“สอง” ตาลุงรีบยันตัวลุกขึ้นและวิ่งออกไปจากตรงนี้ โดยแกวิ่งเข้าตรอกซอกซอยที่ลับตาคนและมืดมากไป ส่วนพี่โลคาเพียงแค่มองตามไม่ได้จะมีท่าทีจะวิ่งตามเลยสักนิด
“หนึ่ง” เสียงไซเรนและเสียงเบรกของรถมาหยุดอยู่ตรงหน้าของพวกเราสองคน แสงวิบวับสาดส่องเข้าตาฉันจนต้องยกมือขึ้นมาอังบังแสงของรถตำตรวจไว้ เหล่าตำตรวจในชุดเครื่องแบบจัดเต็มลงมาจากรถอย่างไว และวิ่งเข้าไปคุยอะไรกับพี่โลคาสักอย่าง ที่ฉันไม่ได้ยินและไม่สามารถอ่านปากได้
เพราะคุณตำตรวจพูดไวมาก ไม่นานพี่โลคาก็พยักหน้าไปทางเดียวกับที่ตาลุงนั้นวิ่งหนีหายไป เหล่าตำตรวจอีกสองคนก็รีบวิ่งไปทางนั้นทันที เหลือเพียงแค่ฉันกับพี่โลคาและตำรวจอีกนายที่กำลังแบกร่างตาลุงอีกคนที่หลับไม่ได้สติอยู่ขึ้นหลังรถกระบะไป
“เอ่อ...คือ ขอบคุณที่ช่วยหนูนะคะพี่โลคา” ตอนนี้ฉันกำลังนั่งอยู่บนรถของพี่โลคาได้สักพักแล้ว เพราะตอนแรกพี่เขาต้องไปคุยอะไรสักอย่างกับคุณตำตรวจ น่าจะให้ปากคำละมั้ง พี่เขาเลยใช้ภาษากายโดยการพยักหน้าให้ฉันไปขึ้นรถรอก่อน แน่นอนว่าฉันก็ทำตัวว่านอนสอนง่ายทันที
จนเมื่อกี้นี้แหละที่พี่เขาเพิ่งจะขึ้นรถมา ฉันเลยเอ่ยขอบคุณเข้าออกไปด้วยใจที่เต้นระรัว
“…” พี่เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แต่กลับส่งมือถือของพี่เขามาให้ฉันแทน นี่อย่าบอกนะว่า...กรี๊ดดด พี่เขาจะขอเบอร์ฉันใช่ไหม ฉันจึงรีบรับมือถือของพี่เขาด้วยรอยยิ้มที่คล้ายกับคนบ้า
“เอ่อ...” แต่พอก้มมองลงไปที่มือถือเท่านั้นแหละก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก นั่นก็เป็นเพราะว่าพี่เขาไม่ได้จะขอเบอร์ฉัน แต่พี่เขากลับเข้าแอปแผนที่เอาไว้ ซึ่งหมายความว่าพี่เขาจะให้ฉันปักมุดไงว่าจะให้ไปส่งที่ไหน T^T หน้าแตกกกกกกก!!! ไอ้เราก็อุตส่าห์ดีใจคิดว่าพี่เขาจะขอเบอร์ขอไลน์ แต่ที่ไหนได้ ฮึ่ยย!!
“นี่ค่ะ” ฉันจำใจยื่นมือถือส่งกลับไปอย่างเอื่อยเฉื่อย ส่วนพี่เขาเพียงแค่ปรายตามองฉันแค่แว็บเดียว แว็บเดียวเท่านั้นก็หันกลับไปสตาร์ตรถ และขับออกไปจากพื้นที่ตรงนี้ทันทีเลย
ตลอดหลายนาทีไม่มีเสียงพูดคุยกันในรถแม้แต่คำเดียว เสียงเพลงก็ไม่มี มีเพียงเสียงแอร์รถที่กำลังทำงานอยู่ และกลิ่นน้ำหอมผู้ชายอ่อน ๆ ของพี่เขาเท่านั้น ที่ฉันกำลังนั่งดมด้วยความหอมอย่างกับคนโรคจิต
“ละ...แล้วยัยด้าละคะพี่โลคา” ฉันเป็นคนร่าเริงและเป็นคนคุยเก่งมาก แต่พอต้องมาอยู่กับคนที่แอบชอบมันก็กลับคิดอะไรไม่ออกว่าจะชวนคุยอะไรดี เชื่อเลยว่าหลายคนก็คงเคยเป็นกัน ที่แบบว่าอยู่กับคนอื่นคุยจ้อ แต่พออยู่กับคนที่แอบชอบมาเป็นปี ๆ กลับนึกเรื่องที่จะคุยไม่ออก
“กลับไปแล้ว”
“อ่อค่ะ” เพราะความตื่นเต้นเกินเหตุและไม่คิดว่าพี่เขาจะตอบกลับมา ตอนแรกฉันทำใจแล้วนะว่าพี่เขาคงเงียบไม่ตอบ แต่พอเหตุการณ์กลับตาลปัตรแบบนี้มันเลยยิ่งทำให้ฉันประมาทจนเผลอจบบทสนทนาดื้อ ๆ ไปเลย ทั้งที่มีโอกาสคุยมากกว่านี้แล้วแท้ ๆ ยัยเลเน่ ยัยบ้า!
แน่นอนว่าทุกอย่างกลับมาเงียบอีกครั้ง...
แต่แล้วฉันก็คิดอะไรบางอย่างออก ในเมื่อตอนนี้เราอยู่กันสองคน ฟ้าคงมีตาเปิดโอกาสนี้ให้ฉันได้ลองสารภาพความในใจที่เก็บมานานหลายปีแน่
ใช่แล้ว! ฉันต้องสารภาพรักกับพี่เขาสิ แต่...ฉันก็อายเหมือนกันนะ เอาไงดี ใกล้จะถึงบ้านแล้วซะด้วยสิ
นี่มันโอกาสเดียวของแกเลยนะยัยเลเน่ แกคิดเหรอว่าจะมีโอกาสอื่นที่จะทำให้ฉันกับพี่เขามาอยู่ด้วยกันสองคนแบบนี้
เอาวะ เป็นไงเป็นกัน
“พี่โลคาคะ”
“…”
“คือว่า หนูชอบพี่ค่ะ!” ฉัน พูด ออก ไป แล้ว!!! กรี๊ด หลังจากพูดจบฉันก็นั่งบิดไปมาด้วยความเขินอาย พร้อมกับหันหน้ามองไปทางอื่นอย่างเขิน ๆ
จนผ่านไปหลายวินาที...พี่เขาก็ยังคงเงียบอยู่เหมือนเดิม
“ผมไม่ได้ชอบคุณ” เพล้ง! ไม่ใช่เสียงแก้วที่ไหนแตก แต่เป็นเสียงหน้าฉันเนี่ยที่แตก T^T ฮือ ทำไมกันล่ะ! ฉันก็ออกจะสวยและน่ารัก นิสัยดีดุจนางฟ้ามาเกิด ทำไมพี่เขาถึงไม่ชอบฉันกัน!
“แต่พี่โลคาคะ...”
“ถึงบ้านคุณแล้ว” ฉันกำลังจะหันไปบอกพี่เขาว่าฉันแอบชอบมานานมากแค่ไหน แต่แล้วก็โดนคนข้าง ๆ เอ่ยแทรกขึ้นมาพร้อมกับรถที่หยุดจอดสนิท บ้าที่สุด!
“ต่อให้พี่ไม่ชอบหนู แต่หนูชอบพี่ค่ะ! ไม่ว่ายังไงหนูก็จะทำให้พี่ชอบหนูให้ได้! ขอบคุณนะคะที่มาส่งหนู” ฉันพูดด้วยความรวดเร็วและโมโหนิดหน่อย พร้อมกับเปิดประตูรถออกไป และไม่ลืมที่จะพูดขอบคุณพี่เขา
“เดี๋ยว” ในขณะที่ฉันกำลังจะปิดประตูรถด้วยความโมโหที่โดนขัดใจ เสียงทุ้มของพี่โลคาก็พูดขึ้น จากอารมณ์โมโหในตอนแรกก็แปรเปลี่ยนเป็นว่าตอนนี้ฉันกำลังยืนยิ้มหน้าบานแทน นี่อย่าบอกนะว่าพี่เขาจะเปลี่ยนใจมาตกลงคบกับฉันอะ ตาย ๆ ฉันขอเวลาเตรียมใจแป๊บ กรี๊ดด >////<
“ถ้าคุณไม่มีเงินซื้อชุดนักศึกษาใหม่ คุณก็ควรหาตัวที่มันยาวและไม่รัดรูปมาใส่แทนนะ” นั่นเป็นประโยคที่ยาวที่สุดที่ฉันได้เคยยิน แน่นอนว่าฉันยืนนิ่งจิตใจหลุดลอย โดยไม่รู้ตัวเลยว่าพี่เขาได้ขับรถออกไปตอนไหนแล้ว นอกจากจะไม่ได้คำตอบที่ต้องการแล้ว ยังจะได้คำด่าแบบนุ่มนวลอ้อมโลกนั่นมาอีก
นี่พี่เขาหาว่าฉันไม่มีเงินซื้อชุดนักศึกษาใหม่งั้นเหรอ! แล้วชุดฉันมันทำไมกัน ก็ไม่ได้รัดรูปขนาดนั้นนี่ ก็แค่พอดีตัวและกระโปรงทรงเอที่สั้นนิดหน่อยแค่นั้นเอง ยาวสิบหก มีผ่าหน้าแค่นี้เอง ไม่เห็นจะโป๊ตรงไหนเลย! ดูอากาศเมืองไทยด้วย ร้อนจะตายชัก ใครเขาจะไปใส่ยาว ๆ กันล่ะ
“หนูไม่ยอมแพ้แน่! หนูจะต้องทำให้พี่หลงหนูจนหัวปักหัวปำให้ได้ คอยดูสิ!”
“พี่หิวไหมคะ เดี๋ยวเน่จะได้ไปจัดโต๊ะให้” ฉันเดินเข้าช่วยพี่โลคาถอดเสื้อนอกออก จากนั้นก็ถือเสื้อนอกไว้ในมือตัวเอง พลางถามคนตรงหน้าที่เพิ่งกลับมาจากที่ทำงานเหนื่อย ๆพี่โลคาตอนนี้ขึ้นทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาลแทนแม่พี่เขาแล้ว พ่วงด้วยดูแลมหา’ลัยแยกอีก แต่ดีที่การดูแลมหา’ลัยไม่ได้ลำบากมากนัก เพราะการเป็นอธิการบดีไม่จำเป็นต้องเข้าไปดูแลทุกวันเหมือนกับโรงพยาบาล จึงไม่ใช่งานหนักอะไรพี่โลคาของฉันไม่ได้จบปริญาโทเท่านั้น แต่พี่โลคาใฝ่เรียนจนจบเด็กเตอร์เหมือนกับพ่อแม่ของตัวเองได้ในอายุที่ยังน้อย ส่วนฉันจบตรีได้ก็ถือว่าบุญมากแล้ว T^T“ครับ มานี่ก่อนเร็ว” ฉันเดินเข้าไปหาพี่โลคาด้วยสีหน้ายิ้ม ทุกครั้งที่พี่เขากลับมักจะอ้อนแบบนี้ตลอด ฉันรู้ดีว่าพี่เขาจะทำอะไร เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมาพี่เขาก็มักจะทำแบบนี้เสมอเวลาที่กลับมาบ้านหรือว่าจะออกไปทำงานฟอด~ “หายเหนื่อยเลยครับ” ปากหวานตลอด ฉันไม่อยากจะบอกเลยว่ายิ่งอยู่กับพี่โลคานานขึ้นพี่โลคาก็มักจะทำอะไรที่ฉันไม่คาดคิดมาก่อนเสมอ ไม่ว่าจะชอบชมฉัน ชอบเซอร์ไพรส์ทุกครั้งที่เป็นวันเกิดหรือวันครบรอบ เอาเป็นว่าพี่เขาโรแมนติกมากขึ้นเรื่อย ๆ เ
“รับผิดชอบยัยหนูด้วยการหมั้นไงละครับ” หมั้นอย่างนั้นเหรอ! “หา! หมะ...หมั้นเหรอคะ!” ฉันมองแม่พี่โลคากับพี่โลคาสลับกันไปมาด้วยความตกใจ “เรียนจบเมื่อไหร่แม่สัญญาว่าจะรีบจัดงานแต่งงานให้ไวที่สุดเลย เพราะงั้นหนูเลเน่รีบเรียนให้จบไว ๆ นะลูก ส่วนเรื่องมหา’ลัยถ้าหนูอยากกลับมาเรียนที่เดิมก็ไม่เป็นปัญหา แม่จะไปคุยกับพ่อพี่เขาให้เอง” เรื่องหมั้นฉันยังตกใจไม่หาย นี่มาเรื่องเรียนจบแล้วแต่งงานอีก ให้ตายเถอะ “เอ่อ...คือว่า เรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่ หนูคงต้องขอคุยกับแม่ก่อนค่ะ” ฉันพูดออกไปด้วยความนอบน้อม เรื่องหมั้นเรื่องแต่งงานมันเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก แถมวันนี้แม่ฉันก็ไม่ได้มานั่งฟังด้วย เพราะงั้นฉันต้องไปเล่าให้แม่ฟังก่อน “เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเลย เดี๋ยวแม่จะไปคุยกับพราวเองจ้ะ” ฉันยิ้มให้แม่พี่โลคา แต่ภายในใจก็รู้สึกกังวลกลัวว่าแม่ฉันจะไม่ยอม เอาจริงแล้วฉันดีใจมากที่จะได้หมั้นกับพี่โลคา แต่แค่กลัวว่าที่พี่เขาทำแบบนี้มันจะเป็นเพราะโดนบังคับให้ทำหรือเปล่า พี่เขาเต็มใจใช่ไหม...เวลา 13.23 น. “พี่โลคาแน่ใจแล้วเหรอคะว่าอยากจะหมั้นกับเน่จริ
