LOGINพรรคพวกของโบ๊ทมีกันอยู่หลายคน แล้วก็ดำรงชีวิตแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ จากการตามล่าของพวก AP เหมือนกับแคลนอื่น ๆ พวกเขามี LGBT รวมอยู่ในกลุ่มเยอะ ก่อนที่ความผิดพลาดจะมาเกิดขึ้นที่ท้องฟ้าจำลอง เมื่อหน่วยแพทย์ของ AP ที่เป็นเจ้าของพื้นที่เดิมเกิดย้อนกลับมาเช็คทรัพย์สิน มีการปะทะกันเกิดขึ้น! แคลนของโบ๊ทแตกเป็นเสี่ยงเนื่องจากไปถือวิสาสะยึดเอาแลนด์มาร์คตรงนี้เป็นจุดพักแรม ผู้คนก็เลยถูกกวาดต้อนไปเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงพ่อแม่ของเขาด้วย
.
ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมโบ๊ทถึงรอดมาได้นั้น ก็อยู่ที่แหวนทั้ง 5 วงบนนิ้วมือของเขานั่นเอง อุปกรณ์ชิ้นนี้มีไว้ใช้บังคับโดรนมากกว่า 150 ลำ บางลำเป็น Riot โดรนติดอาวุธหนัก บางลำเป็นโดรนอารักขา ส่วนบางลำก็เป็นโดรนข่าวสาร โบ๊ทใช้พวกมันอย่างคล่องแคล่วในการต่อสู้กับพวก AP และขับไล่พวกทรราชเหล่านี้ออกไปจากอาคารท้องฟ้าจำลองได้เป็นผลสำเร็จ ทว่าก็ต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นการอยู่คนเดียวในอาคารหลังโตแบบโดดเดี่ยว พ่อแม่ไม่อยู่แล้ว เพื่อนฝูงพี่น้องก็โดนหางเลขไปด้วยหมด
.
ย้อนกลับไปหลายตอนก่อนหน้านี้ เราจึงได้เห็นโบ๊ทใช้กล้องโทรทัศน์ส่องหาแคลนที่ยังมีผู้รอดชีวิตไปทั่วเมือง จนกระทั่งมาพบกับกลุ่มของแพรวเข้า เขาดีใจเหลือเกินและพร้อมจะออกเดินทางมาหาในทันใด แต่ก็ต้องมาพบกับก้างขวางคอชิ้นใหญ่อย่างพวก AP ที่ขนกันมาทั้งกองทัพ! หลังได้รับวิทยุแจ้งเหตุพวก AP คงจะเสียหน้ามาก ที่เด็กเพียงคนเดียวกลับจัดการไม่ได้ ก็เลยหวังจะล้างอายด้วยการยกกองทัพและอาวุธหนักมาถล่มฝูงโดรนกลุ่มนี้ให้สิ้นซาก!
.
จึงเกิดเป็นสงครามกลางฟากฟ้าขนาดย่อมขึ้นมา หนักหนาแค่ไหนไม่รู้ ๆ แต่ว่าแพรวนั้นถึงกับต้องพาทุกคนวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนมาพักที่ใต้ทางด่วน ความจริงจึงเฉลยแล้วว่าที่แท้กองกำลังไม่ทราบฝ่ายที่พวก AP สู้อยู่ ก็คือโดรนทั้ง 150 ของโบ๊ทนี่เอง! เขาสู้แบบถวายหัว แต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ เจ้าตัวจึงอาศัยช่วงชุลมุนและความเป็นเด็กที่ตัวเล็กมุดรูนั้นออกรูนี้ได้ง่าย ค่อย ๆ ถอยหนีห่างออกมาจากสมรภูมิ และใช้การบังคับจากระยะไกลทำการรบพุ่งไปพลางก่อน จนสุดท้ายจากโดรน 150 ลำก็โดนสอยร่วงจนเหลืออยู่แค่ 3 ลำ มิหนำซ้ำตัวเองก็ดันมาซวยเมื่อฝ่ายตรงข้ามดันจับไต๋ได้ และหันมาใช้ขีปนาวุธยิงถล่มตึกที่ซ่อนตัวจนย่อยยับ
.
“ตูมมมม!!!"
.
“สภาพผมก็เลยเป็นอย่างที่เห็นนี่ล่ะครับพี่..”
