ห้าชีวิตกับอีกหนึ่งลำโดรนย่างกรายเข้ามายังโซนลับแลแห่งนี้ด้วยความมุ่งมั่น ย้อนกลับไปไม่ได้คือเหตุผลข้อที่หนึ่ง ส่วนการไปต่อไม่ได้เพราะข้างหน้ามีแต่ทะเลคือเหตุผลข้อที่สอง แพรวก็เลยเดินนำหน้าแบกกระเป๋าเป้อาด ๆ พลางควัก Glock 18 อาวุธประจำกายขึ้นมาประทับเล็งเอาไว้ เพราะไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เรียนตามตรงว่าท่าเรือเป็นแอเรียที่เธอมีข้อมูลน้อยมากเมื่อเทียบกับที่อื่น ที่นี่แทบจะไม่ได้ถูกเขียนรายละเอียดใด ๆ ไว้ในแผนที่เลย ฉะนั้นหน้าที่ของมันจึงจบลงเพียงเท่านี้
.
“พรึบ!”
แพรวพับแผนที่เก็บเข้าไปในกระเป๋า สื่อให้ทุกคนเห็นว่าแต่นี้ต่อไปคือการด้นสดล้วน ๆ พลาดก็คือตายและถ้าไม่อยากตายก็จงอย่าพลาด
.
“ระวังตัวด้วยทุกคน เราจะเข้าไปในโกดังนั่นดู คิดว่าน่าจะเป็นคลังเก็บสินค้าและบันไดลงสู่ท่าเรือก็น่าจะอยู่ในนั้น”
แพรวกระซิบบอก
.
เช่นกันกับเจนิสกับเพื่อน ๆ ที่ต่างก็ระวังหน้าระวังหลังให้กันเป็นอย่างดี เธอจับมือโบ๊ทเอาไว้แทบจะตลอดเวลา โดยหารู้ไม่ว่าโดรนอารักขาที่ลอยอยู่บนฟ้า นั้นมีขีดความสามารถที่สูงกว่าคนจริง ๆ อย่างพวกเธอสามคนรวมกันซะอีก
.
“ไม่เป็นไรครับพี่เจนิสไม่ต้องดูแลผมดีนักหรอก ทางที่ดีผมว่าพี่คอยระวังพวกศัตรูที่จ้องจะตลบเราจากทางด้านหลังดีกว่า”
“แล้วก็ไม่ต้องเสี่ยงบุกเข้าไปตรง ๆ ด้วยครับพี่แพรว เพราะผมมีวิธีที่ดีและเซฟกว่ามาก มาสิ! มารวมกลุ่มกันตรงนี้ผมจะทำให้ดู”
.
โบ๊ทผละมือเรียวของเจนิสออกไป พลางกวักมือเรียกทุกคนมาล้อมวงกัน ทันใดนั้นกระจกหน้ากากครอบแก้วที่เขาสวมใส่อยู่ก็เปลี่ยนสี มันสะท้อนภาพแบบเดียวกับที่โดรนอารักขามองเห็นออกมา แล้วโบ๊ทก็ยื่นมือออกมาขยับนิ้วดุ๊กดิ๊กเพื่อเป็นการสั่งการให้โดรนบินเข้าไปสำรวจทางหนีที่ไล่ในอาคารโกดังท่าเรือให้ วิธีนี้ทำให้แคลนทุ่นแรงไปได้เยอะ ไม่มีใครต้องเสี่ยง เห็นหมด เห็นชัด ทั้งจุดอับ จุดซุ่มใด ๆ ที่อันตราย มิหนำซ้ำภาพที่ถ่ายทอดออกมายังชัดระดับ 5K ไม่ต่างจากการ Live สดของพวกเน็ตไอดอลเลย
.
“เป็นไงครับพี่ใช้ได้บ้างไหม?”
