Masukหลังทานอาหารเสร็จไคล์ก็ขับรถตามคนทั้งสองไปจนถึงสถานที่ที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีเขาเลยไม่ลังเลที่จะเลี้ยวเข้าไปจอด โดยไม่ได้สนใจว่ารถอีกคันที่เขาตามมาจะขับไปทางไหน
สองสามครั้งที่เขาเคยมานั่งเล่นกับคนรักที่นี่หลังทานอาหารเสร็จ เหมือนตอนนั้นจะเป็นช่วงที่เพิ่งคบกันใหม่ ๆ เธอมักจะบอกว่าเธอชอบมาที่นี่กับเขา เมื่อความคิดถึงมันเอ่อล้น เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรหาใครคนนั้น
‘พอดีว่าฉันยุ่งอยู่ คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า’ นี่คือประโยคแรกจากคนปลายสาย และเป็นประโยคที่ช่วงหลัง ๆ มานี่เขาจะได้ยินมันบ่อย
“ผมแค่คิดถึงคุณ”
‘ขอฉันออกไปคุยโทรศัพท์แป็บนึงนะคะ’ ดูเหมือนเธอจะบอกใครบางคนที่อยู่ใกล้ ๆ ก่อนจะพูดกับไคล์ต่อ ‘พอดีฉันออกมาทานข้าวกับเพื่อนค่ะ’
“ครับ”
‘ว่าแต่คุณมีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า ปกติคุณไม่ค่อยโทรมาเวลานี้’
ไคล์นิ่งไป จริง ๆ แล้วเวลานี้ที่เขามักจะโทรหาเธอต่างหาก แต่ทุกครั้งที่โทรไปเธอก็มักจะบอกกับเขาว่าไม่สะดวกคุยค่อยโทรมาตอนดึก พอตอนดึกเขาโทรไปอีกครั้งเธอก็มักจะบอกว่าเรียนหนัก เธอเลยเพลียเลยจะเข้านอนแล้ว
“ใกล้ถึงวันเกิดของคุณแล้วนะ”
‘อ๋อ เหรอคะ ฉันเรียนหนักจนลืมไปเลย’
“ปีนี้คุณจะกลับมาหรือให้ผมไปหา”
‘ฉันคงไม่ได้ฉลองหรอกค่ะ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ฉันต้องทำโปรเจ็คเพื่อนำเสนออาจารย์ เอาเป็นว่าฉันจะกลับไปตอนคริสต์มาสนะคะ”
“ปีที่แล้วคุณก็ไม่ได้กลับมา” เสียงของเขาเศร้าลง “ผมอยากเจอคุณ”
‘ปีนี้ฉันจะกลับไปนะ ฉันจะรีบส่งงานอาจารย์ให้ครบ’
“ผมจะรอนะครับ” แม้แฟนสาวจะบอกว่าจะกลับมาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เขาก็ยังรู้สึกเศร้าอยู่ดี นานหลายเดือนแล้วที่เขากับเธอไม่เจอกัน เธอยุ่งจนไม่มีเวลากลับมาหาเขา ส่วนเขาเองก็หาโอกาสไปเจอเธออยู่หลายครั้ง แต่เธอกลับบอกว่าไม่สะดวก
ไม่ทันจะได้บอกลาหญิงสาวก็กดตัดสายไป ไคล์ทำได้แค่ลดหน้าจอมือถือลงมามอง บ่อยครั้งที่เธอตัดสายเขาไปแบบนี้ ยิ่งนานวันเขายิ่งรู้สึกห่างเหินกับเธอ ขณะที่มัวคิดอะไรเพลิน ๆ ไคล์ก็เบนสายตามาทางหญิงสาวที่กำลังเดินมาทางที่เขานั่งอยู่
ทันทีที่ทั้งคู่สบตากัน น้ำตาลก็รีบหันหลังกลับ เธอเดินย้อนกลับไปทางเดิม โดยไม่ได้หันกลับไปมองว่าใครคนนั้นจะเดินตามเธอมาหรือเปล่า
หมั่บ!!
