Share

หม่ำๆ กันคุณ

Author: light sky
last update Last Updated: 2025-10-03 18:42:29

3

หม่ำๆ กันคุณ

สรุปว่าฉันต้องเป็นคนขับรถให้หมอนั่นนั่งสบายใจเฉิบจนมาถึงคอนโดฉันนี่แหละ ระหว่างทางคนที่เรียกตัวเองว่า ‘พี่ตุ่นคนจริง’ ก็ตะโกนแหกปากร้องเพลงจนลั่นรถไม่ได้เกรงใจเจ้าของรถอย่างฉันเลยสักนิด พอบอกให้หยุดหมอนั่นก็เพิ่มระดับเสียงจนฉันยอมแพ้ในที่สุด

ไอ้บ้านี่มันฟังฉันเสียที่ไหน!

“นายเดินนำไปก่อนเลยนะ” ฉันว่าขึ้นเมื่อเราสองคนก้าวออกมาจากลิฟต์

“ทำไมอะคุณ”

“ก็ฉันไม่อยากให้น้องก้อยเห็นว่ามากับนาย”

“น้องก้อยไม่ว่าอะไรหรอก”

ฉันจ้องหน้านายตุ่นนิ่งเมื่อเขาไม่ยอมฟังที่ฉันบอก ฉันจึงส่งกระแสความกดดันผ่านสายตาเรียบเฉยจนนายนั่นล่าถอยไปในที่สุด ยอมตั้งแต่ทีแรกก็หมดเรื่องทำไมต้องชอบให้ทำหน้าดุด้วยก็ไม่รู้

ฉันที่รอให้นายตุ่นเดินเข้าไปในห้องน้องก้อยก่อนแล้วค่อยออกไปต้องย่นคิ้วขึ้นมาเมื่อนายตุ่นยังยืนอยู่ที่เดิมทั้งๆ ที่ประตูห้องก็เปิดแล้วแท้ๆ

เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า...

“ว่าแล้วทำไมถึงปิดเครื่อง”

“...”

“ที่แท้รับแขกอยู่นี่เอง”

ด้วยความที่อยู่ไม่ไกลกันมากนักฉันจึงได้ยินถ้อยคำของนายตุ่นค่อนข้างที่จะชัดเจน น้ำเสียงเย็นเยือกดังขึ้นตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะในลำคอคล้ายจะเย้ยหยันตัวเอง

ฉันที่รอไม่ไหวกะเดินเนียนๆ เข้าห้องไปกลับต้องชะงักเมื่อตอนที่เดินผ่านหลังนายตุ่นไปนั้นสายตาเจ้ากรรมเดินเหลือบไปเห็นบุรุษที่มีแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันเอวเอาไว้ยืนพิงประตูอยู่ นี่มันอะไรกัน น้องก้อยพาผู้ชายคนอื่นเข้าห้องงั้นเหรอ

รักสามเส้าไหมล่ะ!

ฉันหยิบคีย์การ์ดออกมาจากกระเป๋าด้วยมืออันสั่นเทา ตอนนี้ฉันตกใจมากที่ต้องมาเจอสถานการณ์ตึงเครียดแบบนี้ นายนั่นคงเงิบน่าดูเลยแหละ

“ขอโทษนะคะ” นั่นคือคำพูดของน้องก้อยก่อนที่เสียงปิดประตูจะดังขึ้น

ฉันถอนหายใจออกมาเมื่อบังคับมือให้เสียบคีย์การ์ดตรงช่องไม่ได้ ก่อนจะตัดสินใจหันหลังไปมองร่างของนายตุ่นที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ฉันควรไปหาเขาไหมหรือปล่อยให้เขาอยู่เงียบๆ ดี

“นะ..นายโอเคใช่ไหม” ฉันตัดสินใจถามออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นๆ

“ไม่อะ” นายนั่นเงยหน้าขึ้นมามองฉันแล้วตอบ

“ไม่เป็นไรเนอะ”

“เป็นสิคุณ! ตอนนี้ผมโมโหมาก” นายตุ่นพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน ฉันก้าวถอยหลังเล็กน้อยอย่างหวาดๆ มือกำคีย์การ์ดไว้แน่น

“นาย...นายก็ไปหาผู้หญิงใหม่สิ”

“ไม่ใช่เรื่องนั้น ผมหมายถึงตอนนี้ผมโมโหหิวมาก!”

