที่โฟกัสลำดับต่อไปก็คือแผนที่ ๆ มีทั้งแผนที่เมืองหลวงแห่งนี้ แล้วก็แผนที่โลกที่แสดงถึงทวีปต่าง ๆ รวมไปถึงพิกัดทางทะเลในเขตมหาสมุทรดอินเดียด้วย
.
“ฉันแทบจำไม่ได้แล้วว่าเพราะอะไรฉันถึงได้เป็นผู้นำพวกเขา จากนักศึกษาธรรมดา ๆ ที่โดนล็อคดาวน์จนหาทางออกจากเมืองไม่ได้ ผ่านไปไม่กี่ปีดันกลายเป็นคนกำหนดทิศทางให้คนอื่นเดินตามซะงั้น”
.
“เฮ้อ.. คิดมาก.. แต่ก็ต้องทำล่ะนะ”
.
เป่าปากพรูเรียกสติให้คืนกลับ สาวหัวหน้าแคลนเริ่มลงมือพล็อตจุดต่าง ๆ ลงในแผนที่ มีการเอาสมุดบันทึกที่จดเหตุการณ์สำคัญ ๆ จำพวกความรุนแรงต่าง ๆ เหตุการณ์ปะทะนองเลือด เส้นทางไหนไปได้ เส้นทางไหนเชื้อระบาดหนัก บริเวณไหนเป็นที่ ๆ พวกทีมแพทย์จาก AP ชอบลงมาลาดตระเวน ฯลฯ ทุกอย่างกลายเป็นภาพ 3 มิติที่มโนขึ้นมาในหัว แม้จะเป็นเพียงแค่อนูความคิดในจินตนาการ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าด้วยวิธีการนี้แพรวก็นำพาทุกคนให้อยู่รอดปลอดภัยมาได้เป็นปี ๆ
.
ทว่าความท้าทายในหนนี้นี่สิที่ดูจะต่างออกไป เธอปล่อยปากการ่วงหลุดจากมือหยุดพล็อตจุดลากเส้นลงชั่วขณะ เพื่อเอนกายไปด้านหลังพลันเท้าแขนลงค้ำยันกับพื้น
.
“เชี้ย!”
“แย่แล้ว! เราไม่เหลือที่ให้ไปต่ออีกแล้วนี่!?”
วิกฤตหนักจนหน้าผากย่นยู่ ความตรึงเครียดเข้าจู่โจมโดยที่สมาชิกแคลนคนอื่นยังคงนอนหลับฝัน
.
“ตะวันตกจรดตะวันออก! , ใต้ทางด่วน! , สวนสาธารณะ! , โรงหนังเก่า! ถ้ายึดตามข้อมูลอ้างอิงที่เราบันทึกและสำรวจไว้ล่ะก็ ซีดดดดด! ชิบหายแล้ว! เมืองหลวงหมดที่ให้ซ่อนตัวแล้ว พวกเราอยู่ต่อไปไม่ได้!”
.
สายตาระส่ำรัวประพิมพ์ประพราย ไม่บอกก็รู้ว่าฉาบเคลือบไว้ด้วยความกังวลอันเอกอุ สมุดอีกเล่มจึงถูกล้วงออกมาจากกระเป๋าเป้ ในนั้นบันทึกข้อมูลของสมาชิกทุกคนในแคลนเอาไว้
.
“ใจเย็นแพรวตั้งสติก่อน! ตอนนี้เรามีเด็กมัธยมที่เข้ามาใหม่อีก 4 คน เป็นกลุ่มเด็กหญิงที่มีแววพอจะพึ่งพาได้ มีผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ชาย 3 คน อาชีพนักการภารโรง , พ่อค้าอาหารทะเล , แล้วก็นักเต้นระบำโป๊ ที่เหลือเป็นผู้สูงอายุที่เรารับมาจากบ้านพักคนชราเมื่อคราวบุกเข้าไปขออาหารเมื่อเดือนก่อนอีก 3 คน"
“ชิ! หนักหนาเอาการแฮะขุมกำลังกับขีดความสามารถของทุกคนดูแย่มาก เราขาดทั้งน้ำและอาหารแถมบางคนยังติดเชื้ออีกต่างหาก เห็นทีแบบนี้ต้องเลือกทิศทางที่เร็วที่สุด ต้องหาทางที่ลับตาผู้คนแล้วก็ปลอดภัยโคตร ๆ แต่จะเป็นที่ไหนดีล่ะ?”
