“พี่จะไปไหนก็ไปสิวะ เดี๋ยวหนูก็กลับแล้ว แค่ลืมของไว้บนห้องเรียนเฉย ๆ เหอะ” แน่นอนว่าฉันโกหกเพราะฉันไม่อยากจะโดนไอ้พี่บ้านี่มันลากกลับ
ฉันกับพี่แบล็คเราสนิทกันตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว สมัยก่อนบ้านเราอยู่ติดกัน และอีกอย่างที่แม่ฉันยังคงติดต่อให้พี่แบล็คมารับมาส่งฉันก็เพราะ แม่ฉันกำลังพยายามจับคู่ให้เราสองคนนะสิ
แต่ฉันกับพี่แบล็คเราเป็นได้มากสุดแค่พี่น้องกันเท่านั้น เป็นมากกว่านี้ไม่ได้อย่างแน่นอน แม่ฉันกับแม่พี่แบล็คสนิทกันมาก จนคิดจะหมั้นหมายเราสองคนแล้ว
แม่ฉันไม่รู้หรอกว่าไอ้พี่บ้านี่มันโคตรจะอันธพาลมากแค่ไหน เวลาอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่นะพี่เขามักจะทำตัวดีมาก แต่ลับหลังนะไม่อยากจะบอก แกล้งฉันหนักฉิบหาย -*- แถมยังชอบต่อยตีกับมหา’ลัยอื่น จนได้ฉายาอันธพาลมาอีกด้วย
“พี่แบล็ค! มัวแต่จีบหญิงอยู่นั่น พี่โลคารอนานแล้วนะโว้ยพี่!” เสียงผู้ชายหน้าตี๋คาดว่าอายุน่าจะประมาณฉัน เขากำลังตะโกนโหวกเหวกเสียงดัง ฉันจึงขยับตัวไปมองทางด้านหลังของพี่แบล็คนิดหน่อย เพราะอยากจะเห็นหน้าพี่โลคาก่อนจะกลับบ้าน อร้าย…แค่เห็นก็มีกำลังใจแล้ว ><’
“อย่าให้กูรู้ว่ามึงโกหกจนแม่กูต้องโทรมาตำหนิกูนะ ไม่งั้นมึงเจอดีแน่ไอ้เน่” ไอ้พี่แบล็คหันหามาชี้ขู่ฉันที่เอาแต่ยืนยิ้มไม่สนใจ เพราะฉันกำลังยื่นมองพี่โลคาอยู่ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่พี่แบล็คมันเข้ามาตบหัวนี่แหละ
“เจ็บนะโว้ย!” ฉันลูบหัวตัวเองป้อย ๆ ไอ้พี่บ้านี่มันมือหนักไม่เปลี่ยนเลย แถมยังมาตบหัวผู้หญิงอย่างฉันกลางแจ้งอีก เขาไม่กลัวจะมีคนคิดว่าตัวเองทำร้ายร่างกายผู้หญิงเลยใช่มะ -..-
“มัวแต่ยืนยิ้มมองไอ้โลคาอยู่ได้ อย่างกับคนบ้า ไปเลย ไหนว่ามึงต้องไปเอาของไง?” พี่แบล็คพูดดักทางอย่างรู้ทัน ไอ้พี่นี่มันรู้ว่าฉันแอบชอบพี่โลคาเหมือนกัน ฉันเคยขอเบอร์พี่โลคาจากไอ้พี่แบล็คนะ แต่แม่ง! พี่เขาไม่ให้ความร่วมมือเลย แถมยังมีหน้ามาตัดกำลังใจกันโดยพูดว่า ‘โง่แบบมึงไอ้โลคาไม่สนใจหรอก’ อีกด้วยนะ ฮึ่ย! มันน่านัก!
