Share

หรือจะเอา?

Author: light sky
last update Last Updated: 2025-10-03 18:41:53

2

หรือจะเอา?

ฉันเบิกตากว้างอย่างนึกไม่ถึงว่าจะเจอผู้ชายคนนี้ในสภาพแบบนี้ และเหมือนนายนั่นก็ดูจะตกใจไม่แพ้กันแต่เหมือนจะเพียงแค่แว๊บเดียวเท่านั้นแหละก่อนจะแปรเปลี่ยนมาเป็นหน้าตายียวนตามเดิม

“เอ้าคุณ คิดถึงผมรึไง เก่งนะเนี่ยตามมาถูกด้วย” นายนั่นพูดพลางตบมือแปะๆ ทั้งที่ผู้หญิงของเจ้าตัวยังยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้แท้ๆ

“ใครบอกว่าฉันตามนายมาห้ะ”

“แล้วคุณมาทำไม”

“ฉัน...ฉัน...” จู่ๆ ฉันก็เกิดอาการติดอ่างขึ้นมาเสียอย่างนั้น ก็จะให้บอกได้ยังไงล่ะว่าที่มาที่นี่เพราะได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ นั่นอะ

“พูดไม่ออก แถมหน้ายังแดงอีกนี่คุณตามผมมาจริงๆ อย่างงั้นเหรอ” พูดเสร็จนายนั่นก็ทำหน้าตาเหลอหลาตกอกตกใจจนน่าหมั่นไส้!

“ก็บอกว่าไม่ใช่ไงเล่า!”

“งั้นคุณก็ต้องตอบได้สิว่ามาโผล่หน้าห้องได้ยังไง”

ฉันส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ ละสายตาจากผู้ชายหื่นกามนั่นมามองใบหน้าเล็กของผู้หญิงที่ยังคงมองฉันสลับกับนายนั่นอย่างงงๆ

“คือฉันเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ข้างห้องคุณน่ะค่ะ ก็เลยอยากจะมาทักทาย” ฉันฉีกยิ้มอย่างเป็นมิตร ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยชอบใจในพฤติกรรมของเธอเท่าไหร่นักแต่ฉันไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่าย

“อ๋อค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ แล้วนี่สองคนนี้รู้จักกันมาก่อนเหรอคะ”

“ไม่ค่ะ/ไม่ครับ” ทั้งฉันและนายนั่นเอ่ยปากปฏิเสธพร้อมกันทันที นี่อาจจะเป็นเรื่องเดียวที่เราคิดเหมือนกันก็ได้ คนรู้จักงั้นเหรอ?

แค่ชื่ออะไรยังไม่รู้เลย!

“อ้าว!”

“ช่างเถอะ เดี๋ยวพี่กลับก่อนนะ” นายนั่นว่าอย่างตัดบท ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ชั่วหนึ่งเจ้าของนัยน์ตาสีดำนั่นสบตากับฉันเล็กน้อยก่อนจะบอก “ไปนะคุณ”

“ก็ไปสิ มาบอกฉันทำไม”

“บังเอิญผมเป็นคนมีมารยาทดีไง” นายนั่นยักคิ้ว

“ดีด็อกล่ะสิไม่ว่า! ถ้าแย่กว่านี้คงจะติดเอฟรีเกรดกี่รอบก็ไม่ผ่านหร๊อก!” ฉันสวนกลับพลางทำหน้ายู่ใส่

“คุณสนใจช่วยรีเกรดเป็นเพื่อนผมปะล่ะ”

“ไม่สนย่ะ!” ฉันว่าเสียงแข็ง “งั้นฉันไปก่อนนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ” ว่าแล้วก็เดินฉับๆ เข้าห้องไม่หันมองข้างหลังอีกเลย

ทันทีที่ฉันกลับถึงห้องพลันเสียงโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้นมา ฉันเดินไปนั่งที่โซฟาตัวใหญ่ก่อนจะยกหูกรอกสายไปพลางคิดในใจว่าถ้าเป็นคุณพ่อโทรมาฉันรีบวางสายทันที

“ลูกพิมพ์!”