“ทำอย่างกับฉันเป็นผี” เขาจับไหล่เธอไว้จากด้านหลัง
“อ้าว!! คุณเองเหรอ”
“ไม่ต้องมาทำเป็นตกใจ ทั้งที่เธอเห็นฉันตั้งแต่แรก”
“เปล่านะคะ” น้ำตาลปฏิเสธ “ว่าแต่คุณตามฉันมาเหรอ”
“เปล่า”
“งั้นคุณก็มาเดินเล่นน่ะสิ”
ผู้ชายอย่างเขามาเดินเล่นในที่แบบนี้มันก็ดูแปลกเกินไป ไหนจะชุดสูทนั้นอีก ที่นี่เขาใส่ชุดแบบนั้นมาเดินสวนสาธารณะเหรอ แม้น้ำตาลจะพยายามมองหาแต่ก็ไม่เห็นมีใครที่แต่งตัวแบบเขามาเดินเล่น
“เปล่า”
“แล้วทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ”
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ”
“อ้าว” น้ำตาลหน้าเหวอ กลายเป็นว่าเธอเป็นคนไปยุ่งเรื่องของเขาซะงั้น ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนมารั้งเธอไว้ เอาเถอะเธอไม่อยากรู้แล้วก็ได้ว่าเขามาทำอะไรที่นี่ “งั้นเราแยกกันตรงนี้นะ”
“เดี๋ยว”
เขารั้งแขนเธอไว้อีกครั้ง
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” น้ำตาลทำหน้าแปลกใจ เป็นครั้งแรกหรือเปล่าที่เขาไม่ผลักไสเธอ
‘เกิดอะไรขึ้น’
เหมือนน้ำตาลจะสังเกตเห็นว่าสีหน้าของเขาดูแปลกไป สีหน้าแบบนี้เธอไม่เคยเห็นมาก่อน เขามีเรื่องกังวลใจอะไรหรือเปล่านะ
“แฟนเธอล่ะ”
“หา...!!”
“คนที่เธอมาด้วยไง”
“นี่คุณสะกดรอยตามฉันใช่มั้ย ถึงรู้ว่าฉันไม่ได้มาคนเดียว บอกความจริงมานะ”
“เปล่า” ไคล์ยังคงปฏิเสธ
“มีเรื่องอะไรกันครับ”
แล้วบุคคลที่ถูกกล่าวถึงก็ปรากฏตัว ก่อนหน้านี้เขาปลีกตัวไปคุยโทรศัพท์ น้ำตาลเลยเดินมาตามทางเรื่อย ๆ จนได้เจอกับคู่กรณีของเธอนี่แหละ
“เปล่าค่ะ” น้ำตาลหันไปบอกซีห่าว
“เอ่อ สวัสดีครับ” เขาทักทายไคล์ตามมารยาท “ใครเหรอฮันนี่” คำว่าคุณโดนตัดออกไป เพราะตอนที่อยู่ร้านอาหารน้ำตาลบอกให้ซีห่าวเรียกเธอโดยไม่ต้องใส่คำว่าคุณ และเธอก็จะเรียกเขาว่าหมอซี
แม้ว่าซีห่าวจะกระซิบ แต่ไคล์กลับได้ยินเต็มสองหู ชายหนุ่มตรงหน้าเรียกน้ำตาลว่าฮันนี่ เขาจำได้ว่าเธอบอกเขาว่าเธอชื่อน้ำตาล หรือฮันนี่จะเป็นชื่อที่ใช้เรียกแทนชื่อคนรัก
“ฉันก็ไม่ได้สนิทอะไรกับเขามากหรอกค่ะ เพิ่งรู้จักกันไม่กี่วันก่อน เขาคงจะจำฉันได้เลยเข้ามาทักฉันแค่นั้นเองค่ะ”
ไคล์ขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินคำตอบของน้ำตาล ในคำพูดนั้นก็ไม่ได้มีอะไรชวนหงุดหงิดหรอก แต่เขากลับรู้สึกหงุดหงิด เหมือนเธอกำลังเล่นตลกกับเขาอยู่
ส่วนน้ำตาล ขณะที่เธอตอบเธอก็เหลือบมองเขาไปด้วย เมื่อเห็นอาการไม่พอใจของไคล์ เธอก็รู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ แล้วจะให้เธอตอบว่าไงล่ะ ให้บอกเพื่อนใหม่ของเธอว่าเขาคือคนที่เธอชวนขึ้นเตียงอย่างนั้นเหรอ
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
[สวัสดีครับ อ๋อครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้ครับ] ซีห่าวมีท่าทีร้อนใจ