“ชิ!” ฉันสะบัดผมแรง ๆ ใส่พี่บ้านี่ไปหนึ่งทีก่อนจะรีบวิ่งออกไปจากตรงนี้ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าฉันลืมของไว้จริง ๆ โอ๊ยยัยงั่งเอ๊ยดันลืมมือถือตัวเองไว้บนห้องเรียนซะได้ ถึงว่าทำไมไม่รู้สึกถึงการสั่นของมือถือเลย เวลาแบบนี้แม่ฉันจะต้องโทรมาด่าแล้วว่าให้รีบกลับไปช่วยงาน ตาย ๆ
โลคา Talk
ผมยืนมองเด็กผู้หญิงตัวเตี้ย ๆ คล้ายกับหนูแฮมเตอร์วิ่งออกไป หลังจากที่เห็นว่าไอ้แบล็คเพื่อนสนิทของผมตบลงที่หัวของเธออย่างแรง ถ้าจำไม่ผิดยัยนั่นน่าจะเป็นเพื่อนกับน้องด้า เพราะผมมักจะเห็นว่าเธอคนนั้นมานั่งรอน้องด้าเป็นประจำ ไม่ยักรู้ว่าไอ้แบล็คก็รู้จักยัยนั่นด้วย
แต่เอาเถอะผมไม่อยากสนใจอะไรมากมาย เพราะหลังจากที่เด็กคนนั้นวิ่งออกไป ไอ้แบล็คมันถึงจะหันหลังเดินกลับมา สงสัยจะเป็นเด็กของไอ้แบล็คอย่างที่ไอ้รุ่นน้องคนนี้มันพูดนั้นแหละ ส่วนรุ่นน้องที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ผม น่าจะเป็นน้องรหัสของไอ้แบล็คละมั้ง
ก่อนอื่นผมขอแนะนำตัวเองก่อน ผมชื่อว่า โลคา และไอ้ผู้ชายหน้าโหดที่กำลังเดินมาทางผมชื่อว่าไอ้แบล็ค มันเป็นเพื่อนสนิทผมเอง คนอื่นอาจจะรู้สึกแปลกใจว่าทำไมพวกผมถึงเป็นเพื่อนสนิทกันได้
ไม่ใช่แค่พวกคุณหรอกนะที่รู้สึกแปลก ผมเองก็ยังงงเลย ว่าทำไมถึงเป็นเพื่อนสนิทกันได้ เรื่องมันมีอยู่ว่าครั้งหนึ่งผมเคยโดนคนดักทำร้ายจากพวกต่างโรงเรียน ใช่ครับพวกเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยมแล้ว ตอนนั้นผมไปแข่งอะไรเกี่ยวกับวิทย์นี่แหละ แล้วชนะได้อันดับหนึ่งมา อีกโรงเรียนไม่พอใจเลยส่งคนมาดักทำร้ายผม
แต่ดีที่ไอ้แบล็คมันเข้ามาช่วยผมไว้ก่อน ผมเลยไม่ได้โชว์ฝีมือเทควันโดสายดำขั้นสูงให้พวกมันได้เชยชมเลย จากเรื่องนั้นเลยทำให้ผมกับมันสนิทมาก จนถึงขั้นที่มีเพียงมันเท่านั้นที่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของผมที่ถูกซ่อนเอาไว้ ผมไม่ได้เป็นเพียงแค่เด็กเนิร์ดเด็กเรียนอย่างเดียวหรอกนะครับ
เย็นวันต่อมา...
