“จูบเลย! จูบเลย!”
เสียงร่ำร้องจากบรรดาเพื่อนฝูงด้านล่างเวทีหลังพูดคุยกับบ่าวสาวจบทำให้ญาดายกไวน์ของตนขึ้นดื่มจนหมดแล้วขยับไปกระซิบกับเพื่อนสนิทใกล้ๆ
“พริกไปเข้าห้องน้ำนะ”
“ไหวแน่นะ แก้มไปด้วยไหม”
กุลนารีถามกลับเพราะอาการของเพื่อนค่อนข้างแสดงออกชัดเจนว่าเมาแล้ว
“ไปได้สบายมาก”
ญาดายิ้มหวานส่งให้แล้วรีบลุกขึ้นยืนตรงหันหลังขณะเดียวกับที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวขยับตัวเข้าใกล้กันมากขึ้น มองสบตากันหวานฉ่ำ ร่างบางพยายามตั้งตัวให้มั่นคงแล้วเดินห่างออกมาช้าๆ ท่ามกลางเสียงปรบมือโห่เฮของแขกเหรื่อ รู้สึกขอบตาร้อนผ่าวจนต้องกะพริบตาถี่ไล่น้ำที่คลอขึ้นมา บังคับขาที่หนักอึ้งของตนให้ก้าวต่อ เพราะรู้ดีว่าร่างกายตัวเองค่อนข้างโอนเอน หากก็ยังเอื้อมมือไปหยิบแก้วไวน์จากบริกรที่เดินผ่านขึ้นมาดื่มจนหมดซ้ำอีกแล้ววางแก้วคืนก่อนออกจากห้องจัดเลี้ยง
เมื่อพ้นประตูไปก็ใช้มือเท้าผนังๆ ค่อยๆ เดินต่อไปยังห้องน้ำ อยากหนีให้ไกลจากตรงนี้ด้วยเวลานี้เธอไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้แล้ว
ไหล่เล็กขยับเบาๆ พร้อมน้ำใสไหลลงอาบแก้ม นับตั้งแต่วันนี้การได้เฝ้ามองใครบางคนด้วยความสุขเล็กๆ ในหัวใจได้จบลงแล้ว ญาดาบอกตัวเอง ทั้งที่ไม่อยากร้องไห้ทว่าก็ไม่อาจห้ามน้ำตาได้
ใช่ว่าไม่รู้ไม่เห็นว่าคนที่เธอแอบรักมีแฟนและคบหากันอย่างจริงจัง ทว่าหญิงสาวก็รู้สึกยินดีกับคนทั้งสองมาตลอด ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าเรื่องอกหักเป็นเรื่องธรรมดาแล้วก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้พบเจอ เพราะชายหนุ่มคือคนเดียวที่เธอเฝ้ามองเสมอมา ญาดาจึงต้องเผชิญกับภาวะแห้วรับประทานอีกเป็นครั้งที่สองในที่ทำงาน เหมือนครั้งที่เรียนมหาวิทยาลัย
เธอพยายามเข้มแข็งแม้ในใจจะเจ็บแปลบทุกครั้งที่ได้เห็นคู่รักหวานชื่น ถึงจะไม่ได้อิจฉา แต่ก็อดเศร้าลึกอยู่คนเดียวไม่ได้ เพราะเธอไม่กล้า จึงต้องเป็นฝ่ายเก็บงำความรู้สึกอยู่เพียงในใจ ไม่อาจแสดงออกมาให้ใครรู้ได้
“ญาดา ไม่สบายเหรอ”
เสียงเรียกทุ้มดังขึ้นทำให้คนที่กำลังยืนก้มหน้าพิงผนังใกล้ทางเข้าห้องน้ำยกมือขึ้นปาดน้ำตาเร็วๆ แม้รู้ว่ามันคงทิ้งรอยคราบไว้ก็ตาม เหลือบมองคนที่ทักเล็กน้อยเพราะทั้งมึนทั้งเสียใจระคนกันจนแยกไม่ออก
“คุณพศิน”
หญิงสาวเอ่ยชื่อเจ้านายของตนด้วยเสียงที่พยายามให้ดูปกติ ทว่าเพียงแค่เห็นหน้าเธอคิ้วเข้มก็ขมวด เพราะได้เจอกันในงานก่อนหน้านี้จึงไม่จำเป็นต้องไหว้อีกฝ่ายซ้ำ
“คุณเมานี่ ทำไมมาอยู่ตรงนี้คนเดียว”
คนที่เพิ่งออกจากห้องน้ำชายมามีสีหน้าเป็นห่วงแล้วมองสังเกตเธออย่างจริงจัง แต่ญาดาโบกไม้โบกมือสองข้างตรงหน้าตนเอง ตาปรือปรอย ส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่เมาเท่าไรค่ะ”
“ไม่คิดว่าคุณจะเป็นขาดื่ม?”
