เสียงเคาะประตูห้องน้ำดังต่อเนื่อง เรียกสติของคนที่เข้าไปนั่งร้องไห้อยู่นานให้รู้สึกตัวอีกครั้ง หลังจากที่เธอขอโทษเขาเสร็จ เธอก็ทำตัวเสียมารยาท วิ่งหนีแขกวีไปพีลงมาเข้าห้องน้ำของพนักงานแล้วไปซ่อนตัวอยู่ในนั้นอยู่นาน
ทั้งที่พยายามก้มหน้าก้มตาตอนวิ่งผ่านโต๊ะทำงานของช่างประจำร้าน แต่ก็ยังหนีไม่พ้นสายตาของกันตา เพื่อนสนิทที่สุดในชีวิตที่มีตอนนี้
ช่างทุกคนลงความเห็นว่าณกมลโดนลูกค้าวีไอพีที่เป็นถึงดาราดังดุเอา เพราะก่อนหน้าที่จะขึ้นไปลองชุดกันบนชั้นสอง ทุกคนก็เห็นถึงรังสีอำมหิตของเขาที่แผ่ออกมาครอบคลุมร่างบอบบางของณกมลเอาไว้แล้ว
แต่แล้วช่างตัดเสื้อทุกคนก็ต้องกระจายตัวกลับไปทำงานเหมือนเดิม เมื่อดาราหนุ่มรูปหล่อที่ตัวจริงดูไม่เห็นจะอารมณ์ดีเหมือนหน้ากล้องก็เดินลงมาคุยกับเจ้าของร้านพอดี จึงเป็นโอกาสให้กันตาแยกตัวออกมาดูเพื่อนรักที่วิ่งเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำเป็นนานสองนานแล้ว
“น้ำมนต์ แกเป็นอะไรหรือเปล่า”
เสียงที่ดังขึ้นหน้าประตู ทำเอาณกมลใช้หลังมือปาดน้ำตาอย่างลวก ๆ แล้วเช็กความเรียบร้อยหน้ากระจกอีกครั้ง ด้วยรู้ดีว่ากันตาช่างสังเกตและจับผิดเก่งแค่ไหน เพราะตลอดเวลาที่คบกันมา เธอไม่เคยปิดบังอะไรผู้หญิงคนนี้ได้เลยแม้แต่เรื่องเดียว
“ไม่มีอะไรหรอกตา ฉันแค่ท้องเสีย”
คนตัวบางเปิดประตูออกมาส่งยิ้มให้เพื่อนรัก แม้รอยยิ้มนั้นจะไปไม่ถึงดวงตาก็ตาม
“เขาดุแกเหรอ ดาราคนนั้น”
ร้อยไม่เชื่อ พันไม่เชื่อว่าสาวสวยร่างบอบบางจะแค่ท้องเสีย ก็ดวงตากลมโตนั้นมันมีร่องรอยบวมช้ำ แม้จะเล็กน้อยก็ตามที จึงจับมือพาเพื่อนรักเดินเข้าไปในห้องครัว สถานที่พักจิบกาแฟของพนักงานทุกคน
“เขาน่าจะกลับไปแล้วละ เมื่อกี้เห็นคุยเรื่องสูทตัวใหม่กับพี่บีนิดหน่อย ว่าไง เขาดุแกใช่ไหม ทำไมล่ะ ไม่ถูกใจสูทคาราเมลเหรอ สวยจะตาย”
“เขาไม่ได้ดุอะไรหรอก เขาแค่ไม่พอใจที่ฉันเป็นคนทำให้ ต่อให้ฉันทำดีแค่ไหน เขาก็ไม่ถูกใจอยู่ดี”
กันตาขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจในสิ่งที่เพื่อนรักกำลังสื่อ คำพูดราวกับตัดพ้อและดวงตาแสนเศร้านั่นมันคืออะไรกัน
“ฉันไม่เข้าใจ ถ้าเขาไม่พอใจแก ก็เปลี่ยนช่างได้นี่นา แล้วทำไมยังเจาะจงจะให้แกตัดชุดใหม่ให้ล่ะ ทำเหมือนตั้งใจจะแกล้งแกเลยนะแบบนี้ นี่ถ้าแกกับเขารู้จักกันมาก่อน ฉันต้องคิดว่าแกไปทำอะไรให้เขาโกรธมาแน่ ๆ ถึงตั้งใจพุ่งตรงมาแก้แค้นแกแบบนี้ เหมือนในละครเลย”
คำพูดตรงประเด็นของกันตาทำเอาคนมีชนักติดหลังเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แต่ก็พยายามกลบเกลื่อนด้วยการยกแก้วน้ำเย็น ๆ ขึ้นจิบ
“เดี๋ยว น้ำมนต์ สรุปมันยังไงกันแน่ แกกับเขา มีอะไรกัน”
“ไม่มี เขาก็เป็นแค่ลูกค้าที่เป็นดาราดัง ถ้าฉันทำอะไรให้เขาไม่พอใจ เขาก็อาจจะโพสต์โจมตีร้านเราได้ ฉันก็เลยต้องยอม”
“เฮ้อ ทำไมแกมันซวยซ้ำซวยซ้อนอย่างนี้วะ ชีวิตมีแต่คนสร้างเรื่องสร้างราวให้ เกิดเป็นคนสวย แต่อาภัพฉิบ”
กันตาอดสะเทือนใจในชะตากรรมของเพื่อนรักไม่ได้ ก่อนหน้าที่เธอทั้งสองจะได้มาสนิทสนมกัน ก็เป็นเพราะเข้ามาทำงานในร้านนี้ในฐานะช่างตัดเสื้อฝึกหัดเหมือนกัน ความจนมันทำให้เธอทั้งคู่กัดฟันสู้ งานหนักเบาแค่ไหนก็ไม่เคยเกี่ยง พยายามหาเงินเพื่อส่งตัวเองเรียนต่อจนจบเพื่ออนาคต และไหนยังต้องหาเงินเพื่อใช้หนี้ให้กับสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่อ จนผ่านมาเป็นสิบปีแล้ว ก็ยังไม่ได้ใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการเสียที
ความอาภัพของสาวน้อยวัยยี่สิบปีที่คล้ายกัน ทำให้ทั้งสองคนสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว ต่างคอยช่วยเหลือและให้กำลังใจซึ่งกันและกันเสมอมา
“ช่างมันเถอะตา เขาเป็นดาราดัง ไม่มีเวลามาเล่นสนุกกับช่างตัดเสื้ออย่างเราหรอก เดี๋ยวเขาก็เบื่อ แล้วคงไปหาเรื่องสนุก ๆ อย่างอื่นทำ แต่ถ้าฉันทำให้เขาโมโห ฉันอาจไม่มีงานทำ คราวนี้อย่าว่าแต่ที่ซุกหัวนอนเลย จะถูกจับไปขายชายแดนหรือเปล่าก็ยังไม่รู้”
“หนี้บ้าหนี้บออะไรวะ ใช้มาจะสิบปีอยู่แล้ว ทำไมมันไม่หมดสักที ดอกทบต้น ต้นทบดอกอยู่นั่น มันกะจะให้แกตายคากองดอกเบี้ยตามพ่อแม่แกไปเลยหรือไง”
กันตายกมืออุดปากพล่อย ๆ ของตัวเองด้วยความตกใจ ที่ดันเผลอหลุดปากพูดสะกิดแผลเป็นของเพื่อนรักเข้าให้เสียแล้ว
“น้ำมนต์ ฉันขอโทษ ฉันมันปากไวไปหน่อย นี่แน่ะ นังตัวดี”
คนตัวบางตาชั้นเดียวโฉบเฉี่ยวสไตล์สาวหมวยตบปากตัวเองแรง ๆ หลายครั้ง ด้วยรู้สึกผิดจริง ๆ ที่ปากไวไปหน่อย เพราะรู้ว่าเรื่องของพ่อแม่ที่ลาโลกไปของเพื่อนรัก เป็นอีกเรื่องที่หนักหนาเอาการของเจ้าตัว
“ช่างมันเหอะตา ก็มันเรื่องจริงนี่ ทำไงได้ล่ะ ไม่มีเงินพอที่จะตัดต้นได้เยอะ ๆ ก็ตัดได้ทีละนิดแบบนี้แหละ ดอกมันก็เลยยังไม่จบไม่สิ้นซะที”
ณกมลถอนหายใจยาว นึกย้อนไปถึงเรื่องราวเมื่อสิบปีที่ผ่านมา วันนั้น วันที่เธอเดินเปียกฝนกลับบ้าน บ้านที่เธอเคยอยู่มาตั้งแต่เกิด แต่อีกไม่กี่วันนับจากวันนั้น มันกำลังจะตกไปเป็นของคนอื่น คนที่ได้ชื่อว่า เจ้าหนี้ของพ่อเธอ