เลเน่ Talk
ฉันนั่งเหม่อลอยมองดูนู่นนี่ไปเรื่อย ระหว่างที่รอยัยด้ากำลังเข้าแล็ปหรืออะไรสักอย่างอยู่ ฉันมานั่งรอมันนานแล้วแหละ เห็นว่าวันนี้มันจะพาฉันไปเลี้ยงข้าวด้วย เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มันไม่ค่อยมีเวลาให้ฉันเหมือนเมื่อก่อน
เอาจริง ๆ ฉันก็เข้าใจมันนะว่าช่วงนี้มันเรียนหนักมาก ฉันไม่ได้คิดโทษโกรธอะไรมันเลย มีแต่มันนั่นแหละที่คิดเองเออเอง จนฉันเลยต้องยอม ๆ นางไป เอาที่นางสบายใจแล้วกัน
ตอนนี้เวลาก็ผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้วที่ยัยด้ายังไม่ลงมาอีก ฉันหิวจนจะปวดท้องแล้วน้า ยัยบ้า Y^Y
“มาแล้วแก!” เสียงยัยเพื่อนตัวดีลอยมาแต่ไกล พร้อมกับร่างเล็กนั้นกำลังวิ่งปรี่มาทางฉันอย่างไว จนฉันนึกสงสารกลัวว่าเพื่อนจะสะดุดล้มก่อนจะมาถึงฉัน
“ช้ามาก! ฉันหิวจนจะอาละวาดเป็นหมาบ้าแล้วนะ อุตส่าห์เก็บท้องไว้ ตอนกลางวันฉันไม่ได้กินข้าวเลยนะเว้ย!” ฉันบ่นยัยด้าไปชุดใหญ่ แต่ยัยนั่นทำเพียงยิ้มแหย ๆ มาให้ฉันแทน
“ปะ ๆ อย่าบ่นมากน่า” มันรีบเข้ามาเกาะแขนฉัน ก่อนจะออกแรงดึงฉันให้เดินตามมันไป ทางที่ยัยด้าพามาน่าจะเป็นทางที่ไปตรงโรงจอดรถละมั้งถ้าจำไม่ผิดนะ ทุกคณะจะมีโรงจอดรถไว้ให้กับนักศึกษาเสมอ ว่าแต่วันนี้ยัยด้าเอารถมาเหรอเนี่ย ทุกทีฉันเห็นคนที่บ้านนางมักจะส่งรถมารับตลอด
ยัยด้าคุณหนูจะตาย บ้านนางรวยมาก รวยกว่าฉันอีกนะจะบอกให้ บ้านฉันคือแบบธรรมดา ๆ ฐานะปานกลาง ไม่ได้แย่ และก็ไม่ได้รวยเว่อร์วังอะไร ฉันใช้ชีวิตอยู่กับแม่สองคน ส่วนพ่อฉันเสียไปตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว
“นี่แกเอารถมาเหรอยัยด้า?” ฉันหันไปถามมัน ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาฉันไม่เคยเห็นมันขับรถเลยสักครั้ง ฉันจะมั่นใจได้อย่างไรว่ายัยเพื่อนบ้านี่จะไม่พาฉันไปตายซะก่อน
“อย่าถามมากน่า ไปถึงแล้วเดี๋ยวก็รู้เองนั่นแหละ ไว ๆ” มันยังคงลากฉันต่อ จนมาหยุดอยู่ตรงรถหรูสีดำสนิทที่กำลังติดเครื่องไว้อยู่ ฉันไม่สามารถมองเข้าไปด้านในได้เนื่องจากฟิล์มกระจกที่มืดดำสนิท ทำให้ฉันไม่สามารถเห็นอะไรในรถได้เลย
ว่าแต่ยัยบ้านี้จะติดเครื่องรถไว้ทำซากอะไรเนี่ย บุญแค่ไหนแล้วที่ไม่มีใครมาขโมยขับรถของนางออกไป
“ยัยด้า แกเป็นบ้าหรือไง สตาร์ทรถไว้ทำไม เกิดมีคนขึ้นไปแล้วขับออกไปเลยจะทำไงหา!” ฉันบ่นมันไปชุดใหญ่ ส่วนมันก็เอาแต่มองฉันยิ้ม ๆ ยังมีหน้ามายิ้มอีก ให้ตายสิ พอมันทำท่าทางเหมือนกับว่าให้ฉันเลิกบ่นแล้วเปิดประตูเข้าไปได้แล้ว ฉันเลยต้องจำใจละความสนใจจากมัน ก่อนจะเปิดประตูหลังแทน
เพราะมันเดินไปเปิดประตูข้างคนขับแทน เดี๋ยวนะ มันไปนั่งข้างคนขับ แสดงว่า...
“…!!!...” ฉันรีบเปิดประตูทันทีเพราะต้องการคำตอบว่าใครกันที่นั่งอยู่ในรถ แต่พอก้มลงไปมองเท่านั้นแหละฉันก็ต้องตกใจสตั๊นไปหลายวินาทีเลย นี่มัน...
