ตึกตัก!! ตึกตัก!!
หัวใจของฉันควบคุมไม่ได้เลย มันยังคงเต้นแรงตลอดแม้ว่าเราจะออกมาจากห้องกันแล้ว
ตอนนี้ฉันกำลังนั่งอยู่ในรถสปอร์ตคันหรู โดยที่มีพี่วินเป็นคนขับ และเรากำลังจะไปเดทด้วยการไปดูหนังด้วยกันเป็นครั้งแรก ซึ่งมันเป็นอะไรที่ฉันตื่นเต้นมากๆ
ฉันนั่งมองบรรยากาศข้างทางอย่างอารมณ์ดี แต่อยู่ๆ ในหัวของฉันก็ประมวลภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ขึ้นมาอย่างชัดเจน จูบที่ดูดดื่มกับสัมผัสที่เร่าร้อน ทำเอาร่างกายฉันร้อนวูบวาบขึ้นมาอีกครั้ง
บางทีฉันก็สงสัยและอยากรู้นะว่าอาการแบบนี้มันคืออะไร และมันก็เป็นสิ่งที่แปลกใหม่เพราะฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย
พี่วินเป็นผู้ชายคนแรกที่ทำหัวใจของฉันเต้นแรงตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ และฉันยังจำเหตุการณ์วันนั้นได้ดี วันที่พี่วินเดินเข้ามาขอเบอร์ฉันกลางผับแล้วถูกบอดี้การ์ดจับโยนออกไปจากโต๊ะ
นึกแล้วก็ขำ ไม่คิดเลยว่าวันนี้เราจะได้เป็นแฟนกันแล้วจริงๆ ฉันนั่งยิ้มคิดเรื่องราวเก่าๆ อย่างมีความสุข
“ถึงแล้วครับ” พี่วินหันมาบอกฉันด้วยท่าทางใส่ใจ และวันนี้พี่วินก็พาฉันมาดูหนังรอบสุดท้าย
“ค่ะ” ฉันหันไปยิ้มให้พี่วิน ก่อนจะก้มหน้าลงตรวจเช็กความเรียบร้อยของชุด
พี่วินเดินมาเปิดประตูรถให้ฉันอย่างสุภาพบุรุษ เขาใส่ใจแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ นับวันเขาก็ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกประทับใจในตัวเขามากขึ้น
ฉันเดินตามพี่วินเข้าไปข้างในด้วยหัวใจที่สั่นระรัว ฉันรู้สึกตื่นเต้นและมีความสุขในเวลาเดียวกันที่ได้อยู่ใกล้พี่วิน
“พี่วิน!!”
ระหว่างทางเดินก็มีเสียงผู้หญิงเรียกชื่อพี่วินขึ้นมา ฉันรีบหันไปมองตามต้นเสียงก่อนจะเห็นผู้หญิงหน้าตาสวยกำลังเดินตรงเข้ามาหาพี่วิน
“ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะคะ” ผู้หญิงคนเดิมยังคงทักทายด้วยความสนิทสนมราวกับรู้จักพี่วินมานาน ฉันได้แต่ยืนมองด้วยความสงสัย
“ช่วงนี้พี่ไม่ค่อยว่าง ต้องอยู่กับแฟนครับ”
คำตอบของพี่วินทำเอาหัวใจของฉันเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาด้วยความเขินอาย
