“ขอบคุณที่เดินมาส่งหนูนะคะพี่คา” ยัยด้าพูดขอบคุณคนที่เดินมาส่งเธอเสียงดังอย่างลืมตัว จนนักศึกษาอื่นที่กำลังนั่งอยู่ใต้อาคารได้ยินเข้าก็ต่างพากันหันมามองที่เธอด้วยสายตาริษยา ก็นะ...แต่ว่าไม่ใช่สำหรับฉันหรอก เพราะฉันเข้าใจดีว่าทำไมยัยด้าถึงได้ดูสนิทสนมกับพี่โลคา
งั้นฉันขอแนะนำตัวก่อนเลยนะ ฉันชื่อว่า เลเน่ หรือจะเรียกว่า เน่ เฉย ๆ ก็ได้ อย่างที่บอกไปว่าฉันไม่ได้เรียนที่คณะนี้หรอก แต่ฉันเรียนที่คณะคณะศิลปศาสตร์นู่น ซึ่งอยู่ห่างไกลจากคณะนี้มาก ส่วนคนที่กำลังเดินอยู่ข้างฉัน เธอชื่อว่า แพนด้า เธอเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวของฉัน เราทั้งสองคนเรียนจบมัธยมมาด้วยกัน จนเข้ามหา’ลัยก็เข้าที่เดียวกัน แต่แค่คนละคณะนะ
ก็เพราะว่าฉันหัวสมองไม่ดีเหมือนเธอนะสิ แค่เข้ามหา’ลัยดังอย่างอาร์เธอร์ได้ก็เล่นฉันแทบจะกระอักเลือดตายอยู่แล้ว ทุกคนรู้ไหมมหา’ลัยนี้ติดอันดับว่าสอบเข้ายากที่สุดในประเทศไทย แล้วยิ่งคณะวิทย์อย่างที่ยัยนี่กำลังเรียนอยู่นะไม่ต้องพูดถึงเลย เพราะงั้นฉันติดที่นี่ได้ถือว่าเป็นบุญมาก ๆ แล้ว T^T
แน่นอนว่าฉันไม่ได้อยากเข้ามาที่มหา’ลัยนี้เพื่อจะได้อยู่กับเพื่อนรักอย่างเดียวหรอกนะ ที่ฉันตั้งใจอดหลับอดนอนอ่านหนังสือแทบจะกลายเป็นบ้า ก็เพราะพี่โลคาเรียนอยู่ที่นี่ด้วยนะสิ
ฉันน่ะแอบชอบพี่เขาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้ว พี่เขาทั้งหล่อ ทั้งเก่ง เพอร์เฟกต์ทุกอย่าง และโคตรจะป็อบในหมู่รุ่นน้องและรุ่นเดียวกันเป็นอย่างมาก ฉันถึงได้บอกไงว่าฉันไม่ได้แอบชอบเขาเพียงคนเดียวหรอก แต่คนอื่น ๆ ก็แอบชอบพี่เขาทั้งนั้น
ทั้งที่พี่เขาโคตรจะหยิ่งเลยก็เถอะ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับฉัน ที่แอบชอบพี่เขามาตั้งหลายปีเลยสักนิด ^^ อ้อ! และที่ยัยด้าดูสนิทสนมกับพี่เขาก็เพราะว่าครอบครัวเธอกับครอบครัวพี่เขารู้จักกัน ฉันนี่อิจฉายัยด้าชะมัด นอกจากจะได้สนิทสนมกับพี่โลคาแล้วยัยด้ายังได้เรียนคณะเดียวกันกับพี่โลคาอีกด้วย อิจฉาชะมัด!
