"อยากให้ฉันยกโทษให้เหรอ มีทางเดียวเท่านั้น แก้ผ้า...แล้วขึ้นเตียง"
View Moreเสียงกระดิ่งหน้าประตูห้องเสื้อชื่อดังยอดนิยมของเหล่าดาราเซเลบเมืองไทยเรียกให้พนักงานในร้านหันไปมอง ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นคนที่เปิดประตูเข้ามาชัด ๆ แทบไม่อยากเชื่อสายตาว่าจะมีวาสนาได้เห็นผู้ชายคนนั้นตัวเป็น ๆ
ปุณณิธิ อธิพัฒน์โภคิน พระเอกละครชื่อดังวัยสามสิบเอ็ดปี ถูกพี่สาวที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวในอีกไม่กี่วันนี้ใช้ให้มารับชุดแต่งงานแทนเนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดของเขา
“สวัสดีค่ะ”
พนักงานสาวที่กำลังจะออกไปพักกินข้าว กุลีกุจอเดินมาต้อนรับดาราดัง จ้องมองแต่ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรของเขาจนตาไม่กะพริบ
“ สวัสดีครับ คุณบีอยู่ไหมครับ ผมมารับชุดให้พี่สาว”
“วันนี้คุณบีไม่อยู่ค่ะ พาทีมช่างไปออกงาน Wedding Fair แต่ชุดของคุณแป้ง ช่างที่เป็นคนตัดชุดเตรียมไว้ให้แล้วค่ะ เชิญทางนี้เลยค่ะ”
พนักงานสาวคนเดิมผายมือเชิญดาราหนุ่มเข้าไปในโซนด้านในของร้านที่ยังคงคอนเซปต์หรูหราอลังการสมกับรสนิยมของเจ้าของ
“น้ำมนต์ ลูกค้ามารับชุดแล้วจ้ะ”
“รอสักครู่ค่ะ ขอเก็บตรงนี้นิดเดียวค่ะ”
พนักงานสาวที่พามาค้อมศีรษะให้ชายหนุ่มเล็กน้อย ก่อนจะขอตัวออกไปพักกินข้าวตามคิวที่ได้ตกลงกันเอาไว้กับช่างตัดเสื้อที่เหลืออยู่ในร้านแค่เพียงคนเดียว
ดาราหนุ่มมองแผ่นหลังของหญิงสาวเรือนร่างบอบบางตรงหน้าที่กำลังสาละวนกับการปักดอกไม้ลงบนส่วนหน้าอกชุดราตรียาวที่สวมอยู่ในหุ่น
ดวงตาคมกริบกวาดมองตั้งแต่ศีรษะทุย ผมยาวถึงกลางแผ่นหลังสีน้ำตาลอ่อน เอวบางคอดกิ่วภายใต้เสื้อยืดแขนสั้นพอดีตัวสีขาว สะโพกผายสวย บั้นท้ายกลมมนรับกับเรียวขายาวไร้ไขมันส่วนเกินภายใต้กางเกงยีนรัดรูป ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะมองผู้หญิงที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าธรรมดา ๆ แบบนี้อยู่นานโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“เสร็จแล้วค่ะ ขอโทษที่ให้รอนะคะ”
เธอตัดด้ายแล้วปักเข็มลงบนตัวหุ่น ก่อนจะหันมาหาลูกค้าสาวสวยที่มาวัดตัวตัดชุดแต่งงานกับเธอไปเมื่อสามสัปดาห์ก่อน แต่กลับต้องชะงัก เบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าคือคนที่เธอไม่คิดว่าจะได้วนเวียนกลับมาเจอกันอีกแล้วในชาตินี้
