ปลายนิ้วเรียวยาวราวกับผู้หญิงเกลี่ยผิวแก้มนวลปราศจากเครื่องสำอางอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนมือลงมาเชยปลายคางของเธอขึ้น
“งั้นวันนี้เริ่มเบา ๆ ก่อนแล้วกัน”
“วันนี้เลยเหรอ” ไหนตอนแรกเขาบอกแค่คุย สักพักก็มาทำให้เธอปั่นป่วน แล้วตอนนี้ก็จะเริ่มปฏิบัติอีกแล้ว
“ก็มีอารมณ์แล้วนี่”
หากจะให้ยอมรับออกไปตามตรงคงกระดากอายไม่น้อย แต่มันก็เป็นอย่างที่คลื่นพูดจริง ๆ นั่นแหละ ตอนนี้ทั้งร่างมันวูบวาบไปหมดเลย
“วันนี้ผมจะสอนขั้นเบสิกให้คุณก่อนแล้วกัน ถอดเสื้อผ้าแล้วขึ้นไปรอบนเตียง” เขาออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเข้ม ก่อนจะเดินมายืนเลือกของเล่นที่จะใช้เป็นครั้งแรกกับอีกฝ่าย
ร่างบางตัวมองแผ่นหลังแกร่งด้วยความรู้สึกประหม่า พยายามใช้ความกล้ากดความรู้สึกเขินอายลงไป แล้วค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าตนเองทีละชิ้นจนหมด ก่อนจะก้าวขึ้นมานั่งบนเตียง
อุปกรณ์ที่คลื่นเลือกคือผ้าคาดตาสีดำ กุญแจมือ และไวเบรเตอร์ขนาดเล็ก ความพึงพอใจเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่หันกลับมาเห็นว่าแซนด์ทำตามคำสั่ง ยอมรับเลยว่ามันน่ามองมากกว่าที่จินตนาการ
“ถ้ารู้สึกไม่ไหวให้พูดว่า ‘คิมหันต์’ มันคือเซฟเวิร์ดของเรา แต่ถ้าคุณพูดคำอื่นผมจะให้ถือว่าคุณยังไหวและผมจะทำต่อไป เช็กลิมิตของตัวเองด้วย เข้าใจมั้ย”
“เข้าใจ”
“งั้นก็มาเริ่มกันเลย” ว่าจบชายหนุ่มก็ก้าวขาขึ้นไปนั่งบนเตียง แล้วดันร่างบางลงไปนอนราบบนเตียง ก่อนจะล็อกข้อมือสองข้างของอีกฝ่ายไว้ด้วยกุญแจมือ
แซนด์กลั้นหายใจเกร็งหน้าท้องเมื่ออีกฝ่ายไล่สายตามองร่างกายเปลือยเปล่าของเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ยิ่งถูกเขาพันธนาการไว้แบบนี้ก็ยิ่งควบคุมสติเอาไว้ไม่อยู่
“อ๊ะ…” ปลายนิ้วเย็นเฉียบที่แตะลงมาบนยอดอกทำเอาหญิงสาวสะดุ้ง เผลอกัดปากอย่างแรงจนรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเลือด ความมืดมิดเข้ามาปกคลุมดวงตาหลังจากอีกฝ่ายใช้ผ้าปิดตาเธอไว้
คลื่นผ่านเรื่องแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนจนเริ่มหาความตื่นเต้นไม่เจอ แต่คราวนี้กลับรู้สึกว่าร่างกายไร้ที่ติของผู้หญิงคนนี้จะสร้างความพึงพอใจให้แก่เขาได้
หน้าอกอวบกระเพื่อมตามแรงหายใจหนัก ๆ ทั้งที่เขายังไม่ได้เริ่มลงมือเพลย์กับเธอเลย ร่างสูงกอบกุมเนินนุ่มแล้วเคล้นคลึงมันตามแรงอารมณ์ พลางโน้มลงไปตวัดลิ้นเลียรอบ ๆ ปานนมเข้ามาจนถึงส่วนปลายยอดสีชมพู