“ห้ะ”

“ผมอุตส่าห์หิ้วท้องมาขอข้าวน้องก้อยเขากิน เป็นไงล่ะเจอแจ็กพอตดังบึ้ม! ห้องคุณมีไรกินบ้างอะผมหิวจนจะกินคุณได้ทั้งตัวอยู่แล้ว”

“ไอ้บ้า! ไอ้ลามก!”

“คุณมาว่าผมทำไมเนี่ย ผมแค่ขอกินข้าวที่ห้องคุณเฉยๆ เองนะ ไม่ให้ก็บอกไม่ให้ดิทำไมต้องด่ากันด้วยวะ ผู้หญิงใจดำ!”

“ก็นายบอกว่าจะกินฉันนี่!” ฉันเหวใส่เสียงดัง

“มันคือคำเปรียบเปรย คุณครูที่โรงเรียนไม่เคยสอนหรือไง” นายตุ่นอธิบายเสียงขุ่น

“เขามีแต่หิวจนจะกินช้างได้ทั้งตัวต่างหาก นายนั่นแหละตอนเด็กๆ คงหลับในห้องเรียนสินะ”

“โหคุณอย่างกับมีญาณทิพย์อะ รู้ได้ไงเนี่ย อ้อคุณตอนนี้ผมก็ยังหลับในห้องเรียนอยู่นะ”

“มันใช่เรื่องที่ต้องมาอวดไหม!”

“ผมภูมิใจจะตาย” เขายืดอกพูดด้วยน้ำเสียงยียวน แล้วพูดต่อว่า “แล้วตกลงห้องคุณมีอะไรกินไหม นี่ผมหิวจริงจังเลยนะ อีกหน่อยคงเป็นโรคกระเพาะแน่ๆ เลย”

“มี แต่ไม่ให้เข้า”

“ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะใจดำเหมือนที่ผมพูดออกไปจริงๆ”

“นายจะว่าอะไรก็ว่าเถอะแต่ฉันจะไม่ยอมให้ผู้ชายที่เจอกันแค่สามครั้งแถมนิสัยแบบนายเข้าห้องฉันแน่ๆ”

นายตุ่นเงียบไปเลยหลังจากฉันพูดเสร็จ ฉันพูดตรงไปงั้นเหรอ? ก็ไม่นะในเมื่อนายนี่ดูไม่น่าไว้ใจจริงๆ นี่น่า ใครจะบ้ากล้าพาเข้าห้องขนาดพ่อฉันยังไม่เคยได้เข้าเลย

“....ร้านอาหารใกล้ๆ ก็ได้คุณ”

“หือ”

“นี่ผมจริงจังเลยนะ คือตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวผมมีศูนย์บาท คุณช่วยเลี้ยงข้าวผมหน่อยได้ไหมถือว่าทำทานก็ได้นะคุณ หรือคุณจะมองผมว่าเป็นขอทานก็ได้ ผมไม่เกี่ยงอยู่แล้ว”

“นายหิวขนาดนั้นเลยเหรอ” ฉันถามเสียงเรียบใช้นัยน์ตาโตจ้องมองนายตุ่นอย่างจับผิด

“แม่ผมไม่อยู่ไง ผมก็เลย...”

“พอๆ ไม่ต้องพูดแล้วๆ” ฉันยกมือขึ้นห้ามก่อนที่ร่างสูงจะพร่ำพูดอะไรที่มันน่าเวทนาออกมาได้อีก ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วเอ่ยขึ้น “...ก็ได้”

ฉันพานายตุ่นมาที่ร้านอาหารร้านหนึ่งย่านคอนโดของฉันนี่แหละ นายตุ่นดูเหมือนจะชอบใจมากตั้งแต่เดินเข้าร้านมายังยิ้มไม่หุบเลย

“นายชอบร้านนี้ขนาดนั้นเชียว” ฉันถามขึ้นหลังจากที่เราเลือกโต๊ะนั่งได้แล้ว

“ชอบสิ ร้านนี้ดูแพงดูไฮโซดี ผมตื่นเต้นๆ” นายตุ่นว่าก่อนจะตาลุกวาวเมื่อเปิดเมนูอาหาร “แพงจริงด้วย ที่จริงคุณน่าจะพาผมไปกินร้านตามข้างทางก็พอ”