“น่าอิจฉาแฟนพี่วินจังเลยนะคะ” ผู้หญิงคนเดิมยังคงพูดออกมา ฉันได้แต่ยิ้มบางๆ ให้แทนคำตอบ
“ใครได้เป็นแฟนพี่ก็ต้องโชคดีแบบนี้แหละ” พี่วินตอบพร้อมกับยื่นมือหนามาโอบเอวฉันเอาไว้แน่น
“ขอให้รักกันนานๆ นะคะ”
“ขอบคุณค่ะ” ฉันตอบไปพร้อมรอยยิ้มที่ไร้เดียงสา เพราะคิดว่าผู้หญิงคนนี้คงจะหวังดีจริงๆ
“พี่ขอตัวพาแฟนไปดูหนังก่อนนะ”
“ค่ะ”
มือหนาก็เลื่อนมาจับที่มือของฉัน แล้วพาฉันเดินออกไปจากผู้หญิงคนนั้นทันที พี่วินดูแลเอาใจใส่ฉันเป็นอย่างดี จนกระทั่งเข้าไปดูหนังด้วยกัน และวันนี้พี่วินก็เหมาโรงหนังทั้งหมดเพื่อที่จะได้ดูหนังกันสองต่อสองกับบรรยากาศที่แสนจะโรแมนติก
ตลอดทั้งการดูหนังพี่วินก็จับมือฉันบ้าง ซบที่ไหล่ฉันบ้างตามโอกาส แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลย พอถึงฉากเลิฟซีนในหนังที่พระเอกกับนางเอกกำลังทำกิจกรรมบนเตียงกันอย่างเร่าร้อน ฉันก็เกิดอาการประหม่าขึ้นมา
“เคยทำแบบนั้นเหรอครับ” อยู่ๆ พี่วินก็ถามมาแบบตรงๆ ฉันถึงกับหน้าแดงขึ้นมาทันที
“ปะ เปล่าค่ะ” ฉันอ้ำอึ้งก่อนจะตอบไป
“ทำไมหนูดูเขินๆ” พี่วินยังคงถามต่อ ซึ่งเป็นคำถามที่ฉันไม่รู้เลยว่าจะต้องตอบยังไงดี
“พี่ขอเป็นคนแรกที่ทำแบบนั้นได้ไหม” ใบหน้าหล่อๆ จ้องมองมาที่ฉันอย่างรอฟังคำตอบ
ตึกตัก!! ตึกตัก!!
หัวใจฉันเต้นแรงและรัวจนแทบจะหลุดออกมานอกอก ทำไมพี่วินถึงเป็นคนที่ทำหัวใจฉันเต้นแรงได้ตลอดเวลา ถ้าฉันเป็นโรคหัวใจ คงได้หัวใจวายวันละหลายๆ รอบแน่
ฉันยังไม่ทันได้พูดอะไร พี่วินก็ขยับหน้าเข้ามาใกล้ๆ ฉันรีบหลับตาลงด้วยความเขินอาย ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศรอบตัวหรือเสียงเพลงในหนังต่างก็เป็นใจไปหมด
ครืด~ ครืด~
พี่วินกำลังจะจูบฉันอยู่แล้ว แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ นี่ฉันต้องดีใจหรือเสียใจกันแน่เนี่ย
มือหนาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก่อนจะหันโทรศัพท์มาให้ฉันดูเพื่อความบริสุทธิ์ใจ และหน้าจอก็เป็นชื่อเพื่อนสนิทในกลุ่มของพี่วิน
“ทำไมไม่รับสายล่ะคะ” ฉันถามขึ้นทันที เมื่อเห็นพี่วินกดตัดสายเพื่อนสนิทไปอย่างไร้เยื่อใย
“หนูสำคัญกว่าครับ”
คำตอบของพี่วินทำเอาฉันเขินจนแทบจะตัวลอยขึ้นไปอยู่แล้ว
..
