วันต่อมาน้ำตาลลองไปโรงพยาบาลตามที่หมอแนะนำ เพราะเมื่อตอนดึกเธอรู้สึกไม่สบายตัวเท่าไหร่ ถ้าอาการป่วยยังรุมเร้าอยู่แบบนี้ รับรองว่างานของเธอไม่มีทางคืบหน้าแน่ ๆ
[คุณเองเหรอ]
“...”
[คุณจำผมได้หรือเปล่า]
“...”
“อ้อจริงสิ คุณคงไม่เข้าใจภาษาของผม” สายตาของหมอโฟกัสไปที่ประวัติคนไข้อีกครั้ง
“คุณรู้ได้ยังไง” น้ำตาลแปลกใจที่อยู่ ๆ เขาก็พูดภาษาที่เธอฟังออกขึ้นมา
“ก็ที่คุณระบุในนี้” เขาชี้ไปที่แฟ้มประวัติคนไข้ “คุณไม่ใช่คนที่นี่สินะ”
“อ๋อ” น้ำตาลโล่งใจ เธอเองก็ลืมคิดถึงเรื่องนี้ คิดว่าตัวเองกำลังกรอกประวัติอยู่ในโรงพยาบาลของรัฐที่ประเทศไทยซะอีก
“ผมก็ว่าอยู่ว่าทำไมวันนั้นคุณถึงไม่ยอมคุยกับผม”
“...” น้ำตาลไม่ได้พูดอะไร เธอนึกไม่ออกว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไร แต่ว่าหมอคนนี้เป็นคนอัธยาศัยดีจัง เพราะตั้งแต่เธอเข้ามาเขาก็พูดไม่หยุดเลย
“สรุปว่าคุณจำผมได้หรือเปล่า”
“คุณรู้จักฉันเหรอ”
“คิดไว้แล้ว ว่าคุณคงจำผมไม่ได้”
“...” น้ำตาลเอียงหน้ามอง ดูยังไงเธอก็ไม่คุ้นหน้าเขาเลยสักนิด
“เราเคยเจอกันวันนั้นไง วันที่ฝนตก”
“ฝนตก...” เธอทวนคำ
“อือ...หึ”
น้ำตาลทำท่าครุ่นคิด ตั้งแต่มาที่นี่ เธอนึกไม่ออกว่าเธอเคยมีโอกาสได้เจอผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาคนนี้ที่ไหน เพราะที่ผ่านมาเธอเอาแต่คิดว่าจะทำยังไงเพื่อให้งานของเธอเสร็จไว ๆ จนไม่ทันได้สังเกตใบหน้าของใครเลยนอกจากผู้ชายคนนั้น
“นึกออกหรือยังครับ” เขาเอียงหน้ามอง ลุ้นว่าเธอจะจำเขาได้หรือเปล่า
“ขอโทษด้วยนะคะ” ภาพใบหน้าของเขาไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในสมองของเธอ
“ช่างมันเถอะ” เขาเองก็ไม่อยากเซ้าซี้ “ว่าแต่คุณมาที่นี่ทำไมครับ”
“ฉันไม่สบายมาหลายวันแล้วค่ะ มีคุณหมอคนหนึ่งแนะนำให้ฉันมาตรวจ” น้ำตาลบอกออกไป
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง” เขาเอามือจับคางตัวเอง “คุณเป็นนักท่องเที่ยวเหรอครับ”
“ฉันมาทำงานค่ะ”
“คุณไม่ได้เรียนภาษาจีนมาก่อนเหรอ”
“ฉันพอจะฟังออกนิดหน่อยค่ะ แต่ถ้าให้สื่อสารคงจะต้องใช้เวลา” เธอเคยเรียนภาษาจีนตอนสมัยมัธยมปลาย
“ยังไงก็สู้ ๆ นะครับ” เขาชูสองนิ้วให้น้ำตาล เพราะคิดว่าการที่เธอไม่สามารถสื่อสารกับคนอื่นเป็นภษาเธอคงจะใช้ชีวิตที่นี่ลำบากน่าดู
