[สวัสดีครับคุณไคล์]
เจ้าของชื่อก้มมองคนที่ยืนแนบอกของเขาก่อนที่จะปรายตามองคนที่เอ่ยทักทายเขา
“คุณ” น้ำตาลเรียกเขาสั้น ๆ เมื่อแหงนหน้าขึ้นไปเห็นหน้าเจ้าของร่างกำยำที่เธอถอยหลังชน ไม่รู้ว่าเขาเดินมาทางที่เธอยืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะก่อนหน้าเธอเอาแต่เถียงกับผู้ชายไร้มารยาทคนนี้จนลืมสังเกต
น้ำตาลหันไปเผชิญหน้ากับเขา แต่ก็ไม่กล้าสู้หน้าเขาตรง ๆ เพราะเหตุการณ์เมื่อไม่กี่วันก่อนยังปรากฏอยู่ในหัว เธอจึงทำทีเสมองไปทางอื่น
[เธอบอกว่าเธอเป็นแฟนของคุณ]
ไคล์ตวัดสายตามองหญิงสาวทันที มันจะมากเกินไปแล้ว เธอกำลังทำให้เขาเสื่อมเสีย เพราะลูกค้าประจำของที่นี่ไม่มีใครไม่รู้จักแฟนของเขา ผู้หญิงคนนี้ยิ่งนับวันยิ่งวุ่นวายกับชีวิตของเขา
“...” น้ำตาลหลุบตาต่ำลง เธอไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นบอกอะไรกับเขา ถ้าเกิดบอกทุกอย่างที่เธอแอบอ้างไปล่ะ แล้วเธอจะทำยังไง เขาต้องโกรธเธอมากแน่ ๆ
เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นตามรูขุมขน เธอรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ แปลก ๆ ไม่รู้เป็นเพราะอาการป่วยที่ยังไม่หายดี หรือแอลกอฮอล์ที่เธอดื่มเข้าไป หรือแท้ที่จริงแล้วเธอกลัวคนตรงหน้ากันแน่
มือที่จับขอบโต๊ะกำแน่น ดูเหมือนตัวเธอจะโงนเงนไปมาจนเจ้าของร่างกำยำสังเกตเห็น
‘เป็นอะไร’ ไคล์สงสัย แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา
“คุณโกหกไม่เนียนเลยนะ” ชายหนุ่มเข้าไปยืนซ้อนหลังของน้ำตาลพลางกระซิบข้างหูของเธอ
ร่างบางสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ ชายแปลกหน้าคนนี้ฉวยโอกาสเข้ามาใกล้เธอมากจนเกินไปแล้ว
หมับ!!
ไม่ทันที่น้ำตาลจะได้หันไปมอง ไคล์ก็ดึงเธอเข้าหาตัวจนหน้าของเธอชนกับแผงอกกว้างของเขาทำให้เขารับรู้ได้ถึงไอร้อนที่แผ่ออกมาตามผิวหนังของเธอ
[คุณรู้จักเธอเหรอ] ไคล์ถามออกไป
[เห็นนั่งอยู่คนเดียว ผมแค่เข้ามาชวนคุยกลัวว่าเธอจะเหงา] หลังจากที่ได้เห็นการกระทำของไคล์ ชายหนุ่มเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นยังไง แต่ดูยังไงก็ไม่ใช่แฟนกันแน่นอน เพราะไคล์จะไม่ปฏิบัติต่อแฟนของเขาแบบนี้
[ไปได้แล้ว] เขาเอ่ยไล่อย่างไม่ไยดี
[ครับ] ชายหนุ่มก็ไม่ได้ขัด เพราะรู้จักนิสัยของคนที่ออกคำสั่งดี
“นี่” เขาเอ่ยเรียกคนที่กำลังเทน้ำหนักมาที่อกของเขา “ยืนดี ๆ สิ”
“...”
“นี่เธอ” เขาเรียกอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับเขาเลยจับต้นแขนของเธอแล้วดันตัวออก สภาพของคนตรงหน้าทำให้เขาต้องตกใจ ใบหน้านวลกลับซีดเผือด ปากที่เคยเห็นว่าแดงระเรื่อกลับซีดลงแทบไม่เห็นสีแดง ดูเหมือนเธอจะไม่สบาย เพราะตัวร้อนจี๋ เขาเลยดึงตัวเธอกลับเข้าไปในอ้อมอกของเขาอีกครั้ง
[บอสครับ] พนักงานหนุ่มเดินเข้ามา
[อะไร]
[เธอยังไม่ได้เช็กบิลครับ]
[ส่งบิลไปให้ฉัน เดี๋ยวฉันจัดการเอง]
[ครับบอส]
[ไปเตรียมรถ] ไคล์หันไปสั่งบอดี้การ์ด
ไคล์อุ้มน้ำตาลขึ้น ขณะเดินผ่านผู้คนที่ดูเหมือนจะให้ความสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทุกคนเอาแต่จับจ้องมาที่เขา แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาสนใจไปกว่าคนที่อยู่ในอ้อมกอด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาต้องอุ้มเธอกลับห้องเพราะหมดสติไป คนคนหนึ่งจะหมดสติในเวลาไล่เลี่ยกันได้ยังไงนะ คนอะไรอ่อนแอชะมัด
ร่างเล็กที่นอนอยู่บนเตียงค่อย ๆ หรี่ตามองเพดานห้องก่อนจะหันไปมองรอบ ๆ ห้อง แต่แล้วสายตาก็พลันไปหยุดอยู่ที่ตาคมคู่หนึ่ง เขากำลังยืนกอดอกอยู่ข้างเตียง
[ฟื้นแล้วเหรอครับ] นี่ไม่ใช่เสียงชายหนุ่มที่เธอเห็น แต่กลับเป็นใครอีกคนที่นั่งอยู่อีกฝั่งของที่นอน ทันทีที่หันไปมองเธอก็เดาไม่ยากว่าเขาเป็นใคร เพราะเขาแขวนหูฟัง สเต็ทโตสโคปอยู่ที่คอ แต่ที่แปลกใจคือทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่
[คุณต้องพูดเป็นภาษาอังกฤษกับเธอ]
[อ้อ ครับ]
“คุณสลบไปเพราะพิษไข้ครับ ผมฉีดยาให้แล้ว เดี๋ยวอาการก็ดีขึ้น” เขาบอกอาการของเธอ “ว่าแต่คุณรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังไม่สบาย”
“ค่ะ”
“แต่คุณยังเลือกที่จะดื่มแอลกอฮอล์”
“คือฉัน...”
“ว่าแต่คุณป่วยมากี่วันแล้วครับ”
“เอ่อ...” เธอเหล่มองคนที่ยืนอยู่ก่อนจะหันกลับมามองหน้าของหมอ “สะ...สามวันแล้วค่ะ”
“ได้ไปหาหมอหรือเปล่าครับ”
“ไม่ได้ไปค่ะ ฉันทานยาที่มีอยู่ค่ะ” เธอตอบไปตามความจริง เพราะรู้ดีว่าการปิดบังอาการไม่ดีต่อการรักษา
“อันตรายมากเลยนะครับ”
“ยังไงคะ” น้ำตาลไม่เข้าใจ
“พอดีช่วงนี้ที่ประเทศของเราไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A กำลังระบาด เอาเป็นว่าพรุ่งนี้คุณไปที่โรงพยาบาลดีกว่าครับ หมอจะได้ตรวจให้อย่างละเอียด”
“อ๋อ ๆ ค่ะ” เธอทำทีเป็นรับปากไปก่อน ถามว่าอยากไปตรวจร่างกายมั้ยก็อยากไปนั่นแหละ แต่เธอไม่อยากสิ้นเปลืองกับเรื่องแค่นี้ เพราะก่อนหน้าหมอบอกว่าได้ฉีดยาให้เธอแล้วแสดงว่าไม่นานเดี๋ยวเธอก็หาย
[วันนี้ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวกลับก่อนนะครับ] เขาหันไปบอกเจ้าของห้อง
“ขอบคุณมากนะคะ” เมื่อเห็นว่าหมอกำลังเก็บอุปกรณ์ใส่กระเป๋า น้ำตาลเลยเอ่ยขอบคุณ ส่วนอีกคนที่ยังยืนอยู่ที่เดิมก็พยักหน้าให้หมอเพื่อบอกเป็นนัยว่าเขาอนุญาตแล้ว
น้ำตาลลุกขึ้นนั่งทันทีที่หมอลุกจากเก้าอี้ เธอก้มมองชุดที่เธอใส่ นี่มันไม่ใช่ชุดของเธอ เสื้อตัวใหญ่ขนาดนี้คงจะเป็นของใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ของเขา
“นี่คุณ”
“...” ไคล์หันกลับมามอง
“ทำไมฉันถึงอยู่ในชุดนี้”
“แล้วเธอมาหาฉันทำไมล่ะ”
“อย่าบอกนะว่า” เธอก้มมองตัวเองอีกครั้ง เกิดคำถามว่าเธอกับเขาทำเรื่องนั้นด้วยกันแล้วเหรอ ทำไมเธอถึงจำอะไรไม่ได้เลยสักนิด หรือเขาทำตอนที่เธอสลบ แต่เธอไม่ได้รู้สึกว่าร่างกายผิดปกติเลย
“ออกไปได้แล้ว”
“หา...”
“ฉันบอกว่าออกไปจากห้องของฉันได้แล้ว”
“แต่ฉันยังไม่หายป่วยเลยนะ” เธอแค่อยากอยู่เพื่อให้แน่ใจว่าเธอกับเขาทำเรื่องนั้นกันหรือยัง
“นั่นมันเรื่องของเธอ”
“คุณมันไม่มีความเป็นมนุษย์เลย เคยมีความเมตตา หรือมีน้ำใจกับเพื่อนมนุษย์บ้างมั้ย”
“ถ้าฉันแล้งน้ำใจนะ วันนี้เธอคงไม่ได้ตื่นในห้องนี้ อาจจะตื่นในม่านรูดที่ไหนสักแห่ง”
“แล้วมันจะต่างอะไรกันละคะ ในเมื่อคุณเองก็พาฉันมาทำเรื่องอย่างว่าที่นี่”
“เหอะ...เธอนี่มันอ่อนหัดจริง ๆ”
“...”
“เธอคิดว่าฉันจะแตะต้องผู้หญิงไม่มียางอายแบบเธอหรือไง รู้ไว้นะถ้าฉันต้องนอนกับใครสักคน เธอจะเป็นคนสุดท้ายที่ฉันเลือก”
“ฉันไม่ดีตรงไหน” เธอพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นแล้วเดินมาหยุดตรงหน้าเขา “มีอะไรที่ฉันมีไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นบ้าง”
“เธอทำอะไร” ไคล์เบือนหน้าหนีไปทางอื่นเมื่อเห็นเธอกำลังถอดกระดุมเสื้อของตัวเองออกทีละเม็ด “ใส่เสื้อผ้าซะ”
“คุณบอกฉันมาสิว่ามีอะไรที่ฉันสู้คนอื่นไม่ได้ เห็นขนาดนี้แล้วคุณไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ”
พรึ่บ!!
เสื้อถูกปล่อยให้หล่นไปกองอยู่บนพื้น เหลือไว้แค่ร่างเปลือยเปล่าที่อวดผิวขาวอมชมพู
“...” ไคล์กลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อสายตาของเขาเหลือบไปเห็นความงดงามตรงหน้า เขาก็รีบหันหลังให้เธอทันที
“ทำไมคะ ทนมองไม่ได้หรือไง หรือคุณกำลังระงับอารมณ์อยู่” เธอเดินเข้าไปใกล้และพูดท้าทายเขา
“ใส่เสื้อผ้าแล้วกลับไปซะ” เขาตะโกนเสียงดังจนลูกน้องที่อยู่ด้านนอกได้ยิน
“บอสครับ”
“ไม่มีอะไร ไม่ต้องเข้ามา” เขาร้องห้ามก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับน้ำตาล แต่สายตาของเขากลับมองผ่านเธอไป “ถ้าเธอยังไม่ใส่เสื้อผ้าฉันจะบอกให้ลูกน้องของฉันเข้ามา หรือถ้าอยากมาก ฉันก็จะให้ลูกน้องของฉันสนองให้”
น้ำตาลนิ่งไป เธอหลุบตาต่ำลง รู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก เธอคงดูไร้ศักดิ์ศรีมากในสายตาของผู้ชายคนนี้ ไม่สิศักดิ์ศรีของเธอมันหมดสิ้นตั้งแต่วันที่เธอยอมเปลือยกายแล้วขึ้นไปนอนบนเตียงกับเขาแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนั้นเขายังไม่ได้ทำอะไรเธอก็เถอะ แต่เขากลับได้เห็นส่วนที่หน้าอายของเธอทั้งหมดไม่ต่างจากวันนี้
เธอเม้มปากเข้าหากันแน่น ข่มกลั้นความละอายไว้ ก้มเก็บเสื้อผ้าตรงพื้นมาใส่ก่อนจะเดินผ่านเขาไป
พรึ่บ!!
เสื้อโค้ทสีน้ำตาลถูกโยนไปตกอยู่บนหัวของน้ำตาล เธอหยิบมันมาถือไว้ ก่อนจะหันกลับไปมองเจ้าของเสื้อ
‘ไม่เห็นจะต้องโยนเลย ยื่นให้กันดี ๆ ก็ได้’
“ออกไปทั้งสภาพที่ไม่ต่างจากโดนข่มขืน เธอไม่รู้จักอายบ้างเธอ” เขาว่าเธอ “เดี๋ยวคนอื่นจะเข้าใจผิดว่าฉันเป็นคนทำ”
น้ำตาลขมวดคิ้วจนเป็นปม เขาเองไม่ใช่เหรอที่ไล่เธอกลับทั้ง ๆ ที่เธออยู่ในสภาพนี้ แล้วทำไมถึงมาพูดแดกดันเธอแบบนี้
วันนี้เธอยอมแพ้ให้เขาอีกครั้ง ไม่มีคำโต้แย้งใด ๆ เธอสวมเสื้อโค้ทตัวโตของเขาแล้วเดินออกจากห้องไป
วันต่อมาน้ำตาลลองไปโรงพยาบาลตามที่หมอแนะนำ เพราะเมื่อตอนดึกเธอรู้สึกไม่สบายตัวเท่าไหร่ ถ้าอาการป่วยยังรุมเร้าอยู่แบบนี้ รับรองว่างานของเธอไม่มีทางคืบหน้าแน่ ๆ[คุณเองเหรอ]“...”[คุณจำผมได้หรือเปล่า]“...”