อีกฝ่ายยังดูสงสัย แล้วถามต่อ
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า คุณดูเหมือน...”
“ปละ...เปล่าค่ะ ดิฉัน...ไม่ได้ร้องไห้นะคะ”
คนเมาที่เสียงไม่ปกติแล้วรีบบอกจนลิ้นแทบพันกัน ก่อนจะหาทางเลี่ยง
“ขอตัวเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตานะคะ”
เธอบอกแล้วรีบผลุบเข้าห้องน้ำไป คนที่ไม่เชื่อนักจึงเอ่ยตามหลัง
“ยังไงผมจะบอกให้กุลนารีมาดูคุณนะ”
หญิงสาวที่เข้าห้องน้ำไปแล้วไม่ได้ตอบ ทว่าชายหนุ่มมองตามชั่วครู่ก่อนจะกลับไปยังห้องจัดเลี้ยงเพื่อทำตามเลขาของตน เพราะดูท่าทางพนักงานสาวค่อนข้างน่าเป็นห่วง
ทั้งที่ล้างหน้าล้างตาแล้วก็ไม่ได้ช่วยให้ญาดาดีขึ้นเท่าไรนัก หญิงสาวยืนมองสภาพตัวเองที่ตาปรือปรอย หน้าแดงก่ำที่สะท้อนจากกระจกอย่างนึกสมเพชตัวเอง เธอไม่คิดว่าการอกหักมันจะแย่ขนาดนี้ อาจเพราะเก็บกดเอาไว้มานาน ในวันที่ได้เห็นคนที่แอบรักเข้าประตูวิวาห์ก็เหมือนถูกปิดตายประตูหัวใจของเธอลงอย่างจริงจังเช่นกัน
แม้ไม่เคยหวังให้คนสองคนเลิกกัน แต่เธอก็ขอทำใจไปอีกนานหน่อย ทว่าทั้งคู่กลับคบหากันเพียงปีเดียวและตกลงแต่งงานในที่สุด
น้ำตาไหลอาบแก้มเนียนอีกครั้งเมื่อคิดไปถึงวันที่นิอรยื่นซองสีชมพูหวานให้เธอพร้อมบอกด้วยรอยยิ้มเขินอาย
‘งานแต่งพี่ เดือนหน้าจ้ะ’
เดือนเดียว! ดูจากวันที่ในการ์ดแล้วญาดามีเวลาเตรียมความรู้สึกตัวเองไม่ถึงสามสิบวันด้วยซ้ำ หญิงสาวเคยคิดว่าตนจะรับมือได้ แต่เปล่าเลย นับตั้งแต่ก้าวมาในงานใจเธอหนักอึ้งอยู่ตลอดเวลา ถึงจะเอ่ยคำยินดีกับคู่บ่าวสาวด้วยความจริงใจก็ตาม หากในใจของเธอกลับเบาโหวงราวกับบางสิ่งบางอย่างที่ยึดเหนี่ยวมานานหลายปีหลุดลอยหายไปจนต้องใช้ไวน์กดความรู้สึกของตัวเอง เพราะไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรให้อาการที่เหมือนมีคนเอาเข็มเล็กๆ มาทิ่ม เกิดบาดแผลที่มองไม่เห็นแต่เมื่อถูกบีบเลือดก็ล้นออกมาจนแดงฉานล้างออกได้หมด
เธอไม่อยากเจ็บแบบนี้เลย ต้องทำอย่างไรความปวดหน่วงในใจนี้ถึงจะเลือนหาย
มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาอีกครั้งแล้วเดินขาปัดป่ายออกจากห้องน้ำอย่างระมัดระวัง รู้ตัวว่าร่างกายถูกฤทธิ์แอลกอฮอล์ครอบงำเกินกว่าปกติ หากก็มั่นใจว่าเธอยังดูแลตัวเองได้ เวลานี้เธอต้องการแค่หาทางหนีให้พ้นจากความหนึบปวดแปลบปลาบในอกเพียงนั้น
‘ฉันต้องทำยังไง ใครก็ได้บอกที’
ร่างบางโผเผจากหน้าห้องน้ำ เดินก้มหน้ากุมหัว โอนเอียงซ้ายทีขวาที แต่แล้วก็ชนเข้ากับใครคนหนึ่งเข้าอย่างจัง ความหนาแน่นใหญ่โตทำเอาญาดาผงะ
“อุ๊ย...”
