เป็นอีกครั้งที่คลื่นให้ความสนใจคนอื่นมากเกินความจำเป็น แทบไม่รู้ตัวเลยว่าครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาลอบมองชายหญิงคู่นั้นไปกี่รอบแล้ว
สักพักเจ้าของร่างบอบบางก็ลุกจากเก้าอี้ เดินนวยนาดผ่านหลังเขาแล้วเลี้ยวไปทางห้องน้ำของเลานจ์ ขณะนั้นเขาก้มหัวลงเพื่อไม่ให้เธอสังเกตเห็นว่าคนที่แอบมองเธอนั่งอยู่ตรงนี้
เมื่อชายหนุ่มตัดสินใจว่าจะเลิกสนใจคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับชีวิตตน จึงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมทั้งหยิบธนบัตรจำนวนหนึ่งในกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาจ่ายเงินค่าเครื่องดื่ม ทว่าหางตาดันเผลอไปเห็นการกระทำบางอย่างที่ลูกค้าโต๊ะใหม่กำลังแอบทำอย่างน่ารังเกียจ
คลื่นถอนหายใจออกมาเบา ๆ แล้วเดินออกมานั่งบริเวณเก้าอี้รับรองหน้าเลานจ์ ก้มมองนาฬิกาบนข้อมือเป็นระยะจนกระทั่งเข็มนาทีเคลื่อนมาถึงเลขสิบเอ็ด จากนั้นก็หยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาต่อสายหาเลขานุการคนสนิท
มีความจำเป็นต้องผิดคำพูด และตามตัวจีน่ามาหาอย่างเร่งด่วน เขารอสายไม่กี่วินาทีอีกฝ่ายก็รับสายด้วยน้ำเสียงที่บอกให้รู้ว่ากำลังรออยู่
(สวัสดีค่ะท่านประธาน)
“ผมไม่ได้โทรไปรบกวนคุณใช่มั้ย”
(ดิฉันยังไม่ได้นอนค่ะ อยากได้อะไรรึเปล่าคะ)
“คุณช่วยมาหาผมที่เลานจ์หน่อย ตอนนี้เลย”
(ได้ค่ะ ไม่เกินห้านาทีนะคะ)
“อืม” เพราะแบบนี้เขาถึงถูกใจจีน่า เธอเป็นเลขานุการที่ทำงานได้ไม่มีขาดตกบกพร่อง แค่สั่งก็พร้อมจะทำตามโดยไม่มีข้อแม้ใด ดูเหมือนว่าเขาต้องมอบรางวัลให้หญิงแกร่งคนนี้เสียแล้ว รวมถึงของขวัญรับต้อนรับลูกในท้องของเธอด้วย
วางสายจากจีน่าไปแค่ไม่กี่นาที คนที่ทำให้ต้องมานั่งรอก็ถูกประคองเอวเดินออกมาจากเลานจ์ สภาพของเธอคล้ายกับคนเมามายจนแทบไม่มีสติ คนที่เห็นอาจจะคิดว่าเช่นนั้น แต่ไม่ใช่กับเขา
เจ้าของร่างสูงหยัดกายลุกจากโซฟาพลางก้าวขาเดินตามสองชายหญิงคู่นั้นมายืนหน้าลิฟต์โดยสาร ทำทีเอ่ยทักทายลูกหนี้เจ้าประจำของตน
“สวัสดีครับคุณกิตติภัทร”
ผู้ถูกทักทายแสดงสีหน้าเหลอหลา ใจเต้นตึกตักเพราะคิดว่าจะถูกทวงหนี้ที่ผิดนัดชำระมาสองอาทิตย์ “สะ…สวัสดีครับคุณคิมหันต์”
“มีเวลาว่างสักสิบนาทีมั้ยครับ พอดีผมมีเรื่องจะคุยกับคุณกิตติภัทร” ดวงตาคู่คมมองใบหน้าสะสวยที่พยายามปรือตาอันหนักอึ้งมองเขาเล็กน้อย ก่อนจะดึงสายตาไปสบตากับชายหนุ่มอายุมากกว่าสิบปี ซึ่งเป็นจังหวะที่จีน่าเดินออกมาจากลิฟต์พอดี
“ตอนนี้เลยเหรอครับ คือผม…”