“ไม่ต้องกลั้นเสียง ตรงนี้ไม่มีใครเห็นนอกจากผม”
ชายหนุ่มตั้งใจจะทำให้หญิงสาวคุ้นชินกับการร่วมรักเสียก่อน เพราะมันเป็นครั้งแรกอาจจะทำให้เธอรู้สึกไม่ปลอดภัย แต่ครั้งหน้าเขาจะเริ่มเป็นตัวของตัวเองแล้ว
“อึก…อื้อ” หญิงสาวส่งเสียงครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน ปลายลิ้นซึ่งตวัดเลียอยากมูมมามทำเอารู้สึกสั่นสะท้านจนแทบจะทนไม่ไหว
ฝ่ามือหนาเลื่อนผ่านบั้นเอวลงมาที่ต้นขา ก่อนจะแยกเรียวขาของเธอออกจากกัน แต่จู่ ๆ สัมผัสทุกอย่างก็หายไปท่ามกลางความเงียบภายในห้อง
แซนด์ไม่รู้ว่าคลื่นกำลังคิดจะทำอะไร เธอเริ่มตกอยู่ในความกังวลท่ามความมืดมิด เริ่มจินตนาการไปต่าง ๆ นานา ตอนนี้เขาตั้งใจจะเอาของเล่นอย่างอื่นมาใช้กับเธอหรือเปล่าก็ไม่อาจรู้ได้
สติใกล้จะเตลิดเต็มทน “คะ…คลื่น พี่มองไม่เห็น พี่กลัว”
ครืดดดดด ครืดดดดด~
เสียงสั่นจากอะไรบางอยากทำเอาแซนด์กลัวจนรีบหุบขาตนเอง แต่สุดท้ายมันก็ถูกแยกออกเหมือนเดิม ก่อนที่นิ้วเย็น ๆ จะสัมผัสเข้ามาจุดกึ่งกลางหว่างขา
ชายหนุ่มตั้งใจเงียบให้เธอตกอยู่ในห้วงจินตนาการ อยากรู้ว่าเธอจะมีปฏิกิริยาเช่นไร และได้คำตอบเมื่อเห็นว่าช่องทางรักเปียกชื้นมากกว่าเดิม
“เป็นผู้หญิงเวอร์จินที่ลามกจังนะ ให้รอแป๊บเดียวก็ร่ำร้องอยากให้สัมผัส” คำพูดเหยียดหยามเป็นรสนิยมส่วนตัวที่คลื่นมักจะใช้กับคู่เพลย์ แต่มันจะยิ่งรุนแรงกว่านี้เมื่อแซนด์ปรับตัวกับรสนิยมของเขาได้แล้ว “หน้าไม่อายจริง ๆ”
แซนด์จิกเล็บลงบนฝ่ามือตนเอง ในขณะที่อีกฝ่ายพยายามสอดปลายนิ้วเข้ามาในช่องทางรักคับแคบที่ยังไม่เคยผ่านมือชายใด เมื่อผ่านทางเข้ามาได้ก็เริ่มขยับทันที
“อะ…อ๊า”
ความเสียวแล่นเข้ามาเล่นงานอย่างจัง หัวใจของเธอเต้นแรงจนคล้ายจะหลุดออกมาจากอก ร่างกายบิดเร่าไปมาจนได้ยินเสียงสวบสาบของผ้าปูที่นอน
ไม่กี่วินาทีปลายนิ้วเรียวยาวก็ถอดถอนออกไป แล้วจับเธอพลิกนอนอยู่ในท่าคลานเข่าโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ถึงประสาทสัมผัสการมองเห็นถูกปิด แต่มันยิ่งทำให้จินตนาการว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรต่อจากนี้
คนข้างหลังนำบางสิ่งสอดแทรกเข้ามาแทนที่ มันมีขนาดเล็กและสัมผัสได้ว่าเป็นสิ่งของ ก่อนสิ่งที่อยู่ในร่างกายจะเริ่มสั่นอย่างรุนแรง
“อะ…อื้อ!” เสียงไวเบรเตอร์ดังเล็ดลอดออกมาจากช่องทางรักของหญิงสาว สอดประสานกับเสียงครวญครางขวดห้วง “บะ…เบา ๆ หน่อย อ๊า…ไม่ไหว”
