“แล้วแกจะโมโหทำไมอ่ะ?”
“...คิดดูนะ ฉันชนเขาก็จริงแต่ฉันก็ขอโทษแล้วไง แล้วดูเขาทำดิมาขึ้นเสียงใส่ฉันปาวๆ หงุดหงิดไรมาก็ไม่ควรพาลคนอื่นป่ะ!”
“เออน่า ช่างเขาเถอะ” ฝนบอกพลางตบไหล่ฉันเบาๆ”เราไปกินน้ำแข็งไสกันดีกว่า”
“...อืม” จริงๆก็ไม่ได้สนใจอะไรเขานักหรอกแต่มันก็แค่แครงใจไง ฉันว่าฉันก็เป็นที่รู้จักของคนหมู่มากอยู่ระดับนึงนะ แล้วการที่ฉันโดนใส่อารมณ์จากเขามันก็ทำให้ฉันรู้สึกว่าแบบ เห้ย! นี่นายไม่รู้จักฉันจริงๆนะเหรอถึงได้มาขึ้นเสียงใส่ฉันแบบนี้! แค่คิดก็หงุดหงิดแล้วอ่ะ! จิ๊!
“เอาน่าๆๆ ใจร่มๆ คิ้วขมวดไม่สวยนะคะ~ เชิดๆสวยๆเข้าไว้^^”
“.....”
“ไปเถอะ”
“...อื้ม” ฉันถอนหายใจแล้วส่ายหัว ไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะมาคิดเล็กคิดน้อยกับคนแบบนี้ เลิกคิดแล้วกับมาสนใจอาการตัวเองดีกว่า.. เมื่อกี้ตอนเถียงกับหมอนั่นใจไม่เต้นแรงแฮะ... ถือว่าเป็นสัญญาณดี ค่อยเป็นค่อยไป ฉันอยากหายเต็มทีแล้วววว><
หลายอาทิตย์ผ่านไป
@double s pub
“..กะ แก ฉันเปลี่ยนใจได้ไหมว่ะ:(“
“นี่ ถ้าแกอยากหายแกต้องเดินเข้าหาปัญหาดิ ไม่ใช่เดินหนีมันแบบนี้ แบบนี้ต่อให้แกแก่ตายโรคแกก็รักษาไม่หายหรอกเชื่อฉัน!”
“...ถ้า ถ้าฉันหัวใจวายตายขึ้นมาทำไงละย่ะ คิดถึงข้อนี้หน่อยไหมยัยเพื่อนบ้า!” เชื่อไหมตั้งแต่กลับมาเรียน ยัยฝนนี่สรรหาวิธีทำให้ฉันหายจากโรคบ้าๆนี่ให้ได้เพียงข้ามวัน... มันจะเป็นไปได้ยังไงฉันเป็นโรคนี้มาเป็นสิบสิบปีรักษามาตั้งกี่ปียังดีแค่อาการมันลดทอนลงก็แค่นั้นอะ
“แกไม่ตายเพราะโรคบ้าๆนี่หรอกน่า”
“แกไม่เป็นฉันแกก็พูดได้ดิ! ในนั้นมีแต่ผู้ชาย เบียดเสียดกันไปหมด แค่ก้าวขาเข้าไปฉันก็ตายคาประตูแล้วเถอะ!” ...จริงๆก็ไม่ขนาดนั้นนะ แค่พูดเว่อร์ๆให้ยัยฝนมันล้มเลิกความคิดนี้สักที ฉันเข้าใกล้ผู้ชายได้แต่ไม่มาก แต่ถึงใกล้มากก็ไม่ได้ใจเต้นแรงกับทุกคนเสมอไป แต่เอาเป็นว่าฉันไม่ปกติเหมือนคนอื่นเขาแต่ก็เหมือนปกติอยู่นะ.. เอ๊ะ เข้าใจที่ฉันบอกป่ะ
“ไม่เป็นไร โรงพยาบาลอยู่ใกล้แค่นี้” พูดจบมันก็คว้ามือฉันลากเข้าไปยืนอยู่หน้าประตูผับทันที งื้มมมม ไม่อยากเข้าไปไงไอ้เพื่อนบ้าาาาา! นี่ถ้ามันไม่บุกถึงห้องฉันแล้วจับฉันแต่งตัวชนิดที่ถ้าฉันไม่ถอดชุดเองมันก็จับฉันถอดอ่ะ!