“ฮันนี่ ผมต้องกลับโรงพยาบาลตอนนี้ พอดีมีอุบัติเหตุหมู่ คนไข้ต้องรับการผ่าตัดด่วนซึ่งหมอผ่าตัดมีไม่พอ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกลับเองได้”
“ขอโทษที่ไม่ได้ไปส่งนะ คราวหน้าผมจะไถ่โทษด้วยการเลี้ยงข้าว” เขารู้สึกผิดต่อน้ำตาล ที่ต้องมาทิ้งให้เธอกลับเองแบบนี้
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“ไม่ได้ครับ ผมเสียใจจริง ๆ นะ”
“คุณต้องรีบไปผ่าตัดไม่ใช่เหรอ คนไข้นอนรออยู่นะ”
คำพูดของไคล์ทำให้น้ำตาลและซีห่าวหันไปมองพร้อมกัน น้ำตาลตกใจที่คนอย่างเขามาพูดประโยคแบบนี้กับคนที่ไม่เคยรู้จัก ส่วนซีห่าวรู้สึกแปลก ๆ เหมือนกำลังโดนไล่ยังไงยังงั้น
“กลับถึงห้องส่งข้อความบอกผมด้วยนะ”
“ได้ค่ะ”
ซีห่าวเดินห่างออกไปเรื่อย ๆ ซึ่งไคล์กับน้ำตาลยังคงยืนอยู่ที่เดิม ทั้งสองมองตามไปจนซีห่าวลับสายตา
“เขารู้หรือเปล่าว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนเธอชวนฉันขึ้นเตียง” ไคล์เริ่มประโยคหลังจากที่พวกเขาเหลือกันอยู่สองคน
“...” น้ำตาลทำเป็นไม่ได้ยิน เธอเลือกที่จะเดินออกไปจากตรงนั้น
“เขารู้หรือเปล่าว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนเธอจูบกับฉัน”
“...”
“เขารู้มั้ยว่าเธอ...” เขาไปยืนขวางหน้าเธอไว้แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้
“ถอยออกไปนะ” มือเล็กดันอกของไคล์ให้ออกห่างจากตัว
“ทำไม ยังไงเราก็คนเคย ๆ ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว เธอไม่ต้องมาทำหวงตัวหรอก แสดงความต้องการของเธอออกมาสิ วันนี้ฉันอาจจะตามน้ำไปกับเธอก็ได้”
“คุณพูดบ้าอะไร”
“เธอกำลังเล่นตลกอะไร เมื่อไม่กี่วันก่อนเพิ่งขอนอนกับฉัน แต่วันนี้กลับมาควงหมอเนี่ยนะ ใจง่ายชะมัด”
“ไม่รู้อะไรก็ไม่ต้องพูด”
“หรือไม่จริง”
“ยิ่งคุณพูด มันจะยิ่งทำให้ฉันเข้าใจว่าคุณกำลังหึง” แวบหนึ่งเธอรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ แม้ว่ามันมีโอกาสเป็นศูนย์ก็เถอะ
“ฉันเนี่ยนะหึงเธอ ฮ่า ๆ ๆ” เขาหัวเราะออกมาอย่างลืมตัว “เราเป็นอะไรกันเหรอ”
“นั่นสิ เราเป็นอะไรกัน ทำไมคุณถึงเอาแต่พูดประชดประชันฉัน”
ไคล์หุบยิ้มลง เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองทำ มันบ้ามาก ๆ ที่เขาแสดงท่าทางแบบนั้นออกไป ไหนจะหัวเราะออกมาอย่างนั้นอีก
“ฉันขอตัวนะคะ” น้ำตาลแยกตัวออกมาทันที โดยไม่รอว่าไคล์จะมีท่าทียังไง เธอเดินไปตามทางจนเจอทางออกอีกทาง
มีเพจหนึ่งอธิบาย 5 เทคนิคเล่นตัวเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ชายไว้อย่างละเอียด โชคดีที่เมื่อไม่กี่วันก่อนเธอเปิดเจอ ไม่ผิดเลยสักนิดที่เขาพูดว่าผู้ชายมักจะมีสัญชาตญาณความเป็นนักล่าในตัวสูง ยิ่งหนีมากเท่าไหร่ก็จะปลุกสัญชาตญาณความเป็นนักล่าในตัวของเขาได้มากเท่านั้น
หมั่บ!!
