“หายไปไหนของเขาวะ โทรก็ไม่ยอมรับสาย”
ปัณณ์ ปัณณธี น้องชายคนสุดท้องผู้รับหน้าที่เป็นผู้จัดละครแทนพี่สาวซึ่งกำลังท้องแก่ใกล้คลอดบ่นเป็นหมีกินผึ้ง หลังจากที่กดโทรศัพท์หาพี่ชายเท่าไรก็ไม่มีคนรับสาย ทั้งที่ตอนนี้ถึงคิวเข้าฉากของเขาแล้วแต่ทีมงานต้องเปลี่ยนฉากถ่ายกันให้วุ่นเมื่อพระเอกนางเอกของเรื่องพร้อมใจกันหายตัวไปทั้งคู่
ที่จริงเขาไม่ควรมาวุ่นวายในฐานะผู้จัดแล้วก็ได้ถ้าพระเอกละครเป็นคนอื่น ไม่ใช่พี่ชายผู้ซึ่งมีเพียงพี่สาวของเขาและผู้จัดการส่วนตัวเท่านั้นที่จะเอาอยู่
ตอนนี้เขาควรได้เดินหน้าเปิดกล้องถ่ายทำละครเรื่องแรกที่เขารับหน้าที่เป็นผู้กำกับ แล้วค่อยหาเวลาว่างจากกองถ่ายโน้นเทียวมาดูที่กองถ่ายนี้เป็นครั้งคราว
แต่ถ้าเขาไม่มา จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อทั้งกองถ่ายต่างเกรงใจพระเอกลูกชายเจ้าของบริษัททั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่ผู้กำกับหนุ่มมากฝีมือยังไม่กล้ากวนใจ แถมที่ซวยไปกว่านั้น เปิดกล้องถ่ายทำได้ไม่กี่วัน ผู้จัดการส่วนตัวของพี่ชายเขาก็คลอดก่อนกำหนดเสียก่อน เขาจึงต้องมาปากเปียกปากแฉะคอยตามพี่ชายตัวดีเข้าฉากอยู่แทบทุกวัน ไม่เป็นอันทำอะไรจนต้องเลื่อนการเปิดกล้องกองถ่ายของเขาออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด
ในขณะที่เขากำลังยืนหัวเสียอยู่กลางห้องแต่งตัวของนักแสดง เสียงหอบหายใจและเสียงวัตถุกระทบผนังห้องก็ดังเล็ดลอดออกมาจากโซนห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
ปัณณธีสาวเท้าเข้าไปใกล้แล้วก็ต้องส่ายหน้าอย่างระอา เสียงที่ดังเล็ดลอดออกมาแม้จะเบาแสนเบา แต่เขาก็รู้ดีว่าเป็นเสียงอะไร และเสียงของใคร
แม้จะเป็นพี่ แต่เห็นทีต้องปรามกันหน่อย ไม่อย่างนั้นงานการจะเสียหาย ยิ่งขาดผู้จัดการส่วนตัวไปยิ่งเอาใหญ่ ไม่มีคนคอยควบคุมความประพฤติ จึงเดินไปนั่งรอที่ชุดโซฟามุมห้องอย่างใจเย็น
เสียงวัตถุกระทบผนังห้องหยุดลงแล้วพร้อมกับการที่ชายหนุ่มฝังกายลงลึกแตกกระจายความต้องการลงในปลอกป้องกันราคาแพง เขาถอดถอนตัวตนออกทันทีพร้อมกับอุ้มคนตัวบางลงมาจากโต๊ะตัวเล็กที่เอาไว้ใช้วางข้าวของในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
“ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก”
ปุณณิธิตวัดสายตาคมดุไปยังร่างบางซึ่งกำลังจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เข้าที่
“พี่ปุณณ์ไม่ชอบเหรอคะ”
“ใช่ ไม่ชอบ”