“คุณแม่!”

“ลูกอยู่ที่นั่นจริงๆ ด้วยสินะ รู้ไหมว่าตอนนี้แม่เป็นห่วงลูกมากแค่ไหน กลับบ้านเถอะนะ ลูกพ่อเขายอมลูกแล้วนะพิมพ์”

“คุณแม่อย่ามาโกหกพิมพ์หน่อยเลย ยังไงพิมพ์ก็ไม่กลับจนกว่าคุณพ่อจะเลิกหาทางจับคู่ดูตัวให้พิมพ์สักที พิมพ์เป็นลูกนะคะไม่ใช่สินค้า”

“พ่อเขาไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะ” คุณแม่แก้ต่าง

“เลิกเข้าข้างคุณพ่อสักทีเถอะค่ะ ได้โปรดเห็นใจพิมพ์บ้าง พิมพ์ทนอยู่ในกรงทองที่คนในบ้านพร้อมที่จะยกไปขายให้ใครอีกแล้วนะคะ”

“พิมพ์”

“พิมพ์รักแม่นะคะ” ฉันว่าเสร็จก็ชิ่งวางสายไป ยอมรับว่าฉันรู้สึกผิดที่ทำให้คนเป็นแม่ต้องเป็นห่วง แต่ขอสักครั้ง...

ขอให้ฉันเลือกใช้ชีวิตในอย่างที่ตัวเองต้องการบ้าง...แค่สักครั้ง

มหาวิทยาลัย

ฉันเดินออกจากตึกเรียนมองซ้ายมองขวาอย่างระมัดระวัง เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีคนของคุณพ่ออยู่แถวนี้แล้วจริงๆ ฉันก็รีบชิ่งวิ่งขึ้นไปยังรถไฟฟ้าที่ผ่านมาตรงหน้าคณะพอดี

“คณะวิศวะค่ะลุง”

ฉันบอกลุงคนขับก่อนจะทรุดตัวลงนั่ง สงสัยล่ะสิว่าทำไมฉันถึงไปคณะนั้น ก็เพราะว่าฉันจอดรถทิ้งไว้ที่นั่นน่ะสิ พอดีฉันกลัวว่าคุณพ่อจะให้คนมาดักรอที่รถน่ะเลยต้องเลือกจอดที่คณะไกลๆ และต้องเป็นที่ที่ไม่ว่าใครก็ตามที่รู้จักตัวฉันต้องคาดไม่ถึง

ตอนนี้เวลาเกือบหกโมงเย็นเข้าไปแล้วแต่ก็ยังมีพวกเสื้อช็อปเดินวนเวียนกันอยู่ให้ควั่ก นี่ขนาดฉันอยู่ในชุดนักศึกษาธรรมดาที่ไม่ใช่เสื้อกาวน์ยังโดนมองเหมือนเป็นสิ่งแปลกปลอมเลยอะ แล้วนี่ถ้าฉันใส่เสื้อกาวน์มาคงได้ตาถลนออกมาแน่ๆ

เพราะไม่อยากตกเป็นเป้าสายตานานฉันเลยรีบเร่งฝีเท้าไปยังลานจอดรถที่อยู่หลังตึกสูงของคณะนี้ รถมินิคูเปอร์จอดเด่นอยู่ท่ามกลางรถกระบะพลันเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา

“ฮัลโหล ว่าไง” ฉันกรอกเสียงทักทายยัยส้มเพื่อนสนิทตั้งแต่ประถม เราสองคนเรียนห้องเดียวกันมาตลอดจะแยกกันก็ตอนที่ยัยที่เกิดติสท์หนีไปเรียนมหาวิทยาลัยเล็กๆ ในต่างจังหวัดนี่แหละ