นั่นไง! แมวน้อยอย่างเขากำลังติดกับ
น้ำตาลหันไปยิ้มให้คนที่เข้ามาจับไหล่ของเธอ แต่แล้วรอยยิ้มนั้นก็หุบลงและกลายเป็นดวงตาคู่สวยที่กำลังเบิกกว้างเพราะอาการตกใจ
“กรี๊ด!!” เธอร้องสุดเสียงเมื่อมีชายแปลกหน้ากำลังพยายามใช่ผ้าเช็ดหน้าโปะไปที่หน้าของเธอ เธอกลั้นหายใจไม่ยอมสูดดมเข้าไป มือก็ปัดป่ายจนผ้าในมือของผู้ชายคนนั้นหล่นลงไปบนพื้น
“อยู่นิ่ง ๆ ถ้าไม่อยากตาย”
“ช่วยด้วย...อุ๊ป”
ตุบ!!
วาเลนไทน์หมุนเวียนมาอีกรอบ หญิงสาวในชุดสีชมพูกำลังอุ้มเด็กน้อยวัย 6 เดือนเดินเข้าไปในบริษัท เนื่องจากผู้เป็นสามีต้องเข้าประชุมด่วนเขาจึงออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืดและสั่งให้บอดี้การ์ดพาภรรยาและลูกตามมา“เชิญคุณน้ำตาลพาคุณหนูเข้าไปรอให้ห้องทำงานของบอสก่อนครับ คาดว่าไม่นานก็ประชุมเสร็จแล้วน้ำตาลเดินเข้าไปในห้อง เธอวางลูกน้อยลงบนเบาะนุ่ม ๆ ที่ถูกเตรียมไว้ ภายในเบาะมีของเล่นมากมาย เรียกได้ว่าตอนนี้ห้องทำงานของไคล์แทบจะเป็นที่สำหรับเลี้ยงเด็กเล็กก็ว่าได้น้ำตาลมองไปรอบ ๆ เธอจำได้ว่าห้องนี้คือที่ที่เธอมีจูบแรกกับเขา ไม่รู้เขาจะจำได้หรือเปล่า คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องทั้งหมดมันจะลงเอยแบบนี้ก็อก! ก็อก! ก็อก!แกร็ก!เสียงประตูทำให้น้ำตาลหันไปมองทันที เมื่อเห็นพนักงานสาวที่เคยปกป้องเธอจากหลินหลินในวันนั้นเธอก็ยิ้มกว้างให้กับหญิงสาว“ฉันจะเข้ามาถามว่าคุณน้ำตาลอยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ”“ขอบคุณมากค่ะ แต่ฉันทานอาหารเช้ามาเรียบร้อยแล้ว”“ถ้าคุณต้องการอะไรเพิ่มเติมเรียกดิฉันได้เลยนะคะ”“ค่ะ”“จา! จา!” ไม่ทันที่หญิงสาวจะได้เดินออกจากห้องเด็กน้อยก็ส่งเสียงทักทาย จึงทำให้เธอรีบหันกลับมาทันที“คุณหนู” พนักงา
ในห้องคลอดบรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความวิตกกังวล แต่ยังคงมีความหวังที่แฝงอยู่ในจิตใจของเขา เสียงเครื่องตรวจสอบการเต้นของหัวใจของทารกยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เสียงหายใจหนักๆ ของน้ำตาลที่พยายามควบคุมตัวเองอย่างสุดความสามารถน้ำตาลนอนอยู่บนเตียง ร่างกายของเธอเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ความเจ็บปวดจากการปวดท้องคลอดทำให้เธอกุมมือไคล์ไว้แน่น ใบหน้าของเธอซีดแต่เปี่ยมด้วยความกล้าหาญ น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาตามข้างแก้มเมื่อเธอรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ยังคงคืบคลานมาอีกระลอก“ไม่เป็นไรนะครับ” ไคล์เกลี่ยน้ำตาและเช็ดเหงื่อบนใบหน้าให้เธอไปพร้อม ๆ กัน “หายใจเข้าลึก ๆ ครับ”ไคล์ขอเข้ามาในห้องคลอด เขายืนอยู่ข้างเตียงไม่ยอมห่างไปไหน จับมือน้ำตาลไว้แน่น สายตาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงใยและความกังวล เขาพูดเบาๆ กับเธอ“ที่รัก ผมอยู่ตรงนี้แล้วนะ” เสียงของเขาแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความรักที่ยิ่งใหญ่พยาบาลคอยให้คำแนะนำ และเตือนให้น้ำตาลหายใจลึกๆ เพื่อคลายความเจ็บปวด ก่อนจะบอกให้เธอกลั้นหายใจและเบ่งในช่วงเวลาสำคัญ การเคลื่อนไหวที่ทุกคนต่างรอคอยเริ่มต้นขึ้น“อุแว้!! อุแว้!!”