หนึ่งสัปดาห์ต่อมา…
“Ladies and Gentleman, Welcome to Suvarnabhumi airport…”
เมื่อได้ยินเสียงประกาศของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน เจ้าของร่างสูงจึงพับเก็บแท็บเล็ตแล้วส่งให้กับเลขานุการสาวซึ่งนั่งอยู่ข้างกัน แม้ว่าจะนั่งเครื่องบินเป็นเวลาหลายชั่วโมง แต่กลับไม่แสดงท่าทีใด ๆ ออกมาเลยสักนิดเดียว
เจ้าตัวเพิ่งกลับมาจากการไปตรวจดูโรงแรมสาขาใหม่ในเครือ The Sphinx ที่ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีมูลค่าเป็นอันดับสองของธุรกิจทั้งหมดที่อยู่ภายใต้การบริหารของ ‘คิมหันต์ โรมาโน’ หรือที่รู้จักกันในนามเจ้าชายแห่งวงการธุรกิจ
คลื่นเป็นหนึ่งในผู้ชายวัยสามสิบที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในขณะนี้ นอกจากจะมีโรงแรมที่เป็นธุรกิจอันดับสอง เขายังเป็นเจ้าของบริษัท The Pegasus ผู้ผลิตชิ้นรถยนต์รายใหญ่ของประเทศ
แน่นอนว่าเขาเป็นที่หมายปองของสาว ๆ มากหน้าหลายตา แต่ทว่าเขากลับไม่เคยคบหากับใครอย่างจริงจัง และไม่คิดจะสานสัมพันธ์กับใครเลยด้วยซ้ำ
“ท่านประธานจะเข้าบริษัทหรือจะกลับไปพักผ่อนดีคะ?” จีน่า เอ่ยถามเจ้านายของตนก่อนจะเคลื่อนรถยนต์ออกจากสนามบิน
ผู้ถูกถามหลุบสายตามองนาฬิกาเรือนหรูบนข้อมือเล็กน้อย แล้วจึงตอบคำถาม “เข้าไปที่โรงแรม”
“รับทราบค่ะ”
ชายหนุ่มยกมือสองข้างประสานกันไว้บนหัวเข่า ค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลงเพื่อพักผ่อนสายตา ยังอีกนานกว่าจะเดินทางถึงสำนักงานใหญ่ของโรงแรม ไม่นานเขาก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า
เกือบสองชั่วโมงต่อมาก็ถูกปลุกด้วยโทนเสียงนุ่มนวลของเลขาคนสนิท เขาลงจากรถยนต์และเดินเข้ามาในโรงแรมของตน โดยมีพนักงานโคลงศีรษะทำความเคารพให้ตลอดทาง
“ท่านประธานต้องการอะไรสามารถเรียกดิฉันได้ตลอดเลยนะคะ ฉันสแตนด์บายรอ”
“คุณกลับไปพักผ่อนเถอะ กำลังท้องกำลังไส้อยู่ไม่ใช่รึไง” จริงอยู่ว่าเขาจ้างงานจีน่าด้วยเงินเดือนหลักแสนต่อเดือนเพื่อให้เธอช่วยงานเขาอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะไร้ซึ่งคุณธรรมถึงขั้นใช้งานคนท้องแบบไม่นึกถึงสุขภาพ
“ดิฉันตั้งใจจะจองห้องพักที่โรงแรมของเราอยู่แล้วค่ะ”
“ถ้างั้นก็ไปพักผ่อนเถอะ วันนี้คงไม่มีอะไรให้คุณทำแล้วล่ะ”
“ถ้างั้นราตรีสวัสดิ์นะคะ” เลขานุการสาวโคลงศีรษะลงเล็กน้อย จากนั้นจึงหันหลังเดินออกไปจากห้องทำงานของผู้เป็นเจ้านาย