.
โคมไฟที่ใช้แบตเตอรี่ 3K เป็นแหล่งพลังงานเริ่มกระพริบ ฝ้าเพดานก็ทยอยถล่มลงมาเพิ่มเติมทีละเล็กละน้อย สารพัดสิ่งถาโถมกดดันแพรวโดยไม่แจ้งเตือน ท่ามกลางการนอนหลับนอนฝันใครจะรู้บ้างว่าแพรวนั้นตื่นก่อนนอนทีหลังเพื่อให้ทุกคนได้อยู่สบาย เธอทิ้งใครไว้ไม่ได้เพราะเธอเองก็ไม่เหลือใครแล้ว ลำพังเพื่อนสนิทที่พอมีอยู่บ้างก็กลายเป็นเจ้าของบริษัท AP ที่จ้องแต่จะทำกำไรกับคนเจ็บไข้ได้ป่วย
.
แพรวยังคงพล็อตจุดลงแผนที่ เหงื่อนองท่วมหน้าพลางถวิลหาชนบทอันห่างไกล ที่ ๆ ตนเองไม่ได้กลับไปตั้งนานหลายปี ด้วยความสัตย์จริงว่านาทีนี้เธอเริ่มคิดถึงพ่อกับแม่ พืชสวนไร่นา , บ้านหลังคามุงจาก , กองฟางและเรือนไม้กระท่อม คนทางนั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง พ่อแม่แทบไม่ได้ข่าวคราวกันเลยนับแต่เกิดเรื่อง ไอ้ครั้นจะติดต่อกลับไปในเมืองก็อย่างที่เห็น ทุกอย่างวินาศสันตะโรหมดโทรคมนาคมเป็นอำพาต ลำพังจะกินน้ำสักหยาดยังต้องซื้อเอาจาก AP เป็นเม็ดแคปซูล
.
สาวเจ้าลูบมือลงที่ปลายคาง เธอกำลังครุ่นคิดและประเมินความเป็นไปได้ หากจะลองบุกออกจากเมืองแล้วไปที่บ้านในแถบชานเมืองภาคกลางของประเทศแทน
.
“ก็ไม่เลวนะ..”
“แม้จะไม่มีข้อมูลเลยว่าตอนนี้ที่นั่นเป็นยังไงบ้าง แต่จากทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ แม่น้ำสาขาก็เชื่อมต่อกับแม่น้ำหลักในเมืองหลวงตรงท้ายอ่าว เราอาจใช้ประโยชน์จากเส้นทางธรรมชาติได้ถ้าหากไม่มีรถ!"
“เสี่ยง! แต่ต้องลอง! ระหว่างทางก็เก็บสะสมของที่จำเป็นบวกกับปล้นสะดมสินค้าของพวก AP ไปด้วย ถ้าเจอใครที่เดือดร้อนถ้าเขาต้องการเข้าร่วมแคลนเพื่อติดสอยห้อยตามก็รับมา”
“ไม่เลว! เอาแบบนี้แหละ! จะได้มีโอกาสกลับไปเจอพ่อกับแม่ด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกท่านจะมีชีวิตอยู่ไหม โดนล็อคดาวน์เกือบสองปีเต็ม ๆ แถมตอนนี้ก็ยังไม่ได้คลายล็อค แต่บ้านเมืองก็ล่มสลายไปหมดแล้ว ทำใจยากแต่ก็มีแต่จะต้องลองดูเท่านั้น ไว้พรุ่งนี้เช้าเราจะเรียกประชุมกับคนอื่น ๆ อีกที ”
.
แพรวตวัดปากกาเมจิกในมือได้มั่นใจขึ้น จุดแล้วจุดเล่าเส้นแล้วเส้นเล่าตวัดขีดลากยาวเป็นเส้นทางการเดินทางในแผนที่ โดยมีพิกัดเป้าหมายหลักเป็นท่าเรือ
.
“เปรี๊ยง! , เอี๊ยดดด!”
.