“พี่หิวไหมคะ เดี๋ยวเน่จะได้ไปจัดโต๊ะให้” ฉันเดินเข้าช่วยพี่โลคาถอดเสื้อนอกออก จากนั้นก็ถือเสื้อนอกไว้ในมือตัวเอง พลางถามคนตรงหน้าที่เพิ่งกลับมาจากที่ทำงานเหนื่อย ๆพี่โลคาตอนนี้ขึ้นทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาลแทนแม่พี่เขาแล้ว พ่วงด้วยดูแลมหา’ลัยแยกอีก แต่ดีที่การดูแลมหา’ลัยไม่ได้ลำบากมากนัก เพราะการเป็นอธิการบดีไม่จำเป็นต้องเข้าไปดูแลทุกวันเหมือนกับโรงพยาบาล จึงไม่ใช่งานหนักอะไรพี่โลคาของฉันไม่ได้จบปริญาโทเท่านั้น แต่พี่โลคาใฝ่เรียนจนจบเด็กเตอร์เหมือนกับพ่อแม่ของตัวเองได้ในอายุที่ยังน้อย ส่วนฉันจบตรีได้ก็ถือว่าบุญมากแล้ว T^T“ครับ มานี่ก่อนเร็ว” ฉันเดินเข้าไปหาพี่โลคาด้วยสีหน้ายิ้ม ทุกครั้งที่พี่เขากลับมักจะอ้อนแบบนี้ตลอด ฉันรู้ดีว่าพี่เขาจะทำอะไร เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมาพี่เขาก็มักจะทำแบบนี้เสมอเวลาที่กลับมาบ้านหรือว่าจะออกไปทำงานฟอด~ “หายเหนื่อยเลยครับ” ปากหวานตลอด ฉันไม่อยากจะบอกเลยว่ายิ่งอยู่กับพี่โลคานานขึ้นพี่โลคาก็มักจะทำอะไรที่ฉันไม่คาดคิดมาก่อนเสมอ ไม่ว่าจะชอบชมฉัน ชอบเซอร์ไพรส์ทุกครั้งที่เป็นวันเกิดหรือวันครบรอบ เอาเป็นว่าพี่เขาโรแมนติกมากขึ้นเรื่อย ๆ เ
“รับผิดชอบยัยหนูด้วยการหมั้นไงละครับ” หมั้นอย่างนั้นเหรอ! “หา! หมะ...หมั้นเหรอคะ!” ฉันมองแม่พี่โลคากับพี่โลคาสลับกันไปมาด้วยความตกใจ “เรียนจบเมื่อไหร่แม่สัญญาว่าจะรีบจัดงานแต่งงานให้ไวที่สุดเลย เพราะงั้นหนูเลเน่รีบเรียนให้จบไว ๆ นะลูก ส่วนเรื่องมหา’ลัยถ้าหนูอยากกลับมาเรียนที่เดิมก็ไม่เป็นปัญหา แม่จะไปคุยกับพ่อพี่เขาให้เอง” เรื่องหมั้นฉันยังตกใจไม่หาย นี่มาเรื่องเรียนจบแล้วแต่งงานอีก ให้ตายเถอะ “เอ่อ...คือว่า เรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่ หนูคงต้องขอคุยกับแม่ก่อนค่ะ” ฉันพูดออกไปด้วยความนอบน้อม เรื่องหมั้นเรื่องแต่งงานมันเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก แถมวันนี้แม่ฉันก็ไม่ได้มานั่งฟังด้วย เพราะงั้นฉันต้องไปเล่าให้แม่ฟังก่อน “เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเลย เดี๋ยวแม่จะไปคุยกับพราวเองจ้ะ” ฉันยิ้มให้แม่พี่โลคา แต่ภายในใจก็รู้สึกกังวลกลัวว่าแม่ฉันจะไม่ยอม เอาจริงแล้วฉันดีใจมากที่จะได้หมั้นกับพี่โลคา แต่แค่กลัวว่าที่พี่เขาทำแบบนี้มันจะเป็นเพราะโดนบังคับให้ทำหรือเปล่า พี่เขาเต็มใจใช่ไหม...เวลา 13.23 น. “พี่โลคาแน่ใจแล้วเหรอคะว่าอยากจะหมั้นกับเน่จริ