“ครับตอนนี้” คลื่นเลือกใช้น้ำเสียงเข้มกว่าตอนแรกพูดกับอีกฝ่าย เพื่อบอกให้รู้ว่านั่นไม่ใช่คำถาม แต่เป็นคำสั่งต่างหาก “ดูเหมือนคุณจะมีธุระ แต่เรื่องระหว่างคุณกับผมก็สำคัญมากเหมือนกัน…ใช่มั้ยครับ”
“ครับ”
“ส่วนผู้หญิงคนนี้ผมจะให้เลขาพาไปส่งไว้ที่ห้องพักก็แล้วกัน”
“เอาแบบนั้นก็ได้ครับ”
คลื่นปรายตามองจีน่าเป็นเชิงออกคำสั่ง เพราะการที่เธอยืนฟังอยู่ตรงนี้คงได้ยินแล้วว่าเขาต้องการอะไร ดังนั้นไม่จำเป็นต้องพูดซ้ำเป็นรอบที่สอง
กิตติภัทรยอมส่งหญิงสาวที่ตนหมายปองให้จีน่าอย่างจำใจ มองตามทั้งสองคนไปจนประตูลิฟต์ปิดสนิท รู้สึกหัวเสียที่มีคนมาขัดจังหวะ หากไม่ใช่เจ้าหนี้อิทธิพลกว้างขวางคงถูกเขาตะบันหน้าไปแล้ว
“ไปนั่งคุยกันตรงนั้นแล้วกันครับ ผมรบกวนเวลาคุณไม่นานหรอก” ว่าจบก็เดินนำชายอายุมากกว่ามาที่เก้าอี้รับรอง เมื่ออีกฝ่ายนั่งลงแล้วจึงเริ่มหยิบยกเรื่องหนี้มาเป็นหัวข้อสนทนา “ผมจำได้ว่าคุณไปทำงานต่างประเทศไม่ใช่เหรอครับ”
“ผมเพิ่งกลับมาเมื่อเช้านี้เองครับ” กิตติภัทรรีบโพล่งแก้ตัว เพราะไม่อยากให้คลื่นรู้ว่าเขาตั้งใจเบี้ยวนัดชำระหนี้ที่กู้ยืมมา เดือนนี้การเงินติดลบจนไม่สามารถเจียดจ่ายได้จริง ๆ
“งั้นสินะครับ งานคงเรียบร้อยดีนะ”
“…”
คลื่นใช้ปลายนิ้วเคาะกับโต๊ะกระจกเบา ๆ “แล้วของเดือนนี้จะจ่ายวันนี้เลยมั้ยครับ ยิ่งคุณจ่ายช้าดอกเบี้ยก็ยิ่งสูงขึ้น…ผมเตือนเผื่อคุณลืม”
การกู้ยืมเงินกับคลื่นไม่ได้ยากเย็น แถมดอกเบี้ยไม่ได้มากมายเหมือนของคนอื่น เพียงแต่เงื่อนไขนี้จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อชำระหนี้ตรงเวลาที่กำหนด
แต่ถ้าผิดนัดชำระเกินสามครั้งดอกเบี้ยจะถูกปรับขึ้นมาในอัตราที่ไม่ต่างอะไรจากขูดเลือดขูดเนื้อ เงื่อนไขนี้ถูกระบุในสัญญาอย่างชัดเจน และหากเซ็นชื่อและรับเงินไปแล้วจะถือว่ายอมรับเงื่อนไขนั้นได้
“สิ่งที่ผมอยากคุยกับคุณมีเท่านี้ หวังว่าพรุ่งนี้คุณจะติดต่อมาหาผมนะครับคุณเก้า” ชายหนุ่มยกยิ้มที่มุมปากเป็นการทิ้งท้าย ก่อนจะลุกเดินออกมาจากตรงนั้น อันที่จริงมันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคิดจะพูดกับใคร เพราะมันไม่ใช่หน้าที่ของเขา
แต่วันนี้ดันต้องมาเสียน้ำลายให้กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง…ซึ่งมันน่าหงุดหงิด
