LOGINโรงพยาบาล
ประตูห้องตรวจถูกเปิดโดยพยาบาลสาว เธอผายมือให้คนไข้เดินเข้าไป ก่อนจะปิดประตูลงอย่างเบามือ
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ”
วันนี้น้ำตาลมาหาหมอตามใบนัด เธอเองก็ไม่เข้าใจว่าหมอจะนัดเธอมาทำไมอีกทั้ง ๆ ที่เมื่อสองวันที่แล้วคุณหมอคนนี้เป็นคนบอกเธอเองว่าไม่มีอะไรน่ากังวล
“เชิญนั่งก่อนครับ” เขาลุกขึ้นยืนแล้วมองดูคนไข้ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ด้วยความตื่นเต้น
“ขอบคุณค่ะ” น้ำตาลนั่งลงตรงเก้าอี้
“อาการดีขึ้นมากแล้วใช่มั้ยครับ”
“ใช่ค่ะ” เธอตอบออกไป “เรียกว่าหายดีแล้วก็ว่าได้ค่ะ”
“โชคดีจังครับ เอาเป็นว่ายาที่หมอให้ไปก็ทานให้หมดนะครับ แม้จะหายแล้วก็เถอะ ส่วนวันนี้หมอแค่นัดมาติดตามอาการของคนไข้เท่านั้น”
“ห๊ะ” น้ำตาลอ้าปากค้าง นัดเธอมาแค่นี้อย่างนั้นเหรอ เหตุผลแค่นี้จริง ๆ เหรอ
“วันนี้คุณต้องไปทำงานมั้ยครับ”
“ไม่ค่ะ ฉันว่าจะเริ่มงานพรุ่งนี้” เธอตั้งใจไว้แบบนั้น
“ดีจัง งั้นวันนี้ช่วยไปทานข้าวกับผมได้มั้ยครับ”
“จะดีเหรอคะ คนไข้ของคุณนั่งรออยู่ด้านนอกเยอะเลยนะ”
“คุณรอผมได้หรือเปล่าล่ะ” ซีห่าวรอคำตอบอย่างมีความหวัง
“ถ้าฉันบอกว่าไม่ได้ละคะ”
“คุณมีนัดแล้วเหรอ”
“เปล่าหรอกค่ะ ฉันแค่ไม่อยากรบกวนเวลาของคุณ” จริง ๆ เธอไม่อยากไปทานข้าวกับเขา
“รบกวนอะไรกันครับ ผมเป็นคนชวนคุณทานข้าวนะ”
“ไว้โอกาสหน้าดีกว่าค่ะ”
“แสดงว่าเราจะได้เจอกันอีกใช่มั้ย”
“ไม่รู้สิคะ เราอาจจะบังเอิญได้เจอกันอีกก็ได้” เธอคิดไว้ว่าคงไม่มีความบังเอิญอะไรแบบนี้เกิดขึ้นอีก
“งั้นคุณก็ทิ้งเบอร์ติดต่อไว้ เดี๋ยวผมจะติดต่อไปหาคุณเอง” เขาเองก็ไม่แน่ใจ หากรอให้โชคชะตากำหนดสู้เป็นคนกำหนดโชคชะตาเองไม่ดีกว่าเหรอ
“คุณหมอก็แปลกนะคะ อยากติดต่อหาคนไข้แบบนี้ทุกคนหรือเปล่า” น้ำตาลเอียงคอถาม ยิ่งได้คุยเธอยิ่งคิดถึงหมอคนหนึ่งที่เธอเคยร่วมงานด้วย ชายหนุ่มมักแสดงท่าทีแบบนี้กับเธอ หากซีห่าวได้ไปประเทศไทยจริง ๆ ถึงตอนนั้นเธอจะแนะนำให้พวกเขารู้จักกัน คงจะคุยถูกคอกันน่าดู
“ปะ...เปล่านะครับ” เขารีบปฏิเสธ บางทีเขาก็เผลอทำเรื่องน่าอาย “เพียงแต่ผมแค่รู้สึกว่าอยากจะเป็นเพื่อนกับคุณเท่านั้น”
“ฉันขอเสียมารยาทถามอายุได้หรือเปล่าคะ”
“ครับ ผม 27 ปี”“งั้นคุณหมอต้องเรียกฉันว่าพี่นะคะ”
“ฮ่า ๆ ๆ” ซีห่าวหัวเราะออกมา “แน่นอนอยู่แล้วล่ะครับ จะให้ผมเรียกว่าอะไรก็ได้ แค่คุณฮันนี่ยอมคุยกับผม”
“โอเคค่ะ คนไข้ด้านนอกรอนานแล้วนะคะ” เธอพูดพลางวางกระดาษที่มีเบอร์ติดต่อของเธอลงไปตรงโต๊ะ ไม่รู้คิดถูกหรือคิดผิดที่กล้าให้เบอร์ติดต่อไปแบบนั้น แต่ดูแล้วคุณหมอคนนี้คงไม่มีพิษมีภัยอะไรกับเธอ
