“ทางเดินไปป้ายรถเมย์ทำไมมันน่ากลัวชะมัด มืดอะไรขนาดนี้เนี่ย” หลังจากที่ไปสอบถามพี่ยามว่าป้ายรถเมย์อยู่ตรงไหน พี่เขาก็บอกให้เดินตรงไปเรื่อย ๆ ก็จะเจอเอง แต่ฉันเดินมานานพอควรแล้วนะยังไม่เห็นป้ายสักป้ายเลย
จนกระทั่ง...
“น้องจ๊ะ จะปายหนายจ๊ะคนสวย” ระหว่างที่ฉันกำลังเดินผ่านซอยหมู่บ้านที่ค่อนข้างมืดและเปลี่ยวมากก็มีลุงรูปร่างท่วม ๆ สองคนเดินเข้ามาทางฉัน พร้อมกับในมือกำลังถือขวดเหล้าขาวอยู่ หน้าของพวกลุงตอนนี้แดงมาก และมีการยิ้มกรุ้มกริ่มมองมาทางฉันด้วย
“อย่ามายุ่งกับฉัน!” ฉันพยายามเดินหลบเดินหนีพวกมัน แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อพวกมันสองคนเดินมาดักหน้าดักหลังฉันไว้ ใจฉันตอนนี้เริ่มมีอาการกระตุกสั่นคล้ายกับคนกำลังใจวูบขวัญหาย ฉันกลัวมาก เกิดมายังไม่เคยต้องมาเจอสถานการณ์อะไรแบบนี้เลย รู้แบบนี้น่าจะขึ้นแท็กซีไปแล้วยอมโดนแม่ด่าดีกว่าต้องมาเจออะไรแบบนี้ซะอีก
“อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลยน่า น้องมีเงินเรียนหนังสือไหมจ๊ะ ถ้าไม่มีพี่เลี้ยงหนูได้น้า”
“วิ้ววววว ป๋าจังวะ ไอ้พล!” หลังจากลุงอีกคนพูดจบเสียงโห่แซวก็ดังมาจากทางด้านหลังของฉัน โตเป็นควายขนาดนี้แล้วยังจะมาทำตัวรุ่มร่ามกับเด็กรุ่นราวคราวลูกแบบฉันอีก ดูจากสภาพแล้วคงเมาหนักมาก ฉันจะออกจากเหตุการณ์บ้า ๆ นี้อย่างไรดีเนี่ย
“นี่ลุงอยู่จนแก่จะลงโลงอยู่แล้วยังจะมาทำตัวรกโลกรกสังคมแบบนี้อีกเหรอ ถ้าเมามากหนักก็กลับไปวิ๊ววิ้วกับเมียของพวกแกไป!” ฉันว่าจบก็หมายจะเดินไปอีกทาง แต่ก็โดนมือใหญ่นั้นเข้ามาฉุดกระชากซะก่อน แถมมันยังรุนแรงซะจนฉันคิดว่าข้อมือจะหลุดออกจากแขนแล้ว
“หนอยอีเด็กนี่ ปากดีนักนะมึง!” มันกระชากฉันให้หันไปหามัน พร้อมกับง้างมือขึ้นหมายจะตบลงมาบนใบหน้าของฉัน ฉันที่เห็นแบบนั้นก็เกิดใจกระตุกวูบไปด้วยความกลัว จนเผลอหลับตารอรับแรงกระแทกอัตโนมัติ ภายในใจก็พลางคิดว่าขนาดพ่อฉันยังไม่เคยตบ แล้วพวกนี้มันเป็นใครทำไมมันถึงได้กล้าตบฉันกัน
“เอ๊ะ” ฉันร้องตกใจออกมาเมื่อรู้สึกว่าโดนกระชากแขนอย่างแรง เอ...เดี๋ยวนะ ทำไมฉันกลับไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรที่ใบหน้าเลยละ พวกมันไม่ได้ตบฉันงั้นเหรอ?