ร่างบางเปียกโชกเดินผ่านห้องนั่งเล่น ซึ่งพ่อกับแม่กำลังทะเลาะกันเสียงดัง เรื่องเดิม ๆ ที่เธอได้ยินมาหลายวันแล้ว เป็นเหตุให้ในวันนี้ เธอตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง ที่เป็นการบดขยี้หัวใจของตัวเองทั้งดวงให้แหลกสลายคามือ
“เพราะคุณ ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ก็เพราะคุณ ไอ้ผีพนัน”
คนเป็นแม่ตะโกนก้องทั้งน้ำตา โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าแฟชั่นแบรนด์ที่ตัวเองร่วมกันก่อตั้งมากับสามีตั้งแต่ลูกสาวยังอยู่ในท้องพังลงไม่เป็นท่า เมื่อคนเป็นหัวหน้าครอบครัวหลงระเริงกับลาภยศเงินทอง เดินทางผิด จนความหวังที่ลูกสาวจะมาสานต่อแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นแล้วขยับขยายออกสู่ตลาดที่สูงขึ้นในอีกไม่กี่ปีที่จะถึงมันพังลงไม่เป็นท่า ทุกอย่างที่สร้างมากำลังจะตกไปเป็นของคนอื่น
“หยุดพูดซะที คุณไม่รู้หรอก ว่าจุดที่ผมอยู่มันเครียดแค่ไหน ผมก็แค่ไปเล่นเพื่อคลายเครียด”
หัวหน้าครอบครัวที่ยังไม่รู้สึกผิดเท่าไรนัก พยายามโยนความผิดให้กับความเครียด ที่ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว ทั้งที่ความจริงแล้ว ทุกอย่างมันอยู่ตัวมาตั้งนานแล้ว ถ้าไม่ไว้ใจคนผิดจนถูกชักจูงไปในทางเสื่อม จุดจบก็คงไม่เป็นแบบนี้
“ไม่ต้องมาอ้าง ทั้งติดผู้หญิง ทั้งถูกมันหลอกให้เล่นจนหมดตัว คุณมันโง่ หลงเชื่อนางนกต่อ”
“โถ่เว้ย อย่าพูดมากได้ไหมวะ แค่นี้ก็เครียดจะตายอยู่แล้ว ไม่ช่วยกันทำงานแล้วยังจะโยนความผิดมาให้ผมอยู่ได้ คุณเองมันก็ไม่ได้เรื่อง เจ็บออด ๆ แอด ๆ จนผมต้องไปมีคนอื่นไง”
คู่ชีวิตที่อยู่กินกันมานานโถมตัวเข้าหาแล้วตบตีไม่ยั้ง คนก่อเรื่องจึงทำได้แค่เพียงยกแขนขึ้นมาปัดป้อง ด้วยไม่กล้าจะรุนแรงกับคนเป็นภรรยาที่กำลังป่วยเป็นโรคร้ายมานานหลายปี
“ไอ้คนเฮงซวย ไอ้ชั่ว”
“หยุด บอกให้หยุดไง”
ภาพและเสียงตรงหน้าทำเอาคนตัวบางที่ร่างกายเปียกโชกร้องไห้ออกมาอีกครั้งกับชะตาชีวิต จากที่เคยมีพร้อมทุกอย่าง มีเงิน มีทอง มีทรัพย์สมบัติมหาศาล มีครอบครัวอบอุ่น รักใคร่ปรองดองกันดี แม้แม่จะป่วยด้วยโรคร้าย แต่ก็รักษาตัวจนใกล้จะหายเป็นปกติ
แต่เพียงชั่วพริบตาเดียว สิ่งเหล่านั้นกลับสลายหายไปในอากาศ หลงเหลือเพียงซากปรักหักพังของครอบครัวที่แตกร้าวเอาไว้ให้ดูต่างหน้า
เธอกำลังจะกลายเป็นคนหมดตัว คฤหาสน์หลังใหญ่ที่เคยอยู่ ธุรกิจที่แสนจะมั่นคงของครอบครัว รถยนต์คันหรูหลายคัน กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ เสื้อผ้าแบรนด์เนม ทุกอย่างมันไม่ใช่ของเธออีกต่อไปแล้ว