“ได้ข่าวว่าหนีออกจากบ้าน”

“คุณแม่โทรไปบอกแกอะดิ”

“ก็ท่านไปห่วงแกไง แต่ฉันก็เข้าใจนะ เป็นฉันฉันก็จะหนีออกมาเหมือนกัน” พูดแบบนี้คุณแม่คงเล่าให้ฟังหมดแล้วแน่ๆ

“ที่จริงฉันกะย้ายตอนปีสี่อยู่แล้วเพราะยังไงมันก็สะดวกกว่าตอนขึ้นวอร์ด แต่นี่ดันเกิดเรื่องมาก่อนไง”

“ยอมใจแกจริง แล้วนี่อยู่ไหน”

“อยู่วิศวะ”

“ห้ะ!!” ยัยส้มร้องขึ้นอย่างตกใจจนฉันต้องเอามือถือออกห่าง “แกนี่นะไปเหยียบวิศวะ ไหนว่าไม่ชอบไง มีแต่พวกเถื่อนๆ หยาบคายบ้างล่ะ ติดเหล้าบ้างล่ะ”

“ฉันแค่เอารถมาจอดที่นี่เพื่อไม่ให้คุณพ่อหาเจอเท่านั้นเอง แล้วฉันก็ยังยืนยันคำเดิมว่าฉันไม่ชอบพวกเด็กคณะนี้เลยสักนิด”

“อย่าพูดเสียงดังไป แกอยู่ถิ่นเขาอยู่นะพิมพ์”

คำพูดของเพื่อนสนิททำให้ฉันหันไปมองรอบๆ ตัวอย่างนึกสำรวจว่าจะมีใครมาแอบได้ยินประโยคเมื่อกี้ที่ฉันพูดไปบ้างหรือเปล่า ก็พอรู้มาบ้างว่าเด็กคณะนี้เขารักชื่อเสียงของคณะยิ่งชีพ ถ้าเกิดมีใครมาได้ยินที่ฉันพูดเข้ามีหวังได้โดนฆ่าโบกปูนแน่ๆ

“ไม่มีหรอกแก...อย่าหะ...”

สวบ!

พูดยังไม่ทันขาดคำเสียงคนเหยียบใบไม้ก็ดังขึ้นมา ฉันหันไปตามเสียงนั้นด้วยสัญชาตญาณก่อนจะเจอผู้ชายในเสื้อช็อปเดินย่ำเท้าเข้ามา ในมือเขายังมีก้นบุหรี่ที่ใกล้จะหมดคีบไว้อยู่ทั้งที่มีป้ายเขียนไว้ว่า ‘ห้ามสูบบุหรี่’ ติดไว้ที่ต้นไม้ใหญ่มองเห็นได้ชัดเจนแล้วแท้ๆ

“อ้าวคุณ สนใจลงหลุมฝังกลบหน่อยไหม”

ไอ้บ้าลามกนั่นอีกแล้ว!!!

ฉันกดวางสายจากยัยส้มแล้วมองหน้าผู้ชายที่เดินตรงเข้ามาหาฉันอย่างหวาดๆ นี่ฉันคงไม่ได้รู้สึกกลัวนายนี่หรอกใช่ไหม ไม่หรอก...ฉันปลอบใจตัวเอง แต่รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังก็ชนเข้ากับประตูรถเสียแล้ว

“คุณดูกลัวๆ นะ”

“คะ..ใครกลัว! ฉันไม่ได้กลัวนายสักหน่อย” ฉันว่าเสียงแข็ง เชิดคอหน้าตั้งก่อนจะย่นจมูกเล็กน้อยเมื่อได้กลิ่นบุหรี่ลอยมา

“โกหกไม่เนียนเลยนะคุณ”

“ฮึ่ย!”

หมอนี่กดยิ้มมุมปากเมื่อฉันไม่สามารถต่อกรกับเขาได้ ขายาวสืบเท้าเข้ามาก่อนจะยกนิ้วที่คาบบุหรี่แล้วดูดเข้าปอดจนแก้มตอบมองฉันด้วยสายตานึกสนุก

ฟู่ววววว

มันพ่นควันใส่หน้าฉัน T [] T

“แค่กๆ ไอ้บ้า นายทำอะไร แค่กๆ จะฆ่าฉันรึไง” ฉันพูดไปสำลักควันไปเพราะไม่ได้ทันตั้งตัวเลยเผลอสูดเข้าไปเต็มปอด

“อย่ามาสำออยน่าคุณ” ฉันเบิกตากว้าง เมื่อกี้ฉันโดนผู้ชายด่าใช่ไหม

“ฉันแพ้ควันบุหรี่ต่างหากล่ะไอ้บ้า” ฉันแหวใส่

เขาชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่ฉันพูด ตอนแรกเหมือนเขาจะรู้สึกผิดนะแต่ไม่เลย นายนั่นยักไหล่อย่างไม่แคร์ก่อนจะทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นแล้วใช้เท้าขยี้มันบดมันไปมา

“ลองหัดสูบดิ เผื่อจะหายแพ้ก็ได้”

“นายจะบ้ารึไง นายคิดแล้วใช่ไหมที่พูดออกมาน่ะ” ฉันส่ายหน้าอย่างปวดหัวในความคิดของผู้ชายคนนี้จริงๆ

“ก็ผมบอกว่าเผื่อจะ คุณเข้าใจคำว่าเผื่อจะไหมแบบห้าสิบๆ ไม่ลองไม่รู้ไรงี้”

“กวนประสาท” ฉันกระแทกเสียงใส่ ก่อนจะหมุนตัวกลับเพื่อเปิดประตูรถ ฉันอยากกลับคอนโดไปนอนแล้ว เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว

“เดี๋ยวคุณ”

“อะไรอีกเล่า” ฉันเอี้ยวตัวไปถามอย่างรำคาญ

ที่จริงฉันไม่ได้นิสัยแย่แบบนี้หรอกแต่การเจอกันครั้งแรกของฉันกับเขาไม่น่าจดจำเท่าไหร่นัก เขาไม่พูดคำว่าขอโทษฉันสักคำเลยนะแถมยังทำตัวน่าโมโหพูดจายียวนอีก จะให้ฉันพูดจาคะขากับเขายังไงไหว

“ผมได้ยินนะ ที่คุณคุยโทรศัพท์” จู่ๆ หมอนั่นก็พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

“อะ...อะไร”

“ยังจะถามอีกเหรอ!”

“แล้ว...นายมาตวาดใส่ฉันทำไมเล่า” ฉันพูดเสียงสั่นๆ

“ปากอย่างคุณนี่นะ”

“ทะ ทำไม ปากอย่างฉันมันทำไมห้ะ” พูดเสร็จฉันก็กัดริมฝีปากตัวเองไว้แน่น รู้สึกหาเรื่องใส่ตัวขึ้นมาทันทีแต่ต้องทำหน้าเชิดเข้าไว้เดี๋ยวนายนี่จะได้ใจ

“กลัวจนฉี่จะราดอยู่แล้ว ยังทำเป็นปากเก่ง” เจ้าของผมหยักศกพูดด้วยน้ำเสียงคล้ายจะเย้ยหยัน “ถ้าคุณกลัวขนาดนี้คุณก็ไม่น่าจะพูดแบบนั้นตั้งแต่ทีแรก ทำไม คณะผมมันทำไม”

“ก็ไม่ชอบอะ”

“ก็นั่นแหละไม่ชอบเพราะอะไร! หรือเคยโดนฟันแล้วทิ้ง?”