“ขอบคุณค่ะ”
น้ำตาลไม่ได้รู้สึกแปลกใจเท่าไหร่ เพราะโดยส่วนใหญ่หมอที่เธอรู้จักตอนทำงานด้วยก็มีบุคลิกประมาณนี้
หลังตรวจเสร็จไม่นาน น้ำตาลก็ถูกเรียกเข้าไปในห้องอีกครั้งเพื่อฟังผลตรวจ เธอรู้สึกโล่งใจที่ผลตรวจออกมาปกติ ที่เธอไม่สบายก็ไม่ต่างไปจากที่เธอคาดเดาเลยสักนิด เพราะเธอไม่ชินกับอากาศของที่นี่ มันหนาวเกินไป ร่างกายของเธอปรับไม่ทันและที่สำคัญเสื้อผ้าที่เธอใส่มันบางเกินไป
“คุณควรใส่เสื้อผ้าหนา ๆ กว่านี้” เป็นรอบที่สามแล้วที่หมอย้ำกับเธอ
“คือฉันเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรกค่ะ ไม่คิดว่ามันจะหนาวขนาดนี้ เดี๋ยวฉันจะไปซื้อเสื้อกันหนาวตัวหนา ๆ มาใส่” น้ำตาลแกล้งตอบไป
ไม่หรอกเธอไม่มีทางซื้อเสื้อกันหนาวตัวหนา ๆ ที่มีขนหนานุ่มได้ เพราะราคามันคงจะสูงน่าดู
“ถึงยังไงคุณก็ควรพักผ่อนอีกสักสองสามวันนะครับ แล้วค่อยออกไปทำงาน”
“ค่ะ ฉันก็คิดไว้แบบนั้น” เธอเห็นด้วยกับคำแนะนำของหมอ
“ประเทศของคุณเป็นยังไงบ้าง”
“คุณยังไม่เคยไปเหรอ”
“ยังเลย ผมเคยวางแผนกับครอบครัว หมายถึงพ่อแม่น่ะครับ ตั้งใจว่าจะลาพักร้อนแล้วไปเที่ยวที่นั่น แต่ก็ยังไม่มีโอกาสสักที”
“คุณต้องไปให้ถึงนะคะ แล้วคุณจะชอบ”
“ผมได้ยินมาว่าคนไทยใจดี แล้วคุณใจดีหรือเปล่า”
“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ”
“งั้นถ้าผมมีโอกาสได้ไป คุณช่วยพาผมเที่ยวหน่อย”
“ถ้าถึงตอนนั้นฉันได้กลับไปแล้วนะ”
“คุณมีแผนจะกลับประเทศของคุณเมื่อไหร่”
“เร็ว ๆ นี้ค่ะ”
“หวังว่าเราจะได้ไปเที่ยวด้วยกันนะครับ”
[หมอซี คนไข้รออยู่ด้านนอกเยอะเลยค่ะ] พยาบาลสาวเดินเข้ามาสะกิด เมื่อเห็นว่าคุณหมอของเธอเริ่มออกนอกลู่นอกทาง
หมอซี หรือซีห่าว หนุ่มหล่อหน้าตี๋ เป็นหมอรักษาโรคทั่วไป เขาทำงานอยู่ในโรงพยาบาลของรัฐที่ตั้งอยู่ในย่านเดียวกันกับบริษัทซอฟต์แวร์สาขาใหญ่ เขาเป็นคนอัธยาศัยดี มักจะทักทายคนแปลกน่าด้วยท่าทางที่เป็นมิตร จึงทำให้คนไข้ส่วนใหญ่รู้สึกสบายใจเวลาคุยกับเขา
[อ้อ โทษทีครับ พอดีคุยกันถูกคอน่ะ]
พยาบาลสาวเอียงหน้ามอง เพราะดูเหมือนจะเป็นหมอคนเดียวหรือเปล่าที่รู้สึกว่าคุยถูกคอ เพราะคนไข้ก็มีท่าทีปกติ มีแต่หมอเท่านั้นที่ดูตื่นเต้น