“อ้อจริงสิ คุณคงไม่เข้าใจภาษาของผม” สายตาของหมอโฟกัสไปที่ประวัติคนไข้อีกครั้ง“คุณรู้ได้ยังไง” น้ำตาลแปลกใจที่อยู่ ๆ เขาก็พูดภาษาที่เธอฟังออกขึ้นมา“ก็ที่คุณระบุในนี้” เขาชี้ไปที่แฟ้มประวัติคนไข้ “คุณไม่ใช่คนที่นี่สินะ”“อ๋อ” น้ำตาลโล่งใจ เธอเองก็ลืมคิดถึงเรื่องนี้ คิดว่าตัวเองกำลังกรอกประวัติอยู่ในโรงพยาบาลของรัฐที่ประเทศไทยซะอีก“ผมก็ว่าอยู่ว่าทำไมวันนั้นคุณถึงไม่ยอมคุยกับผม”“...” น้ำตาลไม่ได้พูดอะไร เธอนึกไม่ออกว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไร แต่ว่าหมอคนนี้เป็นคนอัธยาศัยดีจัง เพราะตั้งแต่เธอเข้ามาเขาก็พูดไม่หยุดเลย“สรุปว่าคุณจำผมได้หรือเปล่า”“คุณรู้จักฉันเหรอ”“คิดไว้แล้ว ว่าคุณคงจำผมไม่ได้”“...” น้ำตาลเอียงหน้ามอง ดูยังไงเธอก็ไม่คุ้นหน้าเขาเลยสักนิด“เราเคยเจอกันวันนั้นไง วันที่ฝนตก”“ฝนตก...” เธอทวนคำ“อือ...หึ”น้ำตาลทำท่าครุ่นคิด ตั้งแต่มาที่นี่ เธอนึกไม่ออกว่าเธอเคยมีโอกาสได้เจอผ
[สวัสดีครับคุณไคล์]เจ้าของชื่อก้มมองคนที่ยืนแนบอกของเขาก่อนที่จะปรายตามองคนที่เอ่ยทักทายเขา“คุณ” น้ำตาลเรียกเขาสั้น ๆ เมื่อแหงนหน้าขึ้นไปเห็นหน้าเจ้าของร่างกำยำที่เธอถอยหลังชน ไม่รู้ว่าเขาเดินมาทางที่เธอยืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะก่อนหน้าเธอเอาแต่เถียงกับผู้ชายไร้มารยาทคนนี้จนลืมสังเกตน้ำตาลหันไปเผชิญหน้ากับเขา แต่ก็ไม่กล้าสู้หน้าเขาตรง ๆ เพราะเหตุการณ์เมื่อไม่กี่วันก่อนยังปรากฏอยู่ในหัว เธอจึงทำทีเสมองไปทางอื่น[เธอบอกว่าเธอเป็นแฟนของคุณ]ไคล์ตวัดสายตามองหญิงสาวทันที มันจะมากเกินไปแล้ว เธอกำลังทำให้เขาเสื่อมเสีย เพราะลูกค้าประจำของที่นี่ไม่มีใครไม่รู้จักแฟนของเขา ผู้หญิงคนนี้ยิ่งนับวันยิ่งวุ่นวายกับชีวิตของเขา“...” น้ำตาลหลุบตาต่ำลง เธอไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นบอกอะไรกับเขา ถ้าเกิดบอกทุกอย่างที่เธอแอบอ้างไปล่ะ แล้วเธอจะทำยังไง เขาต้องโกรธเธอมากแน่ ๆเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นตามรูขุมขน เธอรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ แปลก ๆ ไม่รู้เป็นเพราะอาการป่วยที่ยังไม่หายดี หรือแอลกอฮอล์ที่เธอดื่มเข้าไป หรือแท้ที่จริงแล้วเธอกลัวคนตรงหน้ากันแน่มือที่จับขอบโต๊ะกำแน่น ดูเหมือนตัวเธอจะโงนเงนไปมาจนเจ้าของร่า
เวลา 22.00 น.เจ้าของขาเรียวก้าวผ่านประตูเข้าไปในไนต์คลับ ผู้คนในเวลานี้ดูหนาแน่นขนัดตา เธอมองไปรอบ ๆ เพื่อหาเป้าหมาย แต่แล้วก็ไม่เจอ โชคดีที่ยังมีที่ว่างพอให้เธอได้แทรกตัวแล้ววางก้นลง[รับเครื่องดื่มอะไรดีครับ] พนักงานหนุ่มเดินเข้ามาถามทันทีที่เห็นเธอนั่งลง“คุณพูดภาษาอังกฤษกับฉันได้หรือเปล่า” เธอเริ่มจะชินกับสถานการณ์ต่าง ๆ มากขึ้น คงเป็นเพราะเธอเป็นคนเอเชียเหมือนกับพวกเขา