โบ๊ทถามทั้งที่ยังมีหน้าจอ Live สดเด่นหลาอยู่บนใบหน้าตัวเอง
.
“แจ่มเลยเจ้าหนู! ฉันเห็นแล้วว่าทางลงท่าเรืออยู่ตรงไหน ทุกอย่างปลอดภัยดีไม่เหลือใครอยู่ในโกดังเลยด้วย ทางสะดวกมาก”
แพรวยิ้มแก้มแทบฉีก และเพียงเท่านี้บรรยากาศที่เคยตรึงเครียดก็มลายหายไปหมดสิ้น โบ๊ทกระดิกนิ้วสั่งการผ่านวงแหวนทั้งห้าอีกที คราวนี้เพื่อเป็นการตัดการเชื่อมต่อ
.
จากระยะไกลราว 40 เมตร ทุกคนมองเห็นโดรนอารักขาพุ่งทะลุหลังคาโกดังที่ผุเป็นรูออกมา มันลอยเท้งเต้งกลางอากาศ Stand by รอฟังคำสั่งถัดไปจากเจ้านายอีกที
.
สบโอกาสให้แคลนได้เคลื่อนที่ต่อไปได้ ชักช้าจะไม่ทันการณ์หลังจากขอบอกขอบใจกันเสร็จ หัวหน้าแพรวก็กระชับเป้วิ่งตรงดิ่งไปยังพิกัดที่โดรนแสดงภาพให้เห็น พวกเธอวิ่งผ่านตู้คอนเทนเนอร์ร้างที่ตั้งเรียงกันแบบไม่เป็นระเบียบ มีรถลิฟท์ก้ามปูสำหรับยกของจอดอยู่หลายคัน ซึ่งทุกคันดูเหมือนจะเสียหมด หลักฐานก็คือกล่องลังไม้พาเลทจำนวนมากที่วางกันระเกะระกะมั่วซั่ว
.
ภายในโกดังรกอย่างกับอะไรดี กลิ่นสนิมกลิ่นฝุ่นฟุ้งปะปนกันและถ้าไม่ได้หน้ากากครอบแก้วช่วยไว้ ทุกคนก็คงจะแย่ไปมากกว่านี้ อากาศบริสุทธิ์ภายในหน้ากากถูกเผาผลาญอย่างรวดเร็ว โดรนอารักขาไม่ได้บอกถึงสิ่งนี้ มันช่วยให้เห็นภาพให้เห็นทางวิ่งก็จริง แต่ก็ไม่ได้บอกนี่นาว่าในนี้จะไม่มีเชื้อ! โชคดีมากที่กว่าจะรู้ตัวและเป็นกังวลถึงสิ่งดังกล่าว แพรว , โบ๊ท , เจนิส และเพื่อน ๆ ก็โผทะยานออกมาสู่พื้นที่โล่งด้านหลัง ที่มีอากาศโปร่งลมพัดถ่ายเทแล้ว
.
“อ่าาาา~!”
“ทะเลพี่แพรว! เรามาถึงแล้ว!”
เจนิสตะโกนลั่น ตาเล็กหยีของเธอแทบจะขีดเป็นเส้นตรงเวลาที่เธอยิ้ม
.
ยินเสียงคลื่นกระทบตัวท่าเรือดัง
“ครืดด~! , ครืดด~! , ซ่าาาา~! , ซ่าาาา~!”
.
และแค่ผายมือออกไปไอละอองเย็น ๆ ก็แผ่ซ่านขึ้นมาโดนตัวเลยทีเดียว ตอกย้ำว่าพวกเธออยู่ใกล้กับเส้นทางการเดินทาง ๆ น้ำมากแค่ไหน นี่ไม่ใช่แค่นิดเดียวหรือใกล้ถึง แต่แค่หาเรือให้ได้สักลำแล้วก็บังคับทิศทางดี ๆ แค่นี้พวกเธอทุกคนก็จะสามารถออกจากเมืองหลวงเฮงซวย ที่มีแต่เชื้อ COVID-19 ได้ตามแผน
.