เมื่อประตูเสียงปิดประตูห้องทำงานเงียบลง เขาจึงถอดสูทตัวนอกพาดไว้บนเก้าอี้ คลายเนกไทพร้อมทั้งปลดกระดุมสองสามเม็ด แล้วเดินมาล้างหน้าล้างตาเรียกความสดชื่นกลับมา
ชายหนุ่มกลับออกมานั่งเช็กความเรียบร้อยของงานเปิดตัวธุรกิจใหม่ของตนที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้า ต้องจัดการทุกอย่างให้เสร็จเสียก่อน เพราะมีกำหนดการต้องเดินทางไปตรวจโรงงานที่ประเทศญี่ปุ่นอีกแล้ว
หมู่นี้เขาเดินทางออกนอกประเทศบ่อยจนแทบไม่ได้พัก ถึงขั้นที่เพื่อนสนิทออกปากถามว่าชาตินี้จะมีโอกาสได้พบหน้ากันอีกหรือเปล่า ตอนนั้นคิดว่ามันเป็นเรื่องขำขัน แต่พอมาคิดดูอีกทีอาจจะเป็นเช่นนั้นก็ได้
คำพูดเหล่านั้นไม่ต่างอะไรจากคำเตือนจากเพื่อน ส่งผลให้คลื่นฉุกคิดว่าเขาควรหาเวลาพักผ่อนให้ตนเองบ้าง เพราะอย่างนั้นจึงตัดสินใจลงมานั่งดื่มชิล ๆ ที่เลานจ์ในโรงแรม
ด้วยความเป็นประธานบริษัททำให้พนักงานออกอาการเกร็งอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาเลือกจะมองข้ามแล้วใช้เวลาจดจ่ออยู่กับเครื่องดื่ม แม้ลึก ๆ จะใช้เวลานี้แอบสังเกตการณ์การทำงานของคนใต้บังคับบัญชาไปพลาง ๆ
เนื่องจากเขาเป็นคนหูไวตาไวจึงหันมองทุกครั้งที่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการภายในเลานจ์ ทำให้เห็นว่าชายหญิงคู่หนึ่งกำลังยืนคุยกันอยู่หน้าประตูทางเข้าเลานจ์ คลื่นรู้จักฝ่ายชายดีอยู่แล้ว แต่ในส่วนของฝ่ายหญิงเขาเห็นแค่ด้านข้างจึงรู้สึกว่าคุ้นหน้าอย่างบอกไม่ถูก
กระทั่งทั้งคู่เดินเข้ามาข้างในด้วยกัน นั่นถึงทำให้เขามีโอกาสได้เห็นใบหน้าของผู้หญิงคนดังกล่าวชัด ๆ ก่อนจะหันกลับมาแล้วยกเหล้าขึ้นดื่มจนหมดแก้ว
“เหอะ…”
หลายอาทิตย์ต่อมา...ปุ้ง!“ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะคุณจีน่า” แซนด์ดึงพลุกระดาษพร้อมกับกล่าวอย่างสดใส ทำเอาจีน่าที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องทำงานของคลื่นถึงกับสะดุ้งตกใจ“ตกใจหมดเลยค่ะคุณแซนด์ แต่ขอบคุณนะคะ”นี่เป็นวันแรกของการกลับทำงานหลังจากที่หล่อนลาพักร้อนไปเกือบเก้าเดือน ดีใจที่ทุกคนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเจ้านายหนุ่มที่ยอมให้คนรักตนเองทำอะไรเช่นนี้“วันนี้คุณจีน่ามาทำงาน แปลว่าฉันคงต้องลาออกแล้วล่ะค่ะ”“คุณแซนด์ทำงานต่อไปก็ได้นี่คะ ดิฉันว่าท่านประธานน่าจะอยากให้ทำแบบนั้น”“คุณคลื่นบอกว่าถ้าฉันอยากทำงานที่นี่ต่อก็จะไล่คุณจีน่าออก”จีน่าหันไปเลิกคิ้วมองผู้เป็นเจ้านายที่ทำหน้าเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะดึงความสนใจกลับไปที่หญิงสาวอีกคน “ถ้างั้นเชิญคุณแซนด์เลยค่ะ”“คุณจีน่าจะออกเหรอคะ”“เชิญคุณแซนด์ไปลาออกกับเอชอาร์ตอนนี้เลยค่ะ ลูกดิฉันยังเล็ก”“ฮ่า ๆ” ประโยคนั้นทำเอาแซนด์ถึงหลุดหัวหัวเราะ “ล้อเล่นค่ะ ฉันทำหน้าที่นี้ได้ไม่ดีเท่าคุณจีน่าหรอก อีกอย่างฉันว่าจะกลับไปอังกฤษสักพักด้วย”พรึ่บ!“กลับไปทำไมครับ” คลื่นผุดลุกจากเก้าอี้อย่างแรง ก่อนจะเดินมาหาแฟนสาวของตนเอง “ตอบผมสิครับ”“พี่จะกล
เช้าวันต่อมา…หญิงสาวมีอาการเจ็ตแล็กจนเผลอหลับไปตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวานและตื่นขึ้นมาอีกทีตอนตีสี่ ไม่อยากรบกวนแฟนหนุ่มที่ยังนอนหลับสบาย จึงพาตนเองมาล้างหน้าล้างตาแล้วถือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปลงมาที่ห้องครัวเพราะมีใครบางคนเสียบปลั๊กกาต้มน้ำร้อนเอาไว้ ทำให้แซนด์เดาว่าน่าจะมีคนตื่นแล้ว แต่ตอนนี้ไม่รู้หายไปไหน เธอกดน้ำร้อนใส่ถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้วเดินออกมานั่งที่โต๊ะนอกบ้าน“ตื่นแต่เช้าเลยนะ”“อ๊ะ! คุณตา” หญิงสาวสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากข้างหลังตน เป็นฟาบริโอที่เดินผ่านพุ่มไม้มาพร้อมกับกรรไกรตัดแต่งต้นไม้ “สวัสดีตอนเช้าค่ะ”“อืม เจ้าเด็กนั่นยังไม่ตื่นเรอะ”“ยังเลยค่ะ หนูนอนก่อนก็เลยตื่นก่อนค่ะ”“กินของไม่มีประโยชน์ตั้งแต่เช้า สุขภาพมันจะแย่เอา” ชายสูงวัยมองถ้วยบะหมี่บนโต๊ะเล็กน้อย ก่อนจะหันมาเตือนแฟนสาวของหลานชายด้วยความหวังดี“หนูไม่แน่ใจว่าทำอะไรทานได้บ้างก็เลยคิดว่าบะหมี่น่าจะง่ายสุดค่ะ”“ที่นี่ทำได้ทุกอย่างนั่นแหละ คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเอง”“ขอบคุณค่ะ แล้วคุณตาจะไปไหนแต่เช้าเหรอคะ”“ว่าจะเข้าไร่ไปเก็บองุ่นมาให้เจ้าคลื่นมันกินนั่นแหละ เด็กนั่นมันชอบ”“อ้อ หนูขอไปด้วยได้มั้ยคะ”
ครอบครัวของคลื่นอาศัยอยู่แทบชานเมืองเซียน่าในแคว้นทัสคานีของประเทศอิตาลี ตลอดเส้นทางจะสังเกตได้ว่าล้อมรอบไปด้วยไร่องุ่น ตัวบ้านที่ปลูกสร้างด้วยอิฐสีแดงสไตล์อิตาลีการมาเยือนประเทศอิตาลีคราวนี้เป็นครั้งที่สองแล้วก็จริง แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พบกับครอบครัวของแฟนหนุ่ม แซนด์ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าคลื่นบอกครองขวัญไปแล้วหรือยังว่าตอนนี้เขากับเธอเป็นอะไรกันหญิงสาวเปิดประตูลงมาจากรถยนต์ ก่อนจะยกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่ไม่ได้พบเจอกันมาตั้งสิบกว่าปี ซึ่งท่านก็ออกอาการตกใจเมื่อเห็นหน้าเธอ“สวัสดีค่ะน้าครองขวัญ”“หนูแซนด์เหรอ…” ครองขวัญเอ่ยถามด้วยภาษาไทยสำเนียงต่างชาติ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไม่บอกกล่าวเธอเลยว่าจะพาแซนด์มาด้วยกัน“ใช่ค่ะ”“โตเป็นสาวแล้วสวยเชียว” หญิงวัยห้าสิบปีคลี่ยิ้มอย่างยินดีที่ได้พบกัน ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาโอบไหล่เด็กสาวรุ่นลูก “ทำไมมาด้วยกันได้ล่ะฮึ”“คลื่นยังไม่ได้บอกคุณน้าเหรอคะ”“เจ้าตัวดีมันบอกอะไรน้าที่ไหนกัน แถมยังจะยืนหน้ามึนอีก”“เซอร์ไพรส์ไงครับ” ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ แล้วอ้อมรถยนต์มาหาแฟนสาวกับแม่ของตน แต่โน้มเข้าไปกระซิบข้างหูแม่ให้ได้ยินกันสองคน “…ผมเอาลูกสะใภ้มาฝาก”“คล
“คนเก่งหันมายิ้มหน่อยครับ”“หือ…” เมื่อหันไปเห็นว่าแฟนหนุ่มถือสมาร์ตโฟนอยู่ หญิงสาวจึงคลี่ยิ้มตามที่เขาต้องการ “ถ่ายสวยมั้ย”“นางแบบสวย ถ่ายยังไงก็สวยครับ”ติ๊ง~K.Da : พี่หนึ่งกับพี่สองกำลังไปที่บ้านนะK.Da : แกยังอยู่ที่นั่นมั้ยคลื่นตอบข้อความของพี่สาวกลับไปแค่สั้น ๆ ก่อนจะเก็บสมาร์ตโฟนใส่กระเป๋ากางเกง จังหวะนั้นมีชายวัยกลางคนเดินเข้ามาหา“สวัสดีครับท่านทั้งสอง”“สวัสดีครับ”“กระผมชื่อโอลิวิเยร์ เป็นผู้ดูแลคฤหาสน์แห่งนี้ครับ”“คิมหันต์ครับ” คลื่นแนะนำตนเองกลับไปเป็นภาษาฝรั่งเศส“อีกครู่หนึ่งจะมีคนนำของว่างและชามาเสิร์ฟนะครับ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติมสามารถแจ้งกระผมได้”“ขอบคุณครับ แต่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว” ชายหนุ่มโคลงศีรษะเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนจะเดินกลับมาหาแฟนสาวตนเองไม่นานสาวใช้ประจำปราสาทก็นำอาฟเตอร์นูนทีมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะกลางสวนดอกไม้ ก่อนจะเดินออกไปยืนห่าง ๆ เพื่อให้สองชายหญิงดื่มด่ำกับบรรยากาศกันตามลำพังช่วงเย็นบริเวณสวนดังกล่าวถูกจัดตกแต่งด้วยโต๊ะรับประทานอาหารแบบยาว พร้อมทั้งเสิร์ฟอาหารไฟน์ไดน์นิงที่ส่งตรงมาจากเชฟมิชลินสตาร์เป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่าปีที่คลื่นร่วมรับประทานอาหา