“เสียดายที่วันนี้ผมมีคนไข้เยอะ ไม่อย่างนั้นผมจะชวนคุณออกไปดื่มชา”
“ไม่เป็นไรค่ะ” น้ำตาลยิ้มบาง ๆ ให้หมอ
“ผมชื่อหยวนซีห่าวนะครับ” อยู่ ๆ เขาก็แนะนำตัวกับเธอ “เรียกผมว่าซีห่าวหรือหมอซีก็ได้ครับ”
“อ๋อค่ะ”
“แล้วคุณล่ะครับ ไม่คิดจะแนะนำตัวให้ผมรู้จักบ้างเหรอ พอดีชื่อคุณในแฟ้มประวัติอ่านยากมากเลยครับ ผมกลัวออกเสียงไม่ถูก”
“เรียกฉันว่าน้ำตาลก็ได้ค่ะ”
“นามตาน”
“น้ำตาล” เธอเน้นคำที่เป็นภาษาอังกฤษซึ่งมีความหมายว่าน้ำตาล
“อ๋อ ถ้าอย่างนั้นผมขอเรียกฮันนี่ละกัน มันหวานเหมือนกัน”
“...” น้ำตาลไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เขาจะเรียกอะไรก็ช่าง เพราะยังไงเธอก็คงไม่มีโอกาสได้เจอเขาอีก
“เชิญคนไข้รอรับยาด้านนอกนะคะ” พยาบาลสาวเดินมาบอกอย่างสุภาพ
“ค่ะ” น้ำตาลลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที เธอนั่งรอไม่นานก็ได้รับยา แต่สิ่งที่ทำให้เธอแปลกใจคือ เธอมีใบนัด หมอนัดให้เธอมาอีกครั้งในสามวันข้างหน้า เมื่อถามพยาบาลสาวก็ได้คำตอบว่าซีห่าวเป็นคนเขียนใบนัด
บริษัทซอฟต์แวร์
ตลอดสามวันที่ผ่านมามีความรู้สึกแปลกใหม่เกิดขึ้น เมื่อชายหนุ่มเอาแต่มองไปทางประตู ไม่ว่าจะเป็นห้องทำงาน หรือแม้กระทั่งประตูทางเข้าผับ เขานึกแปลกใจที่อยู่ ๆ หญิงสาวที่เอาแต่เสนอตัวให้เขาก็หายไป หลังจากที่เขาไล่เธอออกไปจากห้องในวันนั้นเธอก็ไม่มาปรากฏตัวให้เขาเห็นอีกเลย
‘อันตรายมากเลยนะครับ’ อยู่ ๆ คำพูดของหมอก็ผุดขึ้นมา
‘เอาเป็นว่าพรุ่งนี้คุณไปที่โรงพยาบาลดีกว่าครับ หมอจะได้ตรวจให้อย่างละเอียด’
หรือเธอคนนั้นจะไปตรวจที่โรงพยาบาลแล้วพบว่าตัวเองเป็นโรคร้าย เลยต้องอยู่รักษาตัวที่โรงพยาบาล หรือบางทีเธออาจจะยอมแพ้ไปแล้วก็ได้
‘คุณมันไม่มีความเป็นมนุษย์เลย เคยมีความเมตตา หรือมีน้ำใจกับเพื่อนมนุษย์บ้างมั้ย’
“ว่าฉันไม่มีความเป็นมนุษย์อย่างนั้นเหรอ ถ้าฉันเป็นแบบที่เธอว่า ตอนนี้เธอคงเป็นผีไปเฝ้ายมบาลแล้ว ยัยคนปากดี”
ก๊อก ๆ ๆ
เสียงเคาะประตูทำให้คนที่อยู่ในห้องตัวชาขึ้นมา เขามองไปที่ประตู แวบหนึ่งเขาคิดว่าเธอคนนั้นต้องมาป่วนเขาอีกแน่ ๆ เขาจะรับมือกับเธอยังไงดี
“เข้ามา” ไคล์อนุญาต
“บอสครับ”
“มีเรื่องอะไร”
“เรื่องที่ให้ไปสืบเมื่ออาทิตย์ก่อน” บอดี้การ์ดเว้นวรรคเพื่อหายใจ “พวกเราไปสืบมาแล้วครับ”