พรุ่งนี้จะต้องระหกระเหินย้ายออกไปอยู่ที่ไหนกันก็ยังไม่รู้ เมื่อญาติพี่น้องทุกคนกลับพากันเบือนหน้าหนี ไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือครอบครัวของเธอเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่เมื่อก่อน พ่อแม่ของเธอเป็นคนให้หยิบยืมเงินทุนสำหรับการก่อร่างสร้างตัวของพวกเขาทั้งนั้น
นี่สินะ ยามมั่งมี ก็มีแต่คนนับหน้าถือตา ยามลำบาก แม้แต่หมายังไม่แล
สาวน้อยแสนอาภัพวิ่งขึ้นชั้นบนของบ้านแล้วไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้าง ปลดปล่อยหยาดน้ำตาออกมาอย่างสุดจะกลั้น ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากห้องทำงานของพ่อ
เธอและแม่รีบวิ่งเข้าไปดู ทันได้เห็นผู้เป็นพ่อค่อย ๆ หล่นลงจากเก้าอี้ พร้อมกับเลือดสด ๆ ที่ไหลออกมากองเต็มพื้น
“พ่อ..”
พ่อของเธอรู้สึกผิดต่อทุกสิ่งที่ทำจึงชิงชดใช้ความผิดด้วยชีวิต แต่เหมือนเป็นการตัดช่องน้อยแต่พอตัวเมื่อเธอกับแม่ขายทุกอย่างที่ไม่โดนยึดตามสัญญาที่พ่อเซ็นเอาไว้ในการกู้ยืมเงินแล้ว กลับยังคงติดหนี้นอกระบบของเจ้าพ่อเงินกู้ผู้อยู่เบื้องหลังธุรกิจสีเทาอีกหลายล้านบาท
ในวันงานศพของพ่อ ญาติพี่น้องที่มาร่วมงาน ปฏิเสธความช่วยเหลือ ไม่มีใครให้เธอกับแม่หยิบยืมเงินจำนวนนั้น โดยอ้างว่าไม่มีเงินมากพอเพราะธุรกิจที่ทำก็กำลังประสบปัญหาขาดทุนเช่นกัน
หลังจากเสร็จงานศพ เธอกับแม่ก็ย้ายไปอยู่ด้วยกันที่ห้องเช่าขนาดเล็กในย่านชุมชนแออัด แม่ที่ยังไม่แข็งแรงดีออกไปเป็นลูกจ้างร้านอาหารเพราะมีฝีมือปลายจวักเป็นทุนเดิม ส่วนเธอก็ออกหางานทำในสิ่งที่ถนัด นั่นคือเป็นช่างตัดเสื้อฝึกหัด ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น เธอก็ไม่ได้กลับเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยอีกเลย
จนอีกไม่กี่ปีให้หลัง แม่ของเธอที่เครียดและทำงานหนักจนอาการของโรคกลับมากำเริบอีกครั้ง แต่เพราะเสียดายเงิน แม่ของเธอจึงอดทนและไม่ยอมบอกให้เธอรู้ เพราะกลัวว่าเธอจะเอาเงินที่ใช้จ่ายหนี้สินมารักษาโรคให้แม่จนหมด และตัวเธอจะต้องถูกส่งไปขายที่ชายแดนเป็นการล้างหนี้ตามคำขู่ของเสี่ยธนูเจ้าหนี้หน้าเลือด สุดท้ายแม่ของเธอก็จากไป ทิ้งเธอไว้เพียงคนเดียวบนโลกที่แสนโหดร้ายใบนี้