ป้ายโฆษณา LED พับถล่มลงมา ภาพของเปรมกับมิวท์สองพรีเซ็นเตอร์หัวห้อยต่องแต่งขาดครึ่ง สายไฟระโยงระยางยองใย ไม่มีหลังคาคุ้มกะลาหัวอีกแล้ว ตึกสถานีรถไฟฟ้าจวนจะถล่มล่มสลาย เวลากำลังจะหมดและแพรวรู้ดีว่าเธอเองก็ต้องเร่ง ไม่มีหลังคาแต่ดาวยังคงทอแสง เธอออกจะดีใจด้วยซ้ำถ้าพรุ่งนี้ไม่ต้องทนเห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของสองคนนี้อีกต่อไป
หน้าท้องแบนราบบดนาบเข้าหากัน มิวท์อยู่บนเจนิสอยู่ล่างการสั่นเทิ้มดังกล่าวค่อย ๆ ทุเลาลง แล้วก็ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงที่ใช้ห้ามหั่นจะเอาชีวิตของมิวท์ก็เริ่มอ่อนแรงลงเช่นกัน เธอค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะของคนปกติ จุกหัวถันชูชันเกร็งเสียว และแม้แต่กงเล็บที่ยื่นยาวออกมาก็เริ่มหดสั้นกลับลงไป."พี่มิวท์คะ.."เจนิสกระแอมถามทั้งที่ใบหน้ายังคงบี้อยู่กับร่องนมของมิวท์ เธอผินหน้าเอียงเปลี่ยนมุมไปมาพอให้มิวท์ตื่นตัว สลับกับการแลบลิ้นเลียที่ฐานเต้าด้านล่างพลันลากวนโค้งไปตามความอวบอูมของบัวตูมคู่."แผล็บ.. บ.. บ.. บ!"."อ่าาา..า..า..า..า.."รุ่นใหญ่เผลอหลุดครางออกมาแผ่วเบา ลมหายใจร้อนผ่าวพ่นพรูออกมาทดแทนไอแห่งความเหม็นสาปจากเชื้อโควิด ตามติดมาด้วยผิวพรรณที่กลับมามีน้ำมีนวลเป็นสีชมพูบานสะพรั่งอีกครั้ง นี่คือผิวแบบลูกคุณหนูขนานแท้ มันคงผ่านการทำสปาร์มาจากหลายสถาบัน จึงไร้ซึ่งรอยด่างรอยดำ กระจ่างใสราวกับหลุดออกมาจากกระปุกครีม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอะไรที่โคตรจะน่าฟัด!.ทว่าพอต้องมานอนคร่อมร่างของเด็กมัธยมอยู่แบบนี้ จิตใต้สำนึกของมิวท์ก็ต้องทำหน้าที่ของมันผ่านการปกป้องตัวเอง ทำให้สาวเจ้าต้องตัวกระตุกอีกหน พลั
จากด้านหนึ่งสู่อีกด้านหนึ่ง สาวน้อยวัยมัธยมเร่งฝ่ามือกระโจนโผทะยานไปสู่ตำแหน่งที่คิดว่าได้ยินเสียง พลางผงะเข้ากับรอยโหว่บนตัวเครื่องที่เกิดจากบานประตูที่กระเด็นออกไป แสงสว่างจากหลอดไฟภายในส่องลอดออกมาเป็นลำ นาทีนั้นแม้แต่แท่งไฟในมือเธอก็คงจะไม่จำเป็นซะแล้ว."มีการต่อสู้กันงั้นเหรอ?"เจนิสกระซิบ.พูดกับใครก็ไม่รู้ในเมื่อก็อยู่ตัวคนเดียว เหมือนเธอกำลังประเมินสถานการณ์ ข้างหน้ามีศพ ข้างหลังประตูพัง แล้วเมื่อกี้ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกรี๊ด! นั่นอาจจะเป็นเสียงของมิวท์ก็ได้ บางทีเธออาจจะอยู่ในสภาวะวิกฤต."หรือมีผู้ติดเชื้อบุกเข้ามาทำร้ายพี่มิวท์?!".คราวนี้ไม่คิดแล้วแต่เหวี่ยงร่างกายเข้ามาในเครื่องเลย! โดยไม่สนหน้าอินท์หน้าพรหม เจนิสใช้แรงเหวี่ยงจากกระเป๋าเป้ตวัดทีเดียวร่างบางของเธอก็ม้วนหน้าเข้ามาด้านในราวกับนักยิมนาสติก เสี่ยงตายไม่ว่ามารยาทไม่ต้องทุกสิ่งที่ทำล้วนมาจากความต้องการจากหัวใจ ทว่าสิ่งที่เธอเห็นก็คือ...มิวท์ในเวอร์ชั่นผู้ติดเชื้อ.. ที่ยืนจังก้าเล็บยาวเฟื้อยลากมากับพื้น.!.หากย้อนกลับไปอ่านสักหน่อย จะเห็นเลยว่าบุคลิกของมิว์นั้นใกล้เคียงกับเปรมตอนที่รอเย่อร์เธอในห้องกระจกมาก