“ฉันไม่เคยกินร้านแบบนั้น = =”

“คุณนี่นะใช้ชีวิตไม่คุ้มเลย”

“ถ้าใช้คุ้มแล้วต้องเป็นเหมือนนายฉันขอบายดีกว่า” ฉันว่าก่อนจะก้มมองเมนูเพื่อเป็นการตัดบทแต่ก็ยังได้ยินเสียงนายตุ่นชวนคุยด้วยอยู่เนืองๆ แต่ฉันก็เลือกที่จะไม่ตอบจนอีกฝ่ายเงียบลงไปในที่สุด

โล่งหูขึ้นเยอะ

“ทวนรายการอาหารนะครับ ของคุณผู้หญิงเป็นสลัดผลไม้กับน้ำส้ม ส่วนของคุณผู้ชายเป็นผัดกะเพราหมู แกงเขียวหวานไก่ กุ้งอบหม้อดิน ปลาช่อนลุยสวนพร้อมกับเบียร์หนึ่งกระป๋องนะครับ”

“ครับ ตามนั้นเลย”

ไอ้หมอนี่มัน...ฮึ่ย!!

“ว่าแต่คุณชื่ออะไร” นายตุ่นถามขึ้นเมื่อพนักงานเดินพ้นไปแล้ว

“จำเป็นต้องบอกไหม” ฉันถามเขากลับเสียงราบนิ่งพลางจ้องหน้าใบหน้านายตุ่นด้วยแววตาเรียบเฉยอย่างที่ชอบทำจนเคยชิน

“ก็จำเป็นอยู่นะ”

“ฉันไม่เห็นว่ามันจะมีความจำเป็นตรงไหน”

“คุณนี่ไร้มนุษยสัมพันธ์ม๊ากมาก”

“ถ้าฉันเป็นแบบนั้นจริงฉันคงไม่มานั่งอยู่ตรงนี้หรอก จะพูดอะไรนี่ช่วยคิดด้วย” ฉันเหน็บอย่างหมั่นไส้ เป็นคนที่ต้องเจียมตัวแท้ๆ กลับมาถามนั่นนี่ น่ารำคาญ

“ผมควรมอบโล่ให้คุณไหม” นายตุ่นเลิกคิ้วสูงไม่ได้สะทกสะท้านกับคำพูดของฉันเลยสักนิด

“นายอย่ากวนประสาทฉันได้ไหม”

“ผมกวนตรงไหน ผมแค่ถามชื่อคุณเองนะ”

“ไม่บอกโอเคไหม!”

“โอเคคุณไม่บอก ว่าแต่ชื่อแปลกจังเลยน้า”

“นายตุ่น!!” ฉันเรียกชื่อเขาด้วยความโมโห ผู้ชายคนนี้เป็นคนแรกที่ทำให้ฉันอารมณ์ขึ้นได้อย่างง่ายดายแบบนี้ ปกติฉันจะมีใบหน้าที่เรียบเฉยติดออกจะหยิ่งด้วยซ้ำ

“โอ๊ะ คุณรู้ชื่อผมด้วย” นายนั่นยกมือขึ้นปิดปากแสร้งทำสีหน้าตกใจ

=_______=

“อ้อผมแนะนำตัวไปแล้วนี่น่า พี่ตุ่นคนจริง ฮ่าๆๆ”

=_________=

“คุณนี่ไม่มีอารมณ์ขันเอาเสียเลย” นายนั่นนั่งเท้าคางกับโต๊ะพลางมองหน้าฉันด้วยอารมณ์เซ็งๆ “ถ้าคุณไม่บอกชื่อ ผมจะเรียกคุณว่าคุณนมแบน”

“ไม่เอานะ” ฉันรีบแหวใส่ ส่งสายตาจิกกัดไปให้นายตุ่นอย่างเคืองๆ

“งั้นก็บอกมา”

“...พิมพ์ ฉันชื่อพิมพ์”

“ก็เท่านี้แหละ เก็บอมไว้อย่างกับดอกพิกุลจะร่วงโรยลงมาอย่างั้นแหละ”

Tun’ s part

ผมมองหน้าผู้หญิงคนที่ผมบังเอิญเจอในบาร์อย่างนึกตลก แม่คุณเป็นคนปากร้ายชอบทำหน้าตายแถมยังปรายตามองผมอย่างกับตัวอะไรสักอย่างอีก พอเห็นแบบนั้นเข้าผมเลยนึกอยากจะกวนประสาทขึ้นมา ได้ผลนะ เธอค่อนข้างโมโหผมเชียวล่ะ

สนุกดีออกกก

“คุณนี่ผู้หญิ๊งผู้หญิงเนอะ แต่งตัวดูเนี๊ยบรูปร่างอ้อนแอ้นมีรถคันแบ๊วแถมยังกินอย่างกับแมวดมทั้งๆ ที่ผมจนจะเห็นกระดูกอยู่แล้ว”

“มันเรื่องของฉัน” เธอตอบพลางจิ้มสลัดของเธอต่อไป เห็นแล้วนี่รู้สึกขาดสารอาหารแทน “คุณลองทานผัดกะเพราดู อร่อยนะ”

“อ้วน”

“เรื่องมากนะคุณ” ผมเอ็ดเสียงล้อ แต่ถึงจะอย่างนั้นผมก็พูดจริงนะ ผมค่อนข้างไม่ชอบผู้หญิงประเภทที่จะกินอะไรสักทีต้องมานั่งคำนวณแคลอรีอะ ดูเยอะ

“นายกินของนายไปเถอะ อย่าให้เหลือนะ”

“ผมจะไม่ทำให้คุณต้องเสียตังค์ฟรีแน่นอน” ผมพูดขึ้นพลางตักนั่นกินนี่เข้าปากไปเรื่อยจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมานั่นแหละถึงจะหยุด

-ไอ้แจ้-

“ว่าไงคะ” ผมกรอกเสียงลงไป แวบหนึ่งคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับผมปรายสายตาขึ้นมองด้วยความสงสัยปนประหลาดใจ

“สวัสดีค่ะ แป้งร่ำฝากมาถามว่าพี่ตุ่นได้ชีทโจทย์วิชาได...ได...”

“ไดนามิกส์ค่ะ”

“ใช่ค่ะวิชานั้นเลย”

“ยังเลยค่ะ”

“ว่าแล้ววว” น้องเทคของผมลากเสียงยาวก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “หนูขี้เกียจบ่นพี่แล้วอะ บ่นไปก็เท่านั้นแหละ แต่พยายามอย่าขาดเรียนนะคะ งั้นเดียวหนูจะบอกให้แป้งร่ำถ่ายชีทเผื่อนะคะ”

“ขอบคุณนะคะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่กวนละน้า บ๊ายบาย” พูดจบกุญแจซอลหรือที่ผมเรียกติดปากว่าไอ้แจ้ก็ชิ่งตัดสายไป บางครั้งผมก็คิดนะว่ามีน้องหรือมีแม่กันแน่

“มองไรคุณ” ผมถามเจ้ามือที่เลี้ยงผมในวันนี้อย่างสงสัยก็เล่นจ้องตาไม่กะพริบขนาดนั้น

“ปะ...เปล่า”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • Get out! ว่าที่คุณหมอตัวร้ายกับนายวิศวะหน้าโฉด   ตึกตัก...

