เสียงนาฬิกาปลุกดิจิทัลจากโทรศัพท์มือถือของเธอเองดังขึ้น เป็นเสียงแหลมเล็กที่แปลกแยกอย่างสิ้นเชิงกับความเงียบสงบและหรูหราของห้องนอนขนาดมหึมา ขวัญข้าวปรือตาขึ้นอย่างเชื่องช้า ความหนักอึ้งเกาะกุมเปลือกตาและร่างกายทุกส่วน ก่อนจะเอื้อมมือไปกดปิดเสียงที่น่ารำคาญนั้นโดยอัตโนมัติ
และปลายนิ้วของเธอก็สัมผัสได้ถึงความว่างเปล่า...
ความเย็นเฉียบของผ้าปูที่นอนแบรนด์หรูคือสิ่งแรกที่ยืนยันความจริงอันโหดร้าย ที่นอนข้างกายเธอเย็นชืดสนิท ไม่ได้หลงเหลือไออุ่นใดๆ ของเขาไว้เลยแม้แต่น้อย เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าเจ้าของห้องคงลุกออกไปนานแล้ว
ขวัญข้าวนอนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง จ้องมองเพดานสูงที่ตกแต่งอย่างวิจิตร แสงแดดยามเช้าลอดผ่านม่านอัตโนมัติที่ยังคงปิดสนิทเข้ามาเพียงเล็กน้อย บรรยากาศรอบกายคือความหรูหราที่เธอไม่มีวันเป็นเจ้าของ เตียงนอนที่นุ่มราวกับปุยเมฆ ภาพเขียนราคาแพงบนผนัง หรือแม้แต่นาฬิกาเรือนหรูที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ทุกอย่างตอกย้ำว่าที่นี่คือโลกของเขา...โลกที่เธอเป็นได้เพียงผู้มาเยือนชั่วคราว
ความรู้สึกเจ็บแปลบแล่นผ่านเข้ามาในอกเป็นความคุ้นชินที่น่าเศร้า เพราะนี่คือเช้าวันที่ความฝันลมๆ แล้งๆ ของเมื่อคืนต้องมอดดับไปพร้อมกับแสงแรกของวัน ขวัญข้าวสะบัดความรู้สึกอ่อนแอทิ้งไป บังคับตัวเองให้ลุกออกจากเตียงที่เต็มไปด้วยความว่างเปล่านั้นทันที
ร่างบางในชุดคลุมอาบน้ำผ้าไหมเนื้อดีเดินอย่างเงียบเชียบที่สุดออกจากห้องนอนใหญ่ ทอดสายตาหลีกเลี่ยงที่จะมองตรงไปยังห้องนั่งเล่นที่โอ่อ่าอันเป็นอาณาเขตของเขา จุดหมายคือห้องน้ำสำหรับแขกซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวชั่วคราวที่ใช้เสมอ ทุกการเคลื่อนไหวคล่องแคล่วและเงียบกริบราวกับกลัวจะไปรบกวนใคร ทั้งที่รู้ดีว่าในเพนต์เฮาส์แห่งนี้ ร่างกายที่ไร้วิญญาณนี้มีเพียงหนึ่งเดียว
เวลาในห้องน้ำถูกใช้อย่างรวดเร็วและเป็นกิจวัตร การอาบน้ำจึงไม่ใช่เพื่อความสดชื่น แต่คือการชำระล้าง ความพยายามที่จะชะล้างกลิ่นกายอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าของห้อง ร่องรอยสัมผัสจากค่ำคืน และที่สำคัญที่สุดคือความหวังโง่ๆ ของตนเองให้หมดสิ้นไป
เมื่อเสร็จสิ้น ร่างบางจึงกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้งเพื่อแต่งตัว ชุดทำงานสีครีมเรียบหรูที่เตรียมสำรองไว้ถูกสวมใส่ หญิงสาวยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ สบตากับภาพสะท้อนที่เต็มไปด้วยร่องรอยความอ่อนล้าใต้ดวงตา ก่อนจะค่อยๆ ใช้เครื่องสำอางกลบเกลื่อนมันอย่างชำนาญ เรือนผมยาวสลวยที่เคยสยายอยู่บนหมอนเมื่อคืน ถูกรวบขึ้นไปเกล้าเป็นมวยไว้ที่ท้ายทอยอย่างเรียบตึง และสิ่งสุดท้ายแว่นตากรอบบางก็ถูกหยิบขึ้นมาสวม
ทันทีที่ขาแว่นเกี่ยวเข้ากับใบหู โลกทั้งใบก็เปลี่ยนไป เกราะป้องกันชิ้นสุดท้ายถูกสวมใส่เพื่อซ่อนทุกความรู้สึกวูบไหวในดวงตาได้สำเร็จ ตอนนี้หญิงสาวในกระจกคือ 'คุณขวัญข้าว กันต์สิน' เลขานุการมืออาชีพอย่างสมบูรณ์แบบ
ก่อนจะก้าวออกจากห้อง ร่างบางหันกลับไปสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้งตามสัญชาตญาณ ผ้าห่มถูกดึงให้กลับมาตึงเรียบ หมอนถูกจัดวางให้เข้าที่ ทุกอย่างสมบูรณ์แบบราวกับไม่มีใครเคยอยู่ที่นี่ การไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ที่บ่งบอกถึงการมีอยู่ของตัวเองไว้เลย คือกฎที่ไม่มีใครสอน แต่ขวัญข้าวเรียนรู้ที่จะทำมันด้วยตัวเอง
