[พาร์ท : ฉลามดุ]
คืนนี้ผมฝันดีแน่นอน
“ยิ้มอะไรของมึง ดูๆ ไปแล้วเหมือนฆาตกรโรคจิต เห็นแล้วคลื่นไส้” ผมหันไปตามต้นเสียง แล้วก็เห็นเจ๊เพทเดินเข้ามาในขณะที่โยนกระป๋องเบียร์ส่งให้ผมหลังจากที่ผมขับจากหอพักของนิ้งและแวะมาที่นี่ “แดกให้หมดนะ กูเลี้ยง”
เธอชื่อ ‘เพทาย’ เป็นผู้หญิงคนเดียวในประวัติกาลที่เป็นหัวหน้าเด็กช่างแถวๆ นี้ เธอเป็นเจ๊ใหญ่ของที่นี่ แล้วเผอิญว่าผมรู้จักกับไอ้พัสน้องชายของเจ๊แกด้วยไง ก็เลยแวะมาที่อู่ของมัน อีกอย่างเพราะผมทำงานอยู่ที่นี่เป็นประจำด้วย
ผมก็แค่อยากรีบมาเอารถไปรับนิ้ง
“เออ มีเรื่องดีๆ” ผมตอบแล้วเปิดกระป๋องเบียร์อย่างอารมณ์ดี ส่วนผู้หญิงในชุดหนังแบบโคตรแมนก็เดินมาเคาะรถที่ผมมาเอาสองสามที ก่อนที่เธอจะนั่งลงตรงฝากระโปรงรถ
“เรื่องไร ผู้หญิงเหรอ?” ผมฉีกยิ้มกลับไปแทนคำตอบ แล้วเจ๊ก็แค่นหัวเราะ “อยากรู้ว่าครั้งล่าสุดที่มึงยิ้มทุเรศแบบนี้คือตอนไหน ตอนคบกับไอ้พราวปะ?”
พราวที่ว่าเป็นแฟนคนก่อนที่ผมเพิ่งเลิกไป เพราะเธอมีคนอื่น แถมคนอื่นที่ว่าก็เป็นคนที่โคตรเหม็นขี้หน้า จำได้ว่าตอนนั้นผมวูบไปหลายอาทิตย์
“ก็แค่แฟนเก่า” ผมแค่นหัวเราะตามบ้างแล้วกระดกเบียร์เข้าคอ “เลิกไปจะเป็นชาติ เจ๊อย่ารื้อฟื้นดิวะ”
“แล้วไง?”
“กูชอบคนนี้มากกว่า”
“มากแค่ไหน ชอบมากกว่าของมึง” ผมถอนหายใจ ในขณะที่จะยกมวนบุหรี่ขึ้นมาจะสูบ แต่พอเสียงของคะนิ้งดังขึ้นมา...
“ไม่ชอบคนสูบบุหรี่?”
“อื้อ ไม่ชอบ”
ผมก็ยัดมันใส่กระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม
“เจ๊...” ผมโพล่งขึ้น แล้วเจ้าของชื่อเรียกก็หันมามองอย่างสงสัย “เจ๊ยังสูบพอดอยู่มั้ยวะ?”
“เดี๋ยวถีบเลย กูไม่สูบ” พูดปากเปล่าไม่พอ ยังยกเท้ามาถีบหลังผมด้วย “ทำไม จะเลิกบุหรี่ไง?”
“เออ”
“อย่าบอกนะว่า?”
“เออ นั่นแหละ” ผมตอบปัด ก็ผมกะจะเลิกให้นิ้งไง “แค่คิดว่าช่วงแรกๆ จะอยากมากจนเผลอสูบอีก”
“คนจริงมันต้องไม่พึ่งตัวช่วยปะวะ”
“...”
“มึงชอบเขาแค่ไหนล่ะ ถ้าหลงมากถึงขั้นโงหัวกบาลไม่ขึ้นขนาดนั้น” ผมเงียบฟังเจ๊เทศน์อย่างสงบ ก่อนที่เธอจะกระแทกกระป๋องเบียร์ลงบนกระโปรงรถเสียงโคตรดัง “มึงต้องเลิกขาด แบบไม่ต้องพึ่งห่าอะไรเลย”
“ได้ดิวะ” ผมตอบกลับไปด้วยสีหน้าจริงจัง “ว่าแต่ทุบกระป๋องใส่รถแบบนั้นไอ้พัสไม่ด่าเหรอวะ”
เท่าที่รู้จักกันมา ว่ากันว่ามันเป็นคนหวงรถยิ่งกว่าอะไรดี
“เออ ช่างแม่ง รถมันไม่ใช่รถกู” เจ๊แกว่าพลางยักไหล่อย่างไม่แคร์ แต่ต่อมาก็ถามขึ้นมาอีกเหมือนเพิ่งสังเกต “มึงมาเอารถไอ้พัส?”
