🎶🎶🎶🎶~
“หื้ม~ จะว่าไปที่นี่ก็เจ๋งใช่ได้เลยอ่ะ เปิดเพลงก็มันส์แถมเครื่องดื่มพวกนี้ยังโครตอร่อย*0*” ฝนบ่นงึมงำๆก่อนจะหยิบนั่นคว้านี่เข้าปากเป็นว่าเล่น แต่ก็จริงอย่างฝนว่า... ดูอย่างโซนวีไอพีที่พวกเราอยู่สิ ดูเป็นส่วนตัวกว่าตามผับทั่วๆไปซะอีก
“ว่าแต่ไอ้แซมทำไมมันยังไม่มา”
“อ้อ! ลืมเลยเมื่อกี้มันส่งข้อความมาบอกว่าคงมาไม่ได้.. นี่มันไม่ได้ส่งให้แกเหรอ?”
“ไม่อ่ะ”
“ช่างเถอะ..” ฝนยักไหล่แบบขอไปทีแล้วยื่นหน้าไปหาพี่ฌอห์นจนอีกฝ่ายต้องดีดหน้าผากใส่มัน
กึก!
“โอ๊ย มันเจ็บนะ!”
“ทำอะไรระวังตัวหน่อย เราผู้หญิง พี่ผู้ชาย”
“...” >///< จะว่าไป.. พี่เขาก็โอเคนะเนี่ย~
“ถ้าถือตัวนะ จะเข้ามาที่แบบนี้เพื่อ? คิดค่ะ คิดนิดนึง” ไอ้ฝนก็แสบนัก ยังจะทำท่าชี้ไปที่ขมับเป็นเชิงกวนประสาทอีกฝ่ายด้วยนะ แล้วกลับลงนั่งเหมือนเดิม
“แล้วไหนเพื่อนพี่อ่ะ” >>ฝน
“เดี๋ยวก็มา”
“นี่จะมีคนมาอีกเหรอ?”
“อื้ม แค่คนเดียว.. เราไม่โอเคเหรอ?”
“เปล่าค่ะ^^ นึกว่ามาหลายคน^^*”
“กลัวใจเต้นแรงหรือไง^^” พี่ฌอห์นกึ่งแหย่ฉัน จริงๆก็กังวลนะ แต่ช่างเถอะจำไว้ว่าใจแกไม่ได้เต้นแรงจนหัวใจวายตายกับผู้ชายทุกคนขนาดนั้น ฟู่ว์~ ฉันถอนหายใจแล้วหยิบแก้วคอกเทลขึ้นมาดื่ม
“ไงมึง โทษทีว่ะ”
“ไม่มาพรุ่งนี้เลยว่ะ” มีชายร่างสูงคนหนึ่งเขาใส่เสื้อเชิ้ตสีดำปลดกระดุมสองเม็ดพร้อมกับพาดสูทไว้ที่ไหล่เดินเข้ามาตบไหล่พี่ฌอห์นแล้วเงยหน้ามามองฉัน...! ตลก! โลกกลมไปป่ะ!
ฉันกับเขามองหน้ากันแบบสตั้นนิ่งไปครู่นึง จนฝนมันสะกิดฉัน
“โลกกลมแฮะ”
“..สาบานแกไม่รู้เรื่องนี้?”