หญิงสาวคิดว่าตัวเองต้องล้มก้นจ้ำเบ้าแน่นอนจึงหลับตาปี๋ ทว่าผิดคาด แขนของอีกฝ่ายโอบเอวเธอไว้จนร่างเล็กซวนซบเข้าหาอกแกร่งในชุดสูทเนี้ยบ หน้าผากมนชนอกชายหนุ่มเบาๆ ก่อนจะเงยมองเขา
“ขอบคุณค่ะ”
เสียงหวานยานคางบอก ตาปรือพยายามเปิดมองแต่ความที่ยืนใกล้เกินไป หัวหนักอึ้งและเมามายจึงเห็นในระยะจำกัด ใบหน้าคมเอนออกห่างเพื่อจะก้มมองเธอ หากแต่มีบางอย่างที่สะดุดตาญาดาเสียก่อนเธอจึงไม่สนใจสิ่งอื่น
ปากได้รูปสีสดดูสวยน่าหลงใหลทั้งยังดึงดูดอย่างเหลือเชื่อ ดวงตาที่หรี่ปรือมองปากที่ขยับตรงหน้าเพียงอย่างเดียวด้วยความเคลิบเคลิ้ม แทบไม่ได้ยินอีกฝ่ายพูดด้วยซ้ำ
“เมาขนาดนี้ได้ยังไงน่ะพริก”
หญิงสาวยิ้มหวานเคลื่อนตัวขึ้นหาสิ่งที่ดูเชิญชวนนักสำหรับตนเอง ไม่เคยเห็นปากผู้ชายน่าจูบขนาดนี้มาก่อนเลย ปากบนบาง ปากล่างหนากว่าได้รูปเหมาะเจาะพอดี แถมยังสีแดงได้อย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นปากผู้ชาย
“พริก รู้ตัวไหมเนี่ย...อุบ”
‘อืม...กระด้างนิดหน่อยแต่อุ่นดีจัง’
ญาดาคิดในใจขณะแนบปากตนเองขึ้นหาปากใครคนนั้นก่อนจะปัดป่ายถูไถไปมาด้วยความพึงพอใจ
=====
เอ้า คิดว่าน่าจูบ ก็จูบซะเลยนะพริก ^^
ติดตามข่าวสารนิยายเรื่องใหม่ เมาท์ เมนต์ นะจ๊ะ
“ขอโทษครับที่รัก วินจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว”พริษฐ์ลูบไหล่บางแผ่วเบา รู้สึกผิดอยู่บ้างเหมือนกันหากจำต้องบังคับให้อีกฝ่ายห้ามถอดแหวนของเขา มือหนาลูบลงมาจับมือบ้างขึ้น หยิบแหวนจากกล่องกำมะหยี่ที่ใส่กระเป๋ากางเกงไว้ตอนจูโจ่มหญิงสาวออกมาสวมคืนให้ ก่อนจะยกมือบางขึ้นมาจูบ แล้วพรมไล้จนทั่วทุกนิ้ว“ใส่ไว้ ห้ามถอด มันคือสิ่งที่บอกว่าพริกกุมหัวใจวินเอาไว้”เขากระซิบบอกแล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อถูกมือหญิงสาวอีกข้างเหน็บเข้าตรงเอวหนา“นี่แน่ะ ชอบแกล้งพริกอยู่ได้”“ไม่แกล้งแล้ว คราวนี้จะรักแล้ว มามะ มารักกัน”ชายหนุ่มบอกแล้วกดจูบลงไปบนริมฝีปากอิ่มสวยทันที จบการโต้เถียงทุกคำจากคนตัวเล็ก ญาดาเองก็ไม่ได้โกรธชายหนุ่มเท่าไรนัก แม้จะกลัวจริงๆ แต่พอเขากอดอ้อมกอดอุ่นก็ปัดสัมผัสน่าตกใจเมื่อครู่เลือนหาย แล้วเธอก็อยากได้รับการแตะต้องอย่างทะนุถนอมจากอีกฝ่ายมาเติมเต็มเพิ่มขึ้นไปอีกอกใจสาวเต้นรัวขึ้น สะโพกถูกยกขึ้นให้เกยตักแกร่ง มือหนาลูบไล้สัดส่วนสะคราญอย่างเร่งร้อนราวต้องการลบความรู้สึกเมื่อครู่ทิ้งให้เธอ ผ้าเนื้อบางไม่ช่วยปกป้องเธอจากมืออีกฝ่ายแม้แต่น้อยนิดวันนี้ญาดาใส่เสื้อยืดตัวเล็กกับกางเกงขาสั้นเนื้อนิ่ม พักหล