“ไม่ใช่สักหน่อย!” ฉันว่าพร้อมหลุบตาต่ำ รู้สึกกระดากอายขึ้นมา “ไม่ชอบก็คือไม่ชอบอะ ฉันจะกลับแล้ว ห้ามเรียกอีกนะ ฉันจะไม่หันแล้ว”

“คุณ”

“เรียกทำไมอีก”

“แล้วคุณหันมาทำไมอะ” ฉันย่นคิ้วรู้สึกเสียหน้าขึ้นมาตงิดๆ เมื่อเห็นนายนี่หัวเราะขำออกมา อารมณ์เปลี่ยนไวเหลือเกินนะพ่อคุณ “คุณจะไปคอนโดใช่ปะ ผมไปด้วยดิ”

“แล้วทำไมนายไม่ไปเอง”

“ก็ผมไม่มีคีย์การ์ด น้องก้อยเขาก็ปิดเครื่องด้วยอะ น่าคุณน้ำใจคนไทย”

“ฉันนึกว่านายจะอยู่ที่นั่นเสียอีก”

“พูดไรดูหน้าผมด้วยคุณ นี่ผมควรดีใจใช่ไหมที่ราศีจับสามารถซื้อคอนโดหรูที่นั่นได้อะ ผมอะจนจะตาย นี่ก็ว่าจะไปขอกินข้าวที่ห้องน้องก้อยเขา”

“นี่พูดจริงไหม” ฉันถามเสียงสูงเลิกคิ้วขึ้นอย่างประเมินคำพูด

“คนอย่างผมพูดจริงทำจริงอยู่แล้ว พี่ตุ่นคนจริงน่ะรู้จักไหมคร๊าบบบ”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • Get out! ว่าที่คุณหมอตัวร้ายกับนายวิศวะหน้าโฉด   ตึกตัก...

      10ตึกตัก...ตึกตัก... “คุณพิมพ์คะ”“อีกแล้วเหรอคะ”ฉันร้องถามด้วยประโยคเดิมซ้ำๆ ทุกวันเมื่อทันทีที่ฉันย่างกรายมาในคอนโดหลังจากเลิกเรียนก็จะมีเสียงจากพนักงานเอ่ยเรียกชื่อฉันเอาไว้ฉันกลอกตาอย่างเบื่อหน่ายสาวเท้าไปยังล็อบบี้ก่อนจะรับดอกไม้กุหลาบแบบเดิมที่ขยันส่งมาทุกวันอย่างรำคาญ การ์ดใบเล็กที่แนบไว้ถูกฉันเพิกเฉยอีกครั้งเมื่อมันมีแต่ข้อความชวนเลี่ยนจนฉันตัดสินใจว่าจะไม่เปิดอ่านมันให้เสียสายตาอีก“ไม่ได้บอกเขาเหรอคะว่าไม่ต้องส่งมาอีก”“บอกค่ะ”“แล้วได้บอกเขาไหมคะว่าดอกไม้ทุกช่อที่ส่งมานั้นพิมพ์โยนใส่ถังขยะทุกครั้ง”“บอกค่ะ”ผู้ชายดื้อด้าน...ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วจัดการทิ้งช่อดอกไม้ลงถังขยะอีกหนอย่างไม่รู้สึกเสียดายในความสวยของมันสักนิด‘พ่อยอมลูกแล้ว...แต่เหมือนว่าฝั่งนั้นเขาจะชอบลูกจริงๆ’คำพูดของบิดายังคงวนเวียนอยู่ในสมองเมื่อตอนที่ฉันต่อสายไปถามท่านว่าจู่ๆ คนที่ชื่อแทนอะไรนี่โผล่มาได้ยังไงกัน และคำตอบที่ได้มาทำให้ฉันเบ้ปาก ชอบฉ

  • Get out! ว่าที่คุณหมอตัวร้ายกับนายวิศวะหน้าโฉด   ชัวร์ป้าบ!

    9ชัวร์ป้าบ!“ขอบคุณนะคุณที่มาส่ง” นายตุ่นพูดขึ้นเมื่อฉันพาเขามาเอารถที่คณะอีกครั้ง พอถามว่าทำไมไม่ขับรถของตัวเองไปตั้งแต่ทีแรกเขาก็ตอบกลับมาว่า‘เดี๋ยวคุณขับรถหนีผมไง กันไว้ก่อน’หนักใจกับผู้ชายคนนี้จริงๆ ...“ไม่เป็นไร” ฉันปรายตามองเขาแล้วบอกเสียงราบเรียบ ก่อนจะออกรถอีกครั้งถ้านายนั่นไม่วิ่งตามแล้วใช้มือเคาะท้ายรถฉันอะนะ“คุณๆ”“มีอะไร” ฉันเลื่อนกระจกรถลงก่อนจะถาม“ขอเบอร์ๆ” นายนั่นว่าพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเลข“เพื่อ?” ฉันขมวดคิ้วจนย่น เงยหน้าขึ้นมองร่างสูงอย่างสงสัยว่าเขาจะมาขอเบอร์ฉันทำไม จะว่าเกิดพิศวาสก็ไม่ใช่อีก ใครเขาพ่นคำกวนเบื้องล่างทุกสองนาทีแบบนี้กับคนที่ชอบกันล่ะ“เผื่อได้เบาะแสอะไรเพิ่มเติมไง”“นายจะตามเรื่องต่อเหรอ ฉันว่าไม่ต้องหรอก เสียเวลาเปล่าๆ”“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วไงคุณ อีกอย่างมันก็เกิดที่คณะผมด้วย ถ้าเกิดคนทำมันไม่ได้เจาะจงที่คุณขึ้นมาล่ะ บางทีพวกมันอาจจะเล็งเด็กคณะผมอยู่ก็ได้นะ”“นายนี่ดูรักคณะจังนะ”“คณะใครใครก็รักไหมคุณ พูดแปลกๆ” นายตุ่นส่ายหน้าเอือมๆ “ตกลงจะให้ไหมเนี่ยเบอร์น่ะ หรือต้องไปถูเอาตามต้นไม้เหมือนขอหวย?”“จะไม่ให้เพราะปากแบบนี้ไง คนอะไรปากร้ายชะมั

  • Get out! ว่าที่คุณหมอตัวร้ายกับนายวิศวะหน้าโฉด   ว่างมั้ยคุณ?

    8 ว่างไหมคุณ? วันนี้เป็นอีกวันที่ฉันกลับมาอ่านหนังสือกับเพื่อนกลุ่มเดิม บรรยากาศมันค่อนข้างจะดีกว่าที่ฉันคิดไว้มากพอสมควรเลยล่ะ ความอึดอัดที่ฉันมีต่อยูเริ่มน้อยลงอาจจะเป็นเพราะเราแต่ละคนต่างสนใจกับตำราเรียนจนลืมคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาก็เป็นได้ แต่ในทางกลับกันวันใดที่มีพี่คิมมาช่วยติวด้วยฉันกลับรู้สึกอึดอัดมากขึ้นทุกที ฉันสามารถสัมผัสถึงสายตาที่เขาคอยจ้องมองฉันอยู่เสมอแม้ว่าฉันจะไม่ได้มองหรือคุยกับเขาก็ตาม เหมือนอย่างวันนี้ “น้องพิมพ์” ฉันหยุดกึกทันทีเมื่อเจอพี่คิมยืนอยู่หน้าห้องน้ำ ฉันเงยหน้าไปมองเขาด้วยใบหน้าเรียบเฉยแม้นัยน์ตาจะสั่นไหวไปด้วยความตื่นตระหนกก็ตาม “มีอะไรเหรอคะ” ฉันถามพลางเหลือบมองซ้ายขวาอย่างหาทางเอาตัวรอด “พิมพ์ยังไม่เลิกหายกลัวพี่เหรอครับ” “....” “พี่ไม่ได้คิดร้ายกับพิมพ์จริงๆ นะคะ” “ค่ะ” ฉันรับคำอย่างขอไปที ตั้งใจว่าจะเดินเลี่ยงแต่ร่างสูงกลับเดินตามมาขวางทำให้ฉันต้องร่นเท้าถอยหลังทันที “พี่คิมมีอะไรก็บอกมาตรงๆ ดีกว่าค่ะ” “พี่...พี่ชอบน้องพิมพ์” “...” “น้องพิมพ์ไม่ได้ตกใจเลยเหรอครับ” “นิดหนึ่ง...มั้งคะ” ฉันตอบออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่ได้ยินดียินร้ายอ

  • Get out! ว่าที่คุณหมอตัวร้ายกับนายวิศวะหน้าโฉด   คนร้าย

    7คนร้ายฉันก้าวฉับๆ เดินเข้ามาในบ้านของตัวเองที่ยังคงเงียบเชียบแม้ว่าจะมีการ์ดและแม่บ้านอยู่กันหลายคนก็ตาม คนแรกที่ฉันเจอหน้าก็คือป้าสายใจที่กึ่งวิ่งกึ่งเดินออกมาจากห้องครัวมาหาฉันด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มแสดงออกถึงความดีใจแม้ว่าฉันจะออกจากบ้านนี้ไปยังไม่ถึงสองอาทิตย์ดีก็ตาม“คุณหนูของป้า จะกลับมาอยู่บ้านแล้วใช่ไหมคะ”“เปล่าหรอกค่ะ” พูดเสร็จป้าสายใจก็หน้าสลดขึ้นมาอย่างผิดหวัง ฉันก็ได้แต่ลูบหลังท่านอย่างปลอบประโลม “คุณพ่ออยู่ไหมคะ”“โรงพยาบาลโทรตามให้ไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะค่ะ ส่วนคุณผู้หญิงก็ไปทำงานเมื่อเช้านี่เอง”ทางสะดวก...“งั้นเดี๋ยวพิมพ์ขึ้นไปเอาของบนห้องก่อนนะคะ”“คุณหนูจะรับอะไรไหมคะ ของว่างดีไหม”“ไม่ล่ะค่ะ พิมพ์กะว่าจะเข้ามาเอาของแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับแล้วค่ะ” ฉันบอกแล้วคลี่ยิ้มให้ป้าสายใจก่อนจะพาตัวเองขึ้นมาบันไดมายังชั้นสองและแทนที่ฉันจะเลี้ยวซ้ายไปยังห้องนอนของตัวเอง ฉันกลับตัดสินใจเลี้ยวขวาเดินดุ่มไปยังห้องทำงานของคุณพ่อ โชคดีที่ประตูไม่ล็อกทำให้ฉันสามารถเข้าไปข้างในได้ก่อนจะกวาดมองไปทั่วห้องอย่างนึกคิดถึง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาบางครั้งฉันมักจะคิดถึงคุณพ่อคุณแม

  • Get out! ว่าที่คุณหมอตัวร้ายกับนายวิศวะหน้าโฉด   หลง...?