“ใช่”
“ทำไมวะ มอไซค์เดี้ยงเหรอ”
“เปล่า ยืมไปรับคนคุย” ผมกระตุกยิ้ม แล้วเจ๊เพทก็ทำหน้าแปลกใจ “อยากให้นิ้งนั่งรถ”
“นิ้ง? ชื่อคนที่มึงจีบเหรอ คุ้นๆ” เจ๊ทำสีหน้าสงสัย จะว่าไป... เจ๊เพทไม่ค่อยถูกกับช่างสักคนหนึ่งที่เคยเป็นเด็กช่างเก่า เมื่อก่อนเคยเป็นหัวหน้าของเด็กช่างอีกกลุ่มที่เป็นศัตรูกันเพราะเรื่องหวงถิ่น หัวรุนแรงพอกันทั้งคู่ ช่วงนั้นตีกันวุ่นวายน่าดู “เหมือนชื่อน้องไอ้เวรคะนอง”
นั่นไง
“โลกคงไม่กลมขนาดนั้นมั้ย” ผมทำสีหน้าเบื่อโลก
ให้พูดตรงๆ เลยคือเรื่องมันก็จบนานแล้ว ตอนแรกคิดว่าเจ๊เพทแกจะปลงได้ แต่นี่อะไรวะ วันๆ เวลาผมแวะมาหาก็เอาแต่พูดเรื่องจะแก้แค้นมันอยู่ได้ ตอนนี้เฮียแกก็ไปทำงานแล้ว ทำงานเป็นช่างสักซะด้วย ส่วนเจ๊แกก็ทำอู่อยู่กับไอ้พัส ในเมื่อวางมือกันทั้งคู่ก็ควรให้เรื่องมันจบดีๆ
“แต่นิ้งคนนั้นกูเอ็นดู”
“เจ๊เลิกพูดเหอะ”
“ฟังกูพูดให้จบ” เจ๊ถลึงตาใส่ผมแล้วพูดต่อ เหมือนไม่สนใจเลยว่ะว่าหน้าผมตอนนี้บ่งบอกว่าผมขี้เกียจนั่งฟังแค่ไหน “น้องเป็นเด็กกำพร้า ไม่ใช่ลูกจริงๆ ของบ้านมัน แต่ไอ้คะนองทั้งรักทั้งหวง หมั่นไส้ก็จริง แต่เป็นกูกูก็หวง”
“อ่า...” ผมครางสั้นๆ แล้วกระดกกระป๋องเบียร์ลงคออีก แล้วอยู่ดีๆ ในหัวมันก็... “แล้วถ้านิ้งคนนั้นกับนิ้งของกูเป็นคนเดียวกันจริง เจ๊ว่าจะจีบลำบากปะวะ”
ใช่ อยู่ดีๆ ผมก็ดันบ้าจี้คิดแบบนั้นขึ้นมา กลัวว่าโลกแม่งจะเกิดกลมขึ้นมาจริงๆ
“มั้ง กูไม่รู้ แต่มึงก็รู้ว่าไอ้ห่าคะนองมันหวงพี่หวงน้องมันจะตาย” เจ๊แกทำสีหน้าขยะแขยงไปด้วยตอนพูด คงไม่ชอบเท่าไหร่ที่จะต้องมานั่งชมศัตรูของตัวเอง “มันอาจจะจับมึงสักตีนก็ได้”
“เออ ถ้าเป็นนิ้งของกูนะ จะสักตรงไหนก็เอามาเหอะ”
จากการที่รู้จักไอ้เฮียคะนองมานาน
ถ้าโลกมันจะกลมจริงๆ ผมก็จะขอสู้ให้ได้นิ้งจนถึงที่สุดเลยว่ะ เพราะผมโคตรชอบเธอเลย
[พาร์ท : ฉลามดุ]
“เป็นไงบ้าง”
“เป็นไงที่ว่าหมายถึงอะไรเหรอ” ฉันทำไม่รู้ไม่ชี้เมื่อทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในห้องส้มหวานก็หันมาถามด้วยสีหน้าตื่นเต้น ถึงจะพอรู้ว่าเธออยากจะถามอะไร แต่ฉันก็ไม่อยากบอกนี่นาว่าเมื่อกี้ลงไปหาเขามา แถมโดนเขาแกล้งด้วย ยังเขินๆ อยู่เลย
“พี่หลามไง” ส้มเรียกชื่อเขาขึ้นมาตรงๆ พลางฉีกยิ้มกว้างอย่างล้อเลียน “นึกว่าจะขึ้นมาด้วยกันซะอีก”