เขาบอกว่าไม่ชอบ แต่ถึงเวลาก็ใส่เธอไม่ยั้ง แม้จะเป็นเธอที่ดึงเขาเข้ามานัวเนียในห้องนี้จนเขาทนไม่ไหว ตบะแตกจับเธอกระแทกแรง ๆ จนสมรัก
“แต่พี่ก็ทำชลลี่”
“ก็เธอมันยั่ว ออกไปเหอะ ถึงเวลาเข้าฉากแล้วมั้ง ไม่ใช่ตามหากันให้ทั่วแล้วเหรอ เดี๋ยวเป็นข่าวขึ้นมาจะยุ่ง”
พระเอกหนุ่มเสยผมลวก ๆ อย่างหัวเสีย เขาผิดเองที่ระงับความต้องการเบื้องต่ำเอาไว้ไม่ได้ เกิดมีการซุบซิบกันในกองจนเป็นข่าวฉาวขึ้นมาคงเป็นเรื่องยุ่ง ไอ้ตัวเขามันไม่เป็นไรอยู่แล้ว เพราะตลอดสิบปีที่ผ่านมาเขามีข่าวฉาวเรื่องสาว ๆ แทบไม่เว้นวัน แต่เธอเป็นดาราน้องใหม่ก็ควรรักษาภาพลักษณ์ไว้บ้าง
หนุ่มสาวชะงักเท้าเมื่อเปิดประตูห้องออกมาแล้วเจอปัณณธีนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา ดวงตาคมกริบคล้ายกันมองตรงมายังเขาและหญิงสาวข้างกายอย่างรู้ทัน
“เอ่อ ชลลี่ไปเข้าฉากก่อนนะคะ”
เมื่อหญิงสาวคนเดียวในห้องเดินออกไป คนเป็นน้องจึงสาวเท้าเข้าหาพี่ชายในทันที
“มันอดใจไม่ไหวขนาดนั้นเลยเหรอครับ พี่ชาย”
“อืม มีอะไร”
“ไม่มีอะไรหรอก แต่พี่รู้ตัวไหมว่าทำกองถ่ายวุ่นวายขนาดไหน ดีที่ผมสั่งเปลี่ยนฉาก ไม่งั้นเกิดมีใครเดินมาตามแล้วได้ยินเสียงเมื่อกี้ พี่กับชลลี่ซวยแน่”
“เออ ขอบใจ”
“ต่อไปก็อดทนหน่อยสิครับพี่ชาย กลับคอนโดไปจะจัดกันยันเช้าก็ไม่มีใครว่า คนนี้ของโปรดหรือไง”
“เด็กนั่นเป็นฝ่ายเริ่ม ฉันก็ไม่ได้ชอบอะไรขนาดนั้น”
“ถ้าไม่ได้ชอบขนาดนั้นก็ระวังไว้หน่อย เกิดทำลูกสาวรัฐมนตรีมีข่าวฉาว จะได้แต่งงานล้างอายให้ท่านนะครับ”
“อืม ต่อไปจะระวัง”
“เย็นนี้กลับบ้านไหมครับ แม่บ่นว่าพักนี้พี่ไม่กลับบ้านเลย”
“เดี๋ยวดูก่อนนะ มีนัดลองสูทที่ร้านคุณบี”
“เอ๊ะ พี่ตัดสูทด้วยเหรอ ทุกทีเห็นซื้อสำเร็จ มีอะไรที่ผมต้องรู้ไหม”
“ไม่ต้องยุ่งเรื่องของฉันสักเรื่องจะได้ไหมวะไอ้ปัณณ์ เสือกจริง ๆ เอาเวลาไปใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้มีความสุขเถอะ ก่อนที่แม่จะจับแกแต่งงาน”
ปัณณธีทำหน้ามุ่ย ขู่และทับถมกันเข้าไป ทั้งแม่ ทั้งพี่สาว พี่ชาย เขาเองก็ใช้ชีวิตหนุ่มโสดเจ้าสำราญไม่ต่างจากพี่ชายสักนิด แต่ทำไมแม่ถึงพุ่งเป้ามาที่เขากันนะ คลุมถุงชนเหรอ ไร้สาระชะมัด จะแหกถุงให้ขาดเลย
“ผมจะบอกให้แม่จับพี่แต่งก่อน”
“เหอะ มีปัญญาเหรอ เอาตัวให้รอดจากลูกสาวเพื่อนแม่ก่อนเถอะ”
“อะไรกันครับเนี่ย ทั้งที่พี่แก่กว่า ทำไมถึงไม่จับพี่แต่งงานกับลูกสาวน้าฝันก็ไม่รู้”
“ให้มันรู้บ้าง ว่าใครลูกรักลูกชัง”