หลายอาทิตย์ต่อมา...ปุ้ง!“ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะคุณจีน่า” แซนด์ดึงพลุกระดาษพร้อมกับกล่าวอย่างสดใส ทำเอาจีน่าที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องทำงานของคลื่นถึงกับสะดุ้งตกใจ“ตกใจหมดเลยค่ะคุณแซนด์ แต่ขอบคุณนะคะ”นี่เป็นวันแรกของการกลับทำงานหลังจากที่หล่อนลาพักร้อนไปเกือบเก้าเดือน ดีใจที่ทุกคนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเจ้านายหนุ่มที่ยอมให้คนรักตนเองทำอะไรเช่นนี้“วันนี้คุณจีน่ามาทำงาน แปลว่าฉันคงต้องลาออกแล้วล่ะค่ะ”“คุณแซนด์ทำงานต่อไปก็ได้นี่คะ ดิฉันว่าท่านประธานน่าจะอยากให้ทำแบบนั้น”“คุณคลื่นบอกว่าถ้าฉันอยากทำงานที่นี่ต่อก็จะไล่คุณจีน่าออก”จีน่าหันไปเลิกคิ้วมองผู้เป็นเจ้านายที่ทำหน้าเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะดึงความสนใจกลับไปที่หญิงสาวอีกคน “ถ้างั้นเชิญคุณแซนด์เลยค่ะ”“คุณจีน่าจะออกเหรอคะ”“เชิญคุณแซนด์ไปลาออกกับเอชอาร์ตอนนี้เลยค่ะ ลูกดิฉันยังเล็ก”“ฮ่า ๆ” ประโยคนั้นทำเอาแซนด์ถึงหลุดหัวหัวเราะ “ล้อเล่นค่ะ ฉันทำหน้าที่นี้ได้ไม่ดีเท่าคุณจีน่าหรอก อีกอย่างฉันว่าจะกลับไปอังกฤษสักพักด้วย”พรึ่บ!“กลับไปทำไมครับ” คลื่นผุดลุกจากเก้าอี้อย่างแรง ก่อนจะเดินมาหาแฟนสาวของตนเอง “ตอบผมสิครับ”“พี่จะกล
เช้าวันต่อมา…หญิงสาวมีอาการเจ็ตแล็กจนเผลอหลับไปตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวานและตื่นขึ้นมาอีกทีตอนตีสี่ ไม่อยากรบกวนแฟนหนุ่มที่ยังนอนหลับสบาย จึงพาตนเองมาล้างหน้าล้างตาแล้วถือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปลงมาที่ห้องครัวเพราะมีใครบางคนเสียบปลั๊กกาต้มน้ำร้อนเอาไว้ ทำให้แซนด์เดาว่าน่าจะมีคนตื่นแล้ว แต่ตอนนี้ไม่รู้หายไปไหน เธอกดน้ำร้อนใส่ถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้วเดินออกมานั่งที่โต๊ะนอกบ้าน“ตื่นแต่เช้าเลยนะ”“อ๊ะ! คุณตา” หญิงสาวสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากข้างหลังตน เป็นฟาบริโอที่เดินผ่านพุ่มไม้มาพร้อมกับกรรไกรตัดแต่งต้นไม้ “สวัสดีตอนเช้าค่ะ”“อืม เจ้าเด็กนั่นยังไม่ตื่นเรอะ”“ยังเลยค่ะ หนูนอนก่อนก็เลยตื่นก่อนค่ะ”“กินของไม่มีประโยชน์ตั้งแต่เช้า สุขภาพมันจะแย่เอา” ชายสูงวัยมองถ้วยบะหมี่บนโต๊ะเล็กน้อย ก่อนจะหันมาเตือนแฟนสาวของหลานชายด้วยความหวังดี“หนูไม่แน่ใจว่าทำอะไรทานได้บ้างก็เลยคิดว่าบะหมี่น่าจะง่ายสุดค่ะ”“ที่นี่ทำได้ทุกอย่างนั่นแหละ คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเอง”“ขอบคุณค่ะ แล้วคุณตาจะไปไหนแต่เช้าเหรอคะ”“ว่าจะเข้าไร่ไปเก็บองุ่นมาให้เจ้าคลื่นมันกินนั่นแหละ เด็กนั่นมันชอบ”“อ้อ หนูขอไปด้วยได้มั้ยคะ”