    6หลง...?“ขอบใจนะแบงค์ที่มารับ” ฉันว่าขึ้นเมื่อพาตัวเองมาอยู่ในรถเก๋งของเพื่อนที่ฉันโทรวานให้มารับให้ไปเรียนด้วยกัน“ไม่เป็นไรหรอก แล้วรถอะเรียกช่างมาแล้วใช่ไหม”“เรียกแล้ว เดี๋ยวตอนเย็นก็คงได้แล้วแหละ”“อ่าหะ”“ช่วงนี้อ่านหนังสือที่ไหนเหรอ ว่างๆ มาอ่านด้วยกันสิ”“พอดียุ่งๆ น่ะ ถ้าว่างวันไหนค่อยโทรไปนะ”แล้วภายในรถก็ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมามีเพียงเสียงคนพูดข่าวในวิทยุช่วงเช้าเท่านั้นที่ไม่ทำให้บรรยากาศเงียบจนเกินไป ใช้เวลาไม่นานนักรถของแบงค์ก็ขับมาจอดที่หน้าตึกเรียน“พิมพ์ขึ้นไปเรียนก่อน เดี๋ยวเราเอารถไปจอด”“ขอบใจนะ”ฉันกล่าวอีกครั้งก่อนจะเดินลงมาจากรถ เวลาเหลืออีกประมาณยี่สิบนาทีกว่าจะถึงแปดโมงฉันจึงเดินไปหาอะไรกินที่เซเว่นก่อนจะขึ้นไปยังห้องเรียน“คุณครับ” ฉันชะงักเท้าเมื่อมีผู้ชายในชุดกาวน์มายืนอยู่ตรงหน้า ด้วยความที่ดูจากเครื่องแต่งกายแล้วฉันจึงยกมือไหว้เขาอย่างเสียไม่ได้ถึงเขาจะเป็นผู้ชายเมื่อคืนก็เถอะ“เมื่อคืนผมไม่ได้มีเจตนาจะทำอะไรคุณนะครับ”“ค่ะ” ฉันรับคำอย่างขอไปที ถึงเขาจะเป็นรุ่นพี่แต่การที่ไปโผล่คณะของคนอื่นกลางดึกมันเป็นสิ่งที่น่าแปลกไม่ใช่หรือไง“ที่ผมตามคุณไปเพราะผมเห็

  • Get out! ว่าที่คุณหมอตัวร้ายกับนายวิศวะหน้าโฉด   ไปส่งปะล่ะ

    5ไปส่งปะล่ะ?เสียงแตรรถที่ดังขึ้นทำให้ฉันละสายตาจากโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นไปมองผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในรถ เขาส่งยิ้มให้มาให้ฉันอย่างจริงใจในขณะที่ฉันทำเพียงแค่หรี่ตาเท่านั้น“มีอะไรให้ช่วยไหมครับ”“ไม่ค่ะ” ฉันตอบแทบจะทันทีหลังจากนั้นก็ก้มหน้ากดหาเลขอู่รถแถวนี้ “สวัสดีค่ะพอดีรถยางแบนน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าพอจะสะดวกมาเปลี่ยนให้ไหมคะที่ลานจอดรถตึก X คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.K ค่ะ”“ขอโทษด้วยนะครับพอดีว่าช่างของเราเลิกงานกันหมดแล้ว ถ้ายังไงขอเป็นพรุ่งนี้เช้าได้ไหมครับ” ฉันกัดริมฝีปากอย่างครุ่นคิดกับคำตอบที่ได้รับ บางทีฉันอาจจะไปขอนอนกับเพื่อนที่หอพักของนักศึกษาแพทย์ในมหาวิทยาลัยก็เป็นได้“ได้ค่ะ” หลังจากนั้นฉันก็บอกรายละเอียดข้อมูลไปก่อนจะกดวางสายฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจ้องมองอยู่ก่อนจะชะงักเล็กน้อยเมื่อตอนเหลือบตาขึ้นไปมองก็เห็นผู้ชายคนเดิมยังคงนั่งอยู่ในรถ คราวนี้ฉันรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลสักเท่าไหร่นัก พอมองซ้ายมองขวาก็รับรู้ถึงความเปลี่ยววังเวงขึ้นมา“คุณไม่ต้องกลัวผมหรอก ผมมาดีแค่เห็นว่ารถคุณยางแบนก็เท่านั้น”“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันโทรเรียกช่างแล้ว” ฉันตอบอย่างขอไปที“ป่านนี้แล้วยังมีอู่เปิดอีกเหรอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status