เสียงร้องแรกของท
“ผมมีบางอย่างให้คุณ” ไคล์พูดขณะที่วางน้ำตาลลงบนที่นอน เขาเริ่มอุ้มเธอตั้งแต่ออกจากลิฟต์ จนมาถึงห้องพัก“อะไรคะ”“มีช่วงหนึ่งที่ผมไม่ค่อยได้อยู่กับคุณ” เขาเดินไปหยิบซองเอกสารบางอย่างแล้วเดินกลับมาหาน้ำตาล“...”“ช่วงที่คุณเพิ่งรู้ว่าท้องแต่ไม่ยอมบอกผม”“คุณไปไหนคะ” เธอจำได้ว่าช่วงนั้นเขาหายหน้าหายตาไปบ่อยมาก จนเธอคิดว่าเขาแอบไปอยู่กับคนรัก“ผมไปประเทศไทย”“...” ผู้หญิงคนนั้นก็อยู่ที่ประเทศไทย“ผมไปโรงพยาบาลที่คุณเคยทำงาน เพราะผมรู้มาว่าคนที่นั่นเล่นสกปรกกับคุณ” หลังจากรู้เรื่องของน้ำตาลมากขึ้น เขาก็ตามเอาคืนคนที่แกล้งเธอทุกคนอย่างสาสม“คุณทำอะไรพวกเขาคะ” น้ำตาลตกใจไม่น้อยที่ได้ยินแบบนั้น“ผมแค่ทำเหมือนที่พวกเขาทำกับคุณ”“คุณไม่ได้ฆ่าใครใช่มั้ย” น้ำตาลถามออกไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เธอกลัวว่าเขาจะทำแบบนั้นกับใครสักคนที่เธอเคยรู้จัก“ตั้งแต่คุณขอไว้ ผมก็ไม่ทำแบบนั้นอีกเลย”“ขอบคุณนะคะ” เธอกอดเอวเขาไว้ รู้สึกโล่งใจที่ไม่มีใครตายเพราะเธอ“ตอนนี้คุณมีสิทธิ์ในโรงพยาบาลนั้นครึ่งหนึ่ง”“คุณเอามันมาได้ยังไง” น้ำตาลก้มมองเอกสารที่ไคล์ยื่นมาให้เธอ ในนั้นระบุว่าเธอเป็นผู้ถือหุ้นของโรงพยาบาลที่เธอเคยทำ
“แต่งงานกันนะ”ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาเกือบสองอาทิตย์แล้ว ประโยคนี้ยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจของน้ำตาล วันนั้นเธอดีใจจนไม่ทันได้คิดไตร่ตรองว่าหากรับปากแต่งงานแล้วชีวิตของเธอจะเป็นยังไง แต่วันนี้ความคิดนั้นของเธอได้มลายหายไป เมื่อตลอดสองอทิตย์ที่ผ่านมาเขาทำให้เธอเห็นแล้วว่าเธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีคนหนึ่ง“คิดดอะไรอยู่ครับ” วงแขนกว้างโอบกอดหญิงสาวจากด้านหลัง พลางกดจูบลงไปบนไหล่มน“คิดว่าวันนี้ใช่ความฝันหรือเปล่า”“...” ไคล์เอียงหน้ามองภรรยาของเขา“ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้มาอยู่ตรงนี้กับคุณ ไม่คิดว่าคุณจะให้เกียรติฉันมากขนาดนี้ ทั้งที่บนโลกใบนี้มีผู้หญิงมากมายที่เหมาะกับคุณ แต่คุณก็เลือกฉัน”“...”“ฉันทำผิดต่อคุณ จนไม่กล้าคิดว่าคุณจะให้อภัยฉันได้ แต่คุณก็ยังให้อภัย”ไคล์จับให้น้ำตาหันมาเผชิญหน้ากับเขา มือข้างหนึ่งเชยคางของน้ำตาลให้เงยหน้ามาสบตากับเขา“เพราะผมรักคุณ รักกว่าอะไรทั้งหมดที่ผมมีในตอนนี้”“...”“ผมไม่อยากให้คุณกังวลอะไร วันนี้เป็นอีกวันสำคัญของเราสองคนนะครับ ทุกคนกำลังรอชื่นชมความงามของเจ้าสาวอยู่”“แล้วพ่อของคุณล่ะ พิธีคริสต์ท่านจะมาด้วยหรือเปล่า”เนื่องจากตอนเช้าทั้งคู่ได้จัดพิธีแบบจี