พระเอกหนุ่มหัวเราะร่วน ก่อนจะเดินออกจากห้อง ปล่อยให้น้องชายคนเล็กยืนหัวเสียอยู่ฝ่ายเดียว
“คอยดูเถอะ ถ้ามีเรื่องกับลูกสาวรัฐมนตรีขึ้นมา ผมจะไม่ช่วยพี่เลย”
สาวร่างบางในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนถึงศอกกับกางเกงยีนสีซีดรัดรูปตัวเก่งนั่งก้มหน้าก้มตาปักดอกไม้ลงบนชุดแต่งงานระหว่างรอพระเอกหนุ่มมาลองชุดสูท เธอเงยหน้ามองนาฬิกาบนผนังห้องครั้งที่เท่าไรก็จำไม่ได้ ตอนนี้ล่วงเลยเวลาเลิกงานไปนานมากแล้ว ถ้าไม่นับเจ้าของร้านกับแฟนหนุ่มที่ใช้เวลาส่วนตัวอยู่ด้วยกันที่ชั้นบนสุด ทั้งร้านจึงเหลือเพียงเธอคนเดียวเท่านั้นที่ยังนั่งทำงานอยู่ และไม่รู้ว่ายังต้องนั่งรออยู่แบบนี้อีกนานแค่ไหน เพราะพระเอกคนดังบอกว่าจะมาหาเธอหลังเสร็จงาน
ในมุมมืดด้านในสุด ดวงตาคมกริบคู่หนึ่งจ้องมองมายังแผ่นหลังบอบบาง เอวคอดกิ่ว สะโพกผายบั้นท้ายกลมกลึงรับกับต้นขาเรียวสวย ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อจินตนาการถึงเรือนร่างเย้ายวนในสภาพไร้อาภรณ์ห่อหุ้มกาย
เสื้อยืดแบรนด์เนมตัวเก่งถูกถอดทิ้งลงพื้น กำลังจะก้าวขาออกไปตะครุบเหยื่อจากมุมมืด ก็ต้องหยุดชะงักเท้าฉับพลันเมื่อพระเอกหนุ่มชื่อดังเดินเข้ามาหาช่างตัดชุดคนสวยเสียก่อน
โชคชัย นายแบบปลายแถวผู้เป็นแฟนเด็กของนาบี ขยับเข้าไปซ่อนตัวในมุมมืดอีกครั้ง ใช้มือเสยผมลวก ๆ อย่างหัวเสีย โอกาสที่จะได้ลิ้มลองเหยื่อแสนหวานซึ่งเขาหมายตามานาน ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในชีวิตของนาบี มากองอยู่ตรงหน้าแล้ว กลับมีมารมาขวางเสียได้
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยมีโอกาสดี ๆ แบบนี้เลยสักครั้ง เพราะนาบีทั้งรักทั้งหลงแถมยังหวงแหนเขามากจนไม่ยอมให้ห่างกาย ด้วยเขาเป็นผู้ชายเจ้าชู้มากคนหนึ่ง สุดท้ายก็ไม่ยอมให้เขารับงานเดินแบบอีกเพราะกลัวว่าเขาจะไปลักลอบแอบกินนางแบบสาว ๆ เหมือนที่เคยทำ
ครั้นจะเข้าหาสาวสวยซึ้งราวกับนางเอกละครคนนี้ก็ไม่เคยมีโอกาสสักครั้ง ด้วยตลอดเวลาจะมีช่างตัดเสื้อนั่งทำงานรวมกันกลุ่มใหญ่ แถมบางครั้งเมื่อเขาพูดคุยด้วย เจ้าหล่อนก็ไม่เคยตอบสนองสายตาเชิญชวนของเขาเลยสักครั้ง
“แม่ง มาทำไมเอาป่านนี้วะ”
โชคชัยบ่นพึมพำในลำคอ ดวงตาจ้องมองไปยังพระเอกหนุ่มผู้ซึ่งมีชีวิตน่าอิจฉาด้วยความไม่พอใจ เวลาของเขายิ่งมีน้อย ๆ อยู่ ไม่รู้ว่านาบีจะตื่นขึ้นมาหลังจากที่เขาส่งขึ้นสวรรค์ไปสองครั้งติดเมื่อไรก็ไม่รู้ ไหนจะเวลาที่เขาต้องใช้เผด็จศึกช่างคนสวยนี่อีกล่ะ แค่คิดก็ร้อนรุ่มไปหมด