“ก็ไม่รู้นะสิ... แกมีอะไรกับเขาหรือเปล่า”
“เคยเจอกันที่สนามบินครั้งนึง แล้วก็ที่มอตอนที่แกเห็นแหละ”
“...โว้~ เดสตินี่><“ (Destiny=พรหมลิขิต)
“เดสตินี่อะไรเล่า” ฉันบ่นยัยฝนอุบ อีกฝ่ายก็ทำเป็นไม่มีอะไรแล้วหย่อนตัวลงนั่งฝั่งข้ามฉัน ทั้งฉันและเขาผลัดกันมองหน้าด้วยความไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ ...เอาจริงๆก็คงมีแค่ฉันที่ไม่สบอารมณ์อะนะ อีกฝ่ายยังดูสบายๆเหมือนไม่เห็นฉันนั่งอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ
“สวัสดีค่ะ ฉันจำพี่ได้ เราเรียนมอเดียวกัน ฉันฝนนะ แล้วนี่พาส เพื่อนฉันเอง ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ^^”
“...ยินดีครับ ผมชา” อีกฝ่ายตอบฝนอย่างปกติ มีรอยยิ้มให้เห็นบ้างบางๆ
“ราชา”
“ราชาพ่อง” คนที่มาทีหลังหันไปบ่นเพื่อนตัวเองแล้วจัดการชงเหล้าดื่มเองอย่างคุ้นเคย
“ราชาคืออะไรเหรอค่ะ”
“พี่เรียกมันไง เรียกชาชื่อแม่งสั้นแหม่งๆปาก”
“เรียกชาแหละ ง่ายดี” เจ้าพูด
“ฉันขอเรียกพี่ราชาละกัน ดูอลังการดี^^”
“...ตามใจ” เขาใช้ศอกกระทุ้งแขนพี่ฌอห์นแนวๆปรามเพื่อนตัวเองก่อนจะยกเครื่องดื่มดื่มอีกครั้งแล้วคราวนี้สายตาเขามองมาที่ฉัน
กึก!...
ตึกๆ ตึกๆ~ อะไรกัน ใจมันเต้น... ตึกๆ ตึกๆ~
“เธอโอเคหรือเปล่า” นี่อาการฉันมันออกขนาดนั้นเลยหรือไงกัน! แย่ล่ะ! ใจเต้นแรง แรงกว่าพี่ฌอห์นอีก!
ตึกๆ~ ตึกๆ~ ฉันกลืนน้ำลายแล้วใช้มือกุมหัวใจตัวเอง ตอนนี้คือฝนก็เริ่มตกใจแล้วเข้ามากระซิบฉัน ส่วนผู้ชายสองคนข้างหน้าฉันก็ดูงงๆกับสิ่งที่ฉันเป็น
ตึก~ ตึกๆ~
“แกโอเคไหม”
“....แรงกว่าพี่ฌอห์นอีกว่ะ”
“..ก็แหงล่ะ หล่อขนาดนี้... ยังไหวไหม”
“...อื้ม ไหว” ฉันพยายามข่มอารมณ์ แล้วลอบมองคนตรงหน้า เขาเป็นคนแรกที่ทำให้ฉันใจเต้นแรงแม้เพียงสบตา อย่างกับพวกCNใจเต้นแรงฉันถือว่าปกติเพราะพวกนั้นหล่อมากจริงๆ ส่วนพี่ฌอห์นถ้าเขาไม่หยอดฉันฉันก็ไม่รู้สึกอะไรขนาดนั้นเพราะเราไม่ได้ใกล้กันหรือสัมผัสตัวกัน... แต่กับเขา...ชา ใจฉันเต้นแรงจนไม่ปกติ ทำไมกันล่ะ
“เพื่อนพี่หล่อขนาดนี้น่าจะบอกก่อนนะ เกิดยัยนี่หัวใจวายตายขึ้นมาทำไง”
“ฝน.. อย่า” ฉันหันไปห้ามฝนที่กำลังบ่นพี่ฌอห์นที่นั่งทำหน้าเออมองฝนงงๆ
“ก็เราบอกให้พาเพื่อนหล่อๆมา ก็นี่ไง” >>พี่ฌอห์น
“..แบบนี้มันเกินไป”
“เดี๋ยว พูดเรื่องอะไรกัน” >>ชา
“นั่นสิ” >>ฉัน
“...จิ๊!คืองี้ ฉันอยากให้แกอาการดีขึ้นก็เลยขอความช่วยเหลือจากพี่ฌอห์น ให้พาคนหล่อๆมา.. ก็ตั้งใจว่าจะให้พวกเธอได้ทำความรู้จักกัน เพื่อมันจะช่วยให้แกดีขึ้น”
“เพื่อ?” ชาถามแล้วตั้งใจฟังที่ฝนพูด
“...ฉันอยากให้เพื่อนฉันหายป่วยนิ.. จากโอ้โรคบ้าๆนั่นนะ”
“..โรค?” แล้วเขาหันมามองฉัน “เธอป่วยเป็นอะไร”
“....”
พี่ฌอหน์หันไปกระซิบเขา สายตาเขามองมาที่ฉันก่อนจะหรี่ตามองมา
“หนักสุดเป็นยังไง”
“...ก็ เป็นลม”
“...” ชาทำหน้าคิ้วขมวดงงๆแล้วหยิบแก้วขึ้นมาดื่ม เขาใช้นิ้วชี้วนไถไปรอบปากแก้วแล้วหันมาสบตาฉัน
“แล้วที่สนามบินกับฉัน เธอเป็นลมหรือเปล่า” คำถามของเขาทำเอาพี่ฌอห์นกับยัยฝนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“..ไม่นะ แต่ก็... ใจเต้นหนักมาก”
“เดี๋ยวๆที่สนามบิน.. รู้จักกันมาก่อนแล้ว?”
“เปล่า แค่ยัยนี่ซุ่มซ่ามนิดหน่อย”
“ฉันไม่ได้ซุ่มซ่ามนะ!”
“เหรอ ถ้าฉันไม่เข้าไปรั้งเธอ หน้าเธอคงฟาดลงกระเบื้องเขาแตกหมด”
“นี่!”
“งั้นก็ดีเลย! พี่ก็ช่วยมันหน่อยสิทำยังไงก็ได้ให้มันใจเต้นแรงสุดๆแล้วก็ทำให้มันหาย ไม่ต้องกลัวมันตายนะโรงพยาบาลอยู่ใกล้ๆ” ฉันรักมันจังเพื่อนที่แสนดี- -*
“ไม่ใช่ธุระของฉัน” ชาพูด
“ช่วยเถอะน่า สงสารน้องเขา”
“กูไม่ช่วย”
“เดี๋ยวมึงก็ฟุ้งซ่านเรื่องพลอย.. ทำเหอะ จะได้ไม่ต้องมีเวลานึกถึงไอ้พลอยมัน”
“....ไม่” เขาตอบพี่ฌอห์นเสียงแข็งแล้วคว้าบุหรี่ขึ้นมาสูบ เขาพ่นควันไปทางที่ไม่มีคนอยู่แล้วก็มองฉัน...
ตึกๆ ตึกๆ~ ไอ้บ้าเอ้ย! แค่สูบบุหรี่ต้องทำเท่ห์ขนาดนั้นไหม แล้วหัวใจฉันมันก็... โอ๊ยยยยย
“กูอยากเห็นมึงกลับไปเป็นคนเดิมว่ะ”
“กูก็เหมือนเดิม”
“...มึงโครตไม่เหมือนเดิม”
“...”
“กูไม่เล่นนะ”
“..กูก็ไม่เล่น” ฉันไม่รู้หรอกว่าสองคนนั้นเขาหมายถึงเรื่องอะไร แต่นอนนี้ฉันต้องห้ามมองเขาสูบบุหรี่เด็ดขาด มันอันตราย หัวใจฉันบอกแบบนั้น;(
Special Part (END)#CHAหลายปีต่อมา...“..พี่เพรส แม่อยู่ไหน~ ฮึก~”“ไม่ร้องน่า แม่ไม่สบายให้แม่นอนก่อนเถอะ”“..แต่ว่าหนู~”“ดึกขนาดนี้ทำไมไม่นอนกันเนี่ย” ผมเดินเข้ามาในห้องของเด็กๆ เพรสที่โตได้อายุ7ปี กับพริ้นท์ลูกคนเล็กของเราที่อายุ3ปี ทั้งสองคนยังไม่นอนแถมพริ้นท์ยังนั่งน้ำตาคลอปากบู้บี้“พ่อออ~ หนูอยากนอนกับแม่ ฮึก~”“อ่า แม่ไม่สบายนะลูก ให้แม่หายก่อนเนอะค่อยกลับไปนอนกับแม่^^”“T~T”“ผมพูดแบบนี้เป็นร้อยครั้งแล้วฮะพ่อ แต่น้องก็เอาแต่นั่งทำหน้าแบบนี้อ่ะ” ผมมองพริ้นท์ที่ใกล้จะร้องไห้เต็มทีจนต้องเดินเข้าไปหา เป็นอาทิตย์แล้วที่พาสไม่สบายผมเลยต้องรับหน้าที่ดูแลสองแสบนี่เต็มๆ ส่วนพาสผมให้นอนพักอยู่ที่ห้องแล้วพาสองแสบนี่มานอนกับผมที่อีกห้องนึงเพราะจะได้ไม่ติดไข้กัน“อย่าดื้อสิค่ะ อยู่กับพ่อแทนเนอะ”“...ฮึก~ แต่หนูคิดถึงแม่ แม่ไม่สบาย ไม่มีใครเล่านิทานให้หนูฟังก่อนนอนเลย ฮึก~” พริ้นท์ขยี้ตาไปมาเอาเป็นว่าผมรู้ว่าพริ้นท์คงง่วงนอนแต่คงนอนไม่หลับ เพราะปกติพาสเป็นคนพาพริ้นท์นอนทุกคืนแล้วยังเล่านิทานให้ฟังก่อนนอน พอมาอยู่กับผมที่ไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับลูกเลยไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดตรงนั้น ซึ่งมันก็ทำให
Special partหลายปีต่อมา.....#CHAฟึ่บ~ ฟึ่บ~ผมนั่งเรียงรูปที่ไปถ่ายเมื่ออาทิตย์ก่อนตอนพวกเราไปภูทับเบิก มันไม่น่าเชื่อว่าผมจะมาอยู่ในจุดนี้ จุดที่ต้องกลายเป็นคนใจเย็น เป็นสามีที่ตามใจภรรยาและเป็นพ่อที่!!“พ่ออออออ!!! พ่อสอนการบ้านผมผิดตั้งหลายข้อนะ!”!! เอ่อ... เป็นพ่อที่สอนการบ้านลูก..ไม่ค่อยจะถูก - -*“..อีกแล้วเหรอ - -*”“ก็ใช่นะสิ นี่สมัยเรียนพ่อไม่ได้ตั้งใจเรียนสิท่า”“โธ่ มันก็นานแล้วไง พ่อก็หลงๆลืมๆบ้างสิ”“แล้วทำไมแม่ไม่เคยสอนผิดเลยล่ะ! นี่ถ้าแม่อยู่สอนการบ้านผมนะ ผมได้ที่หนึ่งของห้องไปแล้วล่ะครับ!” ผมปิดอัลบั้มรูปแล้วเอาการบ้านที่ผมสอนผิดของลูก.. ลืมบอก เราได้ลูกชายเลยตั้งชื่อให้ว่า ‘เพรส’ ไม่มีความหมายของชื่อ แค่อยากจะได้ชื่อคนที่เขาไม่ค่อยแต่งกันแค่นั้น“เดี๋ยวแม่ก็กลัวมาแล้วน่า~” ผมก้มมองนาฬิกาข้อมือตัวเอง พาสบินกลับไปที่เชียงใหม่เพื่อไปร่วมงานแต่งและแสดงความยินดีกับคุณหมอที่รักษาโรคของเธอมาตั้งแต่เริ่ม นี่ก็ได้เวลาน่าจะถึงบ้านแล้วนิ... ทำไมป่านนี้ยังไม่ถึง?“ผมจะไม่เชื่อพ่อแล้ว;(““โธ่ พ่อสัญญาคราวหน้าไม่ผิดแน่นอน^^”“..แต่ผมไม่อยากเชื่อพ่อแล้วนิ~..~”แอ๊ดดดด~ ระหว่างท
หลายเดือนต่อมา...หลังจากที่เรารู้ว่ากำลังจะมีอีกหนึ่งชีวิตเกิดขึ้นมา ชาก็จัดการทุกอย่างเสร็จสรรพ เขาเคลียร์เรื่องเรียนที่เราต้องดรอป แล้วจัดการอะไรต่อมิอะไรอีกหลายอย่างจนฉันเองไม่ต้องทำอะไร นอกจากนอน นอน แล้วก็นอน บางทีมันก็เบื่ออะ อยากออกไปข้างนอกบ้างนี่ฉันอยู่แต่ที่คอนโด อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมๆถ้าชาไม่กลับมาจะทำธุระนั่นนี่ฉันก็เหมือนหมาเหงาที่คอยเฝ้าบ้านอ่ะ ฉันอยากไปเที่ยววววว>~แอ๊ดดด~ เสียงเปิดประตูดังขึ้นเหมือนทุกทีและแน่นอนไม่มีอะไรตื่นเต้นเหมือนทุกครั้งนอกจากถุงขนมพะรุงพะรังที่ชาหิ้วมา“ยังไม่นอนเหรอ”“.....”