ครอบครัวของคลื่นอาศัยอยู่แทบชานเมืองเซียน่าในแคว้นทัสคานีของประเทศอิตาลี ตลอดเส้นทางจะสังเกตได้ว่าล้อมรอบไปด้วยไร่องุ่น ตัวบ้านที่ปลูกสร้างด้วยอิฐสีแดงสไตล์อิตาลีการมาเยือนประเทศอิตาลีคราวนี้เป็นครั้งที่สองแล้วก็จริง แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พบกับครอบครัวของแฟนหนุ่ม แซนด์ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าคลื่นบอกครองขวัญไปแล้วหรือยังว่าตอนนี้เขากับเธอเป็นอะไรกันหญิงสาวเปิดประตูลงมาจากรถยนต์ ก่อนจะยกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่ไม่ได้พบเจอกันมาตั้งสิบกว่าปี ซึ่งท่านก็ออกอาการตกใจเมื่อเห็นหน้าเธอ“สวัสดีค่ะน้าครองขวัญ”“หนูแซนด์เหรอ…” ครองขวัญเอ่ยถามด้วยภาษาไทยสำเนียงต่างชาติ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไม่บอกกล่าวเธอเลยว่าจะพาแซนด์มาด้วยกัน“ใช่ค่ะ”“โตเป็นสาวแล้วสวยเชียว” หญิงวัยห้าสิบปีคลี่ยิ้มอย่างยินดีที่ได้พบกัน ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาโอบไหล่เด็กสาวรุ่นลูก “ทำไมมาด้วยกันได้ล่ะฮึ”“คลื่นยังไม่ได้บอกคุณน้าเหรอคะ”“เจ้าตัวดีมันบอกอะไรน้าที่ไหนกัน แถมยังจะยืนหน้ามึนอีก”“เซอร์ไพรส์ไงครับ” ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ แล้วอ้อมรถยนต์มาหาแฟนสาวกับแม่ของตน แต่โน้มเข้าไปกระซิบข้างหูแม่ให้ได้ยินกันสองคน “…ผมเอาลูกสะใภ้มาฝาก”“คล
“คนเก่งหันมายิ้มหน่อยครับ”“หือ…” เมื่อหันไปเห็นว่าแฟนหนุ่มถือสมาร์ตโฟนอยู่ หญิงสาวจึงคลี่ยิ้มตามที่เขาต้องการ “ถ่ายสวยมั้ย”“นางแบบสวย ถ่ายยังไงก็สวยครับ”ติ๊ง~K.Da : พี่หนึ่งกับพี่สองกำลังไปที่บ้านนะK.Da : แกยังอยู่ที่นั่นมั้ยคลื่นตอบข้อความของพี่สาวกลับไปแค่สั้น ๆ ก่อนจะเก็บสมาร์ตโฟนใส่กระเป๋ากางเกง จังหวะนั้นมีชายวัยกลางคนเดินเข้ามาหา“สวัสดีครับท่านทั้งสอง”“สวัสดีครับ”“กระผมชื่อโอลิวิเยร์ เป็นผู้ดูแลคฤหาสน์แห่งนี้ครับ”“คิมหันต์ครับ” คลื่นแนะนำตนเองกลับไปเป็นภาษาฝรั่งเศส“อีกครู่หนึ่งจะมีคนนำของว่างและชามาเสิร์ฟนะครับ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติมสามารถแจ้งกระผมได้”“ขอบคุณครับ แต่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว” ชายหนุ่มโคลงศีรษะเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนจะเดินกลับมาหาแฟนสาวตนเองไม่นานสาวใช้ประจำปราสาทก็นำอาฟเตอร์นูนทีมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะกลางสวนดอกไม้ ก่อนจะเดินออกไปยืนห่าง ๆ เพื่อให้สองชายหญิงดื่มด่ำกับบรรยากาศกันตามลำพังช่วงเย็นบริเวณสวนดังกล่าวถูกจัดตกแต่งด้วยโต๊ะรับประทานอาหารแบบยาว พร้อมทั้งเสิร์ฟอาหารไฟน์ไดน์นิงที่ส่งตรงมาจากเชฟมิชลินสตาร์เป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่าปีที่คลื่นร่วมรับประทานอาหา