แปดโมงครึ่งตรง ขวัญข้าวกลับมานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานหน้าห้องประธาน บรรยากาศของชั้นผู้บริหารกลับเข้าสู่โหมดการทำงานเต็มรูปแบบ เสียงคีย์บอร์ดดังกระทบกันเป็นระยะ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นไม่ขาดสาย ทุกอย่างดำเนินไปอย่างตึงเครียดแต่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ
เพื่อนร่วมงานในชั้นเดียวกันเดินมาทักทาย "กาแฟไหมคะคุณข้าว"
"ไม่เป็นไรค่ะคุณลินดา ขอบคุณนะคะ" เธอตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรและเป็นมืออาชีพที่สุด ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไม่ถึงชั่วโมงที่แล้ว เลขาหน้าห้องประธานผู้ดูสงบนิ่งคนนี้เพิ่งจะเดินลงมาจากเพนต์เฮาส์ของเจ้านาย
หญิงสาวนั่งทำงานไปเรื่อยๆ พยายามจดจ่ออยู่กับตัวเลขในจอ แต่สายตาก็ยังคงเผลอไผลไปมองร่างสูงสง่าที่นั่งทำงานอยู่ในห้องกระจกเป็นครั้งคราว ร่างสูงกลับสู่โหมดจักรพรรดิผู้เยือกเย็นได้อย่างไร้รอยต่อ ไม่มีวี่แววของชายหนุ่มผู้ครางชื่อเธอเมื่อคืนหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย
แล้วช่วงเวลาที่เธอต้องเผชิญหน้ากับความจริงก็มาถึง...
ประตูห้องทำงานบานใหญ่เปิดออก ร่างสูงสง่าของลูเซียโน่ก้าวออกมาในชุดสูทสั่งตัดพิเศษสีเทาเข้มที่เนี้ยบกริบ ท่าทางการเดินที่มั่นคงและสีหน้าที่เรียบเฉยเย็นชานั้นคือภาพที่พนักงานทุกคนคุ้นตา
สายตาคมกริบคู่นั้นปรายมองเธอเพียงเสี้ยววินาที เหมือนมองผ่านเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งในออฟฟิศ ก่อนที่ริมฝีปากหยักลึกจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจและเป็นทางการ เสียงที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับเสียงทุ้มแหบพร่าที่กระซิบข้างหูเธอเมื่อคืน
"คุณขวัญข้าว เก้าโมงตรงเอาสรุปรายงานการประชุมของเมื่อวานเข้ามาให้ผมด้วย"
คุณขวัญข้าว...
คำสรรพนามนั้นเหมือนค้อนปอนด์ที่มองไม่เห็น ทุบลงมาบนกำแพงความหวังบางๆ ในใจจนแหลกละเอียด มันคือคำที่ขีดเส้นแบ่งระหว่างสถานะของ 'เจ้านาย' และ 'เลขา' ได้อย่างชัดเจนและเลือดเย็นที่สุด มันลบตัวตนของผู้หญิงที่ชื่อขวัญข้าวบนเตียงของเขาเมื่อคืนออกไปจนหมดสิ้น
แต่ขวัญข้าวก็ยังคงเป็นขวัญข้าว...เลขานุการมืออาชีพ
ใบหน้าสวยเงยหน้าขึ้นจากจอคอมพิวเตอร์ สบตาอีกฝ่ายตรงๆ ปรับสีหน้าให้นิ่งขรึมที่สุด ซ่อนความปวดร้าวทั้งหมดไว้หลังแว่นตา ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบไม่แพ้กัน
"ได้ค่ะบอส"
ปัง!
เสียงประตูห้องทำงานที่ปิดลงนั้นหนักแน่นและเย็นชา ตัดขาดโลกของคนทั้งสองออกจากกันอีกครั้ง
ขวัญข้าวก้มหน้าลงมองจอคอมพิวเตอร์ที่สว่างวาบ แสงสะท้อนบนเลนส์แว่นตาช่วยปิดบังแววตาที่วูบไหวอย่างรุนแรงไว้ได้ทันท่วงที ลมหายใจถูกสูดเข้าปอดลึกที่สุด ก่อนจะผ่อนออกมาอย่างเชื่องช้าเพื่อบังคับให้ตัวเองสงบนิ่ง
ความเจ็บปวดอันคุ้นเคยแล่นริ้วไปทั่วทั้งร่าง นี่คือความจริงในชีวิต วัฏจักรที่ไม่สิ้นสุดของค่ำคืนอันร้อนแรงและเช้าวันที่ว่างเปล่า
ปลายนิ้วเรียวกลับไปวางบนแป้นคีย์บอร์ดอีกครั้ง เพื่อเริ่มต้นพิมพ์งานในฐานะ 'เลขา' เหมือนทุกวันที่ผ่านมา พร้อมกับความพยายามที่จะลืมเลือนค่ำคืนนั้นให้หมดสิ้นไปจากใจ...เหมือนกับที่เจ้าของโลกใบนั้นทำได้เสมอ