“บ้าเหรอ นิ้งเป็นผู้หญิงนะส้ม” ฉันหน้าแดงแล้วเดินไปตีแขนส้มที่นอนเล่นโน๊ตบุ้คแชทกับใครสักคนเบาๆ อย่างขัดเขิน ใครจะกล้าพาเขาขึ้นห้องกันล่ะ เขาเป็นผู้ชายนะ น่าเกลียดแย่เลย “ส้มนี่พูดอะไรก็ไม่รู้”
“แต่เมื่อกี้ก็แอบลงไปคุยกันใช่มั้ยล่ะ” ส้มหวานหัวเราะคิกคัก แล้วเลื่อนโน๊ตบุ้คให้ฉันอ่านข้อความที่แชทกัน “ก็เมื่อกี้เพื่อนส้มอยู่ข้างล่าง มันบอกว่าเห็นนิ้งกับพี่หลามยืนสวีทกันข้างล่างตั้งนาน แถมพี่หลามยังถลึงตามองพวกมันด้วย”
“...!”
“พี่หลามนี่โคตรขี้หวงเลยว่ามะ” ฉันหน้าแดงสุดๆ ก็ตอนที่เห็นข้อความที่ดูล้อเลียนสุดๆ ของเพื่อนเธอ แถมยังมีรูปภาพส่งมาด้วย มันเป็นรูปตอนที่ฉันนั่งตักของฉลามดุบนรถมอเตอร์ไซค์ ตอนที่นั่งฉันไม่รู้หรอกว่ามันดูเป็นไง แต่ตอนนี้รู้แล้ว ฮือ “มันบอกว่าตอนแรกจ้องนิ้งมากไปหน่อยเพราะคุ้นๆ หน้าว่าเป็นเพื่อนส้ม แต่ก็โดนสายตาพี่หลามทำเอาไม่กล้ามองต่อเลย”
“... เขาก็มองแบบนั้นกับทุกคนนั่นแหละ”
“นิ้งจ๋า พี่หลามเขาชัดเจนกับเธอขนาดนี้แล้วนะ มีแต่นิ้งนั่นแหละที่เอาแต่กลัวพี่เขาอยู่ได้” ฉันชะงักไปแล้วทำหน้ามุ่ยเมื่อมันเป็นเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ ก็ฉันยังไม่เคยมีแฟนนี่นา ฉันไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้เลย แล้วก็คุยกับเขาแค่ไม่กี่วันเองด้วย “ถ้ายังไม่พร้อมก็เปิดใจลองคุยๆ กันไปก่อนก็ได้นี่”
“แต่นิ้ง” ฉันก้มหน้างุด ไม่ค่อยอยากจะยอมรับนักหรอกค่ะ ว่าฉันน่ะอ่อนประสบการณ์เรื่องความรักสุดๆ เลย “นิ้งไม่เคยมีคนคุยอ่ะ”
“ก็พี่หลามนี่ไง” ฉันแทบจะเอาหมอนมาตีแก้มส้มเลย ย้อนเป็นฉลามดุตลอดเลยนะ “ลองคุยดู ส้มว่าพี่หลามเหมาะกับนิ้ง เขาดูพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อนิ้งเลยนะ”
“ก็ไหนส้มบอกว่าแรกๆ ที่มาจีบผู้ชายก็ทำแบบนี้กันทุกคนนี่” ฉันเถียงอีก
“ก็ใช่นะ แต่ส้มแค่รู้สึกว่าพี่หลามดูทุ่มเทไม่เหมือนคนอื่น” ส้มหวานผู้เชี่ยวชาญเรื่องรักๆ พูดอย่างงั้นพร้อมกับทำสีหน้ามั่นใจ ถึงจะไม่มั่นใจแต่ก็เริ่มเอนเอียงนิดๆ เพราะส้มเองก็ค่อนข้างเป็นที่ปรึกษาในกลุ่มเรื่องความรัก “งั้นเอางี้ ถ้านิ้งอยากมั่นใจจริงๆ พรุ่งนี้ก็ลองอ้อนอะไรจากพี่หลามดูสิ”
“อ้อนเหรอ?” ฉันทวน ก่อนที่ต่อมาจะก้มหน้างุด “... ไม่เอาอ่ะ”
“ก็ต้องลองดูนา จะได้รู้ไปเลยว่าเขาพร้อมจะทำทุกอย่างตามที่นิ้งขอรึเปล่า” ฉันคิดตามคำพูดของเธอ แล้วก็พึมพำออกมา
“พรุ่งนี้เขาก็บอกว่าจะเอารถเพื่อนมารับนิ้งกับส้มไปส่งที่มหาลัยด้วยนะ...”
“รถ! มารับด้วย” ส้มหวานทำสายตาแวววาว ก่อนที่ต่อมาจะเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “งั้นส้มจะแกล้งหลับ จากนั้นนิ้งก็อ้อนขออะไรจากเขาก็ได้เลยนะ”
“เอ่อ... มันไม่ดีเลยนะส้ม”
“ดีจะตาย โอเค เอาแผนนี้แหละ!” คนตัวเล็กไม่ยอมฟังความเห็นของฉันเลยสักนิด เธอปิดโน๊ตบุ้คแล้วล้มตัวลงนอนพร้อมกับห่มผ้าอย่างรวดเร็ว ส่วนฉันก็เคลื่อนตัวเข้าไปในผ้าห่มตามเธอ แล้วร่างบางก็กระซิบกระซาบ “ขออะไรหนักๆ หน่อยนะ ให้พี่แกไปไม่เป็นเลย”
“ก็ได้จ้ะ” ฉันเองก็ปฏิเสธส้มหวานไม่เคยได้เลย แล้วก็ไม่ได้อยากปฏิเสธด้วย จะว่ายังไงดีนะ... ว่าลึกๆ แล้วฉันเองก็สนใจเขา แล้วก็นึกอยากแกล้งอีกฝ่ายดูบ้างเหมือนกัน
นี่ฉันกลายเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ
เช้าวันต่อมา
ฉันรีบตื่นมาอาบน้ำแล้วนั่งรอที่ห้องรับแขกด้านล่างตั้งแต่แปดโมงตรง
แต่ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรเลยนะ ก็แค่อยากรีบไปเรียนเร็วๆ เท่านั้นเอง
“พี่หลามมายังอ่ะ” ส้มเองก็พอๆ กัน เธอบอกว่าตื่นเต้น อยากเห็นคนท่าทางเถื่อนๆ โดนคนซื่อๆ อย่างฉันแกล้งบ้างเพราะไม่เคยเห็น จากนั้นก็ดึงฉันให้ลุกขึ้นแล้วดันให้ฉันไปอาบน้ำก่อน ผลก็เลยปรากฎว่าเราลงมานั่งรอฉลามดุตั้งแต่แปดโมงตรง
“นิ้งไม่เห็นเลย”
“โทรหาพี่หลามเร็วนิ้ง” ฉันอ้าปากค้าง มองส้มที่ส่งโทรศัพท์ที่ฉันฝากไว้กับเธอเมื่อเช้าให้แล้วก็จนใจต้องกดหาเบอร์เขาที่จำได้ เพราะเบอร์โทรศัพท์เขาเป็นเบอร์ติดกัน มันจำง่ายดีค่ะ แล้วโทรออกด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยเต็มใจนัก
ฉันได้ยินเสียงรอสายอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่โทรศัพท์จะถูกรับอย่างรวดเร็ว แต่พอฉันอ้าปากจะพูด ก็ได้ยินเสียงเหมือนโทรศัพท์ตกพื้นคล้ายๆ กับว่าปลายสายเผลอไปปัดมันตก ก่อนที่เสียงของฉลามดุจะดังขึ้นมