“คุณ ทำไมทำแบบนี้”แม้จะโล่งใจที่รอดจากการถูกส่งไปขายตัวยังชายแดน แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ที่คนซึ่งบอกว่าเกลียดเธอและไม่มีวันจะให้อภัยกลับยอมเสียเงินมากมายเพื่อไถ่ตัวเธอ“แบบไหน ใช้หนี้ให้เธอน่ะเหรอ”คิ้วเข้มเลิกสูง ดวงตาคมมองจ้องสบตากับเธอด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก แต่ที่แน่ ๆ มันไม่ได้มีความรู้สึกดี ๆ ให้กันเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว“ค่ะ ไม่เห็นต้องมาเสียเงินเพราะฉัน”“อ้อ แสดงว่าอยากไปขายตัวที่ชายแดน”เขาแค่นหัวเราะหยัน จนตรอกจนเกือบจะกลายไปเป็นผู้หญิงขายตัว ชาตินี้ก็ไม่มีโอกาสได้ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวัน ยังทำหยิ่งไม่เข้าท่า คิดว่าเขาอยากจะช่วยเธอตายละ ที่ทำก็แค่ทนสมเพชลูกตาไม่ได้เท่านั้น“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ”รู้ว่าไม่ควรอวดดีกับเขาซึ่งตอนนี้กลายมาเป็นผู้มีพระคุณเสียแล้ว แต่ถ้าเป็นไปได้ แม้จะยังรักเขาจนสุดหัวใจเพียงใด ในตอนนี้ที่ยังพอจะไปจากเขาไหว เธอก็อยากจะไปให้ไกลจากเขาที่สุด เพราะยิ่งเห็นหน้า ความเจ็บปวดในวันวานมันก็คอยจะตามหลอกหลอนเธอไม่เลิก“ไม่ใช่อย่างนั้น แล้วเธอมีทางเลือกอื่นหรือไง ถ้าไม่เอาเงินของฉันไปใช้หนี้”“แต่เราไม่ได้เป็นอะไรกัน คุณจะมาเสียเงินมากมายให้ฉันทำไม”เขาขยับนั่งพิงสะโ
เพราะกว่าที่จะข่มตาให้หลับลงได้ก็ครึ่งค่อนคืนไปแล้ว ไหนจะปัญหาที่ทำให้เธอเหนื่อยล้าทั้งกายและใจทำให้เธอตื่นสาย เมื่อมองหาคนที่นอนกกกอดเธอแนบอกด้วยพื้นที่คับแคบของเตียงก็พบเพียงความว่างเปล่า เขาคงออกจากห้องของเธอไปนานแล้วเพราะมีงานมีการให้ทำ ไม่ใช่คนตกงานอย่างเธอเมื่อนึกถึงปัญหาที่จะตามมาจากการตกงานก็ทำเอาเธอเด้งตัวลุกขึ้นแล้วรีบวิ่งเข้าไปอาบน้ำ ก่อนจะออกมาแต่งตัวด้วยชุดสุภาพเพื่อตระเวนออกหางานทำอีกครั้งแต่ยังไม่ทันที่เธอจะออกจากห้อง กันตาซึ่งได้ยินข่าวว่าเธอถูกไล่ออกด้วยโทษฐานที่อ่อยแฟนเจ้าของร้านก็โทรเข้ามาเสียก่อน“น้ำมนต์ แกเป็นไงบ้าง เรื่องมันเป็นยังไง”ณกมลถอนหายใจยาวแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง“แล้วแกได้ยินว่ายังไงล่ะ”“ก็ไอ้...นายโชคน่ะสิ ป่าวประกาศทั่วร้านว่าโดนแกแบล็กเมล พี่บีเลยไล่แกออก”“โดนไล่ออกน่ะเรื่องจริง แต่ไอ้เวรนั่นมันจะปล้ำฉัน ดีที่คุณปุณณ์เขาย้อนกลับมาเอาของที่ร้านเลยช่วยไว้ทัน ไม่งั้นฉันเสร็จมันแน่”“มันกล้าทำแบบนั้นได้ไงวะ พี่บีก็นอนอยู่บนร้านไม่ใช่เหรอ”“อืม พี่บีก็รู้ว่ามันจะปล้ำฉัน แต่พี่บีเลือกมัน เลยไล่ฉันออกแทน”“เฮ้ย ไล่ช่างอันดับหนึ่งของร้านออก แล้วเลือกไ
“ก็ใครใช้ให้คุณมาทำอะไรทุเรศ ๆ กับฉันล่ะ แล้วเป้าคุณ มันไม่รั้งหรอกนะ ถ้าคุณไม่หื่นแบบนี้ ฉันไม่แก้ให้คุณแล้ว ส่งงาน คุณเอากลับบ้านไปได้เลย แล้วก็ไม่ต้องกลับมาอีก”“นี่เธอ ฉันเป็นลูกค้านะ”“ลูกค้าแล้วยังไง ลูกค้าแล้วมีสิทธิ์มาไล่จูบช่างตัดเสื้อเหรอ เรื่องของเรามันจบไปเป็นสิบปีแล้วคุณปุณณ์ คุณช่วยปล่อยฉันไปตามทางของฉันได้ไหม”“ถ้าบอกว่าไม่ได้ล่ะ”ดวงตาคมกริบวาวโรจน์มองเธอนิ่ง ๆ มันฉายแววอำมหิตเสียจนเธอขนลุกซู่“แล้วคุณจะเอายังไง ฉันขอโทษคุณไปแล้ว ฉันเสียใจ แต่ฉันย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ถ้ากลับไปได้ฉันจะไม่ไปเดินเซ่อซ่าให้คุณขับรถเฉี่ยวตั้งแต่แรก”หยาดน้ำใส ๆ รื้นคลอหน่วย ทำเอาใจแกร่งกระตุกวูบ แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้นที่นึกสงสาร เพราะสิ่งที่เธอทำมันเลวร้ายเกินกว่าจะให้อภัย และเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายน่าสงสาร...ไม่ใช่เธอ“ทุกอย่างมันสายไปหมดแล้ว น้ำมนต์”คนตัวโตคว้าเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งเอาไว้ ก่อนจะผลุนผลันออกจากร้านไป ทิ้งไว้เพียงร่องรอยความเจ็บปวดจากอดีตที่ไม่มีวันจางหาย“โอ้โห เป็นแฟนเก่ากันเหรอเนี่ย”โชคชัยเดินปรบมือออกมาจากมุมมืดในสภาพไม่สวมเสื้อ เธอปาดน้ำตาลวก ๆ แล้วรีบเก็บของยัดลงก
“หายไปไหนของเขาวะ โทรก็ไม่ยอมรับสาย”ปัณณ์ ปัณณธี น้องชายคนสุดท้องผู้รับหน้าที่เป็นผู้จัดละครแทนพี่สาวซึ่งกำลังท้องแก่ใกล้คลอดบ่นเป็นหมีกินผึ้ง หลังจากที่กดโทรศัพท์หาพี่ชายเท่าไรก็ไม่มีคนรับสาย ทั้งที่ตอนนี้ถึงคิวเข้าฉากของเขาแล้วแต่ทีมงานต้องเปลี่ยนฉากถ่ายกันให้วุ่นเมื่อพระเอกนางเอกของเรื่องพร้อมใจกันหายตัวไปทั้งคู่ที่จริงเขาไม่ควรมาวุ่นวายในฐานะผู้จัดแล้วก็ได้ถ้าพระเอกละครเป็นคนอื่น ไม่ใช่พี่ชายผู้ซึ่งมีเพียงพี่สาวของเขาและผู้จัดการส่วนตัวเท่านั้นที่จะเอาอยู่ตอนนี้เขาควรได้เดินหน้าเปิดกล้องถ่ายทำละครเรื่องแรกที่เขารับหน้าที่เป็นผู้กำกับ แล้วค่อยหาเวลาว่างจากกองถ่ายโน้นเทียวมาดูที่กองถ่ายนี้เป็นครั้งคราวแต่ถ้าเขาไม่มา จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อทั้งกองถ่ายต่างเกรงใจพระเอกลูกชายเจ้าของบริษัททั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่ผู้กำกับหนุ่มมากฝีมือยังไม่กล้ากวนใจ แถมที่ซวยไปกว่านั้น เปิดกล้องถ่ายทำได้ไม่กี่วัน ผู้จัดการส่วนตัวของพี่ชายเขาก็คลอดก่อนกำหนดเสียก่อน เขาจึงต้องมาปากเปียกปากแฉะคอยตามพี่ชายตัวดีเข้าฉากอยู่แทบทุกวัน ไม่เป็นอันทำอะไรจนต้องเลื่อนการเปิดกล้องกองถ่ายของเขาออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนดใน
“สวัสดีค่ะ คุณปุณณ์”ณกมลตัดสินใจโทรหาดาราหนุ่มหลังจากที่เคลียร์คิวงานเก่าเสร็จแล้วเพื่อแจ้งวันเวลาที่เขาจะต้องเข้ามาลองสูทตัวใหม่ที่ตัดกับเธอ“ว่าไง”แค่เห็นชื่อของคนที่โทรมาโชว์หราอยู่บนหน้าจอ หัวใจแกร่งก็เต้นกระตุก แต่ยังพยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้“ฉันเคลียร์คิวงานหมดแล้วนะคะ ตอนนี้กำลังเริ่มทำชุดของคุณ วันศุกร์หน้าเข้ามาลองได้เลยค่ะ”“อืม ขอบใจ แต่ฉันคงเข้าไปค่ำหน่อยนะ พอดีติดอีเวนต์”“งั้นเลื่อนนัดเป็นวันอื่นดีไหมคะ”“ฉันไม่มีเวลาว่างสักวัน เป็นวันนั้นนั่นแหละ กลับบ้านดึกหน่อย ช่างดีเด่นอย่างเธอคงไม่เป็นไรใช่ไหม”“ค่ะ ฉันจะรอค่ะ”เขากดวางสายพร้อมเหยียดยิ้มมุมปาก ดวงตาคมกริบวาบขึ้น เธอหายไปหลายสัปดาห์จนเขาแทบลืมไปแล้ว เขาเองก็มัวแต่วุ่นวายกับการปิดกล้องละคร ไหนจะสั่งลากับพิมพ์พิศาจนแทบไม่ได้หลับได้นอนทั้งที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก แต่เด็กมันยั่ว ผู้ชายมีเลือดเนื้ออย่างเขาจะอดใจได้อย่างไรแต่ในเมื่อตอนนี้เธอเป็นฝ่ายมาเรียกเขาให้กลับไปหาเธอเอง แม้จะแค่ลองชุดก็ตาม แต่สาบานเลยว่าเธอจะต้องจุกจนพูดไม่ออก“เป็นอะไร ทำไมยิ้มอย่างนั้น”เสียงน้ำอ้อยดังขึ้
หลังจากที่ตัดพ้อชีวิตกับเพื่อนรักเสร็จ ทั้งคู่ก็กลับเข้าไปเก็บของเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน คนขยันหอบหิ้วถุงผ้าใบใหญ่ที่ในนั้นเต็มไปด้วยจ๊อบพิเศษคืองานปักปลอกหมอนซึ่งเธอเปิดช่องในโซเชียลเพื่อรับงานดวงตาคมกริบมองคนตัวบางที่หอบข้าวของพะรุงพะรังผ่านกระจกด้านหน้าของรถยนต์คันหรู ก่อนจะค่อย ๆ ออกตัวขับตามเธอไปอย่างช้า ๆ จนไปถึงป้ายรถเมล์ จึงจอดแอบมองเธอจากซอยเล็ก ๆ ข้างป้ายรถเมล์ป้ายนั้นเขาขับรถตามเธอไปห่าง ๆ จนถึงห้องเช่าขนาดเล็กที่ค่อนข้างทรุดโทรม ทางเข้าหน้าตึกไม่มีระบบความปลอดภัยใด ๆ ทั้งสิ้น เมื่อมองขึ้นไปบนตึกที่สูงเพียงห้าชั้น จะเห็นประตูห้องทุกห้องและระเบียงทางเดินหน้าห้องที่ใช้ร่วมกันทั้งชั้นหัวคิ้วเข้มขมวดมุ่น แม้เมื่อก่อนจะไม่รู้ว่าเธอเป็นลูกเต้าเหล่าใคร แต่รถยนต์ที่เธอขับ รวมถึงของใช้ทุกชิ้นเป็นแบรนด์เนม ก็ทำให้รู้ว่าเธอมีฐานะดีไม่น้อย แต่ทำไม คนที่ดูเหมือนมีฐานะดีคนนั้น ถึงไม่ได้มีรถยนต์ไว้ขับอีกต่อไป ของใช้รวมถึงเสื้อผ้าเป็นของตลาดนัดราคาถูก แถมยังมาอยู่ห้องเช่าซอมซ่อแบบนี้ได้หรือแท้จริงแล้ว เธอมีเสี่ยเลี้ยงมาตั้งแต่ก่อนที่จะคบหากับเขากันแน่ไม่นาน คนตัวบางที่หอบข้าวของพะรุงพะ