ฝากคอมเมนท์เป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะ
หนึ่งเดือนต่อมากวินเริ่มอาการดีขึ้นทุกวัน แผลที่เคยเจ็บก็เริ่มหายเหลือเพียงรอยแผลเป็นที่ยังคงอยู่วันนี้เป็นวันที่พิพลอยจะเดินทางไปเรียนต่อที่ต่างประเทศตอนแรกกวินตั้งใจที่จะไปพร้อมเธอ แต่เอกสารบางอย่างของเขายังไม่เรียบร้อย การเดินทางของเขาจึงต้องเลื่อนออกไปชายหนุ่มกับครอบครัวมายืนรอพิพลอยที่สนามบินเพื่อรอเวลาที่เธอและครอบครัวจะมาถึง ทุกคนตั้งใจที่จะมาส่งเธอในการเดินทางครั้งนี้“นั่นไง หนูพลอยมานู้นแล้ว” คุณแม่ของกวินทักขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวและครอบครัวกำลังเดินมากวินตั้งใจที่จะใช้โอกาสนี้ขอโทษและขอขมาครอบครัวของพิพลอยที่เขาเคยทำไม่ดีและคำเธอเสียใจมาก่อนทันทีที่ครอบครัวของพิพลอยเดินเข้ามา ร่างสูงก็นั่งคุกเข่าลงกลางสนามบินที่มีผู้คนมากมายต่างจ้องมองมาที่พวกเขามือหนาพนมมือขึ้นไหว้ก่อนจะก้มลงกราบขอโทษคุณพ่อกับคุณแม่ของหญิงสาวที่เขาเคยทำไม่ดีกับเธอจนทำให้ครอบครัวของเธอไม่ชอบเขา“ผมขอโทษสำหรับทุกอย่างนะครับ” กวินพูดเข้าเรื่องทันที“ผมขอโทษที่เคยทำให้พิพลอยต้องเสียใจและตอนนี้ผมก็รู้แล้วว่าผมรักพิพลอยมาก ผมอยากจะขอโอกาสดูแลพิพลอยครับ” มือหนายังคงไหว้เพื่อขอโอกาสจากครอบครัวของพิพลอย“มั่นใจ
สามวันต่อมาพิพลอยมาอยู่ดูแลกวินทุกวันถึงแม้ว่าจะมีพยาบาลพิเศษที่จ้างมาดูแลอยู่แล้วก็ตาม เธอก็ยังอยากจะดูแลเขาให้ดีที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ถึงแม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมาถึงสองวันแล้ว แต่กวินก็ยังคงนอนนิ่งและไม่มีท่าทีว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาเลยสักนิดพิพลอยทำได้เพียงไหว้พระขอพรและภาวนาขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยให้กวินฟื้นขึ้นมา โชคดีที่คุณพ่อกับคุณแม่อนุญาตให้เธออยู่ดูแลชายหนุ่มจนกว่าเขาจะฟื้นและอาการดีขึ้น โดยมีข้อแม้ว่าถ้าหากเขาฟื้นขึ้นมาเธอจะต้องไปเรียนต่อต่างประเทศทันทีหญิงสาวจับมือชายหนุ่มมากุมเอาไว้อย่างอ่อนโยน ความรักและความเป็นห่วงที่เธอมีให้เขามันมากมายอย่างที่เธอไม่เคยมอบให้ใครมาก่อนแววตาที่เต็มไปด้วยความเศร้ามองชายหนุ่มที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง แต่เธอก็ยังมีความหวังว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาอาการของกวินตอนนี้ยังคงทรงตัวไม่ได้มีอาการอะไรแทรกซ้อน ร่างกายไม่ได้แย่ลงแต่ก็ยังไม่ดีขึ้นทางคุณหมอก็ยังให้คำตอบไม่ได้เลยว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาตอนไหน บางอย่างอาจจะต้องใช้เวลาและปาฏิหาริย์เข้าช่วย“ขอบใจหนูพลอยมากนะที่มาดูแลตาวินทุกวันเลย” คุณแม่ของกวินรักและเอ็นดูพิพลอยตั้งแค่ครั้งแรกที่เจอเธอ“ไม่เป็นไรค่ะ หนูเต