“ขอโทษทีที่มาสาย”
ณกมลลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่สุดท้ายเขาก็มา แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาสี่ทุ่มแล้วก็ตาม
“ค่ะ มาลองชุดกันเลยนะคะ”
เธอรีบส่งสูทสีกรมท่าให้ เขาวางโทรศัพท์มือถือไว้บนจักรของเธอแล้วยอมเข้าไปลองชุดแต่โดยดี
ไม่นานก็ออกมาพร้อมชุดสูทสีกรมท่าแบบพอดีตัว ที่จริงมันสวยและสวมใส่สบายจนไม่มีที่ให้ติ แต่มีหรือที่เขาจะยอมให้เธอสบาย อย่างน้อยก็ต้องปั่นประสาทกันอีกนิดก็ยังดี
“ฉันว่ามันรั้งเป้าไปหน่อย”
เขาเดินเข้าหาพร้อมกับยกมือทั้งสองข้างเท้าเอว พยักหน้าลงมองเป้าตัวเองก่อนจะเอียงคอมองช่างตัดชุดด้วยสีหน้ากวนประสาท
เธอมองลงไปยังเป้ากางเกงเจ้าปัญหาแล้วก็ต้องลอบถอนหายใจยาว มันไม่ได้ดูรั้งตรงไหนอย่างที่เขาบอก จึงเดินเข้าไปจับเอากางเกงแล้วขยับขึ้นลงเพื่อพิสูจน์ให้เขาดูว่ามันไม่ได้รั้งอย่างที่เขาเข้าใจ
“เป็นไงคะ มันไม่เห็นรั้งตรงไหนเลย คุณตั้งใจหรือเปล่า มันไม่สนุกเลยนะคะ”
“สนุกสิ”
เขาคว้าเอวบางแล้วดึงเข้าหาตัว เธอตกใจแทบสิ้นสติ ใช้มือยันหน้าอกของเขาเอาไว้แล้วพยายามดิ้นหนี แต่ก็ไม่สามารถทำได้
“คุณปุณณ์ ปล่อยฉันนะ”
“ไม่ปล่อย ฉันกำลังพิสูจน์ให้เธอเห็นนี่ไง ว่ากางเกงที่เธอตัดมามันรั้งเป้าของฉันแค่ไหน”
“แบบนี้ฉันจะมองเห็นได้ยังไง ปล่อยสิ”
“ไม่ต้องมอง แค่สัมผัสก็พอ”
เขารั้งเธอเข้าหาอีกนิดจนส่วนล่างของเขาแนบชิดไปกับหน้าท้องแบนราบของเธอ พลันดวงตากลมเบิกกว้างขึ้นกับสัมผัสแข็งขืนซึ่งค่อย ๆ เหยียดขยายตัว ก่อนที่เขาจะก้มลงกระซิบชิดใบหูเสียงกระเส่า
“ไง เป้าฉัน คราวนี้มันรั้งหรือยัง”
“คุณปุณณ์ ปล่อยนะ อย่าทำอะไรบ้า ๆ”
“บ้าตรงไหน ฉันว่าเธอก็ชอบนะ หัวใจเต้นแรงเชียว”
พูดจบก็รั้งท้ายทอยเธอเข้าหาแล้วบดจูบเธออย่างเร่าร้อน เธอพยายามแล้วที่จะดิ้นรนขัดขืน แต่ก็ไม่อาจทำได้อย่างใจคิด จึงกลั้นใจกัดริมฝีปากของเขาอย่างแรงเพื่อเรียกสติทั้งของตัวเองและของผู้ชายมักมาก และมันก็ได้ผลเมื่อเขาผละห่างจากเธอในทันที
“โอ๊ย เธอกัดฉันทำไมเนี่ย”
“คุณ ทำไมทำแบบนี้”แม้จะโล่งใจที่รอดจากการถูกส่งไปขายตัวยังชายแดน แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ที่คนซึ่งบอกว่าเกลียดเธอและไม่มีวันจะให้อภัยกลับยอมเสียเงินมากมายเพื่อไถ่ตัวเธอ“แบบไหน ใช้หนี้ให้เธอน่ะเหรอ”คิ้วเข้มเลิกสูง ดวงตาคมมองจ้องสบตากับเธอด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก แต่ที่แน่ ๆ มันไม่ได้มีความรู้สึกดี ๆ ให้กันเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว“ค่ะ ไม่เห็นต้องมาเสียเงินเพราะฉัน”“อ้อ แสดงว่าอยากไปขายตัวที่ชายแดน”เขาแค่นหัวเราะหยัน จนตรอกจนเกือบจะกลายไปเป็นผู้หญิงขายตัว ชาตินี้ก็ไม่มีโอกาสได้ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวัน ยังทำหยิ่งไม่เข้าท่า คิดว่าเขาอยากจะช่วยเธอตายละ ที่ทำก็แค่ทนสมเพชลูกตาไม่ได้เท่านั้น“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ”รู้ว่าไม่ควรอวดดีกับเขาซึ่งตอนนี้กลายมาเป็นผู้มีพระคุณเสียแล้ว แต่ถ้าเป็นไปได้ แม้จะยังรักเขาจนสุดหัวใจเพียงใด ในตอนนี้ที่ยังพอจะไปจากเขาไหว เธอก็อยากจะไปให้ไกลจากเขาที่สุด เพราะยิ่งเห็นหน้า ความเจ็บปวดในวันวานมันก็คอยจะตามหลอกหลอนเธอไม่เลิก“ไม่ใช่อย่างนั้น แล้วเธอมีทางเลือกอื่นหรือไง ถ้าไม่เอาเงินของฉันไปใช้หนี้”“แต่เราไม่ได้เป็นอะไรกัน คุณจะมาเสียเงินมากมายให้ฉันทำไม”เขาขยับนั่งพิงสะโ
เพราะกว่าที่จะข่มตาให้หลับลงได้ก็ครึ่งค่อนคืนไปแล้ว ไหนจะปัญหาที่ทำให้เธอเหนื่อยล้าทั้งกายและใจทำให้เธอตื่นสาย เมื่อมองหาคนที่นอนกกกอดเธอแนบอกด้วยพื้นที่คับแคบของเตียงก็พบเพียงความว่างเปล่า เขาคงออกจากห้องของเธอไปนานแล้วเพราะมีงานมีการให้ทำ ไม่ใช่คนตกงานอย่างเธอเมื่อนึกถึงปัญหาที่จะตามมาจากการตกงานก็ทำเอาเธอเด้งตัวลุกขึ้นแล้วรีบวิ่งเข้าไปอาบน้ำ ก่อนจะออกมาแต่งตัวด้วยชุดสุภาพเพื่อตระเวนออกหางานทำอีกครั้งแต่ยังไม่ทันที่เธอจะออกจากห้อง กันตาซึ่งได้ยินข่าวว่าเธอถูกไล่ออกด้วยโทษฐานที่อ่อยแฟนเจ้าของร้านก็โทรเข้ามาเสียก่อน“น้ำมนต์ แกเป็นไงบ้าง เรื่องมันเป็นยังไง”ณกมลถอนหายใจยาวแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง“แล้วแกได้ยินว่ายังไงล่ะ”“ก็ไอ้...นายโชคน่ะสิ ป่าวประกาศทั่วร้านว่าโดนแกแบล็กเมล พี่บีเลยไล่แกออก”“โดนไล่ออกน่ะเรื่องจริง แต่ไอ้เวรนั่นมันจะปล้ำฉัน ดีที่คุณปุณณ์เขาย้อนกลับมาเอาของที่ร้านเลยช่วยไว้ทัน ไม่งั้นฉันเสร็จมันแน่”“มันกล้าทำแบบนั้นได้ไงวะ พี่บีก็นอนอยู่บนร้านไม่ใช่เหรอ”“อืม พี่บีก็รู้ว่ามันจะปล้ำฉัน แต่พี่บีเลือกมัน เลยไล่ฉันออกแทน”“เฮ้ย ไล่ช่างอันดับหนึ่งของร้านออก แล้วเลือกไ
“ก็ใครใช้ให้คุณมาทำอะไรทุเรศ ๆ กับฉันล่ะ แล้วเป้าคุณ มันไม่รั้งหรอกนะ ถ้าคุณไม่หื่นแบบนี้ ฉันไม่แก้ให้คุณแล้ว ส่งงาน คุณเอากลับบ้านไปได้เลย แล้วก็ไม่ต้องกลับมาอีก”“นี่เธอ ฉันเป็นลูกค้านะ”“ลูกค้าแล้วยังไง ลูกค้าแล้วมีสิทธิ์มาไล่จูบช่างตัดเสื้อเหรอ เรื่องของเรามันจบไปเป็นสิบปีแล้วคุณปุณณ์ คุณช่วยปล่อยฉันไปตามทางของฉันได้ไหม”“ถ้าบอกว่าไม่ได้ล่ะ”ดวงตาคมกริบวาวโรจน์มองเธอนิ่ง ๆ มันฉายแววอำมหิตเสียจนเธอขนลุกซู่“แล้วคุณจะเอายังไง ฉันขอโทษคุณไปแล้ว ฉันเสียใจ แต่ฉันย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ถ้ากลับไปได้ฉันจะไม่ไปเดินเซ่อซ่าให้คุณขับรถเฉี่ยวตั้งแต่แรก”หยาดน้ำใส ๆ รื้นคลอหน่วย ทำเอาใจแกร่งกระตุกวูบ แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้นที่นึกสงสาร เพราะสิ่งที่เธอทำมันเลวร้ายเกินกว่าจะให้อภัย และเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายน่าสงสาร...ไม่ใช่เธอ“ทุกอย่างมันสายไปหมดแล้ว น้ำมนต์”คนตัวโตคว้าเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งเอาไว้ ก่อนจะผลุนผลันออกจากร้านไป ทิ้งไว้เพียงร่องรอยความเจ็บปวดจากอดีตที่ไม่มีวันจางหาย“โอ้โห เป็นแฟนเก่ากันเหรอเนี่ย”โชคชัยเดินปรบมือออกมาจากมุมมืดในสภาพไม่สวมเสื้อ เธอปาดน้ำตาลวก ๆ แล้วรีบเก็บของยัดลงก
“หายไปไหนของเขาวะ โทรก็ไม่ยอมรับสาย”ปัณณ์ ปัณณธี น้องชายคนสุดท้องผู้รับหน้าที่เป็นผู้จัดละครแทนพี่สาวซึ่งกำลังท้องแก่ใกล้คลอดบ่นเป็นหมีกินผึ้ง หลังจากที่กดโทรศัพท์หาพี่ชายเท่าไรก็ไม่มีคนรับสาย ทั้งที่ตอนนี้ถึงคิวเข้าฉากของเขาแล้วแต่ทีมงานต้องเปลี่ยนฉากถ่ายกันให้วุ่นเมื่อพระเอกนางเอกของเรื่องพร้อมใจกันหายตัวไปทั้งคู่ที่จริงเขาไม่ควรมาวุ่นวายในฐานะผู้จัดแล้วก็ได้ถ้าพระเอกละครเป็นคนอื่น ไม่ใช่พี่ชายผู้ซึ่งมีเพียงพี่สาวของเขาและผู้จัดการส่วนตัวเท่านั้นที่จะเอาอยู่ตอนนี้เขาควรได้เดินหน้าเปิดกล้องถ่ายทำละครเรื่องแรกที่เขารับหน้าที่เป็นผู้กำกับ แล้วค่อยหาเวลาว่างจากกองถ่ายโน้นเทียวมาดูที่กองถ่ายนี้เป็นครั้งคราวแต่ถ้าเขาไม่มา จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อทั้งกองถ่ายต่างเกรงใจพระเอกลูกชายเจ้าของบริษัททั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่ผู้กำกับหนุ่มมากฝีมือยังไม่กล้ากวนใจ แถมที่ซวยไปกว่านั้น เปิดกล้องถ่ายทำได้ไม่กี่วัน ผู้จัดการส่วนตัวของพี่ชายเขาก็คลอดก่อนกำหนดเสียก่อน เขาจึงต้องมาปากเปียกปากแฉะคอยตามพี่ชายตัวดีเข้าฉากอยู่แทบทุกวัน ไม่เป็นอันทำอะไรจนต้องเลื่อนการเปิดกล้องกองถ่ายของเขาออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนดใน
“สวัสดีค่ะ คุณปุณณ์”ณกมลตัดสินใจโทรหาดาราหนุ่มหลังจากที่เคลียร์คิวงานเก่าเสร็จแล้วเพื่อแจ้งวันเวลาที่เขาจะต้องเข้ามาลองสูทตัวใหม่ที่ตัดกับเธอ“ว่าไง”แค่เห็นชื่อของคนที่โทรมาโชว์หราอยู่บนหน้าจอ หัวใจแกร่งก็เต้นกระตุก แต่ยังพยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้“ฉันเคลียร์คิวงานหมดแล้วนะคะ ตอนนี้กำลังเริ่มทำชุดของคุณ วันศุกร์หน้าเข้ามาลองได้เลยค่ะ”“อืม ขอบใจ แต่ฉันคงเข้าไปค่ำหน่อยนะ พอดีติดอีเวนต์”“งั้นเลื่อนนัดเป็นวันอื่นดีไหมคะ”“ฉันไม่มีเวลาว่างสักวัน เป็นวันนั้นนั่นแหละ กลับบ้านดึกหน่อย ช่างดีเด่นอย่างเธอคงไม่เป็นไรใช่ไหม”“ค่ะ ฉันจะรอค่ะ”เขากดวางสายพร้อมเหยียดยิ้มมุมปาก ดวงตาคมกริบวาบขึ้น เธอหายไปหลายสัปดาห์จนเขาแทบลืมไปแล้ว เขาเองก็มัวแต่วุ่นวายกับการปิดกล้องละคร ไหนจะสั่งลากับพิมพ์พิศาจนแทบไม่ได้หลับได้นอนทั้งที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก แต่เด็กมันยั่ว ผู้ชายมีเลือดเนื้ออย่างเขาจะอดใจได้อย่างไรแต่ในเมื่อตอนนี้เธอเป็นฝ่ายมาเรียกเขาให้กลับไปหาเธอเอง แม้จะแค่ลองชุดก็ตาม แต่สาบานเลยว่าเธอจะต้องจุกจนพูดไม่ออก“เป็นอะไร ทำไมยิ้มอย่างนั้น”เสียงน้ำอ้อยดังขึ้
หลังจากที่ตัดพ้อชีวิตกับเพื่อนรักเสร็จ ทั้งคู่ก็กลับเข้าไปเก็บของเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน คนขยันหอบหิ้วถุงผ้าใบใหญ่ที่ในนั้นเต็มไปด้วยจ๊อบพิเศษคืองานปักปลอกหมอนซึ่งเธอเปิดช่องในโซเชียลเพื่อรับงานดวงตาคมกริบมองคนตัวบางที่หอบข้าวของพะรุงพะรังผ่านกระจกด้านหน้าของรถยนต์คันหรู ก่อนจะค่อย ๆ ออกตัวขับตามเธอไปอย่างช้า ๆ จนไปถึงป้ายรถเมล์ จึงจอดแอบมองเธอจากซอยเล็ก ๆ ข้างป้ายรถเมล์ป้ายนั้นเขาขับรถตามเธอไปห่าง ๆ จนถึงห้องเช่าขนาดเล็กที่ค่อนข้างทรุดโทรม ทางเข้าหน้าตึกไม่มีระบบความปลอดภัยใด ๆ ทั้งสิ้น เมื่อมองขึ้นไปบนตึกที่สูงเพียงห้าชั้น จะเห็นประตูห้องทุกห้องและระเบียงทางเดินหน้าห้องที่ใช้ร่วมกันทั้งชั้นหัวคิ้วเข้มขมวดมุ่น แม้เมื่อก่อนจะไม่รู้ว่าเธอเป็นลูกเต้าเหล่าใคร แต่รถยนต์ที่เธอขับ รวมถึงของใช้ทุกชิ้นเป็นแบรนด์เนม ก็ทำให้รู้ว่าเธอมีฐานะดีไม่น้อย แต่ทำไม คนที่ดูเหมือนมีฐานะดีคนนั้น ถึงไม่ได้มีรถยนต์ไว้ขับอีกต่อไป ของใช้รวมถึงเสื้อผ้าเป็นของตลาดนัดราคาถูก แถมยังมาอยู่ห้องเช่าซอมซ่อแบบนี้ได้หรือแท้จริงแล้ว เธอมีเสี่ยเลี้ยงมาตั้งแต่ก่อนที่จะคบหากับเขากันแน่ไม่นาน คนตัวบางที่หอบข้าวของพะรุงพะ