“โดรน 3 ลำที่เหลือรอดมา ปัจจุบันเหลืออยู่แค่ 2 มีโดรนอารักขาที่ฉายไฟอยู่ตอนนี้ อีกลำผมจอดซุ่มไว้ที่อื่นเอาไว้เป็นอาวุธลับไม้ตายยามฉุกเฉิน ส่วน Riot โดรน ก็เพิ่งทำภารกิจพลีชีพครั้งสุดท้ายของมันไปเมื่อครู่”
“ถ้าไม่ได้มันเราคงไม่ได้พบกัน สำหรับผมแล้วโดรนคือสิ่งแทนใจระหว่างผมกับพ่อแม่เลยล่ะครับ”
.
ถึงตรงนี้แพรวก็เกิดคำถามขึ้นในใจ โบ๊ทถูกพี่ ๆ ช่วยกันทำแผลให้แพรวจึงใช้โอากาสนี้ลองถามน้องดู
.
“พ่อแม่?”
“พ่อแม่เธอเป็นใครล่ะโบ๊ท?”
.
“เป็นอดีตวิศวะกรของบริษัท AP กันทั้งคู่ครับ ตำแหน่งสุดท้ายพ่อกับแม่ได้เป็นผู้คุมโดมท้องฟ้าจำลอง โดรนเหล่านี้พ่อแม่ผมก็เป็นคนสร้าง ผมใช้พวกมันได้คล่องไม่ต่างจากของเล่นชิ้นหนึ่ง”
“พูดแล้วก็เศร้าพี่เพราะบรรดาหมอกับหน่วยแพทย์ที่มาไล่ล่าพวกเรา หลายคนผมยังคุ้นหน้าคุ้นตาพวกเขาอยู่เลย แม่เคยบอกกับผมว่าเพราะอุดมการณ์ในการทำงานไม่ตรงกันแม่ก็เลยลาออก แล้วพ่อก็ออกตามมาทีหลัง ผมไม่เข้าใจสักนิดว่าศัพท์แสงยาก ๆ พวกนี้มันหมายถึงอะไร ทำไมพวกเราต้องฆ่ากัน? ทำไมพวกเราต้องถูกจับด้วย? โบ๊ทไม่เข้าใจพวกผู้ใหญ่เลยครับพี่”
.
หนุ่มน้อยพรั่งพรูเป็นฉาก ๆ ความไร้เดียงสาดูเหมือนจะปลิดปลิวออกจากตัวเขาได้ก่อนวัยอันควร เพราะหลังจากพูดจบโบ๊ทก็ได้ทำสิ่งนี้เพื่อเป็นการซื้อใจแพรวกับลูกทีมคนอื่น ๆ
.
เขาลุกขึ้นยืนจากวงล้อมทำแผล โค้งหัวให้พวกพี่สาวเพื่อแทนคำขอบคุณ ก่อนจะทำการยื่นมือออกมาข้างหน้าทั้งสองข้างแล้วสะบัดนิ้ว แหวนทั้ง 5 วงเปล่งแสงไล่เฉดสี ตามติดมาด้วยการร่อนลงจอดต่อหน้าต่อตาของโดรนอารักขาที่เคยฉายแสงไฟส่องสว่างให้อยู่
.
“ฟึบ~~!”
.
“มันอาจจะมืดไปสักหน่อย แต่แค่ล้วงมือเข้าไปตรงนี้แล้วก็ดึงสายไฟตรงนี้อีกนิด เท่านี้ก็เรียยร้อยแล้วครับ”
.
กลายเป็นกระสุนขนาด .357 มม. ที่ไหลพรวดออกมาจากใต้โดรนราวกับอุจจาระ เสียงกรุ๊งกริ๊งดังกระทบพื้นปูนแตก ๆ เบื้องล่างดังระงม นั่นแสดงว่าโดรนลำนี้ไม่หลงเหลืออาวุธที่จะทำร้ายใครได้อีกแล้ว มือของโบ๊ทบริสุทธิ์และเขาแฟร์ต่อแพรวทุกอย่าง ไม่มีความลับต่อกันเพื่อแลกกับการให้เขาเข้าร่วมแคลนและเป็นส่วนหนึ่งในทีมด้วย
.