“พะ...พี่โลคา!” ฉันมองแผ่นหลังที่คุ้นชินก่อนจะพึมพำถึงชื่อคนที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ออกมา ฉันไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม ตอนนี้ฉันเห็นผู้ชายตรงหน้ากำลังยืนหันหลังให้ฉันอยู่ ซึ่งลักษณะของเขาคนนี้คล้ายกับพี่โลคามาก เป็นแผ่นหลังที่ฉันมักจะแอบมองพี่เขาจากมุมข้างหลังแบบนี้อยู่เสมอ
จนในที่สุดเขาคนนี้ก็หันมาเพียงเสี้ยวหน้า เพื่อมองฉันที่ยื่นสั่นเกาะชายเสื้อของเขาอยู่ทางด้านหลัง นั่นจึงทำให้ฉันเห็นว่าเขาคนนี้คือ พี่โลคา จริง ๆ ด้วย พะ...พี่เขามาได้ไง พี่เขาไม่ได้ไปส่งยัยด้าหรอกเหรอ เพราะระยะทางบ้านยัยด้าก็ไกลจากห้างนี้พอสมควรเลยนะ
“มึงมายุ่งอะไรวะไอ้หนุ่ม ผัวเมียเขาทะเลาะกันอย่าเสือก!” กรี๊ด ใครเขาเป็นเมียลุงแกวะ ไอ้ทุเรศนี่
“อีกสามนาที” พี่โลคาไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านี้นอกจากคำว่า อีกสามนาที แต่พี่เขาหมายความว่าไง อีกสามนาทีมันจะทำไมกัน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเหตุการณ์ตอนนี้ด้วยเนี่ย
“สามนาทีอะไรของมึง! หลบไปถ้าไม่อยากตาย!”
“ว้าย!” ฉันร้องตกใจออกมาเมื่อไอ้ลุงอีกคนมันหยิบมีดที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกงของมันออกมา ส่วนอีกคนก็นอนสลบเพราะความเมาไปแล้ว ซึ่งลุงอีกคนหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ เอาละเลิกสนใจไอ้ลุงที่มันนอนอยู่ก่อน ตอนนี้มันดันเกิดเรื่องใหญ่กว่าแล้ว!
“หึ” เดี๋ยวนะ! พี่เขายังจะมามีอารมณ์ขันอะไรตอนนี้เนี่ย มันควรเป็นเวลาวิ่งหนีไหมไม่ใช่มายื่นขำอะไรแบบนี้ ถ้าเป็นไอ้พี่แบล็คฉันยังพอไว้วางใจได้ว่าไอ้พี่แบล็คมันจะต้องสู้ได้แน่ แต่นี่มันพี่โลคาเลยนะ ซึ่งพี่เขาวัน ๆ ก็อยู่แต่ห้องแล็บ และสภาพพี่เขาคือเด็กเรียน พี่เขาจะมาสู้กับไอ้พวกคนแบบนี้ได้อย่างไรกันเล่า
ไม่ได้การละฉันต้องทำอะไรสักอย่าง! จริงสิ อีกคนมันหลับไปแล้วนี่ ตอนนี้เหลือมันคนเดียว เพราะงั้นก็หนีสิรอไร
“พี่โลคา!” ฉันกำลังจะคว้าข้อมือพี่เขาเพื่อพาวิ่งหนีแท้ ๆ แต่เจ้าตัวกลับเดินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงเข้าไปหาตาลุงนั่นด้วยท่าทางชิลแทน พี่เขาเป็นบ้าอะไรเนี่ย มันใช่เวลามาเก๊กหล่อไหม มาลงมาล้วงกระเป๋าในขณะที่อีกคนกำลังปัดป่ายมีดไปมาตรงหน้าเนี่ยนะ!