ผลั๊ก! เสียงกระชากเปิดประตูของฉันดังขึ้น เรียกความสนใจให้สองแม่ลูกที่นั่งอยู่ตรงโซฟาต่างหันมามองที่ฉันเป็นทางเดียว ฉันพยายามใช้มือลูบผมที่กำลังยุ่งให้ดูเรียบร้อยขึ้นแล้วเดินไปยกมือไหว้แม่พี่โลคาด้วยท่าทางเกร็ง แม่พี่โลคาเองก็พยักหน้ารับไหว้ฉันเหมือนกัน “หนะ...หนูอธิบายได้นะคะ ท่านกำลังเข้าใจผิด” ฉันพูดด้วยเสียงตะกุกตะกัก รีบเดินไปทางแม่พี่โลคาเพื่อจะอธิบายเรื่องนี้ไปในทางที่ดี แม้ฉันจะต้องโกหกท่านก็เถอะ แต่เพื่ออนาคตพี่เขาแล้วฉันจะทำตัวน่าสงสัยแบบนี้ไม่ได้ “ไม่ต้องอธิบายอะไรทั้งนั้น เห็นเต็มสองตาขนาดนี้ยังจะแก้ตัวอะไรได้อีก” แม่พี่โลคาพูดในขณะที่สายตายังคงจ้องหน้าลูกชายตัวเองด้วยความโมโห “ท่านคะ! เป็นความผิดหนูเองค่ะ คือ...คือหนูอะ...อ่อยพี่เขาค่ะ! หนูสัญญาค่ะว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก” ฉันวิ่งเข้าไปนั่งกอดขาแม่พี่โลคาพลางพูดรัวพูดมั่วไปหมด คิดอะไรได้ก็พูดเพื่อให้พี่โลคาไม่ซวย “ยัยหนู!/หนูเลเน่!” ฉันมองทั้งสองคนด้วยความงุนงง เนื่องจากทั้งสองต่างพากันเข้ามาจับฉันให้ยืนขึ้น “เลเน่ ทำไมหนูทำแบบนี้ละลูก” ฉันมึนเ
“อ๊า” ฉันนอนหอบหายใจเมื่อตัวเองได้ปลดปล่อยบางอย่างออกมา ฉันรู้สึกโล่งตัวอย่างบอกไม่ถูก แต่เพียงแค่แป๊บเดียวเท่านั้น เพราะตอนนี้ฉันกำลังจะกลับมาเกร็งอีกรอบเมื่อเห็นว่าพี่โลคาขยับตัวลงมานั่งติดกับส่วนนั้นของฉัน “พะ...พี่โลคา” ฉันพูดด้วยเสียงหอบหมายจะห้ามพี่เขา แต่ทำไมเหมือนกับว่าตรงส่วนนั้นมันขยายใหญ่มากขึ้นกว่าเดิมได้ล่ะ แถมมัยยังกระตุกขยับไปมาเล็กน้อยอีกด้วย “รู้ตัวไหมเวลาที่ยัยหนูนอนพูดด้วยสีหน้าแบบนั้นมันทำให้พี่มีอารมณ์มากขึ้นแค่ไหน” พี่โลคาชักรูดส่วนนั้นของตัวเองพลางมองหน้าฉันไปด้วย ไม่นานพี่โลคาก็ใช้แขนมาค้ำยันลงที่ข้างหูฉัน อีกมือก็จัดการจับเจ้าส่วนนั้นของพี่โลคามาถูที่น้องสาวสุดหวงของฉันไปด้วย “อือ ดะ...เดี๋ยวสิคะ” แม้ฉันจะร้องห้ามแต่ขาทั้งสองข้างของตัวเองกลับขยับออกห่างเองโดยอัตโนมัติ เพื่อให้สิ่งนั้นถูไถได้ง่ายขึ้น “ชอบเหรอครับ” พี่โลคายิ้มมุมปาก พลางก้มหน้าจ้องมองฉันที่กำลังใช้มือปิดปากตัวเองไว้เพราะไม่อยากส่งเสียงน่าเกลียดออกมา แต่ภายในใจจริง ๆ ก็กำลังก่นด่าตัวเองด้วยที่ดันไปขยับขาออกเพื่อรับสัมผัสอย่างน่าอับอาย “ส
“ปล่อย” ฉันพูดด้วยเสียงนิ่งและจริงจังเพื่อให้อีกคนรับรู้ว่าฉันไม่ได้พูดเล่น ส่วนพี่โลคานางก็เลิกยุกยิกกับฉันเลยเมื่อเห็นว่าฉันเริ่มจะไม่มีท่าทีเล่นแล้ว “ยัยหนู...” พี่โลคากอดเอวฉันจากทางด้านหลังไว้หลวม ๆ พลางเกยคางไว้บนไหล่ของฉัน จากนั้นนางก็เริ่มเรียกฉันแบบที่ชอบเรียกด้วยเสียงอ้อน “ออกไป เน่ขอร้อง” เสียงของฉันเริ่มจะสั่นเครือแล้ว ความรู้สึกของฉันมันเริ่มจะไม่เชื่อฟังตัวฉันซะแล้ว ยอมรับเลยว่าวันนี้ฉันรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมาก แต่มันเป็นความสุขที่ฉันจะต้องเก็บเอาไว้ภายใต้จิตใจของฉัน ฉันพยายามแสดงออกให้พี่เขาเห็นมากที่สุดว่าฉันไม่ต้องการกลับไปยุ่งกับพี่เขาแล้ว “อย่าไล่พี่ ยัยหนูไม่รักพี่แล้วงั้นเหรอ” ฉันจุกกับคำพูดของพี่เขาจนตัวเองนั่งนิ่งเงียบไป ไม่รักงั้นเหรอ เหอะ! ถ้าฉันไม่รักพี่เขาฉันก็คงไม่ยอมให้ตัวเองมาทรมานแบบนี้หรอก “…” พี่โลคาจับฉันให้นั่งหมุนตัวหันไปตรงหน้าพี่เขา เราสองคนต่างมองตากันด้วยความรู้สึกที่ต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่าอีกคนคิดอย่างไรกับเรา ใบหน้าพี่เขาเริ่มเลื่อนเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นเรื่อย ๆ “คิดถึง” พี่
กลับไปก็ต้องรีบไปทำควิซอีก เพื่อเก็บคะแนนตรงนี้ให้เป็นคะแนนช่วยเวลาที่คะแนนสอบออกมาได้ไม่ดีอะไรแบบนี้ วิชานี้เป็นวิชาที่ยากมากพอสมควรเลยคอนโดเลเน่ พอฉันเปิดประตูเข้าไป จมูกก็ได้กลิ่นหอมออกมาจากทางห้องครัว ไม่ต้องบอกก็พอเดาได้ว่าใครเข้ามาในห้องของฉันถ้าไม่ใช่พี่โลคา ส่วนที่นางเข้ามาได้อย่างไรอันนี้ฉันคงไม่ต้องไปคิดให้ปวดหัว คงจะใช้อำนาจอีกนั่นแหละ “กลับมาแล้วเหรอครับ หิวไหม?” พี่โลคาหันกลับมามองฉันที่เดินตามกลิ่นหอมยั่วยวนนี้เข้ามาในห้องครัว ฉันแอบตกใจและแปลกใจเล็กน้อยเมื่อได้เห็นพี่โลคาในมุมที่ใส่ชุดแบบนี้ พี่เขาสวมผ้ากันเปื้อนลายกระต่ายสีชมพูของฉันอยู่นะสิ อยากขำนะแต่ต้องเก๊กหน้านิ่งเอาไว้ก่อน “ใครอนุญาตให้พี่เข้ามาทำอาหารในนี้กันคะ” ฉันยืนกอดอกพูดกับพี่เขาด้วยน้ำเสียงเข้มแบบที่พี่เขาเคยทำใส่ฉัน “พี่อนุญาตตัวเอง ไปนั่งรอก่อนจะเสร็จแล้ว” คนหน้ามึนพูดจบก็หันกลับไปทำกับข้าวต่อโดยไม่สนใจเลยว่าฉันยืนจ้องตาเขม็ง สุดท้ายฉันก็ต้องยอมแพ้ออกมานั่งเปิดโน้ตบุ๊กเพื่อทำควิซแทน “ยากจัง” ฉันนั่งทำควิซมาได้สักพักแล้วแต่ก็ยังไม่เ