ฉันทำได้เพียงอิจฉาเท่านั้นแหละ เพราะหัวสมองตัวเองไม่ถึงขั้นนั้นเลยได้เรียนที่คณะที่ตัวเองไหวก็โอเคแล้ว แต่ฉันละนับถือความฉลาดของเพื่อนตัวเองเลยนะที่สอบเข้าคณะนั้นได้ แถมยังเรียนเป็นภาคอินเตอร์อีกด้วย โคตรจะเก่งเลย
พี่โลคาก็เก่งนะ โบราณถึงบอกไงว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ก็เพราะพ่อของพี่โลคาเป็นเจ้าของมหา’ลัยนี้นะสิ แถมยังเป็นนักวิจัย นักวิชาการ นักเชี่ยวชาญ เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์อีกด้วย ไม่พอนะแม่ของพี่เขายังเป็นเจ้าของโรงพยาบาลสุดหรูอย่าง LK Hospital อีก ชีวิตครอบครัวพี่เขาช่างเพอร์เฟกต์สุด ๆ ><’
“ทำหน้าตาพึลึกคนจังนะยัยเน่” ดูยัยเพื่อนตัวดีนี่สิ มันน่านัก!
“อิจฉาแกจังวะได้เรียนคณะเดียวกันกับพี่โลคา ไม่พอยังได้เป็นน้องรหัสพี่เขาอีก โอ๊ยอิจฉาโว้ย!” ฉันพูดออกไปเสียงดังอย่างไม่คิดจะอายคนอื่น ยัยด้าเลยยกมือขึ้นมาตีแขนฉันเบา ๆ ด้วยความเขินอายที่ฉันพูดเสียงดัง แต่ฉันไม่สนใจหรอกย่ะ
“เบา ๆ สิยัยบ้า เสียงดังขนาดนี้เดี๋ยวพวกรุ่นพี่ก็ได้พากันเข้ามาตบฉันหรอก” ฉันไม่แปลกใจหรอกว่าทำไมยัยนี่ถึงได้พูดขึ้นมาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ก็เพราะยัยนี่สนิทกับพี่โลคามาก คนอื่นเลยต่างพากันอิจฉาหมั่นไส้ แต่ก็อย่างที่บอกฉันไม่คิดจะหมั่นไส้เพื่อนตัวเองหรอก เพราะยัยนี่ไม่ได้ชอบพี่โลคาสักหน่อย ฉันเลยสบายอกสบายใจไป
ทำไมฉันถึงรู้ว่ายัยนี่ไม่ได้ชอบพี่โลคานะเหรอ ก็เพราะยัยด้าเป็นคนบอกฉันเองนะสิว่าเธอมีคนที่ชอบอยู่แล้ว แต่เธอไม่ได้บอกอะว่าเธอชอบใคร ส่วนฉันเองก็ไม่อยากไปจูจี้อะไรเพื่อน ก็เลยปล่อย ๆ นางไป
“แล้วนี่แกจะกลับบ้านเลยใช่ปะ” ฉันเอ่ยถามยัยด้าออกไป ส่วนยัยด้าก็ทำท่าทางนึกอยู่สักพักถึงก่อนจะตอบออกมา
“ยังอะ ฉันต้องเข้าบริษัทไปช่วยงานแม่ก่อน” ฉันพยักหน้าเป็นการรับรู้ในสิ่งที่ยัยด้าพูด ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือผิดจากคำตอบที่ฉันคิดไว้ในหัวฉันสักเท่าไหร่ ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาหลายปี ทุกครั้งที่ยัยนี่เลิกเรียนก็มักจะกลับไปช่วยงานแม่ของเธอเสมอจนฉันชินแล้ว