แล้วทำไมล่ะ? อุตส่าห์นำลูกทีมมาถึงที่ได้ เหตุไฉนแพรวถึงเอาแต่กอดอกครุ่นคิด?
.
หัวหน้าหญิงดูเป็นกังวลมาก ตรงข้ามกับเจนิสกับกลุ่มแก๊งค์ที่เหมือนจะตื่นเต้นดีใจกันโคตร ๆ เดือดร้อนไปถึงโบ๊ทกับโดรนของเขาที่ต้องรีบเข้ามาขอคุยสักหน่อย
.
“ถ้าผมเดาไม่ผิด.. พี่กังวลเกี่ยวกับการปนเปื้อนของน้ำทะเลอยู่ใช่ไหมพี่แพรว”
โบ๊ททำเสียงเข้ม แต่ยังไงก็ดูเป็นเด็กกะโปโลอยู่ดี
.
“หืม.. รู้ดีจังหนุ่มน้อย ยิ่งนานเข้าฉันยิ่งเซอร์ไพรต์ในทักษะของเธอนะเนี่ยะ แต่ก็จริงอย่างเธอว่า! เราจะประมาทไม่ได้ เราต้องรอบคอบมากกว่านี้ ดูพวกเจนิสสิโตกว่าเธอตั้งเยอะยังไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย”
.
“พี่เข้าใจผิดแล้วพี่แพรว ทำไมพี่เจนิสจะไม่รู้ล่ะ เธอก็แค่แกล้งทำไปงั้น ๆ เพื่อให้พวกเราไม่เครียดต่างหาก เชื่อผมสิถ้าเธอไม่ฉลาดพอพี่ไม่มีทางรับพวกเธอเข้าแคลนมาด้วยหรอก ผมพูดถูกไหม?”
.
“หืม..?”
สาวเจ้าทำหน้างงมือที่ขัดกันแน่นอยู่บนเนินอกอยู่แล้ว ยิ่งแน่นเข้าไปอีก
.
“ไม่เชื่อผมจะพิสูจน์ให้ดูก็ได้ คอยดูนะ!”
.
ว่าแล้วโบ๊ทก็กลับหลังหันผละตัวออกไปจากแพรว พลันเดินตรงไปที่เจนิสกับเพื่อน ๆ ซึ่งเป็นจังหวะที่คลื่นลูกใหญ่ลูกหนึ่งซัดเข้ามาใส่ท่าเรือเต็ม ๆ พอดี เกิดเป็นละอองฝอยขนาดมหึมาทอตัวขึ้นเป็นม่านสูงเหนือหัว เศษละอองหักเหกับแสงแดดกลายเป็นสายรุ้งสวยงามขึ้นมาวาบหนึ่ง จนเจนิสต้องรีบเรียกให้เด็กประถมอย่างโบ๊ทดู
.
“ซึมมม!!!”
.
“ว้า! ไม่ทันซะแล้วเมื่อกี้ดูทันไหมโบ๊ท? รุ้งสวยมากเลย ถึงจะแค่แป๊บเดียวก็เถอะ”
เจนิสยิ้มกว้าง
.
ทว่าโบ๊ทกลับถามเป็นอย่างอื่นแทน
.
“เมื่อกี้เย็นไหมพี่? ผมเห็นมีละอองน้ำทะเลโดนตัวพี่ด้วยนี่?”
.
“เย็นสิชื่นใจเชียวล่ะ ว่าแต่ถามทำไมหรอ?”
.
โบ๊ทเดินตรงเข้ามาหาและสวนทะลุผ่านกลุ่มเพื่อนของเจนิสไป กระทั่งไปยืนอยู่ที่ปลายท่าเรือซึ่งสูงจากระดับน้ำทะเลเพียงแค่เอื้อมมือ ชะโงกหน้าลงไปก็ถึง
.
จากตรงนี้แพรวเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง เธอเองก็จ้องมองแบบไม่วางตาอยู่เหมือนกัน เพื่อดูว่าโบ๊ทคิดจะทำอะไรกับเจนิสและเพื่อน
.
“พี่กินน้ำให้ผมดูหน่อยสิ! น้ำทะเลอ่ะ!”
.
“เอิ่ม.. ม.. ม..”
ทำเอาสาวมัธยมทั้งแก๊งค์หน้าเสียไปเลย จะมีก็แต่เจนิสที่ถึงกับแสยะยิ้มออกมา หล่อนปรบมือให้น้องไปสองสามแปะชื่นชมความเก่งกาจในตัวเขา หลังแอ๊คติงค์ที่อุตส่าห์แสดงถูกอ่านออกจนหมดคราบ
.
เธอเลือกที่จะไม่ตอบเป็นคำพูด แต่เลือกที่จะแสดงให้ดูแทนผ่านการล้วงมือลงไปในกระเป๋าเป้ที่แบกอยู่ด้านหลัง ก่อนจะได้ออกมาเป็นแคปซูลผลึกน้ำจำนวน 1 กำมือ (ราว 20 เม็ด) มันคือหนึ่งในนวัตกรรมของพวก AP ที่ผลิตออกมาจำหน่ายในช่วงวิกฤตโรคระบาด ซึ่งเจนิสไม่ได้ซื้อหรอกแต่หยิบฉวยมาจากร้านมินิมาร์ทเมื่อหลายวันก่อน
.
เธอหย่อนพวกมันลงคอพลันเคี้ยวตุ้ย ๆ ๆ จนในปากแตกซ่านพลั่งพรู ความชุ่มชื่นมาเต็มดับกระหายเป็นปลิดทิ้ง และนี่แหละคือการกินน้ำในแบบของเธอ ก่อนจะกลืนลงคอแล้วตอบน้องไปว่า
.
“จะบ้าหรอ?!”
“ใครจะไปกล้ากิน ในเมื่อน้ำทะเลมันติดเชื้อ!”
นั่นจึงเท่ากับว่าน้ำในทะเลอาจจะไม่ปลอดภัย บางทีแม่น้ำสาขาทุกสายก็อาจจะปนเปื้อนไปด้วยเชื้อแล้วก็ได้ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงโบ๊ทจึงได้ขยับนิ้วมือกับแหวนทั้ง 5 ของเขาอีกที .“ฟิ้ว~!”โดรนอารักขาลำเก่งโฉบปักหัวลงมาจากเบื้องบน ราวกับพญาอินทรีย์พร้อมเข้าประจำที่.มันยื่นท่อนเหล็กสีเงินลักษณะคล้ายก้านปรอทวัดไข้ออกมาจากลำตัวส่วนล่าง ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกันกับที่กระสุน .35 มม. จำนวนมหาศาลร่วงกราวลงมาเมื่อตอนก่อน ความยาวของอุปกรณ์ชนิดนี้น่าจะราว 2 ไม้บรรทัดเห็นจะได้ และโบ๊ทเรียกมันว่า “โคโรน่ามิเตอร์” ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีไว้สำหรับตรวจหาเชื้อโควิดโดยเฉพาะ.เขาสั่งการให้โดรนอารักขาหย่อนมันลงไปในน้ำทะเล แกว่งส่ายวนคนไปมาราว 20 - 30 ทีโดรนก็ยกตัวเองขึ้นจากน้ำ ปรากฏว่าไฟสถานะบนลำโดรนถึงกับแดงโล่! การลิงค์สัญญาณเกิดขึ้นทันที ก่อนจะฉายค่าสถานะและชุดข้อมูลพร้อมกับผลแล็บไปยังกระจกครอบแก้วที่โบ๊ทสวมใส่อยู่ พลันเปลี่ยนใบหน้าบ่องแบ้วของเขาให้กลายเป็นจอแสดงผลไปในบัดดล.“มันก็เหมือนการ “swab”(สว็อป) ตอนเราไปให้หมอแหย่จมูกนั่นแหละครับพี่ ๆ แค่เปลี่ยนจากรูจมูกคนเป็นน้ำทะเล ว่าแต่ผลเป็นไงบ้างครับ? ”โบ๊
