โรงพยาบาล
ประตูห้องตรวจถูกเปิดโดยพยาบาลสาว เธอผายมือให้คนไข้เดินเข้าไป ก่อนจะปิดประตูลงอย่างเบามือ
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ”
วันนี้น้ำตาลมาหาหมอตามใบนัด เธอเองก็ไม่เข้าใจว่าหมอจะนัดเธอมาทำไมอีกทั้ง ๆ ที่เมื่อสองวันที่แล้วคุณหมอคนนี้เป็นคนบอกเธอเองว่าไม่มีอะไรน่ากังวล
“เชิญนั่งก่อนครับ” เขาลุกขึ้นยืนแล้วมองดูคนไข้ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ด้วยความตื่นเต้น
“ขอบคุณค่ะ” น้ำตาลนั่งลงตรงเก้าอี้
“อาการดีขึ้นมากแล้วใช่มั้ยครับ”
“ใช่ค่ะ” เธอตอบออกไป “เรียกว่าหายดีแล้วก็ว่าได้ค่ะ”
“โชคดีจังครับ เอาเป็นว่ายาที่หมอให้ไปก็ทานให้หมดนะครับ แม้จะหายแล้วก็เถอะ ส่วนวันนี้หมอแค่นัดมาติดตามอาการของคนไข้เท่านั้น”
“ห๊ะ” น้ำตาลอ้าปากค้าง นัดเธอมาแค่นี้อย่างนั้นเหรอ เหตุผลแค่นี้จริง ๆ เหรอ
“วันนี้คุณต้องไปทำงานมั้ยครับ”
“ไม่ค่ะ ฉันว่าจะเริ่มงานพรุ่งนี้” เธอตั้งใจไว้แบบนั้น
“ดีจัง งั้นวันนี้ช่วยไปทานข้าวกับผมได้มั้ยครับ”
“จะดีเหรอคะ คนไข้ของคุณนั่งรออยู่ด้านนอกเยอะเลยนะ”
“คุณรอผมได้หรือเปล่าล่ะ” ซีห่าวรอคำตอบอย่างมีความหวัง
“ถ้าฉันบอกว่าไม่ได้ละคะ”
“คุณมีนัดแล้วเหรอ”
“เปล่าหรอกค่ะ ฉันแค่ไม่อยากรบกวนเวลาของคุณ” จริง ๆ เธอไม่อยากไปทานข้าวกับเขา
“รบกวนอะไรกันครับ ผมเป็นคนชวนคุณทานข้าวนะ”
“ไว้โอกาสหน้าดีกว่าค่ะ”
“แสดงว่าเราจะได้เจอกันอีกใช่มั้ย”
“ไม่รู้สิคะ เราอาจจะบังเอิญได้เจอกันอีกก็ได้” เธอคิดไว้ว่าคงไม่มีความบังเอิญอะไรแบบนี้เกิดขึ้นอีก
“งั้นคุณก็ทิ้งเบอร์ติดต่อไว้ เดี๋ยวผมจะติดต่อไปหาคุณเอง” เขาเองก็ไม่แน่ใจ หากรอให้โชคชะตากำหนดสู้เป็นคนกำหนดโชคชะตาเองไม่ดีกว่าเหรอ
“คุณหมอก็แปลกนะคะ อยากติดต่อหาคนไข้แบบนี้ทุกคนหรือเปล่า” น้ำตาลเอียงคอถาม ยิ่งได้คุยเธอยิ่งคิดถึงหมอคนหนึ่งที่เธอเคยร่วมงานด้วย ชายหนุ่มมักแสดงท่าทีแบบนี้กับเธอ หากซีห่าวได้ไปประเทศไทยจริง ๆ ถึงตอนนั้นเธอจะแนะนำให้พวกเขารู้จักกัน คงจะคุยถูกคอกันน่าดู
“ปะ...เปล่านะครับ” เขารีบปฏิเสธ บางทีเขาก็เผลอทำเรื่องน่าอาย “เพียงแต่ผมแค่รู้สึกว่าอยากจะเป็นเพื่อนกับคุณเท่านั้น”
“ฉันขอเสียมารยาทถามอายุได้หรือเปล่าคะ”
“ครับ ผม 27 ปี”“งั้นคุณหมอต้องเรียกฉันว่าพี่นะคะ”
“ฮ่า ๆ ๆ” ซีห่าวหัวเราะออกมา “แน่นอนอยู่แล้วล่ะครับ จะให้ผมเรียกว่าอะไรก็ได้ แค่คุณฮันนี่ยอมคุยกับผม”
“โอเคค่ะ คนไข้ด้านนอกรอนานแล้วนะคะ” เธอพูดพลางวางกระดาษที่มีเบอร์ติดต่อของเธอลงไปตรงโต๊ะ ไม่รู้คิดถูกหรือคิดผิดที่กล้าให้เบอร์ติดต่อไปแบบนั้น แต่ดูแล้วคุณหมอคนนี้คงไม่มีพิษมีภัยอะไรกับเธอ