สองเดือนต่อมา…@ฝรั่งเศสคำขอร้องจากปากพี่สาวต่างแม่ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจเดินทางมาร่วมงานแต่งงานของเธอ เพราะอย่างไรเสียก็ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกัน ยังอยู่ในสถานะพูดคุยกันได้ตามปกติ เพียงแต่ไม่สนิทใจที่จะพูดคุยกันทุกเรื่องเบื้องหน้าของเขาเป็นพิธีแต่งงานซึ่งจัดขึ้น ณ โบสถ์ทางศาสนาคริสต์ในแคว้นหนึ่งของฝรั่งเศส ถึงจะไม่ได้แสดงสีหน้าปีติยินดีออกมา แต่ลึก ๆ คลื่นก็รู้สึกแบบนั้นอยู่ในใจคราแรกคิดว่าตนเป็นสายเลือดคนเดียวที่มางาน แต่ที่ไหนได้กลับมีทั้งพี่ชายคนโตและคนรองมาด้วย คลื่นไม่ได้เข้าไปกล่าวทักทาย ส่วนทั้งสองคนนั้นก็ไม่กล้าหันมาสบตาหลังพิธีจบลงอย่างเป็นทางการ ‘ดา ดลยา’ ผู้เป็นเจ้าสาวก็เดินมาหาน้องชายต่างแม่ของตน เพื่อชวนเขาไปร่วมถ่ายภาพด้วยกัน“คลื่นไปถ่ายรูปกับพี่สิ”“พี่ไปถ่ายเถอะ”“เร็ว ๆ อย่าทำตัวเป็นเด็ก” ดลยาดึงแขนน้องชายให้ลุกจากเก้าอี้ ในขณะที่แซนด์ก็ต้องลุกพร้อมกันเมื่อคลื่นดึงเธอไปด้วย “…แวงซ็องต์คะ นี่น้องชายคนเล็กของฉันค่ะ”“สวัสดีครับ” เจ้าบ่าวหันมาทักทายอย่างสุภาพ พลางยื่นมือไปตรงหน้าน้องชายของภรรยา“สวัสดีเช่นกันครับ” คลื่นโคลงศีรษะเล็กน้อยพร้อมกับยื่นมือไปเช็กแฮนด์ตาทมาร
“ลงมาจากโต๊ะครับ”แซนด์หย่อนปลายเท้าลงมายืนบนพื้น ก่อนจะหันหลังแล้วเอนกายไปด้านหน้า เริ่มรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินอีกฝ่ายหยิบบัตต์ปลั๊กอะลูมิเนียมที่มีกระดิ่งห้อยออกมาลิ้นชักโต๊ะทำงาน“เตรียมมาตรงนี้มาพร้อมแล้วเหรอครับ”“…ค่ะ” หลังจากวันนั้นที่คลื่นทำกับช่องทางด้านหลังเธอครั้งแรก เธอก็รู้ว่าต้องทำอย่างไรกับมันบ้าง“สมกับเป็นคนเก่งของผมจังนะครับ” ชายหนุ่มเลื่อนเก้าอี้เข้าไปใกล้บั้นท้ายกลมกลึง ก่อนจะโน้มลงไปพรมจูบอย่างหลงใหล โดยใช้สองมือบีบไว้แน่น แล้วเริ่มตวัดปลายลิ้นเลียร่องตรงหน้าด้วยความนุ่มนวลเขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนเพอร์เฟกต์ได้เท่าแซนด์มาก่อน ทั้งที่เขาไม่ชอบสีชมพู แต่กลับรู้สึกคลั่งไคล้เมื่อมันอยู่บนตัวเธอ มากไปกว่านั้นถ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงจะดีมาก“คุณเลขาครับ”“ว่าไงคะ”“เรามีเวลาสักสิบห้านาทีมั้ย”“จะเสร็จทันก่อนสิบห้านาทีเหรอคะ”“น่าจะทันนะครับ”“ถ้าคิดว่าทันก็เอาเลยค่ะ” แซนด์ก็รู้สึกมีอารมณ์ไม่ต่างจากคนข้างหลัง อดทนอดกลั้นมาตั้งแต่เช้าจนป่านนี้บ่ายเข้าไปแล้ว แต่คลื่นก็ยังไม่คิดจะหยุดแกล้งเธอเสียที“แค่ถามตรงนี้ก็ไหลเยิ้มกว่าเดิมแล้วนะครับ ถ้าผมไม่สนอง คงไปร่านในห้องประชุมให้