“แกอะ” ยัยด้าหันมาถามฉันบ้าง ฉันเลยได้แต่ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายกลับไป
“เหมือนเดิม” เหมือนเดิมในที่นี้คือฉันก็คงต้องไปโรงเรียนสอนเกี่ยวกับแฟชั่นต่อนะสิ ไม่ใช่เพราะฉันไปลงคอร์สเรียนอะไรหรอกนะ แต่แม่ฉันเป็นเจ้าของโรงเรียนนั้น เพราะงั้นเวลาเลิกเรียนฉันก็ต้องไปหาแม่ที่นั่นมากกว่ากลับบ้าน และที่ฉันต้องถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อ ๆ ก็เพราะไปที่นั่นทีไรฉันต้องไปนั่งฟังแม่พูดถึงเรื่องผู้ชายตลอด แม่ฉันมักจะหาลูกชายเพื่อนตัวเองที่ฐานะการศึกษาดีนู่นนี่บลา ๆ มาพูดใส่สมองฉันตลอด จนฉันเบื่อแสนเบื่อแล้ว
“ถอนหายใจแบบนี้ แม่แกยังไม่เลิกจับคู่ให้แกอีกเหรอวะ” ยัยนี่รู้ดีตลอดดดด
“เออดิ ไม่งั้นฉันจะมายืนถอนหายใจแบบนี้เหรอ เบื่อชะมัด” ฉันพูดออกไปแบบเซ็งสุด ๆ และที่ฉันไม่สามารถบอกแม่ได้ว่าฉันมีคนที่แอบชอบอยู่แล้ว ก็เพราะฉันยังไม่พร้อมตอบคำถามของแม่
ไว้ฉันมีความกล้าพอก่อนฉันค่อยบอกท่านไป และฉันก็เป็นฝ่ายแอบชอบพี่เขา ส่วนพี่เขาไม่ได้ชอบฉันสักนิด เพราะงั้นถ้าบอกแม่ไป แม่ฉันจะต้องยุยงให้เลิกชอบไปซะแน่ ๆ แถมคงได้โดนด่าว่าเสียเวลาอีกด้วย แต่ทำไงได้ฉันชอบพี่เขาไปแล้ว ฉันไม่สามารถชอบคนอื่นได้อีกนี่น่า
“เอ๊ะ! รถที่บ้านมาพอดี ฉันไปก่อนนะแก เจอกัน“ ฉันพยักหน้าพร้อมกับโบกมือให้มันไป และไม่ลืมที่จะส่ายหัวไปมากับท่าทางของยัยเพื่อนรัก ที่กุลีกุจอวิ่งไปที่รถอย่างไม่ห่วงความสวยตัวเองสักนิด
พอมองยัยเพื่อนตัวดีนั่งรถออกไปจนลับตาแล้วฉันจึงหมุนตัวหมายจะเดินกลับเข้ามหา’ลัยอีกรอบ แต่ก็ต้องหยุดเดินเมื่อรู้สึกว่ามีมือของใครบ้างคนมาจับเข้าที่ข้อมือของฉันไว้ ถ้าคิดไม่ผิดละก็...
“จะไปไหน?” ฉันหันกลับไปมองผู้ชายร่างสูงกำยำที่มีใบหน้าหล่อไม่แพ้พี่โลคาของฉันสักนิด แต่นายนี่จะออกแนวแบดบอยไปหน่อย แถมยังเจาะหูเจาะคิ้วอีก ไม่พอนะการแต่งตัวของเขาก็แต่งตัวอย่างกับพวกนักเลงหัวไม้ และก็ยังทำสีผมที่ผิดระเบียบนั่นอีกด้วย
ถึงจะอย่างไรก็เถอะ ไม่มีอาจารย์คนไหนเข้ามาว่าหรือตักเตือนอะไรนายคนนี้หรอกนะ เฮ้อก็ไม่แปลกหรอก เพราะนายนี้มันเป็นอันธพาลที่ได้ฉายาว่าโหดที่สุดในมหา’ลัยนี้แล้ว แถมยังเป็นเพื่อนสนิทกับพี่โลคาอีกด้วยนะ เชื่อเขาเลยสิ!