ปลายนิ้วแห้งผากราวกับกระดาษทราย กว่าจะสัมผัสได้ถึงหยดน้ำหยาดแรกกลีบผกาก็ช้ำมากจนออกสีแดงแกมระเรื่อ มิวท์เสียวแค่ในใจแต่ร่างกายกลับไม่เป็นดังที่หวัง เธอเอาแผ่นหลังพิงกับกำแพงห้องโดยสารพลางหลุบสายตามองเรียวขาของตัวเองทั้งสองข้างที่ตั้งชันขึ้นและกำลังสั่นระริก เธอเร่งเกินไปเธอฝืนทั้งที่ไม่ได้เงี่ยนจริง.ตอกย้ำการโกหกตัวเองด้วยการดีดกางเกงผ้ายืดที่พันอยู่กับข้อเท้าออก เธออยากเห็นความงุ้มเกร็งของปลายตีน เผื่อจะทำให้มีอารมณ์กระสันขึ้นมาต้านทานการกลายร่างได้บ้าง."ซีดดดด...จิ๋มแห้งจัดเลยอ่ะโถ่เอ๊ย!".แท่งน้ิวเปลี่ยนจากสองเป็นสาม ชี้ , กลาง , นาง เรียงตัวเป็นขยุมพลันยัดเข้าไปแบบสุดเหยียดก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ผลหล่อนจึงได้รับแต่ความเจ็บปวดกลับมา แรงเสียดสีที่ขาดน้ำหล่อลื่นเป็นอะไรที่ทำร้ายช่องคลอดมาก มิวท์เหมือนกำลังทำทารุณกรรมกับตัวเอง และที่สำคัญที่สุดก็คือ ณ ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ มุมมองสายตาของเธอก็เริ่มเห็นเป็นฉากสีแดงและเส้นเลือดยึกยือถักทอขึ้นมาแล้ว!."เรากำลังจะกลายร่าง.. อ่ะ.. อ๊ากกก..ก..ก..ก , อั๊ก..ก..ก!""เด็กผู้หญิงคนนั้นกับแท่งไฟส่องสว่างในมือ ทำให้เชื้อโควิดในตัวเรากำลังจะออกมา..
ภาพในฝันประเดประดังเข้ามาในหัว ภาพของการสังวาชกันในน้ำ ภาพของมิวท์สาวสวยหุ่นงามที่ถูหน้าอกบี้บดกับแผ่นหลังของเธอ สิ่งเหล่านี้ทำเอาเจนิสถึงกับมือไม้สั่น แม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นโลโก้ของบริษัท AP ตรงท้ายเครื่องบิน และจากจุดที่ยืนอยู่ก็สูงและมืดเกินกว่าจะพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณที่ติดตัวมายังไงเธอก็ว่าใช่ นี่ต้องเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ตั้งใจออกมาตามหาแน่นอน."เอาไว้ก่อนเรื่องช่วยเหลือผู้คน เสียใจด้วยนะคะน้า แต่ก็ต้องขอบคุณด้วยเหมือนกันนี่ถ้าไม่ใช่ลูกผัวน้าหนูคงไม่ได้เจอกับเครื่องบิน"."ปั๊ก! , ฟู่..!!!"จากอุปกรณ์จุดไฟในมือกลายเป็นแท่งไฟส่องสว่าง มันถูกกระทุ้งด้วยหัวเข่าและเปล่งแสงสว่างโพลงออกมาทำให้ทั้งสองฟากของซอกเขากลายเป็นสีแดง."รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง" ถ้าจะต้องมีซาวด์ดนตรีประกอบเพลง "เล่นของสูง" ของวงบิ๊กแอสถือว่าเหมาะมาก เพราะเจนิสรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเสี่ยงแค่ไหน แท่งความร้อนเรืองแสงที่ถืออยู่จะกลายเป็นตัวล่อชั้นดีให้บรรดาผู้ติดเชื้อพุ่งเป้ามาที่เธอ แต่ก็นะ! จะให้ทำไงได้ล่ะในเมื่อหัวใจเรียกร้อง.เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดหาเหตุผลให้กับความรัก เมื่อนั้นก็แปลว่