“ความอดทนต่ำกว่าที่คิดนะ” ในความคิดของแซนด์คงคิดว่าสิ่งที่สร้างความเสียวซ่านให้เธอนั้นรุนแรงมากแล้ว ทว่าคงต้องเปลี่ยนความคิดเมื่อชายหนุ่มกดเพิ่มระดับความแรงอีกครั้ง
“อ๊า…พี่รู้สึก อึก…แปลก ๆ”
ช่องท้องบิดมวนจนคล้ายกับว่าบางอย่างกำลังจะออกมา สองมือดึงทึ้งผ้าปูที่นอนเพื่อระบายอารมณ์ ก่อนจะปลดปล่อยห้วงอารมณ์ออกมาเป็นครั้งแรก ความเสียวซ่านอาบไล้ไปทั่วทั้งร่างกาย หมดแรงถึงขั้นฟุบหน้าหอบหายใจหนัก ๆ
ชายหนุ่มมองสะโพกกลมกลึงซึ่งกำลังกระตุกเบา ๆ ผ่านแววตาพึงพอใจ ใช้ฝ่ามือฟาดซ้ำไปอีกหนึ่งทีจนผิวขาวเนียนเปลี่ยนเป็นสีแดง กดปิดไวเบรเตอร์พร้อมกับดึงมันออกมา แล้วรอให้ลมหายใจคนตัวเล็กกลับมาเป็นปกติ
“จบแล้ว เก่งมากที่ทนได้” คลื่นกล่าวชมพลางเอื้อมมือไปปลดกุญแจออกจากข้อมือของบอบบาง ดึงผ้าคาดตาออกแล้วพลิกเธอกลับมานอนหงาย “เป็นไงบ้างครับ รู้สึกดีหรือไม่ชอบตรงไหนมั้ย”
“…” แซนด์ส่ายหน้าปฏิเสธ อาจจะมีความกลัวบ้างแต่ก็ปะปนกับความตื่นเต้น เธอยังตอบไม่ได้ว่าจะรับกับรสนิยมของคลื่นได้หรือเปล่า ก่อนที่เขาจะยื่นมือมาลูบรอยแดงบนข้อมือจากการถูกกุญแจมือพันธนาการ
“คราวหน้าผมจะเช็กลิสต์กับคุณอีกที วันนี้กลับไปพักผ่อนได้แล้วครับ”
“หยิบเสื้อผ้าให้หน่อย” คลื่นยอมก้มลงไปหยิบเสื้อผ้าบนพื้นมาส่งให้อีกฝ่าย เธอรับมาใส่จนเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะก้าวขาลงจากเตียง เมื่อเท้าสองข้างแตะพื้นขาแข้งก็อ่อนแรงขึ้นมาในทันที ส่งผลให้อีกฝ่ายต้องยื่นแขนมารับตัวเธอไว้
“เดี๋ยวผมไปส่งที่ห้อง” สิ้นเสียงเขาช้อนตัวเธอขึ้นในท่าเจ้าสาวพาเดินออกมาจากเพลย์รูม แล้วลงมาส่งถึงหน้าห้องนอน “เข้าไปพักผ่อนได้แล้วครับ”
“อื้อ ขอบใจนะ” แซนด์กล่าวทิ้งท้ายไว้เพียงแค่นั้น ก่อนจะหันหลังเดินเข้ามาล้มตัวนอนลงบนเตียงอย่างหมดแรง ยกรอยแดงบนข้อมือขึ้นมาดูอีกครั้ง
ตอกย้ำว่าตอนนี้คลื่นไม่ใช่น้องชายข้างบ้านของเธออีกต่อไปแล้ว
หลายอาทิตย์ต่อมา...ปุ้ง!“ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะคุณจีน่า” แซนด์ดึงพลุกระดาษพร้อมกับกล่าวอย่างสดใส ทำเอาจีน่าที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องทำงานของคลื่นถึงกับสะดุ้งตกใจ“ตกใจหมดเลยค่ะคุณแซนด์ แต่ขอบคุณนะคะ”นี่เป็นวันแรกของการกลับทำงานหลังจากที่หล่อนลาพักร้อนไปเกือบเก้าเดือน ดีใจที่ทุกคนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเจ้านายหนุ่มที่ยอมให้คนรักตนเองทำอะไรเช่นนี้“วันนี้คุณจีน่ามาทำงาน แปลว่าฉันคงต้องลาออกแล้วล่ะค่ะ”“คุณแซนด์ทำงานต่อไปก็ได้นี่คะ ดิฉันว่าท่านประธานน่าจะอยากให้ทำแบบนั้น”“คุณคลื่นบอกว่าถ้าฉันอยากทำงานที่นี่ต่อก็จะไล่คุณจีน่าออก”จีน่าหันไปเลิกคิ้วมองผู้เป็นเจ้านายที่ทำหน้าเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะดึงความสนใจกลับไปที่หญิงสาวอีกคน “ถ้างั้นเชิญคุณแซนด์เลยค่ะ”“คุณจีน่าจะออกเหรอคะ”“เชิญคุณแซนด์ไปลาออกกับเอชอาร์ตอนนี้เลยค่ะ ลูกดิฉันยังเล็ก”“ฮ่า ๆ” ประโยคนั้นทำเอาแซนด์ถึงหลุดหัวหัวเราะ “ล้อเล่นค่ะ ฉันทำหน้าที่นี้ได้ไม่ดีเท่าคุณจีน่าหรอก อีกอย่างฉันว่าจะกลับไปอังกฤษสักพักด้วย”พรึ่บ!“กลับไปทำไมครับ” คลื่นผุดลุกจากเก้าอี้อย่างแรง ก่อนจะเดินมาหาแฟนสาวของตนเอง “ตอบผมสิครับ”“พี่จะกล
เช้าวันต่อมา…หญิงสาวมีอาการเจ็ตแล็กจนเผลอหลับไปตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวานและตื่นขึ้นมาอีกทีตอนตีสี่ ไม่อยากรบกวนแฟนหนุ่มที่ยังนอนหลับสบาย จึงพาตนเองมาล้างหน้าล้างตาแล้วถือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปลงมาที่ห้องครัวเพราะมีใครบางคนเสียบปลั๊กกาต้มน้ำร้อนเอาไว้ ทำให้แซนด์เดาว่าน่าจะมีคนตื่นแล้ว แต่ตอนนี้ไม่รู้หายไปไหน เธอกดน้ำร้อนใส่ถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้วเดินออกมานั่งที่โต๊ะนอกบ้าน“ตื่นแต่เช้าเลยนะ”“อ๊ะ! คุณตา” หญิงสาวสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากข้างหลังตน เป็นฟาบริโอที่เดินผ่านพุ่มไม้มาพร้อมกับกรรไกรตัดแต่งต้นไม้ “สวัสดีตอนเช้าค่ะ”“อืม เจ้าเด็กนั่นยังไม่ตื่นเรอะ”“ยังเลยค่ะ หนูนอนก่อนก็เลยตื่นก่อนค่ะ”“กินของไม่มีประโยชน์ตั้งแต่เช้า สุขภาพมันจะแย่เอา” ชายสูงวัยมองถ้วยบะหมี่บนโต๊ะเล็กน้อย ก่อนจะหันมาเตือนแฟนสาวของหลานชายด้วยความหวังดี“หนูไม่แน่ใจว่าทำอะไรทานได้บ้างก็เลยคิดว่าบะหมี่น่าจะง่ายสุดค่ะ”“ที่นี่ทำได้ทุกอย่างนั่นแหละ คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเอง”“ขอบคุณค่ะ แล้วคุณตาจะไปไหนแต่เช้าเหรอคะ”“ว่าจะเข้าไร่ไปเก็บองุ่นมาให้เจ้าคลื่นมันกินนั่นแหละ เด็กนั่นมันชอบ”“อ้อ หนูขอไปด้วยได้มั้ยคะ”
ครอบครัวของคลื่นอาศัยอยู่แทบชานเมืองเซียน่าในแคว้นทัสคานีของประเทศอิตาลี ตลอดเส้นทางจะสังเกตได้ว่าล้อมรอบไปด้วยไร่องุ่น ตัวบ้านที่ปลูกสร้างด้วยอิฐสีแดงสไตล์อิตาลีการมาเยือนประเทศอิตาลีคราวนี้เป็นครั้งที่สองแล้วก็จริง แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พบกับครอบครัวของแฟนหนุ่ม