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนที่พิพลอยนอนอยู่บนเตียงกว้าง เพราะก่อนที่เพชรจะออกไปเขาได้อุ้มน้องสาวไปส่งที่ห้องนอนของเธอก่อนแล้วคุณแม่คอยดูแลพิพลอยอยู่ไม่ห่างด้วยความเป็นห่วงที่อยู่ๆ ลูกสาวก็เป็นลมไปแบบนี้ ทั้งที่เธอก็แข็งแรงและไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนผ่านไปสักพักมือบางก็ค่อยๆ ขยับและลืมตาตื่นขึ้นมามองเห็นคุณแม่นั่งอยู่ไม่ไกลพร้อมรอยยิ้มที่กำลังมองมาที่เธอ“หนูฟื้นแล้วเหรอลูก” คุณแม่ถามด้วยความเป็นห่วงปนดีใจที่ลูกสาวฟื้นขึ้นมาสักทีพิพลอยนั่งนิ่งและตั้งสติอยู่สักพัก ในหัวกำลังประมวลภาพเหตุการณ์และเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าร่างบางไม่ตอบคุณแม่แต่อย่างใด ใบหน้าสวยแสดงออกถึงท่าทางตกใจ เธอรีบลุกขึ้นยืนและตั้งท่าจะเดินออกจากห้องไปทันที โชคดีที่คุณแม่คว้ามือลูกสาวเอาไว้ทัน“หนูจะไปไหน” คุณแม่ถามด้วยความสงสัยทันทีที่เห็นท่าทางของลูกสาว“หนูจะออกไปช่วยพี่วินค่ะ” พิพลอยตอบไปตามตรงและตอนนี้เธอก็เป็นห่วงเขามาก เธอไม่รู้เลยว่าเธอเป็นลมไปนานแค่ไหนและตอนนี้ชายหนุ่มจะเป็นยังไงบ้าง“คุณพ่อกับตาเพชรออกไปจัดการให้แล้ว หนูรอฟังข่าวอยู่ที่บ้านกับแม่นะ” คุณแม่จับมือลูกสาวเอาไว้แน่น“หนูขอออกไปได้ไหม
หลายวันต่อมาถึงกวินสัญญาว่าจะตามพิพลอยไป แต่เธอก็ยังคงเศร้าเพราะคุณพ่อกับคุณแม่ยืนยันว่าจะให้เธอเดินทางในเร็วๆ นี้เรื่องราวทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนเธอไม่ทันตั้งตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเอกสารต่างๆ ก็ดูเตรียมพร้อมไปหมดทุกอย่าง แต่มีอย่างเดียวที่ไม่พร้อมก็คือตัวเธอเองพิพลอยมักจะถือโทรศัพท์ติดตัวตลอดและมักจะค้างสายของกวินเอาไว้ ไม่ว่าเธอจะทำอะไรหรือพูดคุยกับใครกวินก็ได้ยินและรู้เรื่องไปกับเธอด้วย“ผมจัดการเรื่องที่เรียนให้เรียบร้อยแล้วนะครับ”หลังจากที่ทานอาหารเย็นด้วยกันเสร็จเพชรก็พูดเข้าประเด็นที่กำลังสำคัญที่สุดในตอนนี้กวินที่อยู่ในสายพอได้ยินก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาทันที ตอนนี้เขาอยากจะรู้จริงๆ ว่าครอบครัวของพิพลอยกำลังคิดจะทำอะไรอยู่ แต่เขาก็ไม่อาจทนนิ่งเฉยได้อีกต่อไป เวลานี้เขาคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วพิพลอยนั่งนิ่บมองหน้าพี่ชายด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยถูกบังคับหรือกดดันเท่านี้มาก่อนทั้งๆ ที่ทุกคนก็รู้ว่าเธอไม่อยากไป แต่ทำไมทุกคนถึงไม่ฟังความต้องการและความรู้สึกของเธอเลยสักนิด ทำไมทุกคนถึงอยากให้เธอไปอยู่ไกลขนาดนี้“หนูขอตัวก่อนนะคะ”พิพลอยไม่อยากรับรู้