พริษฐ์ย้ำกับเธอซ้ำอีกก่อนจะต่างคนต่างแยกไปขึ้นลิฟต์ฝั่งของตนเองว่าจะพาไปซื้อแหวนหมั้น ญาดาได้แต่ถอนหายใจเพราะปฏิเสธไปแล้วอีกฝ่ายก็ไม่ยอม เธอได้แต่ส่งข้อความไปบอกกุลนารีว่าวันนี้ต้องไปทำธุระ กินข้าวกลางวันด้วยไม่ได้ ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่มีปัญหา ก่อนจะมาเจอชายหนุ่มที่รถตามที่เขานัดเอาไว้ญาดาไม่ค่อยเห็นด้วยที่เขาจะซื้อแหวนให้เธอ และเมื่อเห็นร้านที่ชายหนุ่มกำลังจะพาเข้าแล้วก็ถึงกับตาโต รีบดึงมือหนาเอาไว้ก่อนด้วยความตกใจ“ร้านแพงไปนะวิน”เธอบอกอย่างเกรงใจ ไม่อยากให้เขาเสียเงินเยอะเพราะเรื่องนี้“ไม่นี่”ร่างสูงจะก้าวต่อแต่ญาดาย้ำเสียงเข้ม“พริกไม่เอานะวิน ถ้าจะซื้อแบบนี้ไม่ต้องซื้อเลยนะ”สุดท้ายพริษฐ์ก็ถอนหายใจออกมาแล้วก้มลงพูดกับเธอด้วยสีหน้าท่าทางจริงจัง“วินจะซื้อแหวนทองคำขาวเกลี้ยงๆ ไม่มีเพชร ไม่มีลวดลายอะไรทั้งนั้นนะครับ โอเค๊”เมื่ออีกฝ่ายบอกมาอย่างนั้นเธอจึงพยักหน้ายินยอม จากนั้น ชายหนุ่มก็จับมือเธอเดินเข้าร้าน ครู่หนึ่งสองหนุ่มสาวกก็ออกจากร้านโดยญาดามีแหวนทองคำขาวกลมเกลี้ยงเนื้อหนาบนนิ้วนางข้างซ้าย==============เขาไม่เห็นแหวนบนนิ้วของญาดา พริษฐ์แอบสังเกตนิ้วนางข้างซ้ายของหญิงสาวที่สอ
“แป๊บเดียว เดี๋ยวดีขึ้นครับคนดี”เขาจูบซ้ำบนหน้าผากนวลเมื่อเริ่มเคลื่อนไหว ทั้งที่ภายในกายหนุ่มแทบระเบิดด้วยเพลิงเร่าร้อน หากเขาก็กัดฟันยับยั้งสะโพกตนเองให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ รั้งรอคนใต้ร่างให้ปรับตัวและพลุ่งพล่านไปพร้อมกับเขา ปากอุ่นขยับไปเม้มใบหูเล็กแถมกระตุ้นเร่งเร้าด้วยคำพูด“อืม พริกร้อนมาก พริกหวานของวิน ดีสุดๆ”“อื้อ”พร้อมเสียงครางประท้วงนั้นเขาก็ถูกข่วนตรงไหล่ทำเอาสะดุ้งนิดๆ ไม่รู้ว่าหญิงสาวเคลิ้มตามหรือขัดเคืองเขากันแน่ แต่น่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่าญาดาใจหวิวหอบกระเส่าอย่างหนักหน่วง ถูกกระแสใคร่พิศวาสจากกายแกร่งทำลายล้างอย่างรุนแรง อีกฝ่ายยังจะพูดให้เธอรู้สึกซ่านสยิวไปทั้งตัวอีก เพราะเขินอายทว่ากลับเพริดตามเขาทั้งกายและใจทำให้หญิงสาวลงมือกับชายหนุ่มไป หากก็ยอมรับว่าเวลานี้ร่างทั้งร่างของเธอไม่หลงเหลือพื้นที่สมบูรณ์ใดแล้ว หากเปรียบดั่งไฟภายในตัวเธอคงมอดไหม้ไปหมดด้วยแรงรักจากร่างสูงกำยำเพียงสะโพกแกร่งทิ้งจังหวะเนิบนาบเธอก็แทบแตกพล่าน ทว่าเมื่ออีกฝ่ายเร่งเร้าหนักขึ้น ญาดาก็สุดที่จะทนอีกต่อไป เสียงหวานพร่าถูกระบายออกมาเป็นระยะทดแทนอารมณ์รุ่มร้อนที่ปะทุดุเดือดในร่างสาว หากก
สองร่างกอดเคล้านัวเนียพลิกไปมาบนเตียงขณะปากก็พร่ำมอบจูบแก่กันอยู่ชั่วอึดใจใหญ่ ก่อนพริษฐ์จะเป็นฝ่ายขึ้นมาคร่อมร่างบาง ใบหน้าขาวคมซุกไซ้ลงหาความหอมจากซอกคอเล็ก พร้อมทิ้งรอยอุ่นด้วยจูบและปลายลิ้นไล่ลงมาหาอกอวบแล้วกลับขึ้นไปยังลำคออีกข้าง ขณะที่มือข้างหนึ่งสอดเข้าไปใต้เสื้อหญิงสาวเกาะกุมความอวบอิ่มเอาไว้ในมือ เคล้าคลึงก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นอย่างพึงใจ ได้ยินเสียงหอบแรงจากคนตัวเล็กใจเขายิ่งเต้นกระหน่ำตามไปด้วยเรือนกายแกร่งเบียดไล้ต้นขากับช่วงหน้าท้องแบนราบแสดงออกถึงการเรียกร้องต้องการ แม้จะหวาดกลัวอยู่บ้างกับความกร้าวร้อนระอุที่ไม่ยอมห่างจากเนื้อตัวเธอเลย หากญาดากลับตื่นเต้นอยากค้นหาสิ่งลึกลับที่ซุกซ่อนอยู่และไม่อาจเอื้อมคิดถึงมาก่อนพริษฐ์เม้มเนื้อบางตรงซอกคอหอมขณะที่มือหนึ่งยังเอาอกเอาใจทรวงงามสล้าง ก่อนจะไล้ลิ้นขึ้นไปหาใบหูเล็ก กัดเบาๆ ด้วยความมันเขี้ยวแล้วก็ยิ่งได้ยินเสียงหวานสั่นพร่าในลำคอเล็ก อกอวบขยับขึ้นหามือเขา ยอดทรวงเบ่งบานต้านผ้าลูกไม้เด่นชัด“วินถอดเสื้อนะ”ชายหนุ่มกระซิบบอกก่อนจะขยับตัวขึ้นพร้อมโอบร่างบางให้นั่งด้วยกัน คว้าเสื้ออีกฝ่ายถอดขึ้นด้านบน แล้วรวบเรือนร่างงดงามเข้ามาหาข
“วันนี้แก้มให้พริกดูรูปที่วินถ่ายแล้วโพสต์ในไอจี”เธอเอ่ยขึ้นทันทีที่อีกฝ่ายเข้ามากอดด้านหลังและหอมแก้มขณะที่กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าโน้ตบุ๊กตรงโซฟาวันนี้พริษฐ์กลับดึกมาก เธอรู้ทั้งจากชายหนุ่มที่ส่งข้อความบอกและภาสกรที่ส่งข้อความมาบ่น ว่าทำงานวันแรกก็ดึกเลย ญาดาไม่มีปัญหาอยู่แล้วหากต้องกลับเอง หากฝนไม่ตกเธอก็ไม่ลำบาก แล้วตอนนี้เธอก็บอกรหัสให้ชายหนุ่มกดเข้าห้องเองได้อย่างสะดวกแล้วด้วย ทว่าเขาก็จะส่งข้อความบอกก่อนล่วงหน้าเช่นเคย เพื่อที่เธอจะได้มั่นใจว่าเป็นเขาไม่ใช่คนอื่นพยายามจะเข้าห้องชายหนุ่มเพียงสบตากับเธอแล้วยิ้มบาง ก่อนจะเดินอ้อมโซฟามานั่งข้างๆ“โกรธที่ไม่โพสต์ให้เห็นหน้าหรือเปล่า”สายตากับสีหน้าคนพูดดูก็รู้ว่าแกล้งเย้าเธอ ญาดาจึงส่ายหน้าแล้วยิ้มให้“ดูสวยเหมือนไม่ใช่พริกเลย”“แน่ะ แกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าตัวเองสวย”พริษฐ์แซวพร้อมกับจับข้างแก้มนุ่มดึงเบาๆ“พริกกดตามวินไปแล้วนะ”เธอแค่รู้สึกว่าตนเองควรทำ คิดว่าเธอกับพริษฐ์ต้องเรียนรู้เรื่องส่วนตัวของกันและกันให้มากกว่านี้ และเธอก็อยากรู้หลายอย่างเกี่ยวกับ อีกฝ่าย“หืม? งั้นเหรอ”พริษฐ์หยิบมือถือในกระเป๋ามาดู แล้วเห็นว่ามีแจ้งเตือนจริง
“แหม หวานเชียวนะ ไม่คิดว่าคุณพริษฐ์จะมีโมเมนต์นี้”กุลนารีดูโซเชียลระหว่างนั่งรออาหารกับเธอแล้วเอ่ยขึ้นญาดาขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ ขณะที่เพื่อนส่งมือถือของตนเองมาให้ เธอจึงรับมาดูแล้วก็ถึงกับอึ้ง หน้าค่อยๆ ร้อนขึ้นกับสิ่งที่เห็น“เขาตั้งใจโพสต์แต่ภาพด้านหลังพริกล้วนๆ เลย แถมยังสวยทุกรูป โรแมนติกมากอะ”เพื่อนสาวทำท่าเคลิ้มขณะพูด“ตอนนี้มีแต่คอมเมนต์อยากเห็นหน้าผู้หญิงทั้งนั้น ส่วนเพื่อนผู้หญิงของเขาก็บอกว่าอิจฉา อยากได้รูปสวยแบบนี้บ้าง”แต่ละภาพที่พริษฐ์โพสต์เป็นภาพด้านหลังที่เธอไม่รู้ว่าชายหนุ่มถ่ายเอาไว้ เขาเก็บภาพไว้ในทุกบรรยากาศเลยทีเดียว ทุกภาพสวยจริงอย่างที่ กุลนารีพูดจนญาดายังไม่คิดว่านั่นเป็นตัวเองด้วยซ้ำ แถมยังมีภาพคู่ที่ไม่เห็นหน้าอีกด้วย ระดับความหวานพุ่งปรี๊ดจนเจ้าตัวเองยังเขิน แค่เธอเห็นจากที่เขาส่งมาให้ก็ใจหวิวแล้ว นี่ชายหนุ่มยังโพสต์เต็มหน้าโซเชียลของเขาอีก เห็นแล้วทำเอาญาดาทำหน้าไม่ถูก ไม่กล้าสบตาเพื่อนเลยทีเดียวที่สำคัญเขาใช้รูปที่เธอถ่ายให้เป็นโปรไฟล์อย่างที่บอกจริงๆกุลนารีมองคนที่เอาแต่จ้องมือถือ จะยิ้มก็ไม่ยิ้ม กัดริมฝีปากล่าง หน้าแดงระเรื่อแล้วก็ถอนหายใจยาว“อะไร