ห้าชีวิตกับอีกหนึ่งลำโดรนย่างกรายเข้ามายังโซนลับแลแห่งนี้ด้วยความมุ่งมั่น ย้อนกลับไปไม่ได้คือเหตุผลข้อที่หนึ่ง ส่วนการไปต่อไม่ได้เพราะข้างหน้ามีแต่ทะเลคือเหตุผลข้อที่สอง แพรวก็เลยเดินนำหน้าแบกกระเป๋าเป้อาด ๆ พลางควัก Glock 18 อาวุธประจำกายขึ้นมาประทับเล็งเอาไว้ เพราะไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เรียนตามตรงว่าท่าเรือเป็นแอเรียที่เธอมีข้อมูลน้อยมากเมื่อเทียบกับที่อื่น ที่นี่แทบจะไม่ได้ถูกเขียนรายละเอียดใด ๆ ไว้ในแผนที่เลย ฉะนั้นหน้าที่ของมันจึงจบลงเพียงเท่านี้.“พรึบ!”แพรวพับแผนที่เก็บเข้าไปในกระเป๋า สื่อให้ทุกคนเห็นว่าแต่นี้ต่อไปคือการด้นสดล้วน ๆ พลาดก็คือตายและถ้าไม่อยากตายก็จงอย่าพลาด.“ระวังตัวด้วยทุกคน เราจะเข้าไปในโกดังนั่นดู คิดว่าน่าจะเป็นคลังเก็บสินค้าและบันไดลงสู่ท่าเรือก็น่าจะอยู่ในนั้น”แพรวกระซิบบอก.เช่นกันกับเจนิสกับเพื่อน ๆ ที่ต่างก็ระวังหน้าระวังหลังให้กันเป็นอย่างดี เธอจับมือโบ๊ทเอาไว้แทบจะตลอดเวลา โดยหารู้ไม่ว่าโดรนอารักขาที่ลอยอยู่บนฟ้า นั้นมีขีดความสามารถที่สูงกว่าคนจริง ๆ อย่างพวกเธอสามคนรวมกันซะอีก.“ไม่เป็นไรครับพี่เจนิสไม่ต้องดูแลผมดีนักหรอก ทางที่ดีผมว่าพ
พรรคพวกของโบ๊ทมีกันอยู่หลายคน แล้วก็ดำรงชีวิตแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ จากการตามล่าของพวก AP เหมือนกับแคลนอื่น ๆ พวกเขามี LGBT รวมอยู่ในกลุ่มเยอะ ก่อนที่ความผิดพลาดจะมาเกิดขึ้นที่ท้องฟ้าจำลอง เมื่อหน่วยแพทย์ของ AP ที่เป็นเจ้าของพื้นที่เดิมเกิดย้อนกลับมาเช็คทรัพย์สิน มีการปะทะกันเกิดขึ้น! แคลนของโบ๊ทแตกเป็นเสี่ยงเนื่องจากไปถือวิสาสะยึดเอาแลนด์มาร์คตรงนี้เป็นจุดพักแรม ผู้คนก็เลยถูกกวาดต้อนไปเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงพ่อแม่ของเขาด้วย .ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมโบ๊ทถึงรอดมาได้นั้น ก็อยู่ที่แหวนทั้ง 5 วงบนนิ้วมือของเขานั่นเอง อุปกรณ์ชิ้นนี้มีไว้ใช้บังคับโดรนมากกว่า 150 ลำ บางลำเป็น Riot โดรนติดอาวุธหนัก บางลำเป็นโดรนอารักขา ส่วนบางลำก็เป็นโดรนข่าวสาร โบ๊ทใช้พวกมันอย่างคล่องแคล่วในการต่อสู้กับพวก AP และขับไล่พวกทรราชเหล่านี้ออกไปจากอาคารท้องฟ้าจำลองได้เป็นผลสำเร็จ ทว่าก็ต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นการอยู่คนเดียวในอาคารหลังโตแบบโดดเดี่ยว พ่อแม่ไม่อยู่แล้ว เพื่อนฝูงพี่น้องก็โดนหางเลขไปด้วยหมด.ย้อนกลับไปหลายตอนก่อนหน้านี้ เราจึงได้เห็นโบ๊ทใช้กล้องโทรทัศน์ส่องหาแคลนที่ยังมีผู้รอดชีวิตไปทั่วเมือง จนกระทั่งมาพบกับกลุ่
เสมือนหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่กระเสือกกระสนหาทางรอด ตัวเป็นจักรกลทว่าข้างในคงมีจิตวิญญาณของปลาช่อนที่กำลังจะโดนทุบหัวบรรจุอยู่ Riot โดรนถึงได้แสดงพฤติกรรมเกรี้ยวกราดดังที่เห็น เปลวไฟพ่นออกมารอบทิศราวกับลูกข้างที่รวมร่างกับกระบองไฟ มันพ่นขู่คำรามแล้วก็ได้ผล เมื่อกลุ่มเรดี้ทั้ง 4 นางต่างก็ถอยกรูออกห่างไปทุกที พอเจนิสลองสืบเท้าเข้าไปใกล้มันก็พ่นไฟออกมาใส่อีก.“อ๊ายยย! ไม่ได้เลยพี่แพรวไฟร้อนมากค่ะ!”เธอรีบผินหน้ากลับมาบอก.สวนทางกับแพรวที่มีประสบการณ์มากกว่า หลังจับสัญญาณได้จากไฟสถานะบนตัวโดรนที่มีการกระพริบเปลี่ยนจังหวะไป พลางบอกให้น้อง ๆ ตระเตรียมอาวุธขึ้นมือเอาไว้.“ไม่เป็นไรเจนิส.. ไม่ต้องเข้าไปหรอก.. เราแค่ต้องตามเจ้านี่ไปก็พอ”.“ไปไหนอ่ะพี่?”.“เดี๋ยวก็รู้! เจ้าโดรนนี่ไม่มีทางทำแบบนี้ได้ถ้าไม่มีใครบังคับ.. เชื่อฉัน!”.แล้วก็จริงอย่างที่แพรวสันนิษฐาน ผ่านไปราว 3 นาทีกับอีกนิดหน่อยแก๊สในตัวก็หมดลง จากไฟพุ่ง ๆ ตอนนี้แค่ถ่มถุยออกมายังยากลำบาก ไหนจะท่วงท่าการบินที่กระท่อนกระแท่นเต็มทีนั่นอีก เพดานบินเริ่มลดระดับต่ำลง Riot โดรน เริ่มเบี่ยงเส้นทางบินหนีออกไปอีกฝั่งผ่านการร่อนที่เอียงกระเ