“นี่คือกระสุนพร้อมใช้ที่ทรงประสิทธิภาพ เป็นกระสุนแมกนั่มชนิดเจาะเกราะที่ยิงใส่ใครก็ตาย พร้อมใช้ตลอดเวลาและผมยกให้พี่ทั้งหมด”
“ได้โปรดเถอะพี่.. ขอผมไปด้วยเถอะผมอุตส่าห์ใช้เวลาส่องกล้องหาพวกพี่อยู่ตั้งนาน แล้วผมก็ไม่อยากจะอยู่ในเมืองหลวงที่มีแต่เชื้อโรคกับผู้คนเส็งเคร็งแบบนี้อีกแล้วด้วย”
โบ๊ทคุกเข่าขอร้องอย่างน่าสงสาร ผ้าก๊อซพันแผลพันเต็มตัว แถมไม่กี่วินาทีต่อมาแม้แต่โดรนอารักขาที่โดนปลดอาวุธแล้วก็ยังบินมาจอดลงที่ข้างกันกับเขาด้วย มันทำราวกับตัวเองเป็นสิ่งมีชีวิตแล้วก็มีบางทีที่โบ๊ทเองก็เห็นมันเป็นเพื่อนสนิท เฉกเช่นหมาหรือไม่ก็แมวตัวหนึ่ง
.
โยนความกดดันโถมมาที่แพรวเต็ม ๆ เธอขอเวลาปรึกษากับพวกเจนิสสักครู่ ระหว่างนั้นก็ก้มเก็บกระสุนตุนลงในเป้เสบียงไปพร้อมกัน ก่อนจะหันกลับมาตอบว่า “ตกลง”
.
“แต่บอกไว้ก่อนว่าพี่ไม่รับประกันความปลอดภัยของเธอนะน้องหนู พวก AP มันไม่ได้จ้องจับแต่ LGBT มันยังเล็งเด็กเล็ก ๆ ที่ล้างสมองได้ง่ายแบบพวกเธอด้วย”
.
“ผมทราบครับตอนอาคารท้องฟ้าจำลองถูกบุก ผมเห็นเพื่อนผมหลายคนโดนจับไปหมดเลย เอาเป็นว่าผมจะระวังตัวและไม่ทำตัวเป็นภาระนะครับพี่”
.
“พี่แพรวจ่ะ , เรียกพี่ว่าพี่แพรว”
.
“ครับพี่แพรว พี่ใจดีที่สุดเลย”
โบ๊ทยิ้มร่าซึ่งเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่ทุกคนได้เห็น
.
สิ่งนี้เป็นเหมือนพันธกิจที่แพรวกับเจนิสและพรรคพวกปฏิญาณร่วมกันไปแล้ว ว่าแต่นี้ต่อไปถ้าขณะเดินทางแล้วแคลนไปพบเห็นเด็กตัวเล็ก ๆ หรือสตรีข้ามเพศเข้า พวกเธอจะรับเข้ามาเป็นสมาชิกทั้งหมดถ้าพวกเขาต้องการ จะไม่มีการทิ้งใครไว้เบื้องหลัง พวกเขาตกอยู่ในอันตราย AP จับได้เท่ากับตาย แพรวไม่ต้องการแค่หนีออกจากเมืองหลวงเฉย ๆ แต่เธอยังต้องการที่จะทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นด้วย หลังทุกคนรับทราบร่วมกัน การเดินทางสู่ท่าเรือเพื่อมุ่งหน้าสู่ที่ราบลุ่มภาคกลางผ่านทางแม่น้ำก็ดำเนินต่อไป
.
.