โดยลักษณะทั่วไปของเธอก็ไม่ได้แตกต่างจากหญิงสาวชาวจีนมากนัก เลยไม่มีใครเอะใจว่าเธอไม่ใช่คนที่นี่“ครับ” พนักงานพยักหน้าเบา ๆ “ไม่ทราบว่าคุณจะรับเครื่องดื่มอะไรดีครับ”น้ำตาลก็นิ่งคิด เธอกำลังคิดว่าเธอจะสั่งอะไรมาดื่มดี ผู้หญิงที่เอาแต่ทำงานไม่ดื่มเหล้าไม่เข้าผับแบบเธอควรสั่งอะไรมาดื่มดี“อะไรก็ได้ที่เบาที่สุดค่ะ”เพราะยังไม่หายป่วยเวลานี้เธอจึงไม่ควรดื่มด้วยซ้ำ แต่เอาเถอะอย่างน้อย ๆ ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเขาเธอจะได้กล้าพอที่จะชวนเขาขึ้นเตียงแบบไม่รู้สึกกระดากปาก เพราะทุกครั้งสติของเธอครบถ้วนเธอมักจะทำมันพลาดอยู่เสมอ“ได้ครับ”น้ำตาลนั่งรอไปเรื่อย เวลานี้เป้าหมายของเธอก็ยังไม่ปรากฏตัว จากหนึ่งแก้วเป็นสองแก้ว และตามด้วย
วันต่อมา แม้ว่าจะมีความคิดหนึ่งที่ผุดเข้ามาในหัวของน้ำตาล ความคิดที่ว่าเธอไม่อยากทำ ไม่อยากมอบร่างกายให้คนที่เธอไม่ได้รัก และที่สำคัญดูเหมือนว่าเขาคนนั้นจะรังเกียจเธอเอามาก ๆ เลยด้วยซ้ำ แต่พอนึกถึงน้องชายเธอก็ต้องข่มกลั้นความคิดทุกอย่างไว้ เรื่องเดียวที่เข้ามาแทรกอยู่ในหัวคือเธอต้องทำแม้จะไม่อยากทำก็ตามน้ำตาลจึงตัดสินใจไปหาไคล์ที่บริษัทอีกครั้ง เธอจะต้องรีบทำมันให้สำเร็จ เธอไม่อยากใช้ชีวิตแสนลำบากอยู่ที่นี่ แค่อาทิตย์เดียวมันก็นานเกินไปแล้วสำหรับเธอ[หยุดก่อนครับ]น้ำตาลหันไปมองตามเสียง แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเขาพูดว่าอะไรก็ตาม ชายในเครื่องแบบรีบวิ่งมาขวางหน้าของเธอไว้ เธอมองสำรวจการแต่งกายของเขา คงจะเดาไม่ยากว่าผู้ชายคนนี้คงจะเป็น รปภ.ของบริษัทแห่งนี้“...” น้ำตาลรอฟังว่าเขาจะพูดอะไรกับเธอ[ไม่ได้นะครับ บอสสั่งห้ามไม่ให้คุณเข้าไปในบริษัทอีก] เขาบอกเธอเป็นภาษาจีนเพราะหลังจากที่เธอเดินออกจากบริษัทเมื่อวาน ไคล์ได้สั่ง รปภ. รวมไปถึงเลขาของเขา ห้ามไม่ให้ผู้หญิงคนนี้ย่างกรายเข้ามาในบริษัทของเขาอีก มันอันตรายมากที่จะปล่อยให้เธอเข้ามาวนเวียนในพื้นที่ของเขา จนกว่าเขาจะสืบทราบว่าเธอเป็นใครมาจาก
หน้าบริษัทซอฟต์แวร์พนักงานต่างพากันเดินเข้าไปทางประตู หนึ่งในนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งที่ดูจะกลมกลืนไปกับพนักงานเหล่านั้นวันนี้เธอมาในชุดเดรสที่พนักงานบริษัททั่วไปในประเทศจีนนิยมใส่ เพราะหลังจากที่ได้สังเกตการแต่งกายของคนที่นี่ เธอพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมชายหนุ่มที่เป็นเป้าหมายของเธอมักจะมองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ ทุกครั้งเวลาที่เจอกัน วันนี้เธอจึงเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวใหม่เท้าสองข้างก้าวออกจากลิฟต์เมื่อมันมาจอดตรงชั้นบนสุดของบริษัท ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องผู้บริหารระดับสูง อาจเป็นเพราะเช้ามากเวลานี้เลขาหน้าห้องจึงยังมาไม่ถึงบริษัท เมื่อเป็นเช่นนั้นเธอจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปโดยไม่รอให้เจ้าของห้องอนุญาตวันนี้เธอไม่รู้เลยว่าเขาจะเข้ามาที่บริษัทหรือเปล่า หลังจากที่เธอแอบออกจากคอนโดของเขาตอนตี 1เมื่อสองวันก่อน เมื่อกลับถึงห้องเช่าเล็ก ๆ เธอก็พักผ่อนอย่างเต็มที่ แม้ว่าจะโดนเจ้าหนี้โทรมาต่อว่าเธอเรื่องทำงานล่าช้าก็เถอะ แต่เธอก็มีข้ออ้างเพื่อเอาตัวรอดได้เสมอ“ถ้าวันนี้เขาไม่มาล่ะ” น้ำตาลเดินไปเดินมาด้วยความกังวล ตอนนี้เวลาของเธอเหลือไม่มากแล้วฉันให้เวลาเธออีกสามวัน ไม่มีการต่อรองอะไรอีกแล้ว ถ
หมั่บ!!ไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้เดินเข้าห้องไปก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งจับต้นแขนของน้ำตาลไว้จากด้านหลัง ทันทีที่เธอหันกลับไปมองก็ได้เห็นว่าเขาคือคนคนเดียวกันกับที่ผลักไสเธอให้คนอื่นนั่นเองชายหนุ่มแอบตกใจเล็กน้อยเมื่อได้เห็นหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ตรงนี้ ตามเนื้อตัวนอกร่มผ้ามีรอยแดง ๆ ปรากฏให้เห็น คงเกิดจากการฉุดกระชากลากถูกันมา ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าน้ำตาลปฏิเสธคู่ค้าของเขา“คุณจะทำอะไร” ชายหนุ่มทำหน้าแปลกใจเมื่อเห็นไคล์“ผมเปลี่ยนใจแล้ว”“ได้ไงล่ะ ตั้งแต่ทำธุรกิจร่วมกันมา คุณไม่เคยกลับคำพูดสักครั้ง” เขาโวยวาย ในเมื่อยกให้เขาแล้วจะมาเอาคืนได้ยังไง“ครั้งนี้ผมวู่วามเกินไป” ไคล์แก้ตัวน้ำขุ่น ๆ แต่ในใจลึก ๆ กลับยอมรับว่าเขาวู่วามจริง ๆ นั้นแหละ“อย่าบอกว่าที่เธอพูดมาทั้งหมดคือเรื่องจริง” เขามองสลับกันระหว่างไคล์กับหญิงสาวที่ยืนตัวสั่นอยู่ข้าง ๆ ไคล์“พูดว่าไงครับ”“เธอบอกผมว่า เธอกำลังทะเลาะกับคุณ”“ว่าไงนะ” ไคล์ตวัดสายตามองหญิงสาว ความรู้สึกผิดเมื่อก่อนหน้าก็มลายหายไป เธอเอาชื่อของเขาไปแอบอ้างได้ยังไง ความจริงเธอกับเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันด้วยซ้ำแล้วจะมีเรื่องอะไรให้ทะเลาะกันน้ำตาลหลุบตาต่ำล