“ปล่อยเลยนะไอ้พี่แบล็ค” ฉันพยายามสะบัดมืออกจากการจับกุมของคนตรงหน้าอย่างโมโห และหงุดหงิดที่พี่เขาเข้ามาจับฉันไว้แบบนี้ คงไม่พ้นโดนแม่ฉันสั่งมาแน่ ๆ ทำไมนะทำไมไม่เป็นพี่โลคาเพื่อนของพี่แบล็คแทน ที่มาจับข้อมือฉันไว้ ไยพระเจ้าส่งไอบ้านี่มาแทนเนี่ย
“มึงคิดจะหนีคุณป้าอีกแล้วใช่ไหมไอ้เน่ กูเบื่อที่จะต้องมาลากมึงไปหาคุณป้าแล้วนะ” ฉันมองพี่เขาอย่างโมโห แล้วใครใช้ให้พี่เขามายุ่งกับฉันทุกวันแบบนี้ละ ฉันก็เบื่อหน้าพี่เขาเต็มทนแล้วเหมือนกันนะ
“พี่หิวไหมคะ เดี๋ยวเน่จะได้ไปจัดโต๊ะให้” ฉันเดินเข้าช่วยพี่โลคาถอดเสื้อนอกออก จากนั้นก็ถือเสื้อนอกไว้ในมือตัวเอง พลางถามคนตรงหน้าที่เพิ่งกลับมาจากที่ทำงานเหนื่อย ๆพี่โลคาตอนนี้ขึ้นทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาลแทนแม่พี่เขาแล้ว พ่วงด้วยดูแลมหา’ลัยแยกอีก แต่ดีที่การดูแลมหา’ลัยไม่ได้ลำบากมากนัก เพราะการเป็นอธิการบดีไม่จำเป็นต้องเข้าไปดูแลทุกวันเหมือนกับโรงพยาบาล จึงไม่ใช่งานหนักอะไรพี่โลคาของฉันไม่ได้จบปริญาโทเท่านั้น แต่พี่โลคาใฝ่เรียนจนจบเด็กเตอร์เหมือนกับพ่อแม่ของตัวเองได้ในอายุที่ยังน้อย ส่วนฉันจบตรีได้ก็ถือว่าบุญมากแล้ว T^T“ครับ มานี่ก่อนเร็ว” ฉันเดินเข้าไปหาพี่โลคาด้วยสีหน้ายิ้ม ทุกครั้งที่พี่เขากลับมักจะอ้อนแบบนี้ตลอด ฉันรู้ดีว่าพี่เขาจะทำอะไร เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมาพี่เขาก็มักจะทำแบบนี้เสมอเวลาที่กลับมาบ้านหรือว่าจะออกไปทำงานฟอด~ “หายเหนื่อยเลยครับ” ปากหวานตลอด ฉันไม่อยากจะบอกเลยว่ายิ่งอยู่กับพี่โลคานานขึ้นพี่โลคาก็มักจะทำอะไรที่ฉันไม่คาดคิดมาก่อนเสมอ ไม่ว่าจะชอบชมฉัน ชอบเซอร์ไพรส์ทุกครั้งที่เป็นวันเกิดหรือวันครบรอบ เอาเป็นว่าพี่เขาโรแมนติกมากขึ้นเรื่อย ๆ เ
“รับผิดชอบยัยหนูด้วยการหมั้นไงละครับ” หมั้นอย่างนั้นเหรอ! “หา! หมะ...หมั้นเหรอคะ!” ฉันมองแม่พี่โลคากับพี่โลคาสลับกันไปมาด้วยความตกใจ “เรียนจบเมื่อไหร่แม่สัญญาว่าจะรีบจัดงานแต่งงานให้ไวที่สุดเลย เพราะงั้นหนูเลเน่รีบเรียนให้จบไว ๆ นะลูก ส่วนเรื่องมหา’ลัยถ้าหนูอยากกลับมาเรียนที่เดิมก็ไม่เป็นปัญหา แม่จะไปคุยกับพ่อพี่เขาให้เอง” เรื่องหมั้นฉันยังตกใจไม่หาย นี่มาเรื่องเรียนจบแล้วแต่งงานอีก ให้ตายเถอะ “เอ่อ...