“เป็นอะไร?” ชาวางถุงในมือลงที่โซฟาแล้วเดินมาหาฉันที่เตียง“...ฉันเบื่อ”“เบื่อ? เบื่ออะไร”“..ฉันได้แต่อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมของนายอะ ฉันอยากออกไปนั่นนี่นายก็ไม่ให้ฉันไป;(““อย่างอแงสิ ก็ท้องเริ่มใหญ่แล้วจะเดินจะทำอะไรก็ต้องระวัง”“จะตอนท้องใหญ่ไม่ใหญ่นายก็ให้ฉันอยู่แต่ห้องอะ... ทุกวันนี้ฉันจะคุยกับเพดานห้องนายแล้วนะ” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ชากลับหัวเราะแล้วเขยิบตัวมานั่งข้างๆฉัน“โอเคๆ^^ อยากไปไหนบอกมาเลย”“...จริงนะ ถ้านายหลอกฉันโกรธจริงด้วย”“จริง อยากไปไหนล่ะ” ฉันนั่งคิดอยู
.....กลิ่นแบบนี้ ไม่ชอบเลย... มันเป็นกลิ่นที่ฉันไม่เคยหนีมันพ้นสักครั้ง....กลิ่นโรงพยาบาล เอ๊ะ!O..o!! ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลจริงๆด้วย ครั้งสุดท้ายที่จำได้คือ.. ฉันเหมือนจะหน้ามืดแล้วทุกอย่างก็ดับวูบไปรู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู่ที่นี่แล้ว.ฉันมองไปรอบๆห้องก่อนจะเจอชานอนอยู่ที่โซฟา ฉันค่อยๆดันตัวขึ้น ยังคงมีอาการหน้ามืดนั่นอยู่หน่อยๆกึก~ เสียงขยับตัวทำให้เตียงส่งเสียงและมันคงไวต่อประสาทสัมผัสของชามาก ชาเลยตื่นขึ้นพอเขาเห็นฉันเขาก็รีบเข้ามาหาทันที“ทำไมไม่เรียกล่ะ”“..ฉันเห็นนายนอนอยู่ เลยไม่อยากกวนนะ”“ระวังๆสิ” ชาค่อยๆประคองฉันให้นั่งพิงหัวเตียง เขาดูเป็นห่วงฉันเหมือนฉันเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายยังไงยังงั้นเลย“ฉันไม่เป็นอะไร พอได้แล้ว” ชานิ่งแล้วหันไปลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียงเขาหยิบมือฉันไปกุมแล้วเหมือนพยายามจะบอกอะไรสักอย่าง“..ฉันขอโทษ”“...ขอโทษ? ขอโทษเรื่องอะไร”“ขอโทษที่ไม่รู้อะไรเลย”“...นายพูดแบบนี้ฉันกลัวนะ ฉันเป็นอะไร? ...มะเร็งเหรอ?!”“นั่นปากหรือนั่นอ่ะ” ฉันโดนเขาบ่น ก็สรุปฉันเป็นอะไรล่ะพูดแบบนี้ฉันก็ใจไม่ดีดิ“ฟังฉันนะ”“อื้ม” ฉันกลืนน้ำลายหวังแค่ว่าตัวเองจะแค่พักผ่อนไม่พอหรือรางก