      10ตึกตัก...ตึกตัก... “คุณพิมพ์คะ”“อีกแล้วเหรอคะ”ฉันร้องถามด้วยประโยคเดิมซ้ำๆ ทุกวันเมื่อทันทีที่ฉันย่างกรายมาในคอนโดหลังจากเลิกเรียนก็จะมีเสียงจากพนักงานเอ่ยเรียกชื่อฉันเอาไว้ฉันกลอกตาอย่างเบื่อหน่ายสาวเท้าไปยังล็อบบี้ก่อนจะรับดอกไม้กุหลาบแบบเดิมที่ขยันส่งมาทุกวันอย่างรำคาญ การ์ดใบเล็กที่แนบไว้ถูกฉันเพิกเฉยอีกครั้งเมื่อมันมีแต่ข้อความชวนเลี่ยนจนฉันตัดสินใจว่าจะไม่เปิดอ่านมันให้เสียสายตาอีก“ไม่ได้บอกเขาเหรอคะว่าไม่ต้องส่งมาอีก”“บอกค่ะ”“แล้วได้บอกเขาไหมคะว่าดอกไม้ทุกช่อที่ส่งมานั้นพิมพ์โยนใส่ถังขยะทุกครั้ง”“บอกค่ะ”ผู้ชายดื้อด้าน...ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วจัดการทิ้งช่อดอกไม้ลงถังขยะอีกหนอย่างไม่รู้สึกเสียดายในความสวยของมันสักนิด‘พ่อยอมลูกแล้ว...แต่เหมือนว่าฝั่งนั้นเขาจะชอบลูกจริงๆ’คำพูดของบิดายังคงวนเวียนอยู่ในสมองเมื่อตอนที่ฉันต่อสายไปถามท่านว่าจู่ๆ คนที่ชื่อแทนอะไรนี่โผล่มาได้ยังไงกัน และคำตอบที่ได้มาทำให้ฉันเบ้ปาก ชอบฉ

  • Get out! ว่าที่คุณหมอตัวร้ายกับนายวิศวะหน้าโฉด   ชัวร์ป้าบ!

    9ชัวร์ป้าบ!“ขอบคุณนะคุณที่มาส่ง” นายตุ่นพูดขึ้นเมื่อฉันพาเขามาเอารถที่คณะอีกครั้ง พอถามว่าทำไมไม่ขับรถของตัวเองไปตั้งแต่ทีแรกเขาก็ตอบกลับมาว่า‘เดี๋ยวคุณขับรถหนีผมไง กันไว้ก่อน’หนักใจกับผู้ชายคนนี้จริงๆ ...“ไม่เป็นไร” ฉันปรายตามองเขาแล้วบอกเสียงราบเรียบ ก่อนจะออกรถอีกครั้งถ้านายนั่นไม่วิ่งตามแล้วใช้มือเคาะท้ายรถฉันอะนะ“คุณๆ”“มีอะไร” ฉันเลื่อนกระจกรถลงก่อนจะถาม“ขอเบอร์ๆ” นายนั่นว่าพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเลข“เพื่อ?” ฉันขมวดคิ้วจนย่น เงยหน้าขึ้นมองร่างสูงอย่างสงสัยว่าเขาจะมาขอเบอร์ฉันทำไม จะว่าเกิดพิศวาสก็ไม่ใช่อีก ใครเขาพ่นคำกวนเบื้องล่างทุกสองนาทีแบบนี้กับคนที่ชอบกันล่ะ“เผื่อได้เบาะแสอะไรเพิ่มเติมไง”“นายจะตามเรื่องต่อเหรอ ฉันว่าไม่ต้องหรอก เสียเวลาเปล่าๆ”“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วไงคุณ อีกอย่างมันก็เกิดที่คณะผมด้วย ถ้าเกิดคนทำมันไม่ได้เจาะจงที่คุณขึ้นมาล่ะ บางทีพวกมันอาจจะเล็งเด็กคณะผมอยู่ก็ได้นะ”“นายนี่ดูรักคณะจังนะ”“คณะใครใครก็รักไหมคุณ พูดแปลกๆ” นายตุ่นส่ายหน้าเอือมๆ “ตกลงจะให้ไหมเนี่ยเบอร์น่ะ หรือต้องไปถูเอาตามต้นไม้เหมือนขอหวย?”“จะไม่ให้เพราะปากแบบนี้ไง คนอะไรปากร้ายชะมั

  • Get out! ว่าที่คุณหมอตัวร้ายกับนายวิศวะหน้าโฉด   ว่างมั้ยคุณ?