“คุณ ทำไมทำแบบนี้”แม้จะโล่งใจที่รอดจากการถูกส่งไปขายตัวยังชายแดน แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ที่คนซึ่งบอกว่าเกลียดเธอและไม่มีวันจะให้อภัยกลับยอมเสียเงินมากมายเพื่อไถ่ตัวเธอ“แบบไหน ใช้หนี้ให้เธอน่ะเหรอ”คิ้วเข้มเลิกสูง ดวงตาคมมองจ้องสบตากับเธอด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก แต่ที่แน่ ๆ มันไม่ได้มีความรู้สึกดี ๆ ให้กันเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว“ค่ะ ไม่เห็นต้องมาเสียเงินเพราะฉัน”“อ้อ แสดงว่าอยากไปขายตัวที่ชายแดน”เขาแค่นหัวเราะหยัน จนตรอกจนเกือบจะกลายไปเป็นผู้หญิงขายตัว ชาตินี้ก็ไม่มีโอกาสได้ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวัน ยังทำหยิ่งไม่เข้าท่า คิดว่าเขาอยากจะช่วยเธอตายละ ที่ทำก็แค่ทนสมเพชลูกตาไม่ได้เท่านั้น“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ”รู้ว่าไม่ควรอวดดีกับเขาซึ่งตอนนี้กลายมาเป็นผู้มีพระคุณเสียแล้ว แต่ถ้าเป็นไปได้ แม้จะยังรักเขาจนสุดหัวใจเพียงใด ในตอนนี้ที่ยังพอจะไปจากเขาไหว เธอก็อยากจะไปให้ไกลจากเขาที่สุด เพราะยิ่งเห็นหน้า ความเจ็บปวดในวันวานมันก็คอยจะตามหลอกหลอนเธอไม่เลิก“ไม่ใช่อย่างนั้น แล้วเธอมีทางเลือกอื่นหรือไง ถ้าไม่เอาเงินของฉันไปใช้หนี้”“แต่เราไม่ได้เป็นอะไรกัน คุณจะมาเสียเงินมากมายให้ฉันทำไม”เขาขยับนั่งพิงสะโ
เพราะกว่าที่จะข่มตาให้หลับลงได้ก็ครึ่งค่อนคืนไปแล้ว ไหนจะปัญหาที่ทำให้เธอเหนื่อยล้าทั้งกายและใจทำให้เธอตื่นสาย เมื่อมองหาคนที่นอนกกกอดเธอแนบอกด้วยพื้นที่คับแคบของเตียงก็พบเพียงความว่างเปล่า เขาคงออกจากห้องของเธอไปนานแล้วเพราะมีงานมีการให้ทำ ไม่ใช่คนตกงานอย่างเธอเมื่อนึกถึงปัญหาที่จะตามมาจากการตกงานก็ทำเอาเธอเด้งตัวลุกขึ้นแล้วรีบวิ่งเข้าไปอาบน้ำ ก่อนจะออกมาแต่งตัวด้วยชุดสุภาพเพื่อตระเวนออกหางานทำอีกครั้งแต่ยังไม่ทันที่เธอจะออกจากห้อง กันตาซึ่งได้ยินข่าวว่าเธอถูกไล่ออกด้วยโทษฐานที่อ่อยแฟนเจ้าของร้านก็โทรเข้ามาเสียก่อน“น้ำมนต์ แกเป็นไงบ้าง เรื่องมันเป็นยังไง”ณกมลถอนหายใจยาวแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง“แล้วแกได้ยินว่ายังไงล่ะ”“ก็ไอ้...นายโชคน่ะสิ ป่าวประกาศทั่วร้านว่าโดนแกแบล็กเมล พี่บีเลยไล่แกออก”“โดนไล่ออกน่ะเรื่องจริง แต่ไอ้เวรนั่นมันจะปล้ำฉัน ดีที่คุณปุณณ์เขาย้อนกลับมาเอาของที่ร้านเลยช่วยไว้ทัน ไม่งั้นฉันเสร็จมันแน่”“มันกล้าทำแบบนั้นได้ไงวะ พี่บีก็นอนอยู่บนร้านไม่ใช่เหรอ”“อืม พี่บีก็รู้ว่ามันจะปล้ำฉัน แต่พี่บีเลือกมัน เลยไล่ฉันออกแทน”“เฮ้ย ไล่ช่างอันดับหนึ่งของร้านออก แล้วเลือกไ