“อืม” เขาลืมไปแล้วว่าสั่งให้บอดี้การ์ดไปตามสืบเรื่องของน้ำตาล พอเป็นแบบนี้ก็อยากรู้แล้วสิว่าเธอเป็นใครมาจากไหน
“เธอเป็นหญิงสาวชาวไทยครับ”
“คนไทยเหรอ” เมื่อนึกย้อนไป ไคล์นึกได้ว่าเหมือนเคยได้ยินเธอพูดบางประโยคออกมาเป็นภาษาไทย เพราะไม่ได้ใส่ใจเลยไม่รู้ว่าเธอพูดว่าอะไร
แม้เขาจะจากที่นั่นมานาน แต่ภาษาไทยซึ่งเป็นภาษาแม่ของเขา เขาไม่เคยทิ้งมัน เพียงแต่เมื่อมาอยู่ที่นี่ เขาก็ไม่มีโอกาสได้ใช้มัน จึงใช้วิธีซื้อหนังสือที่มีภาษาไทยมาอ่าน บางครั้งก็ฟังบทสนทนาภาษาไทยบ่อย ๆ
“ครับ”
“ข้อมูลอื่นล่ะ”
“ข้อมูลอื่นไม่ปรากฏเลยครับ เหมือนจะโดนซ่อนไว้ หรือไม่ก็ถูกลบออกไป” หลายครั้งที่พวกเขาพยายามเจาะข้อมูลเข้าไปเพื่อจะดึงข้อมูลของน้ำตาลออกมา แต่ทุกครั้งก็ล้มเหลว “พวกเราพยายามแฮ็กข้อมูลหลายรอบมากเลยครับ แต่เข้าไม่ถึงข้อมูลของเธอสักครั้ง”
“ส่งคนไปที่นั่น”
“ครับบอส”
ก๊อก ๆ ๆ
เสียงนิ้วเรียวเคาะลงบนโต๊ะ เขากำลังครุ่นคิดว่าทำไมข้อมูลส่วนตัวของเธอถึงไม่ปรากฏ ปกติเรื่องแบบนี้ลูกน้องของเขาไม่เคยพลาด หรือมีอะไรที่ซับซ้อนกว่านี้
วันต่อมาน้ำตาลลองไปโรงพยาบาลตามที่หมอแนะนำ เพราะเมื่อตอนดึกเธอรู้สึกไม่สบายตัวเท่าไหร่ ถ้าอาการป่วยยังรุมเร้าอยู่แบบนี้ รับรองว่างานของเธอไม่มีทางคืบหน้าแน่ ๆ[คุณเองเหรอ]“...”[คุณจำผมได้หรือเปล่า]“...”“อ้อจริงสิ คุณคงไม่เข้าใจภาษาของผม” สายตาของหมอโฟกัสไปที่ประวัติคนไข้อีกครั้ง“คุณรู้ได้ยังไง” น้ำตาลแปลกใจที่อยู่ ๆ เขาก็พูดภาษาที่เธอฟังออกขึ้นมา“ก็ที่คุณระบุในนี้” เขาชี้ไปที่แฟ้มประวัติคนไข้ “คุณไม่ใช่คนที่นี่สินะ”“อ๋อ” น้ำตาลโล่งใจ เธอเองก็ลืมคิดถึงเรื่องนี้ คิดว่าตัวเองกำลังกรอกประวัติอยู่ในโรงพยาบาลของรัฐที่ประเทศไทยซะอีก“ผมก็ว่าอยู่ว่าทำไมวันนั้นคุณถึงไม่ยอมคุยกับผม”“...” น้ำตาลไม่ได้พูดอะไร เธอนึกไม่ออกว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไร แต่ว่าหมอคนนี้เป็นคนอัธยาศัยดีจัง เพราะตั้งแต่เธอเข้ามาเขาก็พูดไม่หยุดเลย“สรุปว่าคุณจำผมได้หรือเปล่า”“คุณรู้จักฉันเหรอ”“คิดไว้แล้ว ว่าคุณคงจำผมไม่ได้”“...” น้ำตาลเอียงหน้ามอง ดูยังไงเธอก็ไม่คุ้นหน้าเขาเลยสักนิด“เราเคยเจอกันวันนั้นไง วันที่ฝนตก”“ฝนตก...” เธอทวนคำ“อือ...หึ”น้ำตาลทำท่าครุ่นคิด ตั้งแต่มาที่นี่ เธอนึกไม่ออกว่าเธอเคยมีโอกาสได้เจอผ
[สวัสดีครับคุณไคล์]เจ้าของชื่อก้มมองคนที่ยืนแนบอกของเขาก่อนที่จะปรายตามองคนที่เอ่ยทักทายเขา“คุณ” น้ำตาลเรียกเขาสั้น ๆ เมื่อแหงนหน้าขึ้นไปเห็นหน้าเจ้าของร่างกำยำที่เธอถอยหลังชน ไม่รู้ว่าเขาเดินมาทางที่เธอยืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะก่อนหน้าเธอเอาแต่เถียงกับผู้ชายไร้มารยาทคนนี้จนลืมสังเกตน้ำตาลหันไปเผชิญหน้ากับเขา แต่ก็ไม่กล้าสู้หน้าเขาตรง ๆ เพราะเหตุการณ์เมื่อไม่กี่วันก่อนยังปรากฏอยู่ในหัว เธอจึงทำทีเสมองไปทางอื่น[เธอบอกว่าเธอเป็นแฟนของคุณ]ไคล์ตวัดสายตามองหญิงสาวทันที มันจะมากเกินไปแล้ว เธอกำลังทำให้เขาเสื่อมเสีย เพราะลูกค้าประจำของที่นี่ไม่มีใครไม่รู้จักแฟนของเขา ผู้หญิงคนนี้ยิ่งนับวันยิ่งวุ่นวายกับชีวิตของเขา“...” น้ำตาลหลุบตาต่ำลง เธอไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นบอกอะไรกับเขา ถ้าเกิดบอกทุกอย่างที่เธอแอบอ้างไปล่ะ แล้วเธอจะทำยังไง เขาต้องโกรธเธอมากแน่ ๆเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นตามรูขุมขน เธอรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ แปลก ๆ ไม่รู้เป็นเพราะอาการป่วยที่ยังไม่หายดี หรือแอลกอฮอล์ที่เธอดื่มเข้าไป หรือแท้ที่จริงแล้วเธอกลัวคนตรงหน้ากันแน่มือที่จับขอบโต๊ะกำแน่น ดูเหมือนตัวเธอจะโงนเงนไปมาจนเจ้าของร่า
เวลา 22.00 น.เจ้าของขาเรียวก้าวผ่านประตูเข้าไปในไนต์คลับ ผู้คนในเวลานี้ดูหนาแน่นขนัดตา เธอมองไปรอบ ๆ เพื่อหาเป้าหมาย แต่แล้วก็ไม่เจอ โชคดีที่ยังมีที่ว่างพอให้เธอได้แทรกตัวแล้ววางก้นลง[รับเครื่องดื่มอะไรดีครับ] พนักงานหนุ่มเดินเข้ามาถามทันทีที่เห็นเธอนั่งลง“คุณพูดภาษาอังกฤษกับฉันได้หรือเปล่า” เธอเริ่มจะชินกับสถานการณ์ต่าง ๆ มากขึ้น คงเป็นเพราะเธอเป็นคนเอเชียเหมือนกับพวกเขา โดยลักษณะทั่วไปของเธอก็ไม่ได้แตกต่างจากหญิงสาวชาวจีนมากนัก เลยไม่มีใครเอะใจว่าเธอไม่ใช่คนที่นี่“ครับ” พนักงานพยักหน้าเบา ๆ “ไม่ทราบว่าคุณจะรับเครื่องดื่มอะไรดีครับ”น้ำตาลก็นิ่งคิด เธอกำลังคิดว่าเธอจะสั่งอะไรมาดื่มดี ผู้หญิงที่เอาแต่ทำงานไม่ดื่มเหล้าไม่เข้าผับแบบเธอควรสั่งอะไรมาดื่มดี“อะไรก็ได้ที่เบาที่สุดค่ะ”เพราะยังไม่หายป่วยเวลานี้เธอจึงไม่ควรดื่มด้วยซ้ำ แต่เอาเถอะอย่างน้อย ๆ ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเขาเธอจะได้กล้าพอที่จะชวนเขาขึ้นเตียงแบบไม่รู้สึกกระดากปาก เพราะทุกครั้งสติของเธอครบถ้วนเธอมักจะทำมันพลาดอยู่เสมอ“ได้ครับ”น้ำตาลนั่งรอไปเรื่อย เวลานี้เป้าหมายของเธอก็ยังไม่ปรากฏตัว จากหนึ่งแก้วเป็นสองแก้ว และตามด้วย
วันต่อมา แม้ว่าจะมีความคิดหนึ่งที่ผุดเข้ามาในหัวของน้ำตาล ความคิดที่ว่าเธอไม่อยากทำ ไม่อยากมอบร่างกายให้คนที่เธอไม่ได้รัก และที่สำคัญดูเหมือนว่าเขาคนนั้นจะรังเกียจเธอเอามาก ๆ เลยด้วยซ้ำ แต่พอนึกถึงน้องชายเธอก็ต้องข่มกลั้นความคิดทุกอย่างไว้ เรื่องเดียวที่เข้ามาแทรกอยู่ในหัวคือเธอต้องทำแม้จะไม่อยากทำก็ตามน้ำตาลจึงตัดสินใจไปหาไคล์ที่บริษัทอีกครั้ง เธอจะต้องรีบทำมันให้สำเร็จ เธอไม่อยากใช้ชีวิตแสนลำบากอยู่ที่นี่ แค่อาทิตย์เดียวมันก็นานเกินไปแล้วสำหรับเธอ[หยุดก่อนครับ]น้ำตาลหันไปมองตามเสียง แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเขาพูดว่าอะไรก็ตาม ชายในเครื่องแบบรีบวิ่งมาขวางหน้าของเธอไว้ เธอมองสำรวจการแต่งกายของเขา คงจะเดาไม่ยากว่าผู้ชายคนนี้คงจะเป็น รปภ.ของบริษัทแห่งนี้“...” น้ำตาลรอฟังว่าเขาจะพูดอะไรกับเธอ[ไม่ได้นะครับ บอสสั่งห้ามไม่ให้คุณเข้าไปในบริษัทอีก] เขาบอกเธอเป็นภาษาจีนเพราะหลังจากที่เธอเดินออกจากบริษัทเมื่อวาน ไคล์ได้สั่ง รปภ. รวมไปถึงเลขาของเขา ห้ามไม่ให้ผู้หญิงคนนี้ย่างกรายเข้ามาในบริษัทของเขาอีก มันอันตรายมากที่จะปล่อยให้เธอเข้ามาวนเวียนในพื้นที่ของเขา จนกว่าเขาจะสืบทราบว่าเธอเป็นใครมาจาก
หน้าบริษัทซอฟต์แวร์พนักงานต่างพากันเดินเข้าไปทางประตู หนึ่งในนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งที่ดูจะกลมกลืนไปกับพนักงานเหล่านั้นวันนี้เธอมาในชุดเดรสที่พนักงานบริษัททั่วไปในประเทศจีนนิยมใส่ เพราะหลังจากที่ได้สังเกตการแต่งกายของคนที่นี่ เธอพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมชายหนุ่มที่เป็นเป้าหมายของเธอมักจะมองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ ทุกครั้งเวลาที่เจอกัน