แซนด์ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าคลื่นบอกครองขวัญไปแล้วหรือยังว่าตอนนี้เขากับเธอเป็นอะไรกันหญิงสาวเปิดประตูลงมาจากรถยนต์ ก่อนจะยกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่ไม่ได้พบเจอกันมาตั้งสิบกว่าปี ซึ่งท่านก็ออกอาการตกใจเมื่อเห็นหน้าเธอ“สวัสดีค่ะน้าครองขวัญ”“หนูแซนด์เหรอ…” ครองขวัญเอ่ยถามด้วยภาษาไทยสำเนียงต่างชาติ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไม่บอกกล่าวเธอเลยว่าจะพาแซนด์มาด้วยกัน“ใช่ค่ะ”“โตเป็นสาวแล้วสวยเชียว” หญิงวัยห้าสิบปีคลี่ยิ้มอย่างยินดีที่ได้พบกัน ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาโอบไหล่เด็กสาวรุ่นลูก “ทำไมมาด้วยกันได้ล่ะฮึ”“คลื่นยังไม่ได้บอกคุณน้าเหรอคะ”“เจ้าตัวดีมันบอกอะไรน้าที่ไหนกัน แถมยังจะยืนหน้ามึนอีก”“เซอร์ไพรส์ไงครับ” ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ แล้วอ้อมรถยนต์มาหาแฟนสาวกับแม่ของตน แต่โน้มเข้าไปกระซิบข้างหูแม่ให้ได้ยินกันสองคน “…ผมเอาลูกสะใภ้มาฝาก”“คล
“คนเก่งหันมายิ้มหน่อยครับ”“หือ…” เมื่อหันไปเห็นว่าแฟนหนุ่มถือสมาร์ตโฟนอยู่ หญิงสาวจึงคลี่ยิ้มตามที่เขาต้องการ “ถ่ายสวยมั้ย”“นางแบบสวย ถ่ายยังไงก็สวยครับ”ติ๊ง~K.Da : พี่หนึ่งกับพี่สองกำลังไปที่บ้านนะK.Da : แกยังอยู่ที่นั่นมั้ยคลื่นตอบข้อความของพี่สาวกลับไปแค่สั้น ๆ ก่อนจะเก็บสมาร์ตโฟนใส่กระเป๋ากางเกง จังหวะนั้นมีชายวัยกลางคนเดินเข้ามาหา“สวัสดีครับท่านทั้งสอง”“สวัสดีครับ”“กระผมชื่อโอลิวิเยร์ เป็นผู้ดูแลคฤหาสน์แห่งนี้ครับ”“คิมหันต์ครับ” คลื่นแนะนำตนเองกลับไปเป็นภาษาฝรั่งเศส“อีกครู่หนึ่งจะมีคนนำของว่างและชามาเสิร์ฟนะครับ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติมสามารถแจ้งกระผมได้”“ขอบคุณครับ แต่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว” ชายหนุ่มโคลงศีรษะเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนจะเดินกลับมาหาแฟนสาวตนเองไม่นานสาวใช้ประจำปราสาทก็นำอาฟเตอร์นูนทีมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะกลางสวนดอกไม้ ก่อนจะเดินออกไปยืนห่าง ๆ เพื่อให้สองชายหญิงดื่มด่ำกับบรรยากาศกันตามลำพังช่วงเย็นบริเวณสวนดังกล่าวถูกจัดตกแต่งด้วยโต๊ะรับประทานอาหารแบบยาว พร้อมทั้งเสิร์ฟอาหารไฟน์ไดน์นิงที่ส่งตรงมาจากเชฟมิชลินสตาร์เป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่าปีที่คลื่นร่วมรับประทานอาหา