หนึ่งเดือนต่อมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพิพลอยยังคงเรียนอยู่ที่บ้านเหมือนเดิมไม่ได้ออกไปไหน และโทรคุยกับกวินแทบจะตลอดเวลาความสัมพันธ์ของพิพลอยกับกวินก็เริ่มพัฒนาในทางที่ดีขึ้นอีกครั้ง ดีจนพิพลอยอยากจะกลับไปใช้ชีวิตที่คอนโดเหมือนเดิมแต่เธอก็ยังไม่กล้าพอที่จะขอคุณพ่อกับคุณแม่ตั้งแต่ที่เธอสัญญาว่าจะขอไปเป็นกำลังใจที่ศาลวันนั้น เธอก็ไม่กล้าที่จะขออะไรอีกเลย ส่วนทางด้านกวินก็เข้าใจพิพลอยมากขึ้น ไม่บังคับและไม่เอาแต่ใจตัวเองเหมือนเมื่อก่อนกวินเฝ้ารอและอดทนเจอพิพลอยแค่สัปดาห์ละครั้งในตอนที่เธอออกไปร้านนวดกับคุณแม่ และเธอก็แอบออกมาเจอเขาทุกครั้งทว่าอาทิตย์นี้คุณแม่ของพิพลอยติดธุระกับญาติๆ เธอก็เลยไม่ได้ออกจากบ้านและไม่ได้ไปหากวินเหมือนทุกครั้งแค่เจอกันอาทิตย์ละครั้งก็นานพอแล้ว แต่อาทิตย์กลับไม่ได้เจอ ทำเอากวินคิดถึงพิพลอยจนแทบบ้า ชีวิตเขาเปลี่ยนไปเป็นอย่างมากตั้งแต่รู้ใจตัวเองว่ารักพิพลอยจริงๆยิ่งตอนที่เขาสู้คดีก็ยิ่งทำให้เขารู้และมั่นใจว่าพิพลอยนั้นรักเขามากแค่ไหน“วันนี้มึงมีนัดกับพิพลอยไม่ใช่เหรอวะ” ไทเกอร์ถามขึ้นมาเพราะจำได้ว่าวันนี้กวินต้องไปหาพิพลอย“นั่นดิวะ แล้วมึงมานั่งเศร้าทำไม”
ช่วงค่ำของวันพิพลอยนั่งเขี่ยอาหารในจานของตัวเองไปมา ตอนนี้ในหัวของเธอมีคำถามมากมายเต็มไปหมด วันนี้ทั้งกวินก็ไม่โทรมาหาเธอและตอนนี้พี่ชายของเธอก็กำลังทานอาหารและคุยเรื่องงานกับคุณพ่อโดยไม่มีท่าทีว่าการสนทนาในครั้งนี้จะจบลงง่ายๆใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงกว่าพี่ชายของเธอจะเดินขึ้นห้องทำงาน พิพลอยใช้โอกาสนี้เดินตามพี่ชายไปทันที“พี่เพชร”“มีอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามน้ำเสียงนิ่งเรียบ สายตายังคงจ้องมองเอกสารที่อยู่ตรงหน้า“เรื่องคดีเป็นยังไงบ้างคะ” หญิงสาวไม่รีรอรีบถามเข้าเรื่องที่อยากรู้ทันที“พี่เข้าไปดูให้แล้ว”“แล้วพี่วินมีโอกาสรอดกี่เปอร์เซ็นต์คะ” คำถามเดียวที่พิพลอยอยากจะรู้ในตอนนี้“เก้าสิบเปอร์เซ็นต์”คำตอบของเพชรทำเอาหญิงสาวยิ้มกว้างพร้อมกับวิ่งเข้าไปกอดพี่ชายเอาไว้แน่นด้วยความดีใจ“ถ้าพยานไม่กลับคำให้การในชั้นศาลนะ”ทว่าประโยคต่อมาทำให้พิพลอยถึงกับหุบยิ้มทันที“หมายความว่ายังไงคะ” ใบหน้าสวยขมวดคิ้วถามพี่ชายด้วยความสงสัย“ถ้าไม่มีใครไปข่มขู่หรือทำอะไรพยายาน แล้วเล่าตามที่เล่าวันนี้ หมอนั่นรอดแน่นอน” เพชรอธิบายให้น้องสาวฟัง“พี่ช่วยให้คนของเราไปดูแลความปลอดภัยให้พยานได้ไหมคะ” พิพลอ