“ได้ครับ เดี๋ยวผมโทรหานะ”
“ค่ะ”
น้ำตาลลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที เธอรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่ซีห่าวบอกว่าอยากเป็นเพื่อนกับเธอ แม้จะเป็นแบบนั้นแต่เธอก็มองว่าเขายังวางตัวอยู่ในจุดที่เหมาะสม ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดจนเกินไป เธอจึงไม่ปฏิเสธที่จะทำความรู้จักกับเขา การมีเพื่อนสักคนในต่างถิ่นแบบนี้ก็เป็นเรื่องที่ดี
หลังออกจากโรงพยาบาลน้ำตาลก็ถือโอกาสแวะไปบริษัทซอฟต์แวร์ที่อยู่ในย่านเดียวกัน เธอแค่จะไปดูว่าวันนี้บุคคลที่เป็นเป้าหมายของเธออยู่หรือเปล่า แม้จะยังไม่รู้ว่าเธอจะแฝงตัวเข้าไปในบริษัทได้ยังไงก็ตาม
“นี่ก็ผ่านมหลายวันแล้ว รปภ.คนนั้นคงจำหน้าฉันไม่ได้แล้วมั้ง” เธอเดินไปเดินมาพร้อมทั้งคิดหาวิธี
กว่าสองชั่วโมงที่น้ำตาลนั่งอยู่ตรงร้านกาแฟใกล้ ๆ กับบริษัท เธอคิดวิธีที่จะเข้าถึงตัวของไคล์ไว้หลายวิธีมาก พรุ่งนี้เธอจะลองใช้วิธีที่คิดว่าจะได้ผลที่สุดก่อนแล้วกัน
“คุณฮันนี่”
“ห๊ะ” น้ำตาลผงะเมื่อเห็นหน้าเจ้าของเสียง เธอไม่คิดว่าจะเจอตอนนี้ เวลานี้เขาควรนั่งตรวจคนไข้ในโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ
“ยังไม่กลับอีกเหรอครับ”
“กำลังจะกลับค่ะ”
“งั้นรอผมแปบนะครับ พอดีผมออกมาซื้อกาแฟ แล้วพี่พยาบาลฝากซื้อด้วย ผมจะรีบเอากาแฟไปส่งก่อน”
“อ๋อค่ะ” น้ำตาลตอบแบบงง ๆ เพราะไม่รู้ว่าเกี่ยวอะไรกับการที่เขาขอให้เธอรอ
“พอดีว่าผมเลิกงานแล้วครับ ว่าจะชวนคุณไปทานข้าวเย็นด้วยกกันสักหน่อย”
“เดี๋ยวนะคะ” น้ำตาลรีบแย้ง “คุณถามฉันหรือยังว่าจะไปทานข้าวกับคุณหรือเปล่า”
“ไปนะครับ พอดีผมไม่ชอบทานข้าวคนเดียว” เขาทำเสียงอ้อน
“เอ่อ...ก็ได้ค่ะ” น้ำตาลคิดว่าแค่ไปทานข้าวก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
และสุดท้ายน้ำตาลก็เป็นคนที่ช่วยถือกาแฟให้ซีห่าวกลับไปที่โรงพยาบาล แม้จะมีสายตาแปลก ๆ ของพยาบาลสาวหลายคนมองมาที่เธอ แต่ดูเหมือนว่าคนพวกนั้นแค่สงสัยว่าเธอเป็นใครถึงได้มาเดินตามหลังคุณหมอของพวกเธออยู่แบบนี้
ขณะที่ไคล์นั่งรถออกรถออกจากบริษัท พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นคนที่เขาเอาแต่ตั้งคำถามว่าช่วงนี้เธอหายไปไหน
“ที่แท้ก็มีเป้าหมายใหม่นี่เอง” เขาพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว
“บอสว่าไงนะครับ”
“จอดรถตรงนี้หน่อย” ไคล์หันไปสั่งลูกน้อง
“ครับบอส”
เมื่อรถจอดสนิทตรงฟุตบาท สายตาคมก็เอาแต่จับจ้องไปที่หญิงสาว วันนี้เธอแปลกตา ท่าทางที่ดูร่าเริงสดใสนั้นทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก และดูเหมือนว่าเธอกำลังคุยกับใครคนนั้นอย่างถูกคอ
ทั้งคู่เดินไปยังลานจอดรถ ท่าท่างสนิทสนมของทั้งสองคนทำให้คนที่เฝ้ามองกัดปากล่างของตัวเองเบา ๆ ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้มักจะเป็นตอนที่เขาหงุดหงิด ซึ่งไคล์เองก็ไม่เคยรู้ตัว
“บอสจะเข้าไปตรวจสุขภาพเหรอครับ” บอดี้การ์ดถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเจ้านายเหม่อมองไปทางโรงพยาบาลอย่างไม่ลดละสายตา “หรือว่าจะรู้สึกไม่สบาย ช่วงนี้อากาศหนาวแล้วด้วยสิครับ”
บอดี้การ์ดรู้ดีว่ามาเฟียหนุ่มเจ้านายของเขาไม่ชอบฤดูหนาว แม้จะไม่เคยฟังเหตุผลจากปากของไคล์ แต่อาการของไคล์ก็บ่งบอกชัดเจนว่ามีอาการเหงา ยิ่งถึงช่วงหิมะตกจะเห็นอาการชัดเจนมาก
“เปล่า...ทำไม”
“ก็ผมเห็นบอสเอาแต่นั่งมองไปทางนั้นตลอดเลยครับ”
“เดี๋ยวนายโทรให้คนมารับที่นี่ ส่วนฉันจะเอารถไป” ไคล์เบนสายตากลับมมองบอดี้การ์ด เขาอยากลองทำอะไรบางอย่างจึงสั่งออกไปแบบนั้น ช่วงนี้เขาก็ดูจะว่าง ๆ ด้วยสิ หาอะไรสนุกทำแก้เบื่อดีกว่า
“ไม่ทราบว่าบอสจะไปไหนครับ”
“ฉันจะไปทำธุระซะหน่อย” ขณะพูดก็หันไปมองหนุ่มสาวสองคนที่ยังยืนคุยกันอยู่ตรงลานจอดรถ เหมือนทั้งคู่กำลังตกลงอะไรบางอย่างกันอยู่
“ให้ผมขับให้ดีกว่าครับ”
“ไม่เป็นไร ฉันต้องการความเป็นส่วนตัว” ไม่บ่อยนักที่ไคล์จะปลีกตัวออกไปโดยไม่มีบอดี้การ์ด
“ครับบอส” แม้จะไม่เห็นด้วยแต่เขาก็น้อมรับคำสั่ง
บอดี้การ์ดก็ลงจากรถไปยืนรอคนมารับตรงริมฟุตบาท ส่วนไคล์ขับตามรถเก๋งสีเงินออกไป ตลอดทางก็เอาแต่คิดว่าทั้งคู่กำลังจะไปไหนจนกระทั่งรถมาจอดหน้าร้านอาหารจีนที่เขาเคยเจอกับน้ำตาล
“ที่แท้ก็ออกมาทานข้าวกันคิดว่าจะพากันไปที่อื่นซะอีก” เขาพูดคนเดียว
‘เอ๊ะ!! เดี๋ยว ที่อื่นหมายถึงที่ไหน นี่เขากำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย’
เพราะมัวแต่ทะเลาะกับความคิดของตัวเอง รู้ตัวอีกทีเขาก็เดินมาหยุดอยู่หน้าประตูร้านอาหารซะแล้ว
‘จะตามสองคนนั้นเข้าไปทำไม’ เขาตั้งคำถามกับตัวเอง ‘ไม่ได้ตาม ฉันแค่จะมาทานอาหาร’
ไคล์เลือกนั่งตรงโต๊ะที่ห่างจากโต๊ะของน้ำตาลพอสมควร เขาไม่อยากให้เธอเห็นเขา กลัวว่าเธอจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาตามเธอมา แม้ความจริงแล้วจะเป็นแบบนั้นก็ตาม
‘ไม่สิ ฉันไม่ได้ตาม’
ตุบ!!เท้าข้างหนึ่งถูกประทับไปบนแผ่นหลังของชายแปลกหน้า มันล้มลงไปต่อหน้าต่อตาของน้ำตาล เธอหันมองเจ้าของเท้า เป็นเวลาเดียวกันกับที่เขาคว้ามือของเธอไว้แล้วออกวิ่งปัง!!เสียงปืนดังตามหลังหนึ่งนัด แต่สองคนยังคงวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่ลดละ นี่คงเป็นการวิ่งที่เร็วที่สุดในชีวิตของน้ำตาล จำไม่ให้เธอวิ่งเร็วได้ยังไง ในเมื่อคนที่วิ่งนำหน้เธออยู่เขาจับแขนเธอไว้แน่นแล้วกระชากจนเธอปลิวไปตามแรงของเขา เท้าของเธอแทบจะไม่แตะพื้นด้วยซ้ำ“แฮ่ก ๆ ๆ คะ...คุณ” น้ำตาลพยายามดึงมือของไคล์ไว้ “ฉันวิ่งไม่ไหวแล้ว”“อยากตายก็หยุดสิ” เขาประชด ในสถานการณ์แบบนี้ยังกล้ามาบ่นอีก“ทำไมคุณไม่ยิงสวนกลับไปบ้างล่ะ”“ไม่”“คุณเป็นมาเฟียไม่ใช่เหรอ” น้ำตาลพูดโพล่งออกไป เวลานี้เธอไม่รู้เลยว่าอะไรที่สมควรพูดออกไป แต่การที่มาเฟียอย่างเขายอมให้อีกฝ่ายไล่ยิงอยู่ฝ่ายเดียวก็คงเป็นเรื่องที่แปลกจนเกินไปปึก!!น้ำตาลชนเข้ากับหลังของไคล์อย่างจัง เพราะเขาหยุดโดยไม่ได้บอกเธอ“ใครบอกเธอ ว่าฉันเป็นมาเฟีย” เขาถามขึ้นด้วยความสงสัย“ฉันเดาเอาน่ะ ก็ฉันเห็นคุณมีบอดี้การ์ดนี่นา คนธรรมดาที่ไหนจะจ้างบอดี้การ์ด” น้ำตาลโกหกเพื่อเอาตัวรอด เธอจะบอกเขาได
หลังทานอาหารเสร็จไคล์ก็ขับรถตามคนทั้งสองไปจนถึงสถานที่ที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีเขาเลยไม่ลังเลที่จะเลี้ยวเข้าไปจอด โดยไม่ได้สนใจว่ารถอีกคันที่เขาตามมาจะขับไปทางไหนสองสามครั้งที่เขาเคยมานั่งเล่นกับคนรักที่นี่หลังทานอาหารเสร็จ เหมือนตอนนั้นจะเป็นช่วงที่เพิ่งคบกันใหม่ ๆ เธอมักจะบอกว่าเธอชอบมาที่นี่กับเขา เมื่อความคิดถึงมันเอ่อล้น เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรหาใครคนนั้น‘พอดีว่าฉันยุ่งอยู่ คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า’ นี่คือประโยคแรกจากคนปลายสาย และเป็นประโยคที่ช่วงหลัง ๆ มานี่เขาจะได้ยินมันบ่อย“ผมแค่คิดถึงคุณ”‘ขอฉันออกไปคุยโทรศัพท์แป็บนึงนะคะ’ ดูเหมือนเธอจะบอกใครบางคนที่อยู่ใกล้ ๆ ก่อนจะพูดกับไคล์ต่อ ‘พอดีฉันออกมาทานข้าวกับเพื่อนค่ะ’“ครับ”‘ว่าแต่คุณมีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า ปกติคุณไม่ค่อยโทรมาเวลานี้’ไคล์นิ่งไป จริง ๆ แล้วเวลานี้ที่เขามักจะโทรหาเธอต่างหาก แต่ทุกครั้งที่โทรไปเธอก็มักจะบอกกับเขาว่าไม่สะดวกคุยค่อยโทรมาตอนดึก พอตอนดึกเขาโทรไปอีกครั้งเธอก็มักจะบอกว่าเรียนหนัก เธอเลยเพลียเลยจะเข้านอนแล้ว“ใกล้ถึงวันเกิดของคุณแล้วนะ”‘อ๋อ เหรอคะ ฉันเรียนหนักจนลืมไปเลย’“ปีนี้คุณจะกลับมาหรือ
โรงพยาบาลประตูห้องตรวจถูกเปิดโดยพยาบาลสาว เธอผายมือให้คนไข้เดินเข้าไป ก่อนจะปิดประตูลงอย่างเบามือ“สวัสดีครับ”“สวัสดีค่ะ”วันนี้น้ำตาลมาหาหมอตามใบนัด เธอเองก็ไม่เข้าใจว่าหมอจะนัดเธอมาทำไมอีกทั้ง ๆ ที่เมื่อสองวันที่แล้วคุณหมอคนนี้เป็นคนบอกเธอเองว่าไม่มีอะไรน่ากังวล“เชิญนั่งก่อนครับ” เขาลุกขึ้นยืนแล้วมองดูคนไข้ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ด้วยความตื่นเต้น“ขอบคุณค่ะ” น้ำตาลนั่งลงตรงเก้าอี้“อาการดีขึ้นมากแล้วใช่มั้ยครับ”“ใช่ค่ะ” เธอตอบออกไป “เรียกว่าหายดีแล้วก็ว่าได้ค่ะ”“โชคดีจังครับ เอาเป็นว่ายาที่หมอให้ไปก็ทานให้หมดนะครับ แม้จะหายแล้วก็เถอะ ส่วนวันนี้หมอแค่นัดมาติดตามอาการของคนไข้เท่านั้น”“ห๊ะ” น้ำตาลอ้าปากค้าง นัดเธอมาแค่นี้อย่างนั้นเหรอ เหตุผลแค่นี้จริง ๆ เหรอ“วันนี้คุณต้องไปทำงานมั้ยครับ”“ไม่ค่ะ ฉันว่าจะเริ่มงานพรุ่งนี้” เธอตั้งใจไว้แบบนั้น“ดีจัง งั้นวันนี้ช่วยไปทานข้าวกับผมได้มั้ยครับ”“จะดีเหรอคะ คนไข้ของคุณนั่งรออยู่ด้านนอกเยอะเลยนะ”“คุณรอผมได้หรือเปล่าล่ะ” ซีห่าวรอคำตอบอย่างมีความหวัง“ถ้าฉันบอกว่าไม่ได้ละคะ”“คุณมีนัดแล้วเหรอ”“เปล่าหรอกค่ะ ฉันแค่ไม่อยากรบกวนเวลาของคุณ” จริง ๆ
วันต่อมาน้ำตาลลองไปโรงพยาบาลตามที่หมอแนะนำ เพราะเมื่อตอนดึกเธอรู้สึกไม่สบายตัวเท่าไหร่ ถ้าอาการป่วยยังรุมเร้าอยู่แบบนี้ รับรองว่างานของเธอไม่มีทางคืบหน้าแน่ ๆ[คุณเองเหรอ]“...”[คุณจำผมได้หรือเปล่า]“...”“อ้อจริงสิ คุณคงไม่เข้าใจภาษาของผม” สายตาของหมอโฟกัสไปที่ประวัติคนไข้อีกครั้ง“คุณรู้ได้ยังไง” น้ำตาลแปลกใจที่อยู่ ๆ เขาก็พูดภาษาที่เธอฟังออกขึ้นมา“ก็ที่คุณระบุในนี้” เขาชี้ไปที่แฟ้มประวัติคนไข้ “คุณไม่ใช่คนที่นี่สินะ”“อ๋อ” น้ำตาลโล่งใจ เธอเองก็ลืมคิดถึงเรื่องนี้ คิดว่าตัวเองกำลังกรอกประวัติอยู่ในโรงพยาบาลของรัฐที่ประเทศไทยซะอีก“ผมก็ว่าอยู่ว่าทำไมวันนั้นคุณถึงไม่ยอมคุยกับผม”“...” น้ำตาลไม่ได้พูดอะไร เธอนึกไม่ออกว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไร แต่ว่าหมอคนนี้เป็นคนอัธยาศัยดีจัง เพราะตั้งแต่เธอเข้ามาเขาก็พูดไม่หยุดเลย“สรุปว่าคุณจำผมได้หรือเปล่า”“คุณรู้จักฉันเหรอ”“คิดไว้แล้ว ว่าคุณคงจำผมไม่ได้”“...” น้ำตาลเอียงหน้ามอง ดูยังไงเธอก็ไม่คุ้นหน้าเขาเลยสักนิด“เราเคยเจอกันวันนั้นไง วันที่ฝนตก”“ฝนตก...” เธอทวนคำ“อือ...หึ”น้ำตาลทำท่าครุ่นคิด ตั้งแต่มาที่นี่ เธอนึกไม่ออกว่าเธอเคยมีโอกาสได้เจอผ
[สวัสดีครับคุณไคล์]เจ้าของชื่อก้มมองคนที่ยืนแนบอกของเขาก่อนที่จะปรายตามองคนที่เอ่ยทักทายเขา“คุณ” น้ำตาลเรียกเขาสั้น ๆ เมื่อแหงนหน้าขึ้นไปเห็นหน้าเจ้าของร่างกำยำที่เธอถอยหลังชน ไม่รู้ว่าเขาเดินมาทางที่เธอยืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะก่อนหน้าเธอเอาแต่เถียงกับผู้ชายไร้มารยาทคนนี้จนลืมสังเกตน้ำตาลหันไปเผชิญหน้ากับเขา แต่ก็ไม่กล้าสู้หน้าเขาตรง ๆ เพราะเหตุการณ์เมื่อไม่กี่วันก่อนยังปรากฏอยู่ในหัว เธอจึงทำทีเสมองไปทางอื่น[เธอบอกว่าเธอเป็นแฟนของคุณ]ไคล์ตวัดสายตามองหญิงสาวทันที มันจะมากเกินไปแล้ว เธอกำลังทำให้เขาเสื่อมเสีย เพราะลูกค้าประจำของที่นี่ไม่มีใครไม่รู้จักแฟนของเขา ผู้หญิงคนนี้ยิ่งนับวันยิ่งวุ่นวายกับชีวิตของเขา“...” น้ำตาลหลุบตาต่ำลง เธอไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นบอกอะไรกับเขา ถ้าเกิดบอกทุกอย่างที่เธอแอบอ้างไปล่ะ แล้วเธอจะทำยังไง เขาต้องโกรธเธอมากแน่ ๆเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นตามรูขุมขน เธอรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ แปลก ๆ ไม่รู้เป็นเพราะอาการป่วยที่ยังไม่หายดี หรือแอลกอฮอล์ที่เธอดื่มเข้าไป หรือแท้ที่จริงแล้วเธอกลัวคนตรงหน้ากันแน่มือที่จับขอบโต๊ะกำแน่น ดูเหมือนตัวเธอจะโงนเงนไปมาจนเจ้าของร่า
เวลา 22.00 น.เจ้าของขาเรียวก้าวผ่านประตูเข้าไปในไนต์คลับ ผู้คนในเวลานี้ดูหนาแน่นขนัดตา เธอมองไปรอบ ๆ เพื่อหาเป้าหมาย แต่แล้วก็ไม่เจอ โชคดีที่ยังมีที่ว่างพอให้เธอได้แทรกตัวแล้ววางก้นลง[รับเครื่องดื่มอะไรดีครับ] พนักงานหนุ่มเดินเข้ามาถามทันทีที่เห็นเธอนั่งลง“คุณพูดภาษาอังกฤษกับฉันได้หรือเปล่า” เธอเริ่มจะชินกับสถานการณ์ต่าง ๆ มากขึ้น คงเป็นเพราะเธอเป็นคนเอเชียเหมือนกับพวกเขา โดยลักษณะทั่วไปของเธอก็ไม่ได้แตกต่างจากหญิงสาวชาวจีนมากนัก เลยไม่มีใครเอะใจว่าเธอไม่ใช่คนที่นี่“ครับ” พนักงานพยักหน้าเบา ๆ “ไม่ทราบว่าคุณจะรับเครื่องดื่มอะไรดีครับ”น้ำตาลก็นิ่งคิด เธอกำลังคิดว่าเธอจะสั่งอะไรมาดื่มดี ผู้หญิงที่เอาแต่ทำงานไม่ดื่มเหล้าไม่เข้าผับแบบเธอควรสั่งอะไรมาดื่มดี“อะไรก็ได้ที่เบาที่สุดค่ะ”เพราะยังไม่หายป่วยเวลานี้เธอจึงไม่ควรดื่มด้วยซ้ำ แต่เอาเถอะอย่างน้อย ๆ ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเขาเธอจะได้กล้าพอที่จะชวนเขาขึ้นเตียงแบบไม่รู้สึกกระดากปาก เพราะทุกครั้งสติของเธอครบถ้วนเธอมักจะทำมันพลาดอยู่เสมอ“ได้ครับ”น้ำตาลนั่งรอไปเรื่อย เวลานี้เป้าหมายของเธอก็ยังไม่ปรากฏตัว จากหนึ่งแก้วเป็นสองแก้ว และตามด้วย