ไม่ต่างจากเขาที่ก่อนหน้านี้ลุ้นอยู่ว่าสาวหุ่นบอบบางแต่เย้ายวนตรงหน้า หันมาแล้วจะหน้าตาสวยงามสมกับรูปร่างของเธอหรือไม่ ก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะกัดกรามแน่น จ้องผู้หญิงที่ไม่อยากจะพบเจออีกตลอดชีวิตด้วยความเกลียดชัง
“เอ่อ คุณ..เหรอคะที่มารับชุดของคุณแป้ง”
“ใช่ เธอเป็นช่างตัดชุดให้พี่สาวฉันเหรอ”
ณกมลรู้ว่าว่าที่เจ้าสาวซึ่งเลือกแบบชุดแต่งงานที่เธอเป็นคนออกแบบด้วยตัวเองคือพี่สาวของเขา แต่ไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสพบเจอกับเขาอีก เพราะตามปกติแล้ว เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะมารับชุดแต่งงานด้วยตัวเอง เพื่อลองให้พอดีกับตัวรอบแล้วรอบเล่า
“ค่ะ สักครู่นะคะ”
เธอเดินไปเปิดตู้เก็บชุดที่รอลูกค้ามารับ ซึ่งดวงตาคมกริบที่แฝงไปด้วยความเกลียดชังยังคงมองตามเธอไปไม่ละสายตา
สิบปีแล้วสินะ ที่เธอทิ้งเขาไปแต่งงานกับผู้ชายที่พ่อแม่เลือกให้ ผู้ชายที่รวยหนักหนามากกว่าเขาที่เป็นแค่รุ่นพี่นักศึกษาซึ่งแม้จะมาจากครอบครัวร่ำรวย แต่ก็ยังคงต้องแบมือขอเงินพ่อแม่ใช้ ไม่เหมือนผู้ชายคนนั้นผู้เป็นเจ้าของโรงแรมใหญ่โตอย่างที่เธออ้าง
“ได้แล้วค่ะ ถ้ามีแก้ตรงไหน ก็มาที่ร้านได้เลยนะคะ”
เขารับชุดแต่งงานมาจากมือเธอ แต่กลับไม่ยอมขยับตัวไปไหน แววตาชิงชังเย้ยหยันยังคงส่งมาให้เธอตลอดเวลาจนคนตัวบางอึดอัด
“ไหนว่าได้ผัวรวย ทำไมมาเป็นช่างตัดชุดต๊อกต๋อยอยู่ที่นี่ล่ะ หรือว่าโดนผัวรวยมันเขี่ยทิ้ง”
มุมปากหยักเหยียดยิ้มหยัน ตั้งใจพูดดูถูก แม้จะรู้ว่าการได้เป็นช่างตัดชุดในร้านไฮโซที่เน้นงานมีคุณภาพ สวยงาม หรูหราสมราคา ไม่ใช่เรื่องง่าย เธอเองก็ต้องมีฝีมือมากพอตัว แม้จะยังไม่ทันได้จบปริญญาด้านแฟชั่นดีไซน์เพราะลาออกไปแต่งงานตั้งแต่ปลายเทอมชั้นปีที่สาม
เธอไม่ตอบ แต่กลับมองเขาด้วยแววตาลุแก่โทษ เมื่อต้องนึกถึงเรื่องราวความเจ็บปวดที่แม้จะผ่านมาเป็นสิบปีแล้ว แต่ความรู้สึกนั้นมันยังฝังแน่นอยู่ในใจ
“ฉันขอตัวก่อนนะคะ มีงานค้างค่ะ”
“ที่นี่ต้อนรับลูกค้าแบบนี้เหรอ”
เธอที่หันหลังเพื่อกลับไปทำงานของตัวเองต่อให้เสร็จ ต้องหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง รู้อยู่หรอก ว่าเขาทั้งเกลียดทั้งโกรธเธอ แต่เรื่องมันผ่านมานานนับสิบปี เลยไม่คิดว่าเขาจะยังผูกใจเจ็บกับเธอเช่นนี้ ทั้งที่ดาราดังอย่างเขามีข่าวควงผู้หญิงไม่เว้นแต่ละวัน