วันนี้เธอจึงเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวใหม่เท้าสองข้างก้าวออกจากลิฟต์เมื่อมันมาจอดตรงชั้นบนสุดของบริษัท ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องผู้บริหารระดับสูง อาจเป็นเพราะเช้ามากเวลานี้เลขาหน้าห้องจึงยังมาไม่ถึงบริษัท เมื่อเป็นเช่นนั้นเธอจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปโดยไม่รอให้เจ้าของห้องอนุญาตวันนี้เธอไม่รู้เลยว่าเขาจะเข้ามาที่บริษัทหรือเปล่า หลังจากที่เธอแอบออกจากคอนโดของเขาตอนตี 1เมื่อสองวันก่อน เมื่อกลับถึงห้องเช่าเล็ก ๆ เธอก็พักผ่อนอย่างเต็มที่ แม้ว่าจะโดนเจ้าหนี้โทรมาต่อว่าเธอเรื่องทำงานล่าช้าก็เถอะ แต่เธอก็มีข้ออ้างเพื่อเอาตัวรอดได้เสมอ“ถ้าวันนี้เขาไม่มาล่ะ” น้ำตาลเดินไปเดินมาด้วยความกังวล ตอนนี้เวลาของเธอเหลือไม่มากแล้วฉันให้เวลาเธออีกสามวัน ไม่มีการต่อรองอะไรอีกแล้ว ถ
หมั่บ!!ไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้เดินเข้าห้องไปก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งจับต้นแขนของน้ำตาลไว้จากด้านหลัง ทันทีที่เธอหันกลับไปมองก็ได้เห็นว่าเขาคือคนคนเดียวกันกับที่ผลักไสเธอให้คนอื่นนั่นเองชายหนุ่มแอบตกใจเล็กน้อยเมื่อได้เห็นหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ตรงนี้ ตามเนื้อตัวนอกร่มผ้ามีรอยแดง ๆ ปรากฏให้เห็น คงเกิดจากการฉุดกระชากลากถูกันมา ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าน้ำตาลปฏิเสธคู่ค้าของเขา“คุณจะทำอะไร” ชายหนุ่มทำหน้าแปลกใจเมื่อเห็นไคล์“ผมเปลี่ยนใจแล้ว”“ได้ไงล่ะ ตั้งแต่ทำธุรกิจร่วมกันมา คุณไม่เคยกลับคำพูดสักครั้ง” เขาโวยวาย ในเมื่อยกให้เขาแล้วจะมาเอาคืนได้ยังไง“ครั้งนี้ผมวู่วามเกินไป” ไคล์แก้ตัวน้ำขุ่น ๆ แต่ในใจลึก ๆ กลับยอมรับว่าเขาวู่วามจริง ๆ นั้นแหละ“อย่าบอกว่าที่เธอพูดมาทั้งหมดคือเรื่องจริง” เขามองสลับกันระหว่างไคล์กับหญิงสาวที่ยืนตัวสั่นอยู่ข้าง ๆ ไคล์“พูดว่าไงครับ”“เธอบอกผมว่า เธอกำลังทะเลาะกับคุณ”“ว่าไงนะ” ไคล์ตวัดสายตามองหญิงสาว ความรู้สึกผิดเมื่อก่อนหน้าก็มลายหายไป เธอเอาชื่อของเขาไปแอบอ้างได้ยังไง ความจริงเธอกับเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันด้วยซ้ำแล้วจะมีเรื่องอะไรให้ทะเลาะกันน้ำตาลหลุบตาต่ำล