เหลือเชื่อว่าจะได้ยินเสียงจิ้งหรีดแทนที่กระสุนปืน เจนิสส่งทุกคนเข้านอนและตอบแทนความไว้ใจจากแพรวด้วยการห่มผ้าให้กับพี่สาว แม้จะรู้ดีว่าในสถานการณ์เช่นนี้คงยากที่จะข่มตาหลับ แต่ชีวิตนั้นก็ต้องก้าวต่อไป แพรวอุตส่าห์นำทุกคนให้รอดมาถึงพื้นที่ใต้ทางด่วนตรงนี้ได้ แล้วมีหรือที่สายแข็งนักนอนเช้าอย่างเจนิสจะไม่ตอบแทนกลับไปบ้าง.เธอค่อย ๆ ย่องห่างออกมาจากจุดพัก สอดส่ายสายตาผ่านทะลุไปตามซอกหลืบต่าง ๆ ที่คิดว่าน่าสงสัย พลันตั้งคำถามกับตัวเองในใจว่าเสียงจิ้งหรีดนั้นมาจากไหน ถ้าเป็นเสียงปืนหรือเสียงคนฆ่ากันตายยังจะเป็นไปได้มากกว่า.“นั่นน่ะสิ! แปลกมากเลย? โควิดมันกินได้แม้กระทั่งผนังปูน แล้วกับสิ่งมีชีวิตเปลือกหุ้มอย่างจิ้งหรีดกลางคืนเนี่ยะนะ ไม่ใช่ล่ะ! เป็นไปไม่ได้!”“ถ้าเราไม่หูแว่วไปเอง เราควรจะตรวจสอบทุกจุดที่น่าสงสัยให้ละเอียดที่สุด”.กระชับหน้ากากครอบแก้วให้ติดแน่น ตัวเลขสถานะก๊าซลดลงเล็กน้อยเพราะความตื่นเต้น ส่วนในมือที่ถืออยู่ก็คือพลองไม้ขนาดยาวที่เป็นเหมือนอาวุธประจำกายของเธอ มันทั้งง่อนแง่นแล้วก็ดูบอบบางจนจินตนาการไม่ออกว่าถ้าเอาไปฟาดหัวใครเข้า Damage จะเข้าสักเท่าไหร่ แต่ครานั้นเจนิสก็
ฝุ่นตลบอบอวลควันโขมงโฉงเฉง ต่างคนต่างกรี๊ดกันไม่ออกด้วยเพราะถูกแพรวใช้ฝ่ามือปิดปากเอาไว้ 4 ชีวิตรอดตายแบบเฉียดฉิว รอจนกระทั่งทุกอย่างเริ่มเจือจาง และแสงจันทร์เริ่มจะสาดแสงทุกสายตาถึงเริ่มขยับเขยื้อน แผ่นปูนผืนใหญ่ยังคงตั้งตระหง่านเป็นกำบังให้ ส่วนพวกสาว ๆ เองก็ต่างพยายามจะชะเง้อออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง หลังการถล่มของตึกหลังใหญ่ผ่านพ้น.“เบา ๆ นะระวังด้วย..”แพรวกระซิบเตือน.ความอยากรู้อยากเห็นนี่แหละที่เป็นทั้งคุณและโทษ มันทำให้เกิดความกระตือรือร้นก็จริง แต่ก็ทำให้เกิดช่องโหว่ได้ในคราวเดียวกัน เพราะสิ่งที่ทุกคนเห็นก็คือขบวนรถพยาบาลที่วิ่งเข้ามากันอย่างขวักไขว่ สัญลักษณ์ AP บนตัวถังเด่นหลา มีการขนคนเจ็บรายทางออกมา แถมยังมีบางส่วนที่วิ่งตรงเข้าไปยังจุดปะทะเพื่อไปเอาคนเจ็บที่ตกค้างออกมาจากสมรภูมิ ไฟไซเรนหมุนติ้ววนวกคล้ายกันกับความสับสนแน่นอก ว่าจะเอายังไงต่อไปดี.พิจารณาแล้วคงเป็นไปไม่ได้หากแพรวจะยังดันทุรังทำตามแผนเดิม ถึงจะไม่รู้ว่าพวก AP กำลังสู้อยู่กับอะไร แต่ยังไงซะถ้าเข้าไปในสภาพแบบนี้ก็เท่ากับไปตายเปล่า แคลนของแพรวจะเอาอะไรไปสู้ ลำพังอาวุธที่มีอยู่ในมือก็ทำได้แค่ป้องกันตัวเอง