ร้างกว่านี้คงมี พี่ป๋อง กพล มาทำรายการผี โครงหลังคามีแต่สนิม ฝาผนังทุกด้านราขึ้นเขียวขจีมีเถาวัลย์พันเป็นหย่อม ๆ ทอดสายตามองตรงออกไปเห็นเป็นพื้นซีเมนต์ที่ลาดเทไว้ ที่ด้านล่างมีเสาตอม่อค้ำยันมากกว่าร้อยต้น และครึ่งหนึ่งในนั้นถูกน้ำทะเลซัดหักไปหมดแล้ว ที่นี่คือท่าเรือประจำเมืองหลวง อดีตเคยเป็นแหล่งชุมชนแออัดที่ปัจจุบันแทบไม่หลงเหลือผู้รอดชีวิตจากการติดเชื้อ COVID -19 แม้แต่รายเดียว
หน้าท้องแบนราบบดนาบเข้าหากัน มิวท์อยู่บนเจนิสอยู่ล่างการสั่นเทิ้มดังกล่าวค่อย ๆ ทุเลาลง แล้วก็ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงที่ใช้ห้ามหั่นจะเอาชีวิตของมิวท์ก็เริ่มอ่อนแรงลงเช่นกัน เธอค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะของคนปกติ จุกหัวถันชูชันเกร็งเสียว และแม้แต่กงเล็บที่ยื่นยาวออกมาก็เริ่มหดสั้นกลับลงไป."พี่มิวท์คะ.."เจนิสกระแอมถามทั้งที่ใบหน้ายังคงบี้อยู่กับร่องนมของมิวท์ เธอผินหน้าเอียงเปลี่ยนมุมไปมาพอให้มิวท์ตื่นตัว สลับกับการแลบลิ้นเลียที่ฐานเต้าด้านล่างพลันลากวนโค้งไปตามความอวบอูมของบัวตูมคู่."แผล็บ.. บ.. บ.. บ!"."อ่าาา..า..า..า..า.."รุ่นใหญ่เผลอหลุดครางออกมาแผ่วเบา ลมหายใจร้อนผ่าวพ่นพรูออกมาทดแทนไอแห่งความเหม็นสาปจากเชื้อโควิด ตามติดมาด้วยผิวพรรณที่กลับมามีน้ำมีนวลเป็นสีชมพูบานสะพรั่งอีกครั้ง นี่คือผิวแบบลูกคุณหนูขนานแท้ มันคงผ่านการทำสปาร์มาจากหลายสถาบัน จึงไร้ซึ่งรอยด่างรอยดำ กระจ่างใสราวกับหลุดออกมาจากกระปุกครีม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอะไรที่โคตรจะน่าฟัด!.ทว่าพอต้องมานอนคร่อมร่างของเด็กมัธยมอยู่แบบนี้ จิตใต้สำนึกของมิวท์ก็ต้องทำหน้าที่ของมันผ่านการปกป้องตัวเอง ทำให้สาวเจ้าต้องตัวกระตุกอีกหน พลั
จากด้านหนึ่งสู่อีกด้านหนึ่ง สาวน้อยวัยมัธยมเร่งฝ่ามือกระโจนโผทะยานไปสู่ตำแหน่งที่คิดว่าได้ยินเสียง พลางผงะเข้ากับรอยโหว่บนตัวเครื่องที่เกิดจากบานประตูที่กระเด็นออกไป แสงสว่างจากหลอดไฟภายในส่องลอดออกมาเป็นลำ นาทีนั้นแม้แต่แท่งไฟในมือเธอก็คงจะไม่จำเป็นซะแล้ว."มีการต่อสู้กันงั้นเหรอ?"เจนิสกระซิบ.พูดกับใครก็ไม่รู้ในเมื่อก็อยู่ตัวคนเดียว เหมือนเธอกำลังประเมินสถานการณ์ ข้างหน้ามีศพ ข้างหลังประตูพัง แล้วเมื่อกี้ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกรี๊ด! นั่นอาจจะเป็นเสียงของมิวท์ก็ได้ บางทีเธออาจจะอยู่ในสภาวะวิกฤต."หรือมีผู้ติดเชื้อบุกเข้ามาทำร้ายพี่มิวท์?!".คราวนี้ไม่คิดแล้วแต่เหวี่ยงร่างกายเข้ามาในเครื่องเลย! โดยไม่สนหน้าอินท์หน้าพรหม เจนิสใช้แรงเหวี่ยงจากกระเป๋าเป้ตวัดทีเดียวร่างบางของเธอก็ม้วนหน้าเข้ามาด้านในราวกับนักยิมนาสติก เสี่ยงตายไม่ว่ามารยาทไม่ต้องทุกสิ่งที่ทำล้วนมาจากความต้องการจากหัวใจ ทว่าสิ่งที่เธอเห็นก็คือ...มิวท์ในเวอร์ชั่นผู้ติดเชื้อ.. ที่ยืนจังก้าเล็บยาวเฟื้อยลากมากับพื้น.!.หากย้อนกลับไปอ่านสักหน่อย จะเห็นเลยว่าบุคลิกของมิว์นั้นใกล้เคียงกับเปรมตอนที่รอเย่อร์เธอในห้องกระจกมาก
ปลายนิ้วแห้งผากราวกับกระดาษทราย กว่าจะสัมผัสได้ถึงหยดน้ำหยาดแรกกลีบผกาก็ช้ำมากจนออกสีแดงแกมระเรื่อ มิวท์เสียวแค่ในใจแต่ร่างกายกลับไม่เป็นดังที่หวัง เธอเอาแผ่นหลังพิงกับกำแพงห้องโดยสารพลางหลุบสายตามองเรียวขาของตัวเองทั้งสองข้างที่ตั้งชันขึ้นและกำลังสั่นระริก เธอเร่งเกินไปเธอฝืนทั้งที่ไม่ได้เงี่ยนจริง.ตอกย้ำการโกหกตัวเองด้วยการดีดกางเกงผ้ายืดที่พันอยู่กับข้อเท้าออก เธออยากเห็นความงุ้มเกร็งของปลายตีน เผื่อจะทำให้มีอารมณ์กระสันขึ้นมาต้านทานการกลายร่างได้บ้าง."ซีดดดด...จิ๋มแห้งจัดเลยอ่ะโถ่เอ๊ย!".แท่งน้ิวเปลี่ยนจากสองเป็นสาม ชี้ , กลาง , นาง เรียงตัวเป็นขยุมพลันยัดเข้าไปแบบสุดเหยียดก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ผลหล่อนจึงได้รับแต่ความเจ็บปวดกลับมา แรงเสียดสีที่ขาดน้ำหล่อลื่นเป็นอะไรที่ทำร้ายช่องคลอดมาก มิวท์เหมือนกำลังทำทารุณกรรมกับตัวเอง และที่สำคัญที่สุดก็คือ ณ ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ มุมมองสายตาของเธอก็เริ่มเห็นเป็นฉากสีแดงและเส้นเลือดยึกยือถักทอขึ้นมาแล้ว!."เรากำลังจะกลายร่าง.. อ่ะ.. อ๊ากกก..ก..ก..ก , อั๊ก..ก..ก!""เด็กผู้หญิงคนนั้นกับแท่งไฟส่องสว่างในมือ ทำให้เชื้อโควิดในตัวเรากำลังจะออกมา..
ภาพในฝันประเดประดังเข้ามาในหัว ภาพของการสังวาชกันในน้ำ ภาพของมิวท์สาวสวยหุ่นงามที่ถูหน้าอกบี้บดกับแผ่นหลังของเธอ สิ่งเหล่านี้ทำเอาเจนิสถึงกับมือไม้สั่น แม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นโลโก้ของบริษัท AP ตรงท้ายเครื่องบิน และจากจุดที่ยืนอยู่ก็สูงและมืดเกินกว่าจะพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณที่ติดตัวมายังไงเธอก็ว่าใช่ นี่ต้องเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ตั้งใจออกมาตามหาแน่นอน."เอาไว้ก่อนเรื่องช่วยเหลือผู้คน เสียใจด้วยนะคะน้า แต่ก็ต้องขอบคุณด้วยเหมือนกันนี่ถ้าไม่ใช่ลูกผัวน้าหนูคงไม่ได้เจอกับเครื่องบิน"."ปั๊ก! , ฟู่..!!!"จากอุปกรณ์จุดไฟในมือกลายเป็นแท่งไฟส่องสว่าง มันถูกกระทุ้งด้วยหัวเข่าและเปล่งแสงสว่างโพลงออกมาทำให้ทั้งสองฟากของซอกเขากลายเป็นสีแดง."รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง" ถ้าจะต้องมีซาวด์ดนตรีประกอบเพลง "เล่นของสูง" ของวงบิ๊กแอสถือว่าเหมาะมาก เพราะเจนิสรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเสี่ยงแค่ไหน แท่งความร้อนเรืองแสงที่ถืออยู่จะกลายเป็นตัวล่อชั้นดีให้บรรดาผู้ติดเชื้อพุ่งเป้ามาที่เธอ แต่ก็นะ! จะให้ทำไงได้ล่ะในเมื่อหัวใจเรียกร้อง.เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดหาเหตุผลให้กับความรัก เมื่อนั้นก็แปลว่
"ไป! ,ไป! ,ไป!, เดินหน้าเร่งฝีเท้าหน่อยทุกคน! ใกล้จะค่ำแล้วอย่าแตกแถวดูแลกันและกันด้วย!"เสียงหัวหน้าหน่วยหันมากำชับ."อีกราว 500 เมตรก็จะถึงประตูหน้าวิลเลจแล้ว ในนั้นทุกคนจะปลอดภัยสบายใจได้"แกผินหน้ากลับมามองตรงพลางกระชับปืนคู่ใจแนบวงแขน แบกเป้ประทับบ่าเดินจ้ำอ้าวรวดเร็วปานจรวด.ที่ด้านหลังมีสมาชิกกลุ่มเพิ่มจำนวนขึ้นกว่า 20 ชีวิต มีทั้งเด็กและผู้หญิงแล้วก็คนแก่ ทุกคนต่างอยู่ในสภาพเหนื่อยล้าอิดโรย โดยมีสมาชิกหน่วยลาดตระเวนกระจายตัวล้อมรอบพวกเขาไว้อีกชั้นหนึ่ง พวกเขาต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันแล้วก็โชคดีมากที่ไม่มีใครเสียชีวิตจากการปะทะกันเมื่อตอนบ่ายเลย.แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำแบบนี้ก็ไม่แน่ ไม่มีใครอยากเสี่ยงกับกลุ่มผู้ติดเชื้อเวอร์ชั่นกลางคืนหรอก หัวหน้าหน่วยก็เลยพยายามย้ำนักย้ำหนาว่าให้ทุกคนเร่งฝีเท้าต้องไปให้ถึงวิลเลจก่อนตะวันตกดินให้ได้ ภาษากายดูจริงจังน่าเกรงขาม แต่ใครเล่าจะรู้ว่าในใจลึก ๆ นั้นหัวหน้าเป็นห่วงเจนิสมากขนาดไหน."โถ่.. เจนิสเอ๊ย! อุตส่าห์บอกแล้วว่าให้รักษาแนวด้านหลังเอาไว้ ทำไมถึงทำอะไรโดยพลการนะ""นี่เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองเก่งพอจะอาสาไปช่วยเหล
ทิ้งกระเป๋าเป้ปลดสัมภาระที่คิดว่าจะเป็นภาระในภายภาคหน้าไว้ที่พื้น เจนิสทำตามอย่างว่าง่าย เธอไม่มีแม้แต่อารมณ์ขี้งอนหรืองี่เง่าใด ๆ ด้วยเพราะรู้สถานการณ์ดี สิ่งที่ติดตัวมาจึงมีแค่ปืนหน้าไม้กับซองใส่ลูกดอก ในทิศหกนาฬิกาด้านตรงกันข้าม ร่างบางเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการคลานศอก เธอกดตัวให้ต่ำกระดืบ ๆ คืบคลานไปอยู่ในแนวด้านหลังสุดตามที่รุ่นพี่ออกคำสั่ง."เข้าใจแล้วค่ะ.. ไว้ใจหนูได้เลยหนูจะระวังหลังให้เอง ถ้าเจอผู้รอดชีวิตบอกให้ตามมาทางนี้ได้เลยนะคะ!"แม้แต่ซุ่มเสียงก็ดุดันจริงจังขึ้น ตอกย้ำว่าเธอไม่ได้มาเล่น ๆ.ด้วยความสัตย์จริงว่าการบู้นั้นไม่ใช่สไตล์ของเจนิสมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอเป็นนักรบสายซับพอร์ตไม่ใช่ตัวแทงค์ และถ้านับสถิติการฆ่าผู้ติดเชื้อแล้วล่ะก็ในแคลนก็คงจะเป็นเธอนี่แหละที่ตัวเลขอยู่ในลำดับต่ำสุด กลับกันแต่ถ้าหากเป็นการหนีเพื่อเอาตัวรอดแล้วล่ะก็ เจนิสก็จะพลิกสถิติกลับขึ้นมาเป็นผู้นำแห่งวงการได้เลย.จากคลานเริ่มค่อย ๆ ลุกขึ้นกระหยิ่มย่อง มือเรียวเกี่ยวตะขอขึ้นสายหน้าไม้เตรียมไว้ พลันกระโดดยิงหนึ่งดอกออกไปเมื่อเห็นเป้าหมายชัดเจน."ฟิ้ววว!"."ปั๊ก!"."หัว" เหมือนกันแต่เป็น "หัวเ