“เร็ว ขืนชักช้ากว่านี้คนจะเยอะ”
“...แก ฉันไม่อยะ..!”
“เรื่องเยอะจริง!”
“อะ..ไอ้ฝนนนนนนน!” มันไม่ฟังฉันแล้วลากฉันเข้าผับไปทันที เสียงดนตรีดังสนั่นแสงสีในนี้ให้ความรู้สึกว่าเหมือนหลุดมาอยู่อีกโลก โชคดีที่คนไม่เยอะมากขนาดนั้นอาจเพราะยัยฝนลากฉันมาตั้งแต่หัวค่ำแบบนี้ ไม่มีทางเลือกแล้วสินะ... เอาก็เอาว่ะ! อย่างน้อยมันก็ไม่น่าจะมีคนที่ทำให้ฉันหัวใจเต้นแรงจนหัวใจวายตายหรอกน่า... เห็นเป็นแบบนี้โรคฉันก็เลือกคนนะจ๊ะ!
🎶🎶🎶🎶~
“นี่ไอ้แซมไม่มาด้วยไงเนี่ย”
“เดี๋ยวมาแหละ” ฝนละเง้อมองหาอะไรสักอย่าง แล้วก็มีเสียงที่สามดังขึ้นจากทางด้านหลังของพวกฉัน พอฉันหันกลับไป...เท่านั้นแหละ...
“มาช่วยเขาเปิดร้านหรือไง”
ตึกๆ ตึกๆ~ หัวใจเต้นแรงจนฉันรู้สึกว่าฉันเริ่มออกอาการ ฉันพยายามนิ่งแล้วข่มมัน ส่วนฝนมองมาที่ฉันก่อนจะหันไปยิ้มให้กับผู้ชายร่างสูงตรงหน้า ยัยนี่ไปรู้จักเขาคนนี้ตั้งแต่ตอนไหนกัน
“แฮร่~ พี่มาก็ดีเลย ช่วยหาโต๊ะให้หน่อยสิ เอาแบบที่มันไม่อึดอัด ไม่เบียด แล้วก็ผู้ชายแตะตัวไม่ได้อะ”
“อยู่ห้องดีกว่าแบบนั้นนะ นี่ผับนะ ไม่ใช่ห้องนั่งสมาธิ ไม่มีแบบที่เธอต้องการหรอก” ชายคนนี้คัยกับนัยฝนราวกับรู้จักกันดี เบาหันมายิ้มให้ฉันบางๆแล้วมองไปรอบๆสถานที่
“โด่~ เป็นเพื่อนเจ้าของผับแท้ๆ ไม่เห็นจะช่วยอะไรได้เลย”
“เป็นเพื่อนเจ้าของ แต่ไม่ใช่เจ้าของ อย่าลืมดิ” อีกฝ่ายยื่นมือมาเขกมะเงกยัยฝนก่อนจะเอามือไปล้วงกระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม
“เปิดวีไอพีละกัน”
“โห้ แพง ไม่เอาอะ”
“พี่เลี้ยงเอง.. โอเคไหม” เขาตอบก่อนจะหันไปหาพนักงานที่ใกล้ที่สุด เขาคุยกันพึมพำๆแล้วส่งสัญญาณให้พวกฉันเดินตามเขาไป
“...นี่ รู้จักคนหล่อๆแบบนี้กับเขาด้วยหรือไง”
“เอ้า! แกมีสิทธิรู้จักคนหล่อคนเดียวหรือไงย่ะ ฉันก็สวยนะอย่าลืมสิ~^^”
“ย่ะ~” ฉันเดินตามหลังยัยฝนขึ้นมาถึงโซนวีไอพี
“ตามสบายเลย”
“มันก็ต้องเป็นแบบนั้นแหละค่ะ” ยัยฝนตอบชายคนนั้นแล้วแนะนำฉันให้รู้จักกับเขา ให้ตายดิแค่สบตาใจก็เต้นแล้วอ่ะ สายตามีเสน่ห์มากกกก
“แล้วนี่น้องไม่กินไรหน่อยเหรอ”
“...เอ่อ กะ..กินค่ะ^^”
“นี่ ตอนนี้แกเหมือนคนเป็นง่อยมาก” ฝนเข้ามากระซิบข้างหูฉันแล้วหันไปหัวเราะกับชายตรงหน้า
“ลองนี่ อันนี้อร่อย ไม่แรงด้วย”
“...ค่ะ” ฉันรับแก้วคอกเทลที่เขียวน้ำทะเลมาวางตรงหน้าโดยที่ยังไม่ยกขึ้นมาจิบ
“เห้ย กินได้ ไม่วางยาหรอกน่า”
“...เปล่านะคะ ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น ฉันคะ..!”