“ได้ครับ เดี๋ยวผมโทรหานะ”
“ค่ะ”
น้ำตาลลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที เธอรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่ซีห่าวบอกว่าอยากเป็นเพื่อนกับเธอ แม้จะเป็นแบบนั้นแต่เธอก็มองว่าเขายังวางตัวอยู่ในจุดที่เหมาะสม ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดจนเกินไป เธอจึงไม่ปฏิเสธที่จะทำความรู้จักกับเขา การมีเพื่อนสักคนในต่างถิ่นแบบนี้ก็เป็นเรื่องที่ดี
หลังออกจากโรงพยาบาลน้ำตาลก็ถือโอกาสแวะไปบริษัทซอฟต์แวร์ที่อยู่ในย่านเดียวกัน เธอแค่จะไปดูว่าวันนี้บุคคลที่เป็นเป้าหมายของเธออยู่หรือเปล่า แม้จะยังไม่รู้ว่าเธอจะแฝงตัวเข้าไปในบริษัทได้ยังไงก็ตาม
“นี่ก็ผ่านมหลายวันแล้ว รปภ.คนนั้นคงจำหน้าฉันไม่ได้แล้วมั้ง” เธอเดินไปเดินมาพร้อมทั้งคิดหาวิธี
กว่าสองชั่วโมงที่น้ำตาลนั่งอยู่ตรงร้านกาแฟใกล้ ๆ กับบริษัท เธอคิดวิธีที่จะเข้าถึงตัวของไคล์ไว้หลายวิธีมาก พรุ่งนี้เธอจะลองใช้วิธีที่คิดว่าจะได้ผลที่สุดก่อนแล้วกัน
“คุณฮันนี่”
“ห๊ะ” น้ำตาลผงะเมื่อเห็นหน้าเจ้าของเสียง เธอไม่คิดว่าจะเจอตอนนี้ เวลานี้เขาควรนั่งตรวจคนไข้ในโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ
“ยังไม่กลับอีกเหรอครับ”
“กำลังจะกลับค่ะ”
“งั้นรอผมแปบนะครับ พอดีผมออกมาซื้อกาแฟ แล้วพี่พยาบาลฝากซื้อด้วย ผมจะรีบเอากาแฟไปส่งก่อน”
“อ๋อค่ะ” น้ำตาลตอบแบบงง ๆ เพราะไม่รู้ว่าเกี่ยวอะไรกับการที่เขาขอให้เธอรอ
“พอดีว่าผมเลิกงานแล้วครับ ว่าจะชวนคุณไปทานข้าวเย็นด้วยกกันสักหน่อย”
“เดี๋ยวนะคะ” น้ำตาลรีบแย้ง “คุณถามฉันหรือยังว่าจะไปทานข้าวกับคุณหรือเปล่า”
“ไปนะครับ พอดีผมไม่ชอบทานข้าวคนเดียว” เขาทำเสียงอ้อน
“เอ่อ...ก็ได้ค่ะ” น้ำตาลคิดว่าแค่ไปทานข้าวก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
และสุดท้ายน้ำตาลก็เป็นคนที่ช่วยถือกาแฟให้ซีห่าวกลับไปที่โรงพยาบาล แม้จะมีสายตาแปลก ๆ ของพยาบาลสาวหลายคนมองมาที่เธอ แต่ดูเหมือนว่าคนพวกนั้นแค่สงสัยว่าเธอเป็นใครถึงได้มาเดินตามหลังคุณหมอของพวกเธออยู่แบบนี้
ขณะที่ไคล์นั่งรถออกรถออกจากบริษัท พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นคนที่เขาเอาแต่ตั้งคำถามว่าช่วงนี้เธอหายไปไหน
“ที่แท้ก็มีเป้าหมายใหม่นี่เอง” เขาพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว
“บอสว่าไงนะครับ”
“จอดรถตรงนี้หน่อย” ไคล์หันไปสั่งลูกน้อง
“ครับบอส”