สองเดือนต่อมา…@ฝรั่งเศสคำขอร้องจากปากพี่สาวต่างแม่ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจเดินทางมาร่วมงานแต่งงานของเธอ เพราะอย่างไรเสียก็ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกัน ยังอยู่ในสถานะพูดคุยกันได้ตามปกติ เพียงแต่ไม่สนิทใจที่จะพูดคุยกันทุกเรื่องเบื้องหน้าของเขาเป็นพิธีแต่งงานซึ่งจัดขึ้น ณ โบสถ์ทางศาสนาคริสต์ในแคว้นหนึ่งของฝรั่งเศส ถึงจะไม่ได้แสดงสีหน้าปีติยินดีออกมา แต่ลึก ๆ คลื่นก็รู้สึกแบบนั้นอยู่ในใจคราแรกคิดว่าตนเป็นสายเลือดคนเดียวที่มางาน แต่ที่ไหนได้กลับมีทั้งพี่ชายคนโตและคนรองมาด้วย คลื่นไม่ได้เข้าไปกล่าวทักทาย ส่วนทั้งสองคนนั้นก็ไม่กล้าหันมาสบตาหลังพิธีจบลงอย่างเป็นทางการ ‘ดา ดลยา’ ผู้เป็นเจ้าสาวก็เดินมาหาน้องชายต่างแม่ของตน เพื่อชวนเขาไปร่วมถ่ายภาพด้วยกัน“คลื่นไปถ่ายรูปกับพี่สิ”“พี่ไปถ่ายเถอะ”“เร็ว ๆ อย่าทำตัวเป็นเด็ก” ดลยาดึงแขนน้องชายให้ลุกจากเก้าอี้ ในขณะที่แซนด์ก็ต้องลุกพร้อมกันเมื่อคลื่นดึงเธอไปด้วย “…แวงซ็องต์คะ นี่น้องชายคนเล็กของฉันค่ะ”“สวัสดีครับ” เจ้าบ่าวหันมาทักทายอย่างสุภาพ พลางยื่นมือไปตรงหน้าน้องชายของภรรยา“สวัสดีเช่นกันครับ” คลื่นโคลงศีรษะเล็กน้อยพร้อมกับยื่นมือไปเช็กแฮนด์ตาทมาร
“ลงมาจากโต๊ะครับ”แซนด์หย่อนปลายเท้าลงมายืนบนพื้น ก่อนจะหันหลังแล้วเอนกายไปด้านหน้า เริ่มรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินอีกฝ่ายหยิบบัตต์ปลั๊กอะลูมิเนียมที่มีกระดิ่งห้อยออกมาลิ้นชักโต๊ะทำงาน“เตรียมมาตรงนี้มาพร้อมแล้วเหรอครับ”“…ค่ะ” หลังจากวันนั้นที่คลื่นทำกับช่องทางด้านหลังเธอครั้งแรก เธอก็รู้ว่าต้องทำอย่างไรกับมันบ้าง“สมกับเป็นคนเก่งของผมจังนะครับ” ชายหนุ่มเลื่อนเก้าอี้เข้าไปใกล้บั้นท้ายกลมกลึง ก่อนจะโน้มลงไปพรมจูบอย่างหลงใหล โดยใช้สองมือบีบไว้แน่น แล้วเริ่มตวัดปลายลิ้นเลียร่องตรงหน้าด้วยความนุ่มนวลเขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนเพอร์เฟกต์ได้เท่าแซนด์มาก่อน ทั้งที่เขาไม่ชอบสีชมพู แต่กลับรู้สึกคลั่งไคล้เมื่อมันอยู่บนตัวเธอ มากไปกว่านั้นถ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงจะดีมาก“คุณเลขาครับ”“ว่าไงคะ”“เรามีเวลาสักสิบห้านาทีมั้ย”“จะเสร็จทันก่อนสิบห้านาทีเหรอคะ”“น่าจะทันนะครับ”“ถ้าคิดว่าทันก็เอาเลยค่ะ” แซนด์ก็รู้สึกมีอารมณ์ไม่ต่างจากคนข้างหลัง อดทนอดกลั้นมาตั้งแต่เช้าจนป่านนี้บ่ายเข้าไปแล้ว แต่คลื่นก็ยังไม่คิดจะหยุดแกล้งเธอเสียที“แค่ถามตรงนี้ก็ไหลเยิ้มกว่าเดิมแล้วนะครับ ถ้าผมไม่สนอง คงไปร่านในห้องประชุมให้