“ยัยนี้สายเหล้าพี่ฌอหน์ คอกเทลเบาๆมันไม่กินหรอก ไม่สะติดต่อมมัน^^”
“ไอ้ฝน!”
“เอ้าเหรอ^^ โทษทีๆเปลี่ยนเลยละกัน” เขานั่งกึ่งขำฮาๆแล้วทำท่าจะหยิบแก้วคอกเทลคืนไป
“ไม่เป็นไรค่ะ! อันนี้แหละค่ะ” แล้วฉันก็หันไปส่งสายตาอาฆาตใส่ยัยฝนที่นั่งยิ้มแป้น สะใจมันละได้แกล้งฉันแบบนี้
“แล้วมาที่แบบนี้ แฟนไม่ว่าหรือไง” พี่ฌอหน์เอ่ยถามหลังจากวางแก้วบรั่นดีสีสวยลงกับโต๊ะ
“..พาส ไม่มีแฟนหรอกค่ะ^^”
“เหรอ”
“โอ๊ย ยัยนี่มันป่วยโรคแปลกประหลาดนะพี่ มันก็เลยไม่กล้ามีผู้ชายหรอก”
“ป่วย?”
“...ค่ะ แต่ไม่ใช่โรคร้ายแรงอะไรหรอก แค่พาสไม่กล้าเอง”
“...แล้วป่วยเป็นอะไร บอกได้ไหม” ฉันพยักหน้า
“Heartbeat Syndrome เป็นโรคอยู่ใกล้ผู้ชายแล้ว... หัวใจมันจะเต้นแรง นะคะ”
“อ่าาา~” อีกฝ่ายพยักหน้าแล้วอยู่ๆเขาก็หันมาสบตาฉันยิ้มๆจนฉันเลิ่กลั่ก
“แล้วตอนนี้ พี่ทำให้เราใจเต้นแรงหรือเปล่า”
“......” >////< อยากจะตอบว่ามากกกกกกกกกก ยาวไปถึงเชียงใหม่ ไม่ได้ ไม่ได้...
“ก็.. นิดหน่อย^^*”
“เชื่อหนูเถอะ พี่เข้าใกล้มันกว่านี้ยัยนี่เป็นลมแน่”
“ฝน!”
“^^”
“..แฮร่~” ฉันได้แต่หัวเราะแห้งๆแล้วหยิกยัยฝนจนตัวเบี้ยว โชคดีที่เหมือนพี่ฌอหน์เขาไม่ใช่พวกอันตรายแบบนั้น เขาน่าจะแค่แกล้งฉันมากกว่าที่เห็นฉันเป็นแบบนี้ แต่ปล่อยเรื่องพี่ฌอหน์ก่อนตอนนี้ฉันอยากจะหาอะไรมาพันปากยัยเพื่อนตัวดีนี่จริงๆ!