“ก็ใครใช้ให้คุณมาทำอะไรทุเรศ ๆ กับฉันล่ะ แล้วเป้าคุณ มันไม่รั้งหรอกนะ ถ้าคุณไม่หื่นแบบนี้ ฉันไม่แก้ให้คุณแล้ว ส่งงาน คุณเอากลับบ้านไปได้เลย แล้วก็ไม่ต้องกลับมาอีก”“นี่เธอ ฉันเป็นลูกค้านะ”“ลูกค้าแล้วยังไง ลูกค้าแล้วมีสิทธิ์มาไล่จูบช่างตัดเสื้อเหรอ เรื่องของเรามันจบไปเป็นสิบปีแล้วคุณปุณณ์ คุณช่วยปล่อยฉันไปตามทางของฉันได้ไหม”“ถ้าบอกว่าไม่ได้ล่ะ”ดวงตาคมกริบวาวโรจน์มองเธอนิ่ง ๆ มันฉายแววอำมหิตเสียจนเธอขนลุกซู่“แล้วคุณจะเอายังไง ฉันขอโทษคุณไปแล้ว ฉันเสียใจ แต่ฉันย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ถ้ากลับไปได้ฉันจะไม่ไปเดินเซ่อซ่าให้คุณขับรถเฉี่ยวตั้งแต่แรก”หยาดน้ำใส ๆ รื้นคลอหน่วย ทำเอาใจแกร่งกระตุกวูบ แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้นที่นึกสงสาร เพราะสิ่งที่เธอทำมันเลวร้ายเกินกว่าจะให้อภัย และเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายน่าสงสาร...ไม่ใช่เธอ“ทุกอย่างมันสายไปหมดแล้ว น้ำมนต์”คนตัวโตคว้าเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งเอาไว้ ก่อนจะผลุนผลันออกจากร้านไป ทิ้งไว้เพียงร่องรอยความเจ็บปวดจากอดีตที่ไม่มีวันจางหาย“โอ้โห เป็นแฟนเก่ากันเหรอเนี่ย”โชคชัยเดินปรบมือออกมาจากมุมมืดในสภาพไม่สวมเสื้อ เธอปาดน้ำตาลวก ๆ แล้วรีบเก็บของยัดลงก
“หายไปไหนของเขาวะ โทรก็ไม่ยอมรับสาย”ปัณณ์ ปัณณธี น้องชายคนสุดท้องผู้รับหน้าที่เป็นผู้จัดละครแทนพี่สาวซึ่งกำลังท้องแก่ใกล้คลอดบ่นเป็นหมีกินผึ้ง หลังจากที่กดโทรศัพท์หาพี่ชายเท่าไรก็ไม่มีคนรับสาย ทั้งที่ตอนนี้ถึงคิวเข้าฉากของเขาแล้วแต่ทีมงานต้องเปลี่ยนฉากถ่ายกันให้วุ่นเมื่อพระเอกนางเอกของเรื่องพร้อมใจกันหายตัวไปทั้งคู่ที่จริงเขาไม่ควรมาวุ่นวายในฐานะผู้จัดแล้วก็ได้ถ้าพระเอกละครเป็นคนอื่น ไม่ใช่พี่ชายผู้ซึ่งมีเพียงพี่สาวของเขาและผู้จัดการส่วนตัวเท่านั้นที่จะเอาอยู่ตอนนี้เขาควรได้เดินหน้าเปิดกล้องถ่ายทำละครเรื่องแรกที่เขารับหน้าที่เป็นผู้กำกับ แล้วค่อยหาเวลาว่างจากกองถ่ายโน้นเทียวมาดูที่กองถ่ายนี้เป็นครั้งคราวแต่ถ้าเขาไม่มา จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อทั้งกองถ่ายต่างเกรงใจพระเอกลูกชายเจ้าของบริษัททั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่ผู้กำกับหนุ่มมากฝีมือยังไม่กล้ากวนใจ แถมที่ซวยไปกว่านั้น เปิดกล้องถ่ายทำได้ไม่กี่วัน ผู้จัดการส่วนตัวของพี่ชายเขาก็คลอดก่อนกำหนดเสียก่อน เขาจึงต้องมาปากเปียกปากแฉะคอยตามพี่ชายตัวดีเข้าฉากอยู่แทบทุกวัน ไม่เป็นอันทำอะไรจนต้องเลื่อนการเปิดกล้องกองถ่ายของเขาออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนดใน
“สวัสดีค่ะ คุณปุณณ์”ณกมลตัดสินใจโทรหาดาราหนุ่มหลังจากที่เคลียร์คิวงานเก่าเสร็จแล้วเพื่อแจ้งวันเวลาที่เขาจะต้องเข้ามาลองสูทตัวใหม่ที่ตัดกับเธอ“ว่าไง”แค่เห็นชื่อของคนที่โทรมาโชว์หราอยู่บนหน้าจอ หัวใจแกร่งก็เต้นกระตุก แต่ยังพยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้“ฉันเคลียร์คิวงานหมดแล้วนะคะ ตอนนี้กำลังเริ่มทำชุดของคุณ วันศุกร์หน้าเข้ามาลองได้เลยค่ะ”“อืม ขอบใจ แต่ฉันคงเข้าไปค่ำหน่อยนะ พอดีติดอีเวนต์”“งั้นเลื่อนนัดเป็นวันอื่นดีไหมคะ”“ฉันไม่มีเวลาว่างสักวัน เป็นวันนั้นนั่นแหละ กลับบ้านดึกหน่อย ช่างดีเด่นอย่างเธอคงไม่เป็นไรใช่ไหม”“ค่ะ ฉันจะรอค่ะ”เขากดวางสายพร้อมเหยียดยิ้มมุมปาก ดวงตาคมกริบวาบขึ้น เธอหายไปหลายสัปดาห์จนเขาแทบลืมไปแล้ว เขาเองก็มัวแต่วุ่นวายกับการปิดกล้องละคร ไหนจะสั่งลากับพิมพ์พิศาจนแทบไม่ได้หลับได้นอนทั้งที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก แต่เด็กมันยั่ว ผู้ชายมีเลือดเนื้ออย่างเขาจะอดใจได้อย่างไรแต่ในเมื่อตอนนี้เธอเป็นฝ่ายมาเรียกเขาให้กลับไปหาเธอเอง แม้จะแค่ลองชุดก็ตาม แต่สาบานเลยว่าเธอจะต้องจุกจนพูดไม่ออก“เป็นอะไร ทำไมยิ้มอย่างนั้น”เสียงน้ำอ้อยดังขึ้
หลังจากที่ตัดพ้อชีวิตกับเพื่อนรักเสร็จ ทั้งคู่ก็กลับเข้าไปเก็บของเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน คนขยันหอบหิ้วถุงผ้าใบใหญ่ที่ในนั้นเต็มไปด้วยจ๊อบพิเศษคืองานปักปลอกหมอนซึ่งเธอเปิดช่องในโซเชียลเพื่อรับงานดวงตาคมกริบมองคนตัวบางที่หอบข้าวของพะรุงพะรังผ่านกระจกด้านหน้าของรถยนต์คันหรู ก่อนจะค่อย ๆ ออกตัวขับตามเธอไปอย่างช้า ๆ จนไปถึงป้ายรถเมล์ จึงจอดแอบมองเธอจากซอยเล็ก ๆ ข้างป้ายรถเมล์ป้ายนั้นเขาขับรถตามเธอไปห่าง ๆ จนถึงห้องเช่าขนาดเล็กที่ค่อนข้างทรุดโทรม ทางเข้าหน้าตึกไม่มีระบบความปลอดภัยใด ๆ ทั้งสิ้น เมื่อมองขึ้นไปบนตึกที่สูงเพียงห้าชั้น จะเห็นประตูห้องทุกห้องและระเบียงทางเดินหน้าห้องที่ใช้ร่วมกันทั้งชั้นหัวคิ้วเข้มขมวดมุ่น แม้เมื่อก่อนจะไม่รู้ว่าเธอเป็นลูกเต้าเหล่าใคร แต่รถยนต์ที่เธอขับ รวมถึงของใช้ทุกชิ้นเป็นแบรนด์เนม ก็ทำให้รู้ว่าเธอมีฐานะดีไม่น้อย แต่ทำไม คนที่ดูเหมือนมีฐานะดีคนนั้น ถึงไม่ได้มีรถยนต์ไว้ขับอีกต่อไป ของใช้รวมถึงเสื้อผ้าเป็นของตลาดนัดราคาถูก แถมยังมาอยู่ห้องเช่าซอมซ่อแบบนี้ได้หรือแท้จริงแล้ว เธอมีเสี่ยเลี้ยงมาตั้งแต่ก่อนที่จะคบหากับเขากันแน่ไม่นาน คนตัวบางที่หอบข้าวของพะรุงพะ