บนถนนที่ทอดยาวออกไป ชายหนุ่มที่เคยใช้ชีวิตเร่งรีบมาตลอด วันนี้ไม่รู่อะไรดลใจให้เขาออกมาเดินบนถนน สายตาคมที่กวาดมองไปรอบ ๆ ก็สังเกตเห็นการแต่งตัวของผู้คนมากมายที่เดินสวนไปมา ทำไมพวกเขาถึงแต่งตัวด้วยโทนสีชมพู“วันนี้วันที่เท่าไหร่”“14 กุมภาพันธ์ ครับ”“วันวาเลนไทน์ใช่มั้ย”“โทรหาคุณเจียให้หน่อย” เขาหันไปบอกเซียวหม่า “แล้วถามว่าวันนี้ฉันมีนัดกับลูกค้าหรือเปล่า ถ้ามีบอกว่าให้เลื่อนนัดไปก่อน”“ครับบอส”ไคล์ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงระหว่างรอให้เซียวหม่าโทรหาเลขา เขาหันไปเห็นคู่รักหลายคู่ที่แสดงความรักต่อกัน ก็ยิ่งชวนให้คิดถึงหญิงสาวที่เขาเพิ่งแอบไปหามาเมื่ออาทิตย์ก่อนเขาตั้งใจว่าจะไปหาเธออีกครั้งหลังจากที่เขาจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แต่เพราะความคิดถึงมันล้นออกมาจนยากที่จะเก็บกักความรู้สึกนั้นไว้ได้ วันนี้เขาจึงตั้งใจไปหาเธออีกครั้งณ.บ้านเช่าหลังเล็กที่เขาเคยมาครั้งหนึ่งตอนที่เจ้าของบ้านนอนหลับสนิท แต่เวลานี้กลับเงียบสงัดไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว“วันนี้วันวาเลนไทน์ ร้านคงจะปิดช้ากว่าปกติครับ”“วันวาเลนไทน์แบบนี้ยังต้องทำงานอีกเหรอ”“ถึงจะเป็นวันวาเลนไทน์ก็ยังคงเป็นวันทำงานครับ ไม่ใช่ว
หลังจากที่ไคล์พักรักษาตัวจนหายดี เขาก็เริ่มกลับไปทำงาน แต่ทุก ๆ ตอนเที่ยงเขาจะพาน้ำตาลออกไปทานข้าวด้วยกันทุกครั้ง เขาไม่เคยปล่อยให้เธออยู่บ้านโดยไม่มีเขาเลยสักครั้ง“รีบ ๆ สิครับ”“รีบไปไหนกันคะ”“ผมมีที่ที่อยากจะพาคุณไป”“อะไรกันคะ คุณทำให้ฉันกังวลนะ”“ผมมีพิรุธขนาดนั้นเลยเหรอ”“ก็คุณดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ สีหน้าของคุณดูง่ายจะตาย”“แสดงว่าที่ผ่านมาคุณอ่านความคิดของผมออกหมดเลยเหรอ”“เปล่าหรอกค่ะ เพราะก่อนหน้านี้แม้แต่หน้าของคุณฉันยังไม่กล้ามอง แล้วฉันจะสังเกตได้ยังไง”“แล้วตอนนี้ล่ะ”“ก็มองทุกวันไงคะ มองจนจำได้หมดแล้วว่าถ้าทำปากแบบนี้” เธอดึงแก้มของสามีจนปากของเขาเป็นเส้นตรง “แสดงว่ากำลังงอล”“รักคุณจังเลยครับ”“ไม่เบื่อบ้างเหรอคะ”“หรือคุณเบื่อที่จะฟังแล้ว”“ไม่เลยค่ะ ฉันฟังได้ทุกวัน”“ผมก็บอกรักคุณได้ทุกวัน ไม่เบื่อเลย”“คุณสั่งตัดชุดมาให้ฉันอีกแล้วเหรอ”“ครับ” เขาเดินเข้าไปช่วยน้ำตาลรูดซิปด้านหลัง “ก็ท้องของคุณเริ่มโตแล้ว”“พอคลอดแล้วฉันจะเอาเสื้อผ้าพวกนี้ไปไว้ที่ไหนละคะ”“จะกังวลไปทำไมครับ คลอดเสร็จก็ท้องอีก”“อะไรนะ”“เราจะมีลูกด้วยกันสักห้าคนดีมั้ย”“คุณท้องเองมั้ยล่ะคะ ถ้าท้องเองจะ