—————
ฮ่าๆมีวิธีการรักษายังไงนะฝน อยากรู้^^อิอิ😂
Special Part (END)#CHAหลายปีต่อมา...“..พี่เพรส แม่อยู่ไหน~ ฮึก~”“ไม่ร้องน่า แม่ไม่สบายให้แม่นอนก่อนเถอะ”“..แต่ว่าหนู~”“ดึกขนาดนี้ทำไมไม่นอนกันเนี่ย” ผมเดินเข้ามาในห้องของเด็กๆ เพรสที่โตได้อายุ7ปี กับพริ้นท์ลูกคนเล็กของเราที่อายุ3ปี ทั้งสองคนยังไม่นอนแถมพริ้นท์ยังนั่งน้ำตาคลอปากบู้บี้“พ่อออ~ หนูอยากนอนกับแม่ ฮึก~”“อ่า แม่ไม่สบายนะลูก ให้แม่หายก่อนเนอะค่อยกลับไปนอนกับแม่^^”“T~T”“ผมพูดแบบนี้เป็นร้อยครั้งแล้วฮะพ่อ แต่น้องก็เอาแต่นั่งทำหน้าแบบนี้อ่ะ” ผมมองพริ้นท์ที่ใกล้จะร้องไห้เต็มทีจนต้องเดินเข้าไปหา เป็นอาทิตย์แล้วที่พาสไม่สบายผมเลยต้องรับหน้าที่ดูแลสองแสบนี่เต็มๆ ส่วนพาสผมให้นอนพักอยู่ที่ห้องแล้วพาสองแสบนี่มานอนกับผมที่อีกห้องนึงเพราะจะได้ไม่ติดไข้กัน“อย่าดื้อสิค่ะ อยู่กับพ่อแทนเนอะ”“...ฮึก~ แต่หนูคิดถึงแม่ แม่ไม่สบาย ไม่มีใครเล่านิทานให้หนูฟังก่อนนอนเลย ฮึก~” พริ้นท์ขยี้ตาไปมาเอาเป็นว่าผมรู้ว่าพริ้นท์คงง่วงนอนแต่คงนอนไม่หลับ เพราะปกติพาสเป็นคนพาพริ้นท์นอนทุกคืนแล้วยังเล่านิทานให้ฟังก่อนนอน พอมาอยู่กับผมที่ไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับลูกเลยไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดตรงนั้น ซึ่งมันก็ทำให
Special partหลายปีต่อมา.....#CHAฟึ่บ~ ฟึ่บ~ผมนั่งเรียงรูปที่ไปถ่ายเมื่ออาทิตย์ก่อนตอนพวกเราไปภูทับเบิก มันไม่น่าเชื่อว่าผมจะมาอยู่ในจุดนี้ จุดที่ต้องกลายเป็นคนใจเย็น เป็นสามีที่ตามใจภรรยาและเป็นพ่อที่!!“พ่ออออออ!!! พ่อสอนการบ้านผมผิดตั้งหลายข้อนะ!”!! เอ่อ... เป็นพ่อที่สอนการบ้านลูก..ไม่ค่อยจะถูก - -*“..อีกแล้วเหรอ - -*”“ก็ใช่นะสิ นี่สมัยเรียนพ่อไม่ได้ตั้งใจเรียนสิท่า”“โธ่ มันก็นานแล้วไง พ่อก็หลงๆลืมๆบ้างสิ”“แล้วทำไมแม่ไม่เคยสอนผิดเลยล่ะ! นี่ถ้าแม่อยู่สอนการบ้านผมนะ ผมได้ที่หนึ่งของห้องไปแล้วล่ะครับ!” ผมปิดอัลบั้มรูปแล้วเอาการบ้านที่ผมสอนผิดของลูก.. ลืมบอก เราได้ลูกชายเลยตั้งชื่อให้ว่า ‘เพรส’ ไม่มีความหมายของชื่อ แค่อยากจะได้ชื่อคนที่เขาไม่ค่อยแต่งกันแค่นั้น“เดี๋ยวแม่ก็กลัวมาแล้วน่า~” ผมก้มมองนาฬิกาข้อมือตัวเอง พาสบินกลับไปที่เชียงใหม่เพื่อไปร่วมงานแต่งและแสดงความยินดีกับคุณหมอที่รักษาโรคของเธอมาตั้งแต่เริ่ม นี่ก็ได้เวลาน่าจะถึงบ้านแล้วนิ... ทำไมป่านนี้ยังไม่ถึง?“ผมจะไม่เชื่อพ่อแล้ว;(““โธ่ พ่อสัญญาคราวหน้าไม่ผิดแน่นอน^^”“..แต่ผมไม่อยากเชื่อพ่อแล้วนิ~..~”แอ๊ดดดด~ ระหว่างท
หลายเดือนต่อมา...หลังจากที่เรารู้ว่ากำลังจะมีอีกหนึ่งชีวิตเกิดขึ้นมา ชาก็จัดการทุกอย่างเสร็จสรรพ เขาเคลียร์เรื่องเรียนที่เราต้องดรอป แล้วจัดการอะไรต่อมิอะไรอีกหลายอย่างจนฉันเองไม่ต้องทำอะไร นอกจากนอน นอน แล้วก็นอน บางทีมันก็เบื่ออะ อยากออกไปข้างนอกบ้างนี่ฉันอยู่แต่ที่คอนโด อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมๆถ้าชาไม่กลับมาจะทำธุระนั่นนี่ฉันก็เหมือนหมาเหงาที่คอยเฝ้าบ้านอ่ะ ฉันอยากไปเที่ยววววว>~แอ๊ดดด~ เสียงเปิดประตูดังขึ้นเหมือนทุกทีและแน่นอนไม่มีอะไรตื่นเต้นเหมือนทุกครั้งนอกจากถุงขนมพะรุงพะรังที่ชาหิ้วมา“ยังไม่นอนเหรอ”“.....”“เป็นอะไร?” ชาวางถุงในมือลงที่โซฟาแล้วเดินมาหาฉันที่เตียง“...ฉันเบื่อ”“เบื่อ? เบื่ออะไร”“..ฉันได้แต่อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมของนายอะ ฉันอยากออกไปนั่นนี่นายก็ไม่ให้ฉันไป;(““อย่างอแงสิ ก็ท้องเริ่มใหญ่แล้วจะเดินจะทำอะไรก็ต้องระวัง”“จะตอนท้องใหญ่ไม่ใหญ่นายก็ให้ฉันอยู่แต่ห้องอะ... ทุกวันนี้ฉันจะคุยกับเพดานห้องนายแล้วนะ” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ชากลับหัวเราะแล้วเขยิบตัวมานั่งข้างๆฉัน“โอเคๆ^^ อยากไปไหนบอกมาเลย”“...จริงนะ ถ้านายหลอกฉันโกรธจริงด้วย”“จริง อยากไปไหนล่ะ” ฉันนั่งคิดอยู
.....กลิ่นแบบนี้ ไม่ชอบเลย... มันเป็นกลิ่นที่ฉันไม่เคยหนีมันพ้นสักครั้ง....กลิ่นโรงพยาบาล เอ๊ะ!O..o!! ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลจริงๆด้วย ครั้งสุดท้ายที่จำได้คือ.. ฉันเหมือนจะหน้ามืดแล้วทุกอย่างก็ดับวูบไปรู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู่ที่นี่แล้ว.ฉันมองไปรอบๆห้องก่อนจะเจอชานอนอยู่ที่โซฟา ฉันค่อยๆดันตัวขึ้น ยังคงมีอาการหน้ามืดนั่นอยู่หน่อยๆกึก~ เสียงขยับตัวทำให้เตียงส่งเสียงและมันคงไวต่อประสาทสัมผัสของชามาก ชาเลยตื่นขึ้นพอเขาเห็นฉันเขาก็รีบเข้ามาหาทันที“ทำไมไม่เรียกล่ะ”“..ฉันเห็นนายนอนอยู่ เลยไม่อยากกวนนะ”“ระวังๆสิ” ชาค่อยๆประคองฉันให้นั่งพิงหัวเตียง เขาดูเป็นห่วงฉันเหมือนฉันเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายยังไงยังงั้นเลย“ฉันไม่เป็นอะไร พอได้แล้ว” ชานิ่งแล้วหันไปลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียงเขาหยิบมือฉันไปกุมแล้วเหมือนพยายามจะบอกอะไรสักอย่าง“..ฉันขอโทษ”“...ขอโทษ? ขอโทษเรื่องอะไร”“ขอโทษที่ไม่รู้อะไรเลย”“...นายพูดแบบนี้ฉันกลัวนะ ฉันเป็นอะไร? ...มะเร็งเหรอ?!”“นั่นปากหรือนั่นอ่ะ” ฉันโดนเขาบ่น ก็สรุปฉันเป็นอะไรล่ะพูดแบบนี้ฉันก็ใจไม่ดีดิ“ฟังฉันนะ”“อื้ม” ฉันกลืนน้ำลายหวังแค่ว่าตัวเองจะแค่พักผ่อนไม่พอหรือรางก