"ไป! ,ไป! ,ไป!, เดินหน้าเร่งฝีเท้าหน่อยทุกคน! ใกล้จะค่ำแล้วอย่าแตกแถวดูแลกันและกันด้วย!"เสียงหัวหน้าหน่วยหันมากำชับ."อีกราว 500 เมตรก็จะถึงประตูหน้าวิลเลจแล้ว ในนั้นทุกคนจะปลอดภัยสบายใจได้"แกผินหน้ากลับมามองตรงพลางกระชับปืนคู่ใจแนบวงแขน แบกเป้ประทับบ่าเดินจ้ำอ้าวรวดเร็วปานจรวด.ที่ด้านหลังมีสมาชิกกลุ่มเพิ่มจำนวนขึ้นกว่า 20 ชีวิต มีทั้งเด็กและผู้หญิงแล้วก็คนแก่ ทุกคนต่างอยู่ในสภาพเหนื่อยล้าอิดโรย โดยมีสมาชิกหน่วยลาดตระเวนกระจายตัวล้อมรอบพวกเขาไว้อีกชั้นหนึ่ง พวกเขาต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันแล้วก็โชคดีมากที่ไม่มีใครเสียชีวิตจากการปะทะกันเมื่อตอนบ่ายเลย.แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำแบบนี้ก็ไม่แน่ ไม่มีใครอยากเสี่ยงกับกลุ่มผู้ติดเชื้อเวอร์ชั่นกลางคืนหรอก หัวหน้าหน่วยก็เลยพยายามย้ำนักย้ำหนาว่าให้ทุกคนเร่งฝีเท้าต้องไปให้ถึงวิลเลจก่อนตะวันตกดินให้ได้ ภาษากายดูจริงจังน่าเกรงขาม แต่ใครเล่าจะรู้ว่าในใจลึก ๆ นั้นหัวหน้าเป็นห่วงเจนิสมากขนาดไหน."โถ่.. เจนิสเอ๊ย! อุตส่าห์บอกแล้วว่าให้รักษาแนวด้านหลังเอาไว้ ทำไมถึงทำอะไรโดยพลการนะ""นี่เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองเก่งพอจะอาสาไปช่วยเหล
ทิ้งกระเป๋าเป้ปลดสัมภาระที่คิดว่าจะเป็นภาระในภายภาคหน้าไว้ที่พื้น เจนิสทำตามอย่างว่าง่าย เธอไม่มีแม้แต่อารมณ์ขี้งอนหรืองี่เง่าใด ๆ ด้วยเพราะรู้สถานการณ์ดี สิ่งที่ติดตัวมาจึงมีแค่ปืนหน้าไม้กับซองใส่ลูกดอก ในทิศหกนาฬิกาด้านตรงกันข้าม ร่างบางเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการคลานศอก เธอกดตัวให้ต่ำกระดืบ ๆ คืบคลานไปอยู่ในแนวด้านหลังสุดตามที่รุ่นพี่ออกคำสั่ง."เข้าใจแล้วค่ะ.. ไว้ใจหนูได้เลยหนูจะระวังหลังให้เอง ถ้าเจอผู้รอดชีวิตบอกให้ตามมาทางนี้ได้เลยนะคะ!"แม้แต่ซุ่มเสียงก็ดุดันจริงจังขึ้น ตอกย้ำว่าเธอไม่ได้มาเล่น ๆ.ด้วยความสัตย์จริงว่าการบู้นั้นไม่ใช่สไตล์ของเจนิสมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอเป็นนักรบสายซับพอร์ตไม่ใช่ตัวแทงค์ และถ้านับสถิติการฆ่าผู้ติดเชื้อแล้วล่ะก็ในแคลนก็คงจะเป็นเธอนี่แหละที่ตัวเลขอยู่ในลำดับต่ำสุด กลับกันแต่ถ้าหากเป็นการหนีเพื่อเอาตัวรอดแล้วล่ะก็ เจนิสก็จะพลิกสถิติกลับขึ้นมาเป็นผู้นำแห่งวงการได้เลย.จากคลานเริ่มค่อย ๆ ลุกขึ้นกระหยิ่มย่อง มือเรียวเกี่ยวตะขอขึ้นสายหน้าไม้เตรียมไว้ พลันกระโดดยิงหนึ่งดอกออกไปเมื่อเห็นเป้าหมายชัดเจน."ฟิ้ววว!"."ปั๊ก!"."หัว" เหมือนกันแต่เป็น "หัวเ