คือว่า เรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่ หนูคงต้องขอคุยกับแม่ก่อนค่ะ” ฉันพูดออกไปด้วยความนอบน้อม เรื่องหมั้นเรื่องแต่งงานมันเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก แถมวันนี้แม่ฉันก็ไม่ได้มานั่งฟังด้วย เพราะงั้นฉันต้องไปเล่าให้แม่ฟังก่อน “เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเลย เดี๋ยวแม่จะไปคุยกับพราวเองจ้ะ” ฉันยิ้มให้แม่พี่โลคา แต่ภายในใจก็รู้สึกกังวลกลัวว่าแม่ฉันจะไม่ยอม เอาจริงแล้วฉันดีใจมากที่จะได้หมั้นกับพี่โลคา แต่แค่กลัวว่าที่พี่เขาทำแบบนี้มันจะเป็นเพราะโดนบังคับให้ทำหรือเปล่า พี่เขาเต็มใจใช่ไหม...เวลา 13.23 น. “พี่โลคาแน่ใจแล้วเหรอคะว่าอยากจะหมั้นกับเน่จริ
ผลั๊ก! เสียงกระชากเปิดประตูของฉันดังขึ้น เรียกความสนใจให้สองแม่ลูกที่นั่งอยู่ตรงโซฟาต่างหันมามองที่ฉันเป็นทางเดียว ฉันพยายามใช้มือลูบผมที่กำลังยุ่งให้ดูเรียบร้อยขึ้นแล้วเดินไปยกมือไหว้แม่พี่โลคาด้วยท่าทางเกร็ง แม่พี่โลคาเองก็พยักหน้ารับไหว้ฉันเหมือนกัน “หนะ...หนูอธิบายได้นะคะ ท่านกำลังเข้าใจผิด” ฉันพูดด้วยเสียงตะกุกตะกัก รีบเดินไปทางแม่พี่โลคาเพื่อจะอธิบายเรื่องนี้ไปในทางที่ดี แม้ฉันจะต้องโกหกท่านก็เถอะ แต่เพื่ออนาคตพี่เขาแล้วฉันจะทำตัวน่าสงสัยแบบนี้ไม่ได้ “ไม่ต้องอธิบายอะไรทั้งนั้น เห็นเต็มสองตาขนาดนี้ยังจะแก้ตัวอะไรได้อีก” แม่พี่โลคาพูดในขณะที่สายตายังคงจ้องหน้าลูกชายตัวเองด้วยความโมโห “ท่านคะ! เป็นความผิดหนูเองค่ะ คือ...คือหนูอะ...อ่อยพี่เขาค่ะ! หนูสัญญาค่ะว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก” ฉันวิ่งเข้าไปนั่งกอดขาแม่พี่โลคาพลางพูดรัวพูดมั่วไปหมด คิดอะไรได้ก็พูดเพื่อให้พี่โลคาไม่ซวย “ยัยหนู!/หนูเลเน่!” ฉันมองทั้งสองคนด้วยความงุนงง เนื่องจากทั้งสองต่างพากันเข้ามาจับฉันให้ยืนขึ้น “เลเน่ ทำไมหนูทำแบบนี้ละลูก” ฉันมึนเ
“อ๊า” ฉันนอนหอบหายใจเมื่อตัวเองได้ปลดปล่อยบางอย่างออกมา ฉันรู้สึกโล่งตัวอย่างบอกไม่ถูก แต่เพียงแค่แป๊บเดียวเท่านั้น เพราะตอนนี้ฉันกำลังจะกลับมาเกร็งอีกรอบเมื่อเห็นว่าพี่โลคาขยับตัวลงมานั่งติดกับส่วนนั้นของฉัน “พะ...พี่โลคา” ฉันพูดด้วยเสียงหอบหมายจะห้ามพี่เขา แต่ทำไมเหมือนกับว่าตรงส่วนนั้นมันขยายใหญ่มากขึ้นกว่าเดิมได้ล่ะ แถมมัยยังกระตุกขยับไปมาเล็กน้อยอีกด้วย “รู้ตัวไหมเวลาที่ยัยหนูนอนพูดด้วยสีหน้าแบบนั้นมันทำให้พี่มีอารมณ์มากขึ้นแค่ไหน” พี่โลคาชักรูดส่วนนั้นของตัวเองพลางมองหน้าฉันไปด้วย ไม่นานพี่โลคาก็ใช้แขนมาค้ำยันลงที่ข้างหูฉัน อีกมือก็จัดการจับเจ้าส่วนนั้นของพี่โลคามาถูที่น้องสาวสุดหวงของฉันไปด้วย “อือ ดะ...เดี๋ยวสิคะ” แม้ฉันจะร้องห้ามแต่ขาทั้งสองข้างของตัวเองกลับขยับออกห่างเองโดยอัตโนมัติ เพื่อให้สิ่งนั้นถูไถได้ง่ายขึ้น “ชอบเหรอครับ” พี่โลคายิ้มมุมปาก พลางก้มหน้าจ้องมองฉันที่กำลังใช้มือปิดปากตัวเองไว้เพราะไม่อยากส่งเสียงน่าเกลียดออกมา แต่ภายในใจจริง ๆ ก็กำลังก่นด่าตัวเองด้วยที่ดันไปขยับขาออกเพื่อรับสัมผัสอย่างน่าอับอาย “ส
“ปล่อย” ฉันพูดด้วยเสียงนิ่งและจริงจังเพื่อให้อีกคนรับรู้ว่าฉันไม่ได้พูดเล่น ส่วนพี่โลคานางก็เลิกยุกยิกกับฉันเลยเมื่อเห็นว่าฉันเริ่มจะไม่มีท่าทีเล่นแล้ว “ยัยหนู...” พี่โลคากอดเอวฉันจากทางด้านหลังไว้หลวม ๆ พลางเกยคางไว้บนไหล่ของฉัน จากนั้นนางก็เริ่มเรียกฉันแบบที่ชอบเรียกด้วยเสียงอ้อน “ออกไป เน่ขอร้อง” เสียงของฉันเริ่มจะสั่นเครือแล้ว ความรู้สึกของฉันมันเริ่มจะไม่เชื่อฟังตัวฉันซะแล้ว ยอมรับเลยว่าวันนี้ฉันรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมาก แต่มันเป็นความสุขที่ฉันจะต้องเก็บเอาไว้ภายใต้จิตใจของฉัน ฉันพยายามแสดงออกให้พี่เขาเห็นมากที่สุดว่าฉันไม่ต้องการกลับไปยุ่งกับพี่เขาแล้ว “อย่าไล่พี่ ยัยหนูไม่รักพี่แล้วงั้นเหรอ” ฉันจุกกับคำพูดของพี่เขาจนตัวเองนั่งนิ่งเงียบไป ไม่รักงั้นเหรอ เหอะ! ถ้าฉันไม่รักพี่เขาฉันก็คงไม่ยอมให้ตัวเองมาทรมานแบบนี้หรอก “…” พี่โลคาจับฉันให้นั่งหมุนตัวหันไปตรงหน้าพี่เขา เราสองคนต่างมองตากันด้วยความรู้สึกที่ต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่าอีกคนคิดอย่างไรกับเรา ใบหน้าพี่เขาเริ่มเลื่อนเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นเรื่อย ๆ “คิดถึง” พี่
กลับไปก็ต้องรีบไปทำควิซอีก เพื่อเก็บคะแนนตรงนี้ให้เป็นคะแนนช่วยเวลาที่คะแนนสอบออกมาได้ไม่ดีอะไรแบบนี้ วิชานี้เป็นวิชาที่ยากมากพอสมควรเลยคอนโดเลเน่ พอฉันเปิดประตูเข้าไป จมูกก็ได้กลิ่นหอมออกมาจากทางห้องครัว ไม่ต้องบอกก็พอเดาได้ว่าใครเข้ามาในห้องของฉันถ้าไม่ใช่พี่โลคา ส่วนที่นางเข้ามาได้อย่างไรอันนี้ฉันคงไม่ต้องไปคิดให้ปวดหัว คงจะใช้อำนาจอีกนั่นแหละ “กลับมาแล้วเหรอครับ หิวไหม?” พี่โลคาหันกลับมามองฉันที่เดินตามกลิ่นหอมยั่วยวนนี้เข้ามาในห้องครัว ฉันแอบตกใจและแปลกใจเล็กน้อยเมื่อได้เห็นพี่โลคาในมุมที่ใส่ชุดแบบนี้ พี่เขาสวมผ้ากันเปื้อนลายกระต่ายสีชมพูของฉันอยู่นะสิ อยากขำนะแต่ต้องเก๊กหน้านิ่งเอาไว้ก่อน “ใครอนุญาตให้พี่เข้ามาทำอาหารในนี้กันคะ” ฉันยืนกอดอกพูดกับพี่เขาด้วยน้ำเสียงเข้มแบบที่พี่เขาเคยทำใส่ฉัน “พี่อนุญาตตัวเอง ไปนั่งรอก่อนจะเสร็จแล้ว” คนหน้ามึนพูดจบก็หันกลับไปทำกับข้าวต่อโดยไม่สนใจเลยว่าฉันยืนจ้องตาเขม็ง สุดท้ายฉันก็ต้องยอมแพ้ออกมานั่งเปิดโน้ตบุ๊กเพื่อทำควิซแทน “ยากจัง” ฉันนั่งทำควิซมาได้สักพักแล้วแต่ก็ยังไม่เ