“คุณมีอะไรอีกหรือคะ ฉันส่งชุดให้คุณแล้ว”
“ฉันจะตัดสูท”
“ตอนนี้คิวงานของฉันแน่นมากค่ะ ตัดให้คุณไม่ทันใช้วันงานแต่งของคุณแป้งแน่ ๆ ขอโทษด้วยนะคะ ช่างคนอื่นก็ไปงานกับคุณบีหลายวันค่ะ”
“ฉันไม่รีบ ชุดวันงานพี่แป้งฉันมีแล้ว นี่จะตัดไว้เฉย ๆ”
เธอยังยืนนิ่ง มองเขาอย่างไม่เข้าใจในเจตนา ว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ แววตาก็บ่งบอกว่าเกลียดชังเธอจนแทบไม่อยากจะหายใจร่วม แต่ทำไมถึงจะมาตัดสูทกับเธอ ทั้งที่ปกติแล้ว ผู้ชายมักซื้อสูทสำเร็จแบรนด์เนมชื่อดังมากกว่า
“ทำไม แค่สูทก็ไม่มีปัญญาตัดเหรอ”
“มีค่ะ”
“มีก็มาวัดตัวสิ จะมโนกะขนาดเอาเองจากที่เคยกอดฉันคงไม่ได้หรอกนะ เพราะตอนนี้ฉันเปลี่ยนไปแล้ว”
ใช่ เขาเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนทุกอย่าง ถึงแม้ว่าใบหน้าหล่อเหลาของเขาจะยังคงหล่อเหมือนเดิม หรืออาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำเพราะออร่าดาราดังมันจับ เรือนกายที่สูงใหญ่ ไม่ได้ผอมเพรียวมีกล้ามเล็กน้อยเหมือนตอนสมัยเรียน ดวงตาคู่คมแสนมีเสน่ห์ที่เคยทอดมองเธออย่างหลงใหล ตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นเกลียดชังยิ่งกว่าสิ่งใด ความอบอุ่นอ่อนโยนที่เคยมอบให้ ตอนนี้มีเพียงท่าทีห่างเหินถือตัว ราวกับเธอคือสิ่งสกปรกที่น่ารังเกียจ
“ค่ะ ขออนุญาตนะคะ”
เธอหยิบสมุดคู่ใจกับสายวัด มาวัดตัวให้เขาอย่างคล่องแคล่ว จดสัดส่วนของลำคอและแขนเสื้อลงสมุด ก่อนหันมาอีกที คนตัวโตก็กางแขนออกให้เธอวัดรอบอก
คนตัวบางสูดหายใจเข้าลึกๆ โอบแขนทั้งสองข้างไปที่แผ่นหลังเพื่อดึงสายวัดทำให้ตัวเธอขยับใกล้เขาจนหน้าอกอวบอิ่มเกินตัวห่างจากหน้าอกหนั่นแน่นของเขาไม่ถึงคืบ
ความใกล้ชิดทำให้ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ มาจากตัวเธอ เป็นกลิ่นของโลชั่นทาผิวที่เธอชอบใช้ผสมกับกลิ่นเนื้อตัวของเธอที่มันผสมผสานกันราวกับกลิ่นฟีโรโมนเรียกแมลงตัวผู้
ปุณณิธิกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ พยายามควบคุมจังหวะการหายใจให้ช้ากว่าจังหวะระรัวของหัวใจดวงโตที่ห้ามไม่ได้
ไม่ต่างอะไรจากคนตัวบาง เพราะหัวใจดวงน้อยของเธอเต้นกระหน่ำคร่อมจังหวะกับการใกล้ชิดผู้ชายที่ยังคงอยู่ในหัวใจอีกครั้ง กลิ่นน้ำหอมราคาแพงในตัวเขายิ่งทำให้เธออดหวนคิดถึงคืนวันแห่งความสุขไม่ได้
กว่าที่เธอจะวัดตัวเขาเสร็จ ดาราหนุ่มก็กัดกรามข่มจังหวะเต้นของหัวใจจนเหนื่อย
“เชิญคุณเลือกแบบ เนื้อผ้าและสีได้เลยนะคะ”
“ไม่ละ อยากตัดสีอะไร แบบไหน ก็ตัดมา แต่ถ้าฉันไม่ถูกใจคงได้แก้กันอีกยาว เพราะฉันไม่ใช่คนที่ชอบอะไรง่าย ๆ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณควรเลือกแบบและสีที่ถูกใจนะคะ เพราะฉันไม่สามารถเดาได้หรอกค่ะ ว่าคุณจะชอบแบบไหน ถ้าเลือกให้แล้วไม่ถูกใจ จะเสียเวลาของคุณเปล่าๆ นะคะ”
“แต่เธอเคยรู้นี่ ว่าฉันชอบอะไร แบบไหน อ้อ ลืมไป เดี๋ยวนี้ฉันไม่ได้ชอบอะไรเหมือนเดิมแล้ว เมื่อก่อนหลงผิดชอบของเน่าเหม็นตั้งนาน แต่ฉันยืนยันคำเดิม จะตัดอะไรก็ตัดมา หรือเรื่องแค่นี้ช่างตัดชุดร้านดัง ไม่มีปัญญาคิดเอง”
“ค่ะ ได้ค่ะ นัดลองชุดรอบแรกเป็นวันที่ 30 เดือนหน้านะคะ”
“เอาเบอร์โทรเธอมา”
“คุณโทรมาเบอร์ร้านได้ค่ะ ฉันไม่เคยทำงานลูกค้าไม่ทัน ยังไงวันที่ 30 คุณได้ลองชุดรอบแรกแน่นอนค่ะ”
“บอกให้เอามาก็เอามาเถอะน่า แล้วก็ไม่ต้องคิดว่าฉันพิศวาสอยากได้เบอร์เธอ ฉันไม่ชอบเสียเวลาโทรมาแล้วต้องรอสายวุ่นวาย ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมากมายขนาดนั้น”
“สักครู่ค่ะ”
เธอถอนหายใจยาว ก่อนจะจดเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวให้กับเขาไป เมื่อเขาได้กระดาษแผ่นนั้น ก็หันหลังเดินออกจากร้านทันที ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองผู้หญิงที่มองตามแผ่นหลังแกร่งจนลับสายตาไป..ผ่านม่านน้ำตา อีกเลย
“คุณ ทำไมทำแบบนี้”แม้จะโล่งใจที่รอดจากการถูกส่งไปขายตัวยังชายแดน แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ที่คนซึ่งบอกว่าเกลียดเธอและไม่มีวันจะให้อภัยกลับยอมเสียเงินมากมายเพื่อไถ่ตัวเธอ“แบบไหน ใช้หนี้ให้เธอน่ะเหรอ”คิ้วเข้มเลิกสูง ดวงตาคมมองจ้องสบตากับเธอด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก แต่ที่แน่ ๆ มันไม่ได้มีความรู้สึกดี ๆ ให้กันเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว“ค่ะ ไม่เห็นต้องมาเสียเงินเพราะฉัน”“อ้อ แสดงว่าอยากไปขายตัวที่ชายแดน”เขาแค่นหัวเราะหยัน จนตรอกจนเกือบจะกลายไปเป็นผู้หญิงขายตัว ชาตินี้ก็ไม่มีโอกาสได้ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวัน ยังทำหยิ่งไม่เข้าท่า คิดว่าเขาอยากจะช่วยเธอตายละ ที่ทำก็แค่ทนสมเพชลูกตาไม่ได้เท่านั้น“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ”รู้ว่าไม่ควรอวดดีกับเขาซึ่งตอนนี้กลายมาเป็นผู้มีพระคุณเสียแล้ว แต่ถ้าเป็นไปได้ แม้จะยังรักเขาจนสุดหัวใจเพียงใด ในตอนนี้ที่ยังพอจะไปจากเขาไหว เธอก็อยากจะไปให้ไกลจากเขาที่สุด เพราะยิ่งเห็นหน้า ความเจ็บปวดในวันวานมันก็คอยจะตามหลอกหลอนเธอไม่เลิก“ไม่ใช่อย่างนั้น แล้วเธอมีทางเลือกอื่นหรือไง ถ้าไม่เอาเงินของฉันไปใช้หนี้”“แต่เราไม่ได้เป็นอะไรกัน คุณจะมาเสียเงินมากมายให้ฉันทำไม”เขาขยับนั่งพิงสะโ
เพราะกว่าที่จะข่มตาให้หลับลงได้ก็ครึ่งค่อนคืนไปแล้ว ไหนจะปัญหาที่ทำให้เธอเหนื่อยล้าทั้งกายและใจทำให้เธอตื่นสาย เมื่อมองหาคนที่นอนกกกอดเธอแนบอกด้วยพื้นที่คับแคบของเตียงก็พบเพียงความว่างเปล่า เขาคงออกจากห้องของเธอไปนานแล้วเพราะมีงานมีการให้ทำ ไม่ใช่คนตกงานอย่างเธอเมื่อนึกถึงปัญหาที่จะตามมาจากการตกงานก็ทำเอาเธอเด้งตัวลุกขึ้นแล้วรีบวิ่งเข้าไปอาบน้ำ ก่อนจะออกมาแต่งตัวด้วยชุดสุภาพเพื่อตระเวนออกหางานทำอีกครั้งแต่ยังไม่ทันที่เธอจะออกจากห้อง กันตาซึ่งได้ยินข่าวว่าเธอถูกไล่ออกด้วยโทษฐานที่อ่อยแฟนเจ้าของร้านก็โทรเข้ามาเสียก่อน“น้ำมนต์ แกเป็นไงบ้าง เรื่องมันเป็นยังไง”ณกมลถอนหายใจยาวแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง“แล้วแกได้ยินว่ายังไงล่ะ”“ก็ไอ้...นายโชคน่ะสิ ป่าวประกาศทั่วร้านว่าโดนแกแบล็กเมล พี่บีเลยไล่แกออก”“โดนไล่ออกน่ะเรื่องจริง แต่ไอ้เวรนั่นมันจะปล้ำฉัน ดีที่คุณปุณณ์เขาย้อนกลับมาเอาของที่ร้านเลยช่วยไว้ทัน ไม่งั้นฉันเสร็จมันแน่”“มันกล้าทำแบบนั้นได้ไงวะ พี่บีก็นอนอยู่บนร้านไม่ใช่เหรอ”“อืม พี่บีก็รู้ว่ามันจะปล้ำฉัน แต่พี่บีเลือกมัน เลยไล่ฉันออกแทน”“เฮ้ย ไล่ช่างอันดับหนึ่งของร้านออก แล้วเลือกไ
“ก็ใครใช้ให้คุณมาทำอะไรทุเรศ ๆ กับฉันล่ะ แล้วเป้าคุณ มันไม่รั้งหรอกนะ ถ้าคุณไม่หื่นแบบนี้ ฉันไม่แก้ให้คุณแล้ว ส่งงาน คุณเอากลับบ้านไปได้เลย แล้วก็ไม่ต้องกลับมาอีก”“นี่เธอ ฉันเป็นลูกค้านะ”“ลูกค้าแล้วยังไง ลูกค้าแล้วมีสิทธิ์มาไล่จูบช่างตัดเสื้อเหรอ เรื่องของเรามันจบไปเป็นสิบปีแล้วคุณปุณณ์ คุณช่วยปล่อยฉันไปตามทางของฉันได้ไหม”“ถ้าบอกว่าไม่ได้ล่ะ”ดวงตาคมกริบวาวโรจน์มองเธอนิ่ง ๆ มันฉายแววอำมหิตเสียจนเธอขนลุกซู่“แล้วคุณจะเอายังไง ฉันขอโทษคุณไปแล้ว ฉันเสียใจ แต่ฉันย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ถ้ากลับไปได้ฉันจะไม่ไปเดินเซ่อซ่าให้คุณขับรถเฉี่ยวตั้งแต่แรก”หยาดน้ำใส ๆ รื้นคลอหน่วย ทำเอาใจแกร่งกระตุกวูบ แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้นที่นึกสงสาร เพราะสิ่งที่เธอทำมันเลวร้ายเกินกว่าจะให้อภัย และเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายน่าสงสาร...ไม่ใช่เธอ“ทุกอย่างมันสายไปหมดแล้ว น้ำมนต์”คนตัวโตคว้าเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งเอาไว้ ก่อนจะผลุนผลันออกจากร้านไป ทิ้งไว้เพียงร่องรอยความเจ็บปวดจากอดีตที่ไม่มีวันจางหาย“โอ้โห เป็นแฟนเก่ากันเหรอเนี่ย”โชคชัยเดินปรบมือออกมาจากมุมมืดในสภาพไม่สวมเสื้อ เธอปาดน้ำตาลวก ๆ แล้วรีบเก็บของยัดลงก
“หายไปไหนของเขาวะ โทรก็ไม่ยอมรับสาย”ปัณณ์ ปัณณธี น้องชายคนสุดท้องผู้รับหน้าที่เป็นผู้จัดละครแทนพี่สาวซึ่งกำลังท้องแก่ใกล้คลอดบ่นเป็นหมีกินผึ้ง หลังจากที่กดโทรศัพท์หาพี่ชายเท่าไรก็ไม่มีคนรับสาย ทั้งที่ตอนนี้ถึงคิวเข้าฉากของเขาแล้วแต่ทีมงานต้องเปลี่ยนฉากถ่ายกันให้วุ่นเมื่อพระเอกนางเอกของเรื่องพร้อมใจกันหายตัวไปทั้งคู่ที่จริงเขาไม่ควรมาวุ่นวายในฐานะผู้จัดแล้วก็ได้ถ้าพระเอกละครเป็นคนอื่น ไม่ใช่พี่ชายผู้ซึ่งมีเพียงพี่สาวของเขาและผู้จัดการส่วนตัวเท่านั้นที่จะเอาอยู่ตอนนี้เขาควรได้เดินหน้าเปิดกล้องถ่ายทำละครเรื่องแรกที่เขารับหน้าที่เป็นผู้กำกับ แล้วค่อยหาเวลาว่างจากกองถ่ายโน้นเทียวมาดูที่กองถ่ายนี้เป็นครั้งคราวแต่ถ้าเขาไม่มา จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อทั้งกองถ่ายต่างเกรงใจพระเอกลูกชายเจ้าของบริษัททั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่ผู้กำกับหนุ่มมากฝีมือยังไม่กล้ากวนใจ แถมที่ซวยไปกว่านั้น เปิดกล้องถ่ายทำได้ไม่กี่วัน ผู้จัดการส่วนตัวของพี่ชายเขาก็คลอดก่อนกำหนดเสียก่อน เขาจึงต้องมาปากเปียกปากแฉะคอยตามพี่ชายตัวดีเข้าฉากอยู่แทบทุกวัน ไม่เป็นอันทำอะไรจนต้องเลื่อนการเปิดกล้องกองถ่ายของเขาออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนดใน
“สวัสดีค่ะ คุณปุณณ์”ณกมลตัดสินใจโทรหาดาราหนุ่มหลังจากที่เคลียร์คิวงานเก่าเสร็จแล้วเพื่อแจ้งวันเวลาที่เขาจะต้องเข้ามาลองสูทตัวใหม่ที่ตัดกับเธอ“ว่าไง”แค่เห็นชื่อของคนที่โทรมาโชว์หราอยู่บนหน้าจอ หัวใจแกร่งก็เต้นกระตุก แต่ยังพยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้“ฉันเคลียร์คิวงานหมดแล้วนะคะ ตอนนี้กำลังเริ่มทำชุดของคุณ วันศุกร์หน้าเข้ามาลองได้เลยค่ะ”“อืม ขอบใจ แต่ฉันคงเข้าไปค่ำหน่อยนะ พอดีติดอีเวนต์”“งั้นเลื่อนนัดเป็นวันอื่นดีไหมคะ”“ฉันไม่มีเวลาว่างสักวัน เป็นวันนั้นนั่นแหละ กลับบ้านดึกหน่อย ช่างดีเด่นอย่างเธอคงไม่เป็นไรใช่ไหม”“ค่ะ ฉันจะรอค่ะ”เขากดวางสายพร้อมเหยียดยิ้มมุมปาก ดวงตาคมกริบวาบขึ้น เธอหายไปหลายสัปดาห์จนเขาแทบลืมไปแล้ว เขาเองก็มัวแต่วุ่นวายกับการปิดกล้องละคร ไหนจะสั่งลากับพิมพ์พิศาจนแทบไม่ได้หลับได้นอนทั้งที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก แต่เด็กมันยั่ว ผู้ชายมีเลือดเนื้ออย่างเขาจะอดใจได้อย่างไรแต่ในเมื่อตอนนี้เธอเป็นฝ่ายมาเรียกเขาให้กลับไปหาเธอเอง แม้จะแค่ลองชุดก็ตาม แต่สาบานเลยว่าเธอจะต้องจุกจนพูดไม่ออก“เป็นอะไร ทำไมยิ้มอย่างนั้น”เสียงน้ำอ้อยดังขึ้
หลังจากที่ตัดพ้อชีวิตกับเพื่อนรักเสร็จ ทั้งคู่ก็กลับเข้าไปเก็บของเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน คนขยันหอบหิ้วถุงผ้าใบใหญ่ที่ในนั้นเต็มไปด้วยจ๊อบพิเศษคืองานปักปลอกหมอนซึ่งเธอเปิดช่องในโซเชียลเพื่อรับงานดวงตาคมกริบมองคนตัวบางที่หอบข้าวของพะรุงพะรังผ่านกระจกด้านหน้าของรถยนต์คันหรู ก่อนจะค่อย ๆ ออกตัวขับตามเธอไปอย่างช้า ๆ จนไปถึงป้ายรถเมล์ จึงจอดแอบมองเธอจากซอยเล็ก ๆ ข้างป้ายรถเมล์ป้ายนั้นเขาขับรถตามเธอไปห่าง ๆ จนถึงห้องเช่าขนาดเล็กที่ค่อนข้างทรุดโทรม ทางเข้าหน้าตึกไม่มีระบบความปลอดภัยใด ๆ ทั้งสิ้น เมื่อมองขึ้นไปบนตึกที่สูงเพียงห้าชั้น จะเห็นประตูห้องทุกห้องและระเบียงทางเดินหน้าห้องที่ใช้ร่วมกันทั้งชั้นหัวคิ้วเข้มขมวดมุ่น แม้เมื่อก่อนจะไม่รู้ว่าเธอเป็นลูกเต้าเหล่าใคร แต่รถยนต์ที่เธอขับ รวมถึงของใช้ทุกชิ้นเป็นแบรนด์เนม ก็ทำให้รู้ว่าเธอมีฐานะดีไม่น้อย แต่ทำไม คนที่ดูเหมือนมีฐานะดีคนนั้น ถึงไม่ได้มีรถยนต์ไว้ขับอีกต่อไป ของใช้รวมถึงเสื้อผ้าเป็นของตลาดนัดราคาถูก แถมยังมาอยู่ห้องเช่าซอมซ่อแบบนี้ได้หรือแท้จริงแล้ว เธอมีเสี่ยเลี้ยงมาตั้งแต่ก่อนที่จะคบหากับเขากันแน่ไม่นาน คนตัวบางที่หอบข้าวของพะรุงพะ
Comments