มหาวิทยาลัย“ไง ฉันไม่อยู่ไทยตั้งนานได้ข่าวว่ามีผู้แล้วโรคหาย”“ข่าวเร็วเนอะ”“เรื่องจริงเหรอว่ะ!” ไอ้แซมที่หายหัวไปทำธุระกับที่บ้านในต่างประเทศไม่ค่อยได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรหรอก แต่ที่มันกลับมาแล้วรู้แบบนี้ก็มีอยู่แค่คนเดียว.... ยัยฝนมันคงบอก สองคนนี้มันชอบจับเข่าสุมหัวนินทาฉันจะตายไอ้พวกบ้า ไอ้แซมนี่ก็เป็นพวกผู้ชายปากผู้หญิงซะด้วยสิ กัดแค่ละทีนึกว่ามีเพื่อนสาวเถอะ- -* แต่มันเป็นผู้ชายจริงๆนะอันนี้ยืนยัน“แล้ว...ไปทำกันอีท่าไหนว่ะถึงหาย^0^”“ทะลึ่ง!”“ทะลึ่งอะไร? ...อ๋ออออ เข้าใจล่ะ^^” แซมมันมองฉันแล้วยิ้มกริ่มๆให้มา ฉันไม่ได้คิดลึกซะหน่อยมันนั่นแหละพูดให้คิดเองทำไมล่ะ!แต่ก็นั่งเถียงกันได้ไม่นานนัก ชาก็เดินเข้ามาในวงสนทนาเราทันทีนั่นยิ่งทำให้ไอ้แซมมันได้ทีปริปากถามชาเอาซะดื้อๆจนหน้าฉันแดงไปหมด“เอาตรงๆเลยนะ ไปทำกันอีท่าไหนไอ้พาสมันถึงหายได้เนี่ย ขนาดหาหมอรักษาตัวเป็นปีๆไม่หาย ถามจริง ผมขอเคล็ดลับหน่อย^^”“ไอ้แซม หุบปากเลย!” แต่ที่มากกว่านั้นคือชา!.... ดันตามน้ำไอ้แซมจ้า!“ก็ท่าปกตินี่แหละ”“ชาาาาาา!!!” >///ฉ่าาาาาาาาาา~“จริงดิ! ผมคิดว่าท่าพิศดาร*0*”“มันก็มีบ้าง”“หยุด! หยุดเลยทั้
“ไอ้บ้าาาา! ปล่อยสิ!!!” ดิ้นเท่าไหร่ก็ดิ้นไม่หลุด! ไอ้เชือกบ้านี่ก็เหนียวจังเลย นี่ฉันดิ้นจนจะหมดแรงแล้วนะ! แถมพี่ฮานยังมาปลดกระดุมฉันอีก ชาอยู่ไหนนนน ช่วยฉันด้วยยยยยยยย“จิ๊~ เลือกถูกคนจริงว่ะ~” พี่ฮานยืนมองร่างกายฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตาอันตรายซะยิ่งกว่าตอนเสือกินเหยื่ออีกอ่ะ!“ปล่อยนะ! พี่ต้องการอะไร! ทำแบบนี้ทำไม!”“นั่นสินะ~ ฉันต้องการอะไร....”“..ขอร้องล่ะ ปล่อยฉันไปเถอะ นะพี่นะ;(“ เขาเดินเข้ามาหาฉันช้าๆแล้วย่อตัวนั่งให้เสมอกับฉันพร้อมกับใช้ปลายนิ้วจับคางฉันแล้วก็ออกแรงเหวี่ยงมัน“ผัวมึงลากกูเข้าคุก! คิดว่ากู..ไม่สิ คิดว่าฉันจะปล่อยเธอไปง่ายๆงั้นเหรอ”“....” ตอนนี้เขาดูเหมือนกำลังจะพูดกับตัวเองอยู่ตลอดๆ ฉันว่าพี่เขาต้องไม่ปกติแน่ๆ ฉันจะทำไงดี!ฉันพยายามนิ่งแล้วอาศัยช่วงเวลานี้ใช้นิ้วตัวเองพยายามบิดและแก้เชือกเท่าที่จะทำได้แต่มันก็ไม่ได้ง่ายเลย ยิ่งพี่ฮานยังนั่งอยู่ตรงหน้าฉันแบบนี้แล้วมันยิ่งทำอะไรอะไรลำบาก... แต่ยังไง ฉันก็ต้องหลอกล่อเขา“พี่อยากได้อะไรฉันให้หมดเลยนะ แต่พี่ต้องแก้มัดฉันก่อน ฉันกลัวที่แคบๆแบบนี้;(““แกมัด?... ให้ฉันช่วยฉันไม่แก้แค่เชือกนะ”อึก~ ฉันเชื่อว่าเขาทำ