สองเดือนต่อมา…@ฝรั่งเศสคำขอร้องจากปากพี่สาวต่างแม่ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจเดินทางมาร่วมงานแต่งงานของเธอ เพราะอย่างไรเสียก็ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกัน ยังอยู่ในสถานะพูดคุยกันได้ตามปกติ เพียงแต่ไม่สนิทใจที่จะพูดคุยกันทุกเรื่องเบื้องหน้าของเขาเป็นพิธีแต่งงานซึ่งจัดขึ้น ณ โบสถ์ทางศาสนาคริสต์ในแคว้นหนึ่งของฝรั่งเศส ถึงจะไม่ได้แสดงสีหน้าปีติยินดีออกมา แต่ลึก ๆ คลื่นก็รู้สึกแบบนั้นอยู่ในใจคราแรกคิดว่าตนเป็นสายเลือดคนเดียวที่มางาน แต่ที่ไหนได้กลับมีทั้งพี่ชายคนโตและคนรองมาด้วย คลื่นไม่ได้เข้าไปกล่าวทักทาย ส่วนทั้งสองคนนั้นก็ไม่กล้าหันมาสบตาหลังพิธีจบลงอย่างเป็นทางการ ‘ดา ดลยา’ ผู้เป็นเจ้าสาวก็เดินมาหาน้องชายต่างแม่ของตน เพื่อชวนเขาไปร่วมถ่ายภาพด้วยกัน“คลื่นไปถ่ายรูปกับพี่สิ”“พี่ไปถ่ายเถอะ”“เร็ว ๆ อย่าทำตัวเป็นเด็ก” ดลยาดึงแขนน้องชายให้ลุกจากเก้าอี้ ในขณะที่แซนด์ก็ต้องลุกพร้อมกันเมื่อคลื่นดึงเธอไปด้วย “…แวงซ็องต์คะ นี่น้องชายคนเล็กของฉันค่ะ”“สวัสดีครับ” เจ้าบ่าวหันมาทักทายอย่างสุภาพ พลางยื่นมือไปตรงหน้าน้องชายของภรรยา“สวัสดีเช่นกันครับ” คลื่นโคลงศีรษะเล็กน้อยพร้อมกับยื่นมือไปเช็กแฮนด์ตาทมาร
“ลงมาจากโต๊ะครับ”แซนด์หย่อนปลายเท้าลงมายืนบนพื้น ก่อนจะหันหลังแล้วเอนกายไปด้านหน้า เริ่มรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินอีกฝ่ายหยิบบัตต์ปลั๊กอะลูมิเนียมที่มีกระดิ่งห้อยออกมาลิ้นชักโต๊ะทำงาน“เตรียมมาตรงนี้มาพร้อมแล้วเหรอครับ”“…ค่ะ” หลังจากวันนั้นที่คลื่นทำกับช่องทางด้านหลังเธอครั้งแรก เธอก็รู้ว่าต้องทำอย่างไรกับมันบ้าง“สมกับเป็นคนเก่งของผมจังนะครับ” ชายหนุ่มเลื่อนเก้าอี้เข้าไปใกล้บั้นท้ายกลมกลึง ก่อนจะโน้มลงไปพรมจูบอย่างหลงใหล โดยใช้สองมือบีบไว้แน่น แล้วเริ่มตวัดปลายลิ้นเลียร่องตรงหน้าด้วยความนุ่มนวลเขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนเพอร์เฟกต์ได้เท่าแซนด์มาก่อน ทั้งที่เขาไม่ชอบสีชมพู แต่กลับรู้สึกคลั่งไคล้เมื่อมันอยู่บนตัวเธอ มากไปกว่านั้นถ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงจะดีมาก“คุณเลขาครับ”“ว่าไงคะ”“เรามีเวลาสักสิบห้านาทีมั้ย”“จะเสร็จทันก่อนสิบห้านาทีเหรอคะ”“น่าจะทันนะครับ”“ถ้าคิดว่าทันก็เอาเลยค่ะ” แซนด์ก็รู้สึกมีอารมณ์ไม่ต่างจากคนข้างหลัง อดทนอดกลั้นมาตั้งแต่เช้าจนป่านนี้บ่ายเข้าไปแล้ว แต่คลื่นก็ยังไม่คิดจะหยุดแกล้งเธอเสียที“แค่ถามตรงนี้ก็ไหลเยิ้มกว่าเดิมแล้วนะครับ ถ้าผมไม่สนอง คงไปร่านในห้องประชุมให้