มหาวิทยาลัย“ไง ฉันไม่อยู่ไทยตั้งนานได้ข่าวว่ามีผู้แล้วโรคหาย”“ข่าวเร็วเนอะ”“เรื่องจริงเหรอว่ะ!” ไอ้แซมที่หายหัวไปทำธุระกับที่บ้านในต่างประเทศไม่ค่อยได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรหรอก แต่ที่มันกลับมาแล้วรู้แบบนี้ก็มีอยู่แค่คนเดียว.... ยัยฝนมันคงบอก สองคนนี้มันชอบจับเข่าสุมหัวนินทาฉันจะตายไอ้พวกบ้า ไอ้แซมนี่ก็เป็นพวกผู้ชายปากผู้หญิงซะด้วยสิ กัดแค่ละทีนึกว่ามีเพื่อนสาวเถอะ- -* แต่มันเป็นผู้ชายจริงๆนะอันนี้ยืนยัน“แล้ว...ไปทำกันอีท่าไหนว่ะถึงหาย^0^”“ทะลึ่ง!”“ทะลึ่งอะไร? ...อ๋ออออ เข้าใจล่ะ^^” แซมมันมองฉันแล้วยิ้มกริ่มๆให้มา ฉันไม่ได้คิดลึกซะหน่อยมันนั่นแหละพูดให้คิดเองทำไมล่ะ!แต่ก็นั่งเถียงกันได้ไม่นานนัก ชาก็เดินเข้ามาในวงสนทนาเราทันทีนั่นยิ่งทำให้ไอ้แซมมันได้ทีปริปากถามชาเอาซะดื้อๆจนหน้าฉันแดงไปหมด“เอาตรงๆเลยนะ ไปทำกันอีท่าไหนไอ้พาสมันถึงหายได้เนี่ย ขนาดหาหมอรักษาตัวเป็นปีๆไม่หาย ถามจริง ผมขอเคล็ดลับหน่อย^^”“ไอ้แซม หุบปากเลย!” แต่ที่มากกว่านั้นคือชา!.... ดันตามน้ำไอ้แซมจ้า!“ก็ท่าปกตินี่แหละ”“ชาาาาาา!!!” >///ฉ่าาาาาาาาาา~“จริงดิ! ผมคิดว่าท่าพิศดาร*0*”“มันก็มีบ้าง”“หยุด! หยุดเลยทั้
“ไอ้บ้าาาา! ปล่อยสิ!!!” ดิ้นเท่าไหร่ก็ดิ้นไม่หลุด! ไอ้เชือกบ้านี่ก็เหนียวจังเลย นี่ฉันดิ้นจนจะหมดแรงแล้วนะ! แถมพี่ฮานยังมาปลดกระดุมฉันอีก ชาอยู่ไหนนนน ช่วยฉันด้วยยยยยยยย“จิ๊~ เลือกถูกคนจริงว่ะ~” พี่ฮานยืนมองร่างกายฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตาอันตรายซะยิ่งกว่าตอนเสือกินเหยื่ออีกอ่ะ!“ปล่อยนะ! พี่ต้องการอะไร! ทำแบบนี้ทำไม!”“นั่นสินะ~ ฉันต้องการอะไร....”“..ขอร้องล่ะ ปล่อยฉันไปเถอะ นะพี่นะ;(“ เขาเดินเข้ามาหาฉันช้าๆแล้วย่อตัวนั่งให้เสมอกับฉันพร้อมกับใช้ปลายนิ้วจับคางฉันแล้วก็ออกแรงเหวี่ยงมัน“ผัวมึงลากกูเข้าคุก! คิดว่ากู..ไม่สิ คิดว่าฉันจะปล่อยเธอไปง่ายๆงั้นเหรอ”“....” ตอนนี้เขาดูเหมือนกำลังจะพูดกับตัวเองอยู่ตลอดๆ ฉันว่าพี่เขาต้องไม่ปกติแน่ๆ ฉันจะทำไงดี!ฉันพยายามนิ่งแล้วอาศัยช่วงเวลานี้ใช้นิ้วตัวเองพยายามบิดและแก้เชือกเท่าที่จะทำได้แต่มันก็ไม่ได้ง่ายเลย ยิ่งพี่ฮานยังนั่งอยู่ตรงหน้าฉันแบบนี้แล้วมันยิ่งทำอะไรอะไรลำบาก... แต่ยังไง ฉันก็ต้องหลอกล่อเขา“พี่อยากได้อะไรฉันให้หมดเลยนะ แต่พี่ต้องแก้มัดฉันก่อน ฉันกลัวที่แคบๆแบบนี้;(““แกมัด?... ให้ฉันช่วยฉันไม่แก้แค่เชือกนะ”อึก~ ฉันเชื่อว่าเขาทำ