ผลั๊ก! เสียงกระชากเปิดประตูของฉันดังขึ้น เรียกความสนใจให้สองแม่ลูกที่นั่งอยู่ตรงโซฟาต่างหันมามองที่ฉันเป็นทางเดียว ฉันพยายามใช้มือลูบผมที่กำลังยุ่งให้ดูเรียบร้อยขึ้นแล้วเดินไปยกมือไหว้แม่พี่โลคาด้วยท่าทางเกร็ง แม่พี่โลคาเองก็พยักหน้ารับไหว้ฉันเหมือนกัน “หนะ...หนูอธิบายได้นะคะ ท่านกำลังเข้าใจผิด” ฉันพูดด้วยเสียงตะกุกตะกัก รีบเดินไปทางแม่พี่โลคาเพื่อจะอธิบายเรื่องนี้ไปในทางที่ดี แม้ฉันจะต้องโกหกท่านก็เถอะ แต่เพื่ออนาคตพี่เขาแล้วฉันจะทำตัวน่าสงสัยแบบนี้ไม่ได้ “ไม่ต้องอธิบายอะไรทั้งนั้น เห็นเต็มสองตาขนาดนี้ยังจะแก้ตัวอะไรได้อีก” แม่พี่โลคาพูดในขณะที่สายตายังคงจ้องหน้าลูกชายตัวเองด้วยความโมโห “ท่านคะ! เป็นความผิดหนูเองค่ะ คือ...คือหนูอะ...อ่อยพี่เขาค่ะ! หนูสัญญาค่ะว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก” ฉันวิ่งเข้าไปนั่งกอดขาแม่พี่โลคาพลางพูดรัวพูดมั่วไปหมด คิดอะไรได้ก็พูดเพื่อให้พี่โลคาไม่ซวย “ยัยหนู!/หนูเลเน่!” ฉันมองทั้งสองคนด้วยความงุนงง เนื่องจากทั้งสองต่างพากันเข้ามาจับฉันให้ยืนขึ้น “เลเน่ ทำไมหนูทำแบบนี้ละลูก” ฉันมึนเ
“อ๊า” ฉันนอนหอบหายใจเมื่อตัวเองได้ปลดปล่อยบางอย่างออกมา ฉันรู้สึกโล่งตัวอย่างบอกไม่ถูก แต่เพียงแค่แป๊บเดียวเท่านั้น เพราะตอนนี้ฉันกำลังจะกลับมาเกร็งอีกรอบเมื่อเห็นว่าพี่โลคาขยับตัวลงมานั่งติดกับส่วนนั้นของฉัน “พะ...พี่โลคา” ฉันพูดด้วยเสียงหอบหมายจะห้ามพี่เขา แต่ทำไมเหมือนกับว่าตรงส่วนนั้นมันขยายใหญ่มากขึ้นกว่าเดิมได้ล่ะ แถมมัยยังกระตุกขยับไปมาเล็กน้อยอีกด้วย “รู้ตัวไหมเวลาที่ยัยหนูนอนพูดด้วยสีหน้าแบบนั้นมันทำให้พี่มีอารมณ์มากขึ้นแค่ไหน” พี่โลคาชักรูดส่วนนั้นของตัวเองพลางมองหน้าฉันไปด้วย ไม่นานพี่โลคาก็ใช้แขนมาค้ำยันลงที่ข้างหูฉัน อีกมือก็จัดการจับเจ้าส่วนนั้นของพี่โลคามาถูที่น้องสาวสุดหวงของฉันไปด้วย “อือ ดะ...เดี๋ยวสิคะ” แม้ฉันจะร้องห้ามแต่ขาทั้งสองข้างของตัวเองกลับขยับออกห่างเองโดยอัตโนมัติ เพื่อให้สิ่งนั้นถูไถได้ง่ายขึ้น “ชอบเหรอครับ” พี่โลคายิ้มมุมปาก พลางก้มหน้าจ้องมองฉันที่กำลังใช้มือปิดปากตัวเองไว้เพราะไม่อยากส่งเสียงน่าเกลียดออกมา แต่ภายในใจจริง ๆ ก็กำลังก่นด่าตัวเองด้วยที่ดันไปขยับขาออกเพื่อรับสัมผัสอย่างน่าอับอาย “ส