“เดี๋ยวกูจะทำให้หน้าหล่อ ๆ ของมึงหมดหล่อเลยคอยดู!” ว่าจบตาลุงนั่นก็พุ่งเข้ามาหาพี่โลคาอย่างไว ส่วนพี่เขาก็ยังชิลได้โล่อยู่เหมือนเดิม
“พี่โลคาระวัง! กรี๊ดด!” ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจ และเผลอยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาตัวเอง เพราะไม่กล้าพอที่จะมองเหตุการณ์ตรงหน้า ฉันเป็นพวกกลัวเลือดมาก ร่างกายมันเลยขยับไปเอง
“โอ๊ยยยย ๆๆๆ ปล่อยกูสิวะ!” นี่มันไม่ใช่เสียงของพี่โลคานิ
“…!!!...” ฉันค่อย ๆ เลื่อนมืออกจากใบหน้า และลืมตาดูภาพเหตุการณ์ตรงหน้าทีละข้าง ก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ พี่โลคาจับเข้าที่ข้อมือของตาลุงนั่น เป็นข้างที่ถือมีดอยู่ พี่เขาบิดข้อมือมันอย่างแรงจนตาลุงนั่นส่งเสียงร้องอย่างที่ฉันกำลังได้ยิน คนฟังอย่างฉันยังพอจะรู้เลยว่ามันคงเจ็บมาก ไม่ถึงนาทีมีดในมือตาลุงก็ตกลงที่พื้น
พี่โลคาจัดการหมุนแขนตาลุงนั้นให้ไปไขว้หลังไว้ และดันตาลุงนั้นให้นอนลงกับพื้นปูนอย่างแรง พร้อมกับใช้เข่ากดไปที่แขนซ้ำอีกรอบจนตาลุงถึงกับร้องด้วยความเจ็บปวด ซึ่งรอบนี้ลุงแกร้องแบบทรมานมาก
“ทะ...เท่จัง” ฉันอยากจะตบปากตัวเองจริง ๆ ที่เผลอพึมพำออกมาว่าเขาเท่กับในสถานการณ์แบบนี้ แต่ทำไงได้ก็พี่เขาเท่มากจริง ๆ ฉันไม่คิดว่าเด็กเรียนเก่งที่เป็นหน้าเป็นตา เป็นหัวกะทิของมหา’ลัย จะสามารถทำอะไรแบบนี้ได้ด้วย มันเป็นเรื่องที่ทำให้ฉันแปลกใจอยู่สักพักเลย
ไม่นานเสียงไซเรนของรถตำรวจก็ดังขึ้นจากไกล ๆ ตาลุงเกิดอาการเลิ่กลั่กดิ้นไปมาที่พื้นปูน พร้อมกับตะโกนด่าทอพี่โลคาให้ปล่อยแก
“ก็บอกแล้วว่าอีกสามนาที” พี่โลคาพูดเสียงไม่ดังและไม่เบาพอให้ฉันและตาลุงนั้นได้ยิน ฉันก็เข้าใจในทันทีว่าพี่เขาจะสื่อความหมายว่าอะไร พี่เขาคงจะหมายถึงให้ตาลุงนั้นหนีภายในสามนาทีสินะ ทำไมพี่เขาถึงได้ดูมั่นใจจังว่าตำรวจจะมาในสามนาที แต่ถ้ามองจากตาเปล่าและกะเวลาเอา ตั้งแต่ที่พี่เขาเริ่มพูดจนถึงตอนนี้ก็ประจวบเหมาะพอที่จะใกล้ถึงสามนาทีนะ
“สาม” เสียงไซเรนของรถตำรวจเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ พร้อมกับเสียงของพี่โลคาที่เริ่มนับถอยหลัง พี่เขาลุกขึ้นจากตัวตาลุงนั่น พร้อมกับกอดอกยืนมองตาลุงที่กุลีกุจอยันตัวท้วม ๆ นั้นลุกขึ้นด้วยความยากเย็น
“พี่หิวไหมคะ เดี๋ยวเน่จะได้ไปจัดโต๊ะให้” ฉันเดินเข้าช่วยพี่โลคาถอดเสื้อนอกออก จากนั้นก็ถือเสื้อนอกไว้ในมือตัวเอง พลางถามคนตรงหน้าที่เพิ่งกลับมาจากที่ทำงานเหนื่อย ๆพี่โลคาตอนนี้ขึ้นทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาลแทนแม่พี่เขาแล้ว พ่วงด้วยดูแลมหา’ลัยแยกอีก แต่ดีที่การดูแลมหา’ลัยไม่ได้ลำบากมากนัก เพราะการเป็นอธิการบดีไม่จำเป็นต้องเข้าไปดูแลทุกวันเหมือนกับโรงพยาบาล จึงไม่ใช่งานหนักอะไรพี่โลคาของฉันไม่ได้จบปริญาโทเท่านั้น แต่พี่โลคาใฝ่เรียนจนจบเด็กเตอร์เหมือนกับพ่อแม่ของตัวเองได้ในอายุที่ยังน้อย ส่วนฉันจบตรีได้ก็ถือว่าบุญมากแล้ว T^T“ครับ มานี่ก่อนเร็ว” ฉันเดินเข้าไปหาพี่โลคาด้วยสีหน้ายิ้ม ทุกครั้งที่พี่เขากลับมักจะอ้อนแบบนี้ตลอด ฉันรู้ดีว่าพี่เขาจะทำอะไร เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมาพี่เขาก็มักจะทำแบบนี้เสมอเวลาที่กลับมาบ้านหรือว่าจะออกไปทำงานฟอด~ “หายเหนื่อยเลยครับ” ปากหวานตลอด ฉันไม่อยากจะบอกเลยว่ายิ่งอยู่กับพี่โลคานานขึ้นพี่โลคาก็มักจะทำอะไรที่ฉันไม่คาดคิดมาก่อนเสมอ ไม่ว่าจะชอบชมฉัน ชอบเซอร์ไพรส์ทุกครั้งที่เป็นวันเกิดหรือวันครบรอบ เอาเป็นว่าพี่เขาโรแมนติกมากขึ้นเรื่อย ๆ เ
“รับผิดชอบยัยหนูด้วยการหมั้นไงละครับ” หมั้นอย่างนั้นเหรอ! “หา! หมะ...หมั้นเหรอคะ!” ฉันมองแม่พี่โลคากับพี่โลคาสลับกันไปมาด้วยความตกใจ “เรียนจบเมื่อไหร่แม่สัญญาว่าจะรีบจัดงานแต่งงานให้ไวที่สุดเลย เพราะงั้นหนูเลเน่รีบเรียนให้จบไว ๆ นะลูก ส่วนเรื่องมหา’ลัยถ้าหนูอยากกลับมาเรียนที่เดิมก็ไม่เป็นปัญหา แม่จะไปคุยกับพ่อพี่เขาให้เอง” เรื่องหมั้นฉันยังตกใจไม่หาย นี่มาเรื่องเรียนจบแล้วแต่งงานอีก ให้ตายเถอะ “เอ่อ...คือว่า เรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่ หนูคงต้องขอคุยกับแม่ก่อนค่ะ” ฉันพูดออกไปด้วยความนอบน้อม เรื่องหมั้นเรื่องแต่งงานมันเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก แถมวันนี้แม่ฉันก็ไม่ได้มานั่งฟังด้วย เพราะงั้นฉันต้องไปเล่าให้แม่ฟังก่อน “เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเลย เดี๋ยวแม่จะไปคุยกับพราวเองจ้ะ” ฉันยิ้มให้แม่พี่โลคา แต่ภายในใจก็รู้สึกกังวลกลัวว่าแม่ฉันจะไม่ยอม เอาจริงแล้วฉันดีใจมากที่จะได้หมั้นกับพี่โลคา แต่แค่กลัวว่าที่พี่เขาทำแบบนี้มันจะเป็นเพราะโดนบังคับให้ทำหรือเปล่า พี่เขาเต็มใจใช่ไหม...เวลา 13.23 น. “พี่โลคาแน่ใจแล้วเหรอคะว่าอยากจะหมั้นกับเน่จริ
ผลั๊ก! เสียงกระชากเปิดประตูของฉันดังขึ้น เรียกความสนใจให้สองแม่ลูกที่นั่งอยู่ตรงโซฟาต่างหันมามองที่ฉันเป็นทางเดียว ฉันพยายามใช้มือลูบผมที่กำลังยุ่งให้ดูเรียบร้อยขึ้นแล้วเดินไปยกมือไหว้แม่พี่โลคาด้วยท่าทางเกร็ง แม่พี่โลคาเองก็พยักหน้ารับไหว้ฉันเหมือนกัน “หนะ...หนูอธิบายได้นะคะ ท่านกำลังเข้าใจผิด” ฉันพูดด้วยเสียงตะกุกตะกัก รีบเดินไปทางแม่พี่โลคาเพื่อจะอธิบายเรื่องนี้ไปในทางที่ดี แม้ฉันจะต้องโกหกท่านก็เถอะ แต่เพื่ออนาคตพี่เขาแล้วฉันจะทำตัวน่าสงสัยแบบนี้ไม่ได้ “ไม่ต้องอธิบายอะไรทั้งนั้น เห็นเต็มสองตาขนาดนี้ยังจะแก้ตัวอะไรได้อีก” แม่พี่โลคาพูดในขณะที่สายตายังคงจ้องหน้าลูกชายตัวเองด้วยความโมโห “ท่านคะ! เป็นความผิดหนูเองค่ะ คือ...คือหนูอะ...อ่อยพี่เขาค่ะ! หนูสัญญาค่ะว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก” ฉันวิ่งเข้าไปนั่งกอดขาแม่พี่โลคาพลางพูดรัวพูดมั่วไปหมด คิดอะไรได้ก็พูดเพื่อให้พี่โลคาไม่ซวย “ยัยหนู!/หนูเลเน่!” ฉันมองทั้งสองคนด้วยความงุนงง เนื่องจากทั้งสองต่างพากันเข้ามาจับฉันให้ยืนขึ้น “เลเน่ ทำไมหนูทำแบบนี้ละลูก” ฉันมึนเ
“อ๊า” ฉันนอนหอบหายใจเมื่อตัวเองได้ปลดปล่อยบางอย่างออกมา ฉันรู้สึกโล่งตัวอย่างบอกไม่ถูก แต่เพียงแค่แป๊บเดียวเท่านั้น เพราะตอนนี้ฉันกำลังจะกลับมาเกร็งอีกรอบเมื่อเห็นว่าพี่โลคาขยับตัวลงมานั่งติดกับส่วนนั้นของฉัน “พะ...พี่โลคา” ฉันพูดด้วยเสียงหอบหมายจะห้ามพี่เขา แต่ทำไมเหมือนกับว่าตรงส่วนนั้นมันขยายใหญ่มากขึ้นกว่าเดิมได้ล่ะ แถมมัยยังกระตุกขยับไปมาเล็กน้อยอีกด้วย “รู้ตัวไหมเวลาที่ยัยหนูนอนพูดด้วยสีหน้าแบบนั้นมันทำให้พี่มีอารมณ์มากขึ้นแค่ไหน” พี่โลคาชักรูดส่วนนั้นของตัวเองพลางมองหน้าฉันไปด้วย ไม่นานพี่โลคาก็ใช้แขนมาค้ำยันลงที่ข้างหูฉัน อีกมือก็จัดการจับเจ้าส่วนนั้นของพี่โลคามาถูที่น้องสาวสุดหวงของฉันไปด้วย “อือ ดะ...เดี๋ยวสิคะ” แม้ฉันจะร้องห้ามแต่ขาทั้งสองข้างของตัวเองกลับขยับออกห่างเองโดยอัตโนมัติ เพื่อให้สิ่งนั้นถูไถได้ง่ายขึ้น “ชอบเหรอครับ” พี่โลคายิ้มมุมปาก พลางก้มหน้าจ้องมองฉันที่กำลังใช้มือปิดปากตัวเองไว้เพราะไม่อยากส่งเสียงน่าเกลียดออกมา แต่ภายในใจจริง ๆ ก็กำลังก่นด่าตัวเองด้วยที่ดันไปขยับขาออกเพื่อรับสัมผัสอย่างน่าอับอาย “ส
“ปล่อย” ฉันพูดด้วยเสียงนิ่งและจริงจังเพื่อให้อีกคนรับรู้ว่าฉันไม่ได้พูดเล่น ส่วนพี่โลคานางก็เลิกยุกยิกกับฉันเลยเมื่อเห็นว่าฉันเริ่มจะไม่มีท่าทีเล่นแล้ว “ยัยหนู...” พี่โลคากอดเอวฉันจากทางด้านหลังไว้หลวม ๆ พลางเกยคางไว้บนไหล่ของฉัน จากนั้นนางก็เริ่มเรียกฉันแบบที่ชอบเรียกด้วยเสียงอ้อน “ออกไป เน่ขอร้อง” เสียงของฉันเริ่มจะสั่นเครือแล้ว ความรู้สึกของฉันมันเริ่มจะไม่เชื่อฟังตัวฉันซะแล้ว ยอมรับเลยว่าวันนี้ฉันรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมาก แต่มันเป็นความสุขที่ฉันจะต้องเก็บเอาไว้ภายใต้จิตใจของฉัน ฉันพยายามแสดงออกให้พี่เขาเห็นมากที่สุดว่าฉันไม่ต้องการกลับไปยุ่งกับพี่เขาแล้ว “อย่าไล่พี่ ยัยหนูไม่รักพี่แล้วงั้นเหรอ” ฉันจุกกับคำพูดของพี่เขาจนตัวเองนั่งนิ่งเงียบไป ไม่รักงั้นเหรอ เหอะ! ถ้าฉันไม่รักพี่เขาฉันก็คงไม่ยอมให้ตัวเองมาทรมานแบบนี้หรอก “…” พี่โลคาจับฉันให้นั่งหมุนตัวหันไปตรงหน้าพี่เขา เราสองคนต่างมองตากันด้วยความรู้สึกที่ต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่าอีกคนคิดอย่างไรกับเรา ใบหน้าพี่เขาเริ่มเลื่อนเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นเรื่อย ๆ “คิดถึง” พี่
กลับไปก็ต้องรีบไปทำควิซอีก เพื่อเก็บคะแนนตรงนี้ให้เป็นคะแนนช่วยเวลาที่คะแนนสอบออกมาได้ไม่ดีอะไรแบบนี้ วิชานี้เป็นวิชาที่ยากมากพอสมควรเลยคอนโดเลเน่ พอฉันเปิดประตูเข้าไป จมูกก็ได้กลิ่นหอมออกมาจากทางห้องครัว ไม่ต้องบอกก็พอเดาได้ว่าใครเข้ามาในห้องของฉันถ้าไม่ใช่พี่โลคา ส่วนที่นางเข้ามาได้อย่างไรอันนี้ฉันคงไม่ต้องไปคิดให้ปวดหัว คงจะใช้อำนาจอีกนั่นแหละ “กลับมาแล้วเหรอครับ หิวไหม?” พี่โลคาหันกลับมามองฉันที่เดินตามกลิ่นหอมยั่วยวนนี้เข้ามาในห้องครัว ฉันแอบตกใจและแปลกใจเล็กน้อยเมื่อได้เห็นพี่โลคาในมุมที่ใส่ชุดแบบนี้ พี่เขาสวมผ้ากันเปื้อนลายกระต่ายสีชมพูของฉันอยู่นะสิ อยากขำนะแต่ต้องเก๊กหน้านิ่งเอาไว้ก่อน “ใครอนุญาตให้พี่เข้ามาทำอาหารในนี้กันคะ” ฉันยืนกอดอกพูดกับพี่เขาด้วยน้ำเสียงเข้มแบบที่พี่เขาเคยทำใส่ฉัน “พี่อนุญาตตัวเอง ไปนั่งรอก่อนจะเสร็จแล้ว” คนหน้ามึนพูดจบก็หันกลับไปทำกับข้าวต่อโดยไม่สนใจเลยว่าฉันยืนจ้องตาเขม็ง สุดท้ายฉันก็ต้องยอมแพ้ออกมานั่งเปิดโน้ตบุ๊กเพื่อทำควิซแทน “ยากจัง” ฉันนั่งทำควิซมาได้สักพักแล้วแต่ก็ยังไม่เ