    8 ว่างไหมคุณ? วันนี้เป็นอีกวันที่ฉันกลับมาอ่านหนังสือกับเพื่อนกลุ่มเดิม บรรยากาศมันค่อนข้างจะดีกว่าที่ฉันคิดไว้มากพอสมควรเลยล่ะ ความอึดอัดที่ฉันมีต่อยูเริ่มน้อยลงอาจจะเป็นเพราะเราแต่ละคนต่างสนใจกับตำราเรียนจนลืมคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาก็เป็นได้ แต่ในทางกลับกันวันใดที่มีพี่คิมมาช่วยติวด้วยฉันกลับรู้สึกอึดอัดมากขึ้นทุกที ฉันสามารถสัมผัสถึงสายตาที่เขาคอยจ้องมองฉันอยู่เสมอแม้ว่าฉันจะไม่ได้มองหรือคุยกับเขาก็ตาม เหมือนอย่างวันนี้ “น้องพิมพ์” ฉันหยุดกึกทันทีเมื่อเจอพี่คิมยืนอยู่หน้าห้องน้ำ ฉันเงยหน้าไปมองเขาด้วยใบหน้าเรียบเฉยแม้นัยน์ตาจะสั่นไหวไปด้วยความตื่นตระหนกก็ตาม “มีอะไรเหรอคะ” ฉันถามพลางเหลือบมองซ้ายขวาอย่างหาทางเอาตัวรอด “พิมพ์ยังไม่เลิกหายกลัวพี่เหรอครับ” “....” “พี่ไม่ได้คิดร้ายกับพิมพ์จริงๆ นะคะ” “ค่ะ” ฉันรับคำอย่างขอไปที ตั้งใจว่าจะเดินเลี่ยงแต่ร่างสูงกลับเดินตามมาขวางทำให้ฉันต้องร่นเท้าถอยหลังทันที “พี่คิมมีอะไรก็บอกมาตรงๆ ดีกว่าค่ะ” “พี่...พี่ชอบน้องพิมพ์” “...” “น้องพิมพ์ไม่ได้ตกใจเลยเหรอครับ” “นิดหนึ่ง...มั้งคะ” ฉันตอบออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่ได้ยินดียินร้ายอ

  • Get out! ว่าที่คุณหมอตัวร้ายกับนายวิศวะหน้าโฉด   คนร้าย

    7คนร้ายฉันก้าวฉับๆ เดินเข้ามาในบ้านของตัวเองที่ยังคงเงียบเชียบแม้ว่าจะมีการ์ดและแม่บ้านอยู่กันหลายคนก็ตาม คนแรกที่ฉันเจอหน้าก็คือป้าสายใจที่กึ่งวิ่งกึ่งเดินออกมาจากห้องครัวมาหาฉันด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มแสดงออกถึงความดีใจแม้ว่าฉันจะออกจากบ้านนี้ไปยังไม่ถึงสองอาทิตย์ดีก็ตาม“คุณหนูของป้า จะกลับมาอยู่บ้านแล้วใช่ไหมคะ”“เปล่าหรอกค่ะ” พูดเสร็จป้าสายใจก็หน้าสลดขึ้นมาอย่างผิดหวัง ฉันก็ได้แต่ลูบหลังท่านอย่างปลอบประโลม “คุณพ่ออยู่ไหมคะ”“โรงพยาบาลโทรตามให้ไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะค่ะ ส่วนคุณผู้หญิงก็ไปทำงานเมื่อเช้านี่เอง”ทางสะดวก...“งั้นเดี๋ยวพิมพ์ขึ้นไปเอาของบนห้องก่อนนะคะ”“คุณหนูจะรับอะไรไหมคะ ของว่างดีไหม”“ไม่ล่ะค่ะ พิมพ์กะว่าจะเข้ามาเอาของแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับแล้วค่ะ” ฉันบอกแล้วคลี่ยิ้มให้ป้าสายใจก่อนจะพาตัวเองขึ้นมาบันไดมายังชั้นสองและแทนที่ฉันจะเลี้ยวซ้ายไปยังห้องนอนของตัวเอง ฉันกลับตัดสินใจเลี้ยวขวาเดินดุ่มไปยังห้องทำงานของคุณพ่อ โชคดีที่ประตูไม่ล็อกทำให้ฉันสามารถเข้าไปข้างในได้ก่อนจะกวาดมองไปทั่วห้องอย่างนึกคิดถึง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาบางครั้งฉันมักจะคิดถึงคุณพ่อคุณแม

  • Get out! ว่าที่คุณหมอตัวร้ายกับนายวิศวะหน้าโฉด   หลง...?