“ปล่อย” ฉันพูดด้วยเสียงนิ่งและจริงจังเพื่อให้อีกคนรับรู้ว่าฉันไม่ได้พูดเล่น ส่วนพี่โลคานางก็เลิกยุกยิกกับฉันเลยเมื่อเห็นว่าฉันเริ่มจะไม่มีท่าทีเล่นแล้ว “ยัยหนู...” พี่โลคากอดเอวฉันจากทางด้านหลังไว้หลวม ๆ พลางเกยคางไว้บนไหล่ของฉัน จากนั้นนางก็เริ่มเรียกฉันแบบที่ชอบเรียกด้วยเสียงอ้อน “ออกไป เน่ขอร้อง” เสียงของฉันเริ่มจะสั่นเครือแล้ว ความรู้สึกของฉันมันเริ่มจะไม่เชื่อฟังตัวฉันซะแล้ว ยอมรับเลยว่าวันนี้ฉันรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมาก แต่มันเป็นความสุขที่ฉันจะต้องเก็บเอาไว้ภายใต้จิตใจของฉัน ฉันพยายามแสดงออกให้พี่เขาเห็นมากที่สุดว่าฉันไม่ต้องการกลับไปยุ่งกับพี่เขาแล้ว “อย่าไล่พี่ ยัยหนูไม่รักพี่แล้วงั้นเหรอ” ฉันจุกกับคำพูดของพี่เขาจนตัวเองนั่งนิ่งเงียบไป ไม่รักงั้นเหรอ เหอะ! ถ้าฉันไม่รักพี่เขาฉันก็คงไม่ยอมให้ตัวเองมาทรมานแบบนี้หรอก “…” พี่โลคาจับฉันให้นั่งหมุนตัวหันไปตรงหน้าพี่เขา เราสองคนต่างมองตากันด้วยความรู้สึกที่ต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่าอีกคนคิดอย่างไรกับเรา ใบหน้าพี่เขาเริ่มเลื่อนเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นเรื่อย ๆ “คิดถึง” พี่
กลับไปก็ต้องรีบไปทำควิซอีก เพื่อเก็บคะแนนตรงนี้ให้เป็นคะแนนช่วยเวลาที่คะแนนสอบออกมาได้ไม่ดีอะไรแบบนี้ วิชานี้เป็นวิชาที่ยากมากพอสมควรเลยคอนโดเลเน่ พอฉันเปิดประตูเข้าไป จมูกก็ได้กลิ่นหอมออกมาจากทางห้องครัว ไม่ต้องบอกก็พอเดาได้ว่าใครเข้ามาในห้องของฉันถ้าไม่ใช่พี่โลคา ส่วนที่นางเข้ามาได้อย่างไรอันนี้ฉันคงไม่ต้องไปคิดให้ปวดหัว คงจะใช้อำนาจอีกนั่นแหละ “กลับมาแล้วเหรอครับ หิวไหม?” พี่โลคาหันกลับมามองฉันที่เดินตามกลิ่นหอมยั่วยวนนี้เข้ามาในห้องครัว ฉันแอบตกใจและแปลกใจเล็กน้อยเมื่อได้เห็นพี่โลคาในมุมที่ใส่ชุดแบบนี้ พี่เขาสวมผ้ากันเปื้อนลายกระต่ายสีชมพูของฉันอยู่นะสิ อยากขำนะแต่ต้องเก๊กหน้านิ่งเอาไว้ก่อน “ใครอนุญาตให้พี่เข้ามาทำอาหารในนี้กันคะ” ฉันยืนกอดอกพูดกับพี่เขาด้วยน้ำเสียงเข้มแบบที่พี่เขาเคยทำใส่ฉัน “พี่อนุญาตตัวเอง ไปนั่งรอก่อนจะเสร็จแล้ว” คนหน้ามึนพูดจบก็หันกลับไปทำกับข้าวต่อโดยไม่สนใจเลยว่าฉันยืนจ้องตาเขม็ง สุดท้ายฉันก็ต้องยอมแพ้ออกมานั่งเปิดโน้ตบุ๊กเพื่อทำควิซแทน “ยากจัง” ฉันนั่งทำควิซมาได้สักพักแล้วแต่ก็ยังไม่เ