เมื่อรถจอดสนิทตรงฟุตบาท สายตาคมก็เอาแต่จับจ้องไปที่หญิงสาว วันนี้เธอแปลกตา ท่าทางที่ดูร่าเริงสดใสนั้นทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก และดูเหมือนว่าเธอกำลังคุยกับใครคนนั้นอย่างถูกคอ
ทั้งคู่เดินไปยังลานจอดรถ ท่าท่างสนิทสนมของทั้งสองคนทำให้คนที่เฝ้ามองกัดปากล่างของตัวเองเบา ๆ ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้มักจะเป็นตอนที่เขาหงุดหงิด ซึ่งไคล์เองก็ไม่เคยรู้ตัว
“บอสจะเข้าไปตรวจสุขภาพเหรอครับ” บอดี้การ์ดถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเจ้านายเหม่อมองไปทางโรงพยาบาลอย่างไม่ลดละสายตา “หรือว่าจะรู้สึกไม่สบาย ช่วงนี้อากาศหนาวแล้วด้วยสิครับ”
บอดี้การ์ดรู้ดีว่ามาเฟียหนุ่มเจ้านายของเขาไม่ชอบฤดูหนาว แม้จะไม่เคยฟังเหตุผลจากปากของไคล์ แต่อาการของไคล์ก็บ่งบอกชัดเจนว่ามีอาการเหงา ยิ่งถึงช่วงหิมะตกจะเห็นอาการชัดเจนมาก
“เปล่า...ทำไม”
“ก็ผมเห็นบอสเอาแต่นั่งมองไปทางนั้นตลอดเลยครับ”
“เดี๋ยวนายโทรให้คนมารับที่นี่ ส่วนฉันจะเอารถไป” ไคล์เบนสายตากลับมมองบอดี้การ์ด เขาอยากลองทำอะไรบางอย่างจึงสั่งออกไปแบบนั้น ช่วงนี้เขาก็ดูจะว่าง ๆ ด้วยสิ หาอะไรสนุกทำแก้เบื่อดีกว่า
“ไม่ทราบว่าบอสจะไปไหนครับ”
“ฉันจะไปทำธุระซะหน่อย” ขณะพูดก็หันไปมองหนุ่มสาวสองคนที่ยังยืนคุยกันอยู่ตรงลานจอดรถ เหมือนทั้งคู่กำลังตกลงอะไรบางอย่างกันอยู่
“ให้ผมขับให้ดีกว่าครับ”
“ไม่เป็นไร ฉันต้องการความเป็นส่วนตัว” ไม่บ่อยนักที่ไคล์จะปลีกตัวออกไปโดยไม่มีบอดี้การ์ด
“ครับบอส” แม้จะไม่เห็นด้วยแต่เขาก็น้อมรับคำสั่ง
บอดี้การ์ดก็ลงจากรถไปยืนรอคนมารับตรงริมฟุตบาท ส่วนไคล์ขับตามรถเก๋งสีเงินออกไป ตลอดทางก็เอาแต่คิดว่าทั้งคู่กำลังจะไปไหนจนกระทั่งรถมาจอดหน้าร้านอาหารจีนที่เขาเคยเจอกับน้ำตาล
“ที่แท้ก็ออกมาทานข้าวกันคิดว่าจะพากันไปที่อื่นซะอีก” เขาพูดคนเดียว
‘เอ๊ะ!! เดี๋ยว ที่อื่นหมายถึงที่ไหน นี่เขากำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย’
เพราะมัวแต่ทะเลาะกับความคิดของตัวเอง รู้ตัวอีกทีเขาก็เดินมาหยุดอยู่หน้าประตูร้านอาหารซะแล้ว
‘จะตามสองคนนั้นเข้าไปทำไม’ เขาตั้งคำถามกับตัวเอง ‘ไม่ได้ตาม ฉันแค่จะมาทานอาหาร’
ไคล์เลือกนั่งตรงโต๊ะที่ห่างจากโต๊ะของน้ำตาลพอสมควร เขาไม่อยากให้เธอเห็นเขา กลัวว่าเธอจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาตามเธอมา แม้ความจริงแล้วจะเป็นแบบนั้นก็ตาม
‘ไม่สิ ฉันไม่ได้ตาม’
วาเลนไทน์หมุนเวียนมาอีกรอบ หญิงสาวในชุดสีชมพูกำลังอุ้มเด็กน้อยวัย 6 เดือนเดินเข้าไปในบริษัท เนื่องจากผู้เป็นสามีต้องเข้าประชุมด่วนเขาจึงออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืดและสั่งให้บอดี้การ์ดพาภรรยาและลูกตามมา“เชิญคุณน้ำตาลพาคุณหนูเข้าไปรอให้ห้องทำงานของบอสก่อนครับ คาดว่าไม่นานก็ประชุมเสร็จแล้วน้ำตาลเดินเข้าไปในห้อง เธอวางลูกน้อยลงบนเบาะนุ่ม ๆ ที่ถูกเตรียมไว้ ภายในเบาะมีของเล่นมากมาย เรียกได้ว่าตอนนี้ห้องทำงานของไคล์แทบจะเป็นที่สำหรับเลี้ยงเด็กเล็กก็ว่าได้น้ำตาลมองไปรอบ ๆ เธอจำได้ว่าห้องนี้คือที่ที่เธอมีจูบแรกกับเขา ไม่รู้เขาจะจำได้หรือเปล่า คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องทั้งหมดมันจะลงเอยแบบนี้ก็อก! ก็อก! ก็อก!แกร็ก!เสียงประตูทำให้น้ำตาลหันไปมองทันที เมื่อเห็นพนักงานสาวที่เคยปกป้องเธอจากหลินหลินในวันนั้นเธอก็ยิ้มกว้างให้กับหญิงสาว“ฉันจะเข้ามาถามว่าคุณน้ำตาลอยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ”“ขอบคุณมากค่ะ แต่ฉันทานอาหารเช้ามาเรียบร้อยแล้ว”“ถ้าคุณต้องการอะไรเพิ่มเติมเรียกดิฉันได้เลยนะคะ”“ค่ะ”“จา! จา!” ไม่ทันที่หญิงสาวจะได้เดินออกจากห้องเด็กน้อยก็ส่งเสียงทักทาย จึงทำให้เธอรีบหันกลับมาทันที“คุณหนู” พนักงา
ในห้องคลอดบรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความวิตกกังวล แต่ยังคงมีความหวังที่แฝงอยู่ในจิตใจของเขา เสียงเครื่องตรวจสอบการเต้นของหัวใจของทารกยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เสียงหายใจหนักๆ ของน้ำตาลที่พยายามควบคุมตัวเองอย่างสุดความสามารถน้ำตาลนอนอยู่บนเตียง ร่างกายของเธอเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ความเจ็บปวดจากการปวดท้องคลอดทำให้เธอกุมมือไคล์ไว้แน่น ใบหน้าของเธอซีดแต่เปี่ยมด้วยความกล้าหาญ น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาตามข้างแก้มเมื่อเธอรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ยังคงคืบคลานมาอีกระลอก“ไม่เป็นไรนะครับ” ไคล์เกลี่ยน้ำตาและเช็ดเหงื่อบนใบหน้าให้เธอไปพร้อม ๆ กัน “หายใจเข้าลึก ๆ ครับ”ไคล์ขอเข้ามาในห้องคลอด เขายืนอยู่ข้างเตียงไม่ยอมห่างไปไหน จับมือน้ำตาลไว้แน่น สายตาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงใยและความกังวล เขาพูดเบาๆ กับเธอ“ที่รัก ผมอยู่ตรงนี้แล้วนะ” เสียงของเขาแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความรักที่ยิ่งใหญ่พยาบาลคอยให้คำแนะนำ และเตือนให้น้ำตาลหายใจลึกๆ เพื่อคลายความเจ็บปวด ก่อนจะบอกให้เธอกลั้นหายใจและเบ่งในช่วงเวลาสำคัญ การเคลื่อนไหวที่ทุกคนต่างรอคอยเริ่มต้นขึ้น“อุแว้!! อุแว้!!”เสียงร้องแรกของท
“ผมมีบางอย่างให้คุณ” ไคล์พูดขณะที่วางน้ำตาลลงบนที่นอน เขาเริ่มอุ้มเธอตั้งแต่ออกจากลิฟต์ จนมาถึงห้องพัก“อะไรคะ”“มีช่วงหนึ่งที่ผมไม่ค่อยได้อยู่กับคุณ” เขาเดินไปหยิบซองเอกสารบางอย่างแล้วเดินกลับมาหาน้ำตาล“...”“ช่วงที่คุณเพิ่งรู้ว่าท้องแต่ไม่ยอมบอกผม”“คุณไปไหนคะ” เธอจำได้ว่าช่วงนั้นเขาหายหน้าหายตาไปบ่อยมาก จนเธอคิดว่าเขาแอบไปอยู่กับคนรัก“ผมไปประเทศไทย”“...” ผู้หญิงคนนั้นก็อยู่ที่ประเทศไทย“ผมไปโรงพยาบาลที่คุณเคยทำงาน เพราะผมรู้มาว่าคนที่นั่นเล่นสกปรกกับคุณ” หลังจากรู้เรื่องของน้ำตาลมากขึ้น เขาก็ตามเอาคืนคนที่แกล้งเธอทุกคนอย่างสาสม“คุณทำอะไรพวกเขาคะ” น้ำตาลตกใจไม่น้อยที่ได้ยินแบบนั้น“ผมแค่ทำเหมือนที่พวกเขาทำกับคุณ”“คุณไม่ได้ฆ่าใครใช่มั้ย” น้ำตาลถามออกไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เธอกลัวว่าเขาจะทำแบบนั้นกับใครสักคนที่เธอเคยรู้จัก“ตั้งแต่คุณขอไว้ ผมก็ไม่ทำแบบนั้นอีกเลย”“ขอบคุณนะคะ” เธอกอดเอวเขาไว้ รู้สึกโล่งใจที่ไม่มีใครตายเพราะเธอ“ตอนนี้คุณมีสิทธิ์ในโรงพยาบาลนั้นครึ่งหนึ่ง”“คุณเอามันมาได้ยังไง” น้ำตาลก้มมองเอกสารที่ไคล์ยื่นมาให้เธอ ในนั้นระบุว่าเธอเป็นผู้ถือหุ้นของโรงพยาบาลที่เธอเคยทำ
“แต่งงานกันนะ”ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาเกือบสองอาทิตย์แล้ว ประโยคนี้ยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจของน้ำตาล วันนั้นเธอดีใจจนไม่ทันได้คิดไตร่ตรองว่าหากรับปากแต่งงานแล้วชีวิตของเธอจะเป็นยังไง แต่วันนี้ความคิดนั้นของเธอได้มลายหายไป เมื่อตลอดสองอทิตย์ที่ผ่านมาเขาทำให้เธอเห็นแล้วว่าเธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีคนหนึ่ง“คิดดอะไรอยู่ครับ” วงแขนกว้างโอบกอดหญิงสาวจากด้านหลัง พลางกดจูบลงไปบนไหล่มน“คิดว่าวันนี้ใช่ความฝันหรือเปล่า”“...” ไคล์เอียงหน้ามองภรรยาของเขา“ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้มาอยู่ตรงนี้กับคุณ ไม่คิดว่าคุณจะให้เกียรติฉันมากขนาดนี้ ทั้งที่บนโลกใบนี้มีผู้หญิงมากมายที่เหมาะกับคุณ แต่คุณก็เลือกฉัน”“...”“ฉันทำผิดต่อคุณ จนไม่กล้าคิดว่าคุณจะให้อภัยฉันได้ แต่คุณก็ยังให้อภัย”ไคล์จับให้น้ำตาหันมาเผชิญหน้ากับเขา มือข้างหนึ่งเชยคางของน้ำตาลให้เงยหน้ามาสบตากับเขา“เพราะผมรักคุณ รักกว่าอะไรทั้งหมดที่ผมมีในตอนนี้”“...”“ผมไม่อยากให้คุณกังวลอะไร วันนี้เป็นอีกวันสำคัญของเราสองคนนะครับ ทุกคนกำลังรอชื่นชมความงามของเจ้าสาวอยู่”“แล้วพ่อของคุณล่ะ พิธีคริสต์ท่านจะมาด้วยหรือเปล่า”เนื่องจากตอนเช้าทั้งคู่ได้จัดพิธีแบบจี
บนถนนที่ทอดยาวออกไป ชายหนุ่มที่เคยใช้ชีวิตเร่งรีบมาตลอด วันนี้ไม่รู่อะไรดลใจให้เขาออกมาเดินบนถนน สายตาคมที่กวาดมองไปรอบ ๆ ก็สังเกตเห็นการแต่งตัวของผู้คนมากมายที่เดินสวนไปมา ทำไมพวกเขาถึงแต่งตัวด้วยโทนสีชมพู“วันนี้วันที่เท่าไหร่”“14 กุมภาพันธ์ ครับ”“วันวาเลนไทน์ใช่มั้ย”“โทรหาคุณเจียให้หน่อย” เขาหันไปบอกเซียวหม่า “แล้วถามว่าวันนี้ฉันมีนัดกับลูกค้าหรือเปล่า ถ้ามีบอกว่าให้เลื่อนนัดไปก่อน”“ครับบอส”ไคล์ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงระหว่างรอให้เซียวหม่าโทรหาเลขา เขาหันไปเห็นคู่รักหลายคู่ที่แสดงความรักต่อกัน ก็ยิ่งชวนให้คิดถึงหญิงสาวที่เขาเพิ่งแอบไปหามาเมื่ออาทิตย์ก่อนเขาตั้งใจว่าจะไปหาเธออีกครั้งหลังจากที่เขาจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แต่เพราะความคิดถึงมันล้นออกมาจนยากที่จะเก็บกักความรู้สึกนั้นไว้ได้ วันนี้เขาจึงตั้งใจไปหาเธออีกครั้งณ.บ้านเช่าหลังเล็กที่เขาเคยมาครั้งหนึ่งตอนที่เจ้าของบ้านนอนหลับสนิท แต่เวลานี้กลับเงียบสงัดไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว“วันนี้วันวาเลนไทน์ ร้านคงจะปิดช้ากว่าปกติครับ”“วันวาเลนไทน์แบบนี้ยังต้องทำงานอีกเหรอ”“ถึงจะเป็นวันวาเลนไทน์ก็ยังคงเป็นวันทำงานครับ ไม่ใช่ว
หลังจากที่ไคล์พักรักษาตัวจนหายดี เขาก็เริ่มกลับไปทำงาน แต่ทุก ๆ ตอนเที่ยงเขาจะพาน้ำตาลออกไปทานข้าวด้วยกันทุกครั้ง เขาไม่เคยปล่อยให้เธออยู่บ้านโดยไม่มีเขาเลยสักครั้ง“รีบ ๆ สิครับ”“รีบไปไหนกันคะ”“ผมมีที่ที่อยากจะพาคุณไป”“อะไรกันคะ คุณทำให้ฉันกังวลนะ”“ผมมีพิรุธขนาดนั้นเลยเหรอ”“ก็คุณดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ สีหน้าของคุณดูง่ายจะตาย”“แสดงว่าที่ผ่านมาคุณอ่านความคิดของผมออกหมดเลยเหรอ”“เปล่าหรอกค่ะ เพราะก่อนหน้านี้แม้แต่หน้าของคุณฉันยังไม่กล้ามอง แล้วฉันจะสังเกตได้ยังไง”“แล้วตอนนี้ล่ะ”“ก็มองทุกวันไงคะ มองจนจำได้หมดแล้วว่าถ้าทำปากแบบนี้” เธอดึงแก้มของสามีจนปากของเขาเป็นเส้นตรง “แสดงว่ากำลังงอล”“รักคุณจังเลยครับ”“ไม่เบื่อบ้างเหรอคะ”“หรือคุณเบื่อที่จะฟังแล้ว”“ไม่เลยค่ะ ฉันฟังได้ทุกวัน”“ผมก็บอกรักคุณได้ทุกวัน ไม่เบื่อเลย”“คุณสั่งตัดชุดมาให้ฉันอีกแล้วเหรอ”“ครับ” เขาเดินเข้าไปช่วยน้ำตาลรูดซิปด้านหลัง “ก็ท้องของคุณเริ่มโตแล้ว”“พอคลอดแล้วฉันจะเอาเสื้อผ้าพวกนี้ไปไว้ที่ไหนละคะ”“จะกังวลไปทำไมครับ คลอดเสร็จก็ท้องอีก”“อะไรนะ”“เราจะมีลูกด้วยกันสักห้าคนดีมั้ย”“คุณท้องเองมั้ยล่ะคะ ถ้าท้องเองจะ






![นรสิงห์ [มาเฟียร้ายรัก]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