    6หลง...?“ขอบใจนะแบงค์ที่มารับ” ฉันว่าขึ้นเมื่อพาตัวเองมาอยู่ในรถเก๋งของเพื่อนที่ฉันโทรวานให้มารับให้ไปเรียนด้วยกัน“ไม่เป็นไรหรอก แล้วรถอะเรียกช่างมาแล้วใช่ไหม”“เรียกแล้ว เดี๋ยวตอนเย็นก็คงได้แล้วแหละ”“อ่าหะ”“ช่วงนี้อ่านหนังสือที่ไหนเหรอ ว่างๆ มาอ่านด้วยกันสิ”“พอดียุ่งๆ น่ะ ถ้าว่างวันไหนค่อยโทรไปนะ”แล้วภายในรถก็ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมามีเพียงเสียงคนพูดข่าวในวิทยุช่วงเช้าเท่านั้นที่ไม่ทำให้บรรยากาศเงียบจนเกินไป ใช้เวลาไม่นานนักรถของแบงค์ก็ขับมาจอดที่หน้าตึกเรียน“พิมพ์ขึ้นไปเรียนก่อน เดี๋ยวเราเอารถไปจอด”“ขอบใจนะ”ฉันกล่าวอีกครั้งก่อนจะเดินลงมาจากรถ เวลาเหลืออีกประมาณยี่สิบนาทีกว่าจะถึงแปดโมงฉันจึงเดินไปหาอะไรกินที่เซเว่นก่อนจะขึ้นไปยังห้องเรียน“คุณครับ” ฉันชะงักเท้าเมื่อมีผู้ชายในชุดกาวน์มายืนอยู่ตรงหน้า ด้วยความที่ดูจากเครื่องแต่งกายแล้วฉันจึงยกมือไหว้เขาอย่างเสียไม่ได้ถึงเขาจะเป็นผู้ชายเมื่อคืนก็เถอะ“เมื่อคืนผมไม่ได้มีเจตนาจะทำอะไรคุณนะครับ”“ค่ะ” ฉันรับคำอย่างขอไปที ถึงเขาจะเป็นรุ่นพี่แต่การที่ไปโผล่คณะของคนอื่นกลางดึกมันเป็นสิ่งที่น่าแปลกไม่ใช่หรือไง“ที่ผมตามคุณไปเพราะผมเห็

  • Get out! ว่าที่คุณหมอตัวร้ายกับนายวิศวะหน้าโฉด   ไปส่งปะล่ะ

    5ไปส่งปะล่ะ?เสียงแตรรถที่ดังขึ้นทำให้ฉันละสายตาจากโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นไปมองผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในรถ เขาส่งยิ้มให้มาให้ฉันอย่างจริงใจในขณะที่ฉันทำเพียงแค่หรี่ตาเท่านั้น“มีอะไรให้ช่วยไหมครับ”“ไม่ค่ะ” ฉันตอบแทบจะทันทีหลังจากนั้นก็ก้มหน้ากดหาเลขอู่รถแถวนี้ “สวัสดีค่ะพอดีรถยางแบนน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าพอจะสะดวกมาเปลี่ยนให้ไหมคะที่ลานจอดรถตึก X คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.K ค่ะ”“ขอโทษด้วยนะครับพอดีว่าช่างของเราเลิกงานกันหมดแล้ว ถ้ายังไงขอเป็นพรุ่งนี้เช้าได้ไหมครับ” ฉันกัดริมฝีปากอย่างครุ่นคิดกับคำตอบที่ได้รับ บางทีฉันอาจจะไปขอนอนกับเพื่อนที่หอพักของนักศึกษาแพทย์ในมหาวิทยาลัยก็เป็นได้“ได้ค่ะ” หลังจากนั้นฉันก็บอกรายละเอียดข้อมูลไปก่อนจะกดวางสายฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจ้องมองอยู่ก่อนจะชะงักเล็กน้อยเมื่อตอนเหลือบตาขึ้นไปมองก็เห็นผู้ชายคนเดิมยังคงนั่งอยู่ในรถ คราวนี้ฉันรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลสักเท่าไหร่นัก พอมองซ้ายมองขวาก็รับรู้ถึงความเปลี่ยววังเวงขึ้นมา“คุณไม่ต้องกลัวผมหรอก ผมมาดีแค่เห็นว่ารถคุณยางแบนก็เท่านั้น”“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันโทรเรียกช่างแล้ว” ฉันตอบอย่างขอไปที“ป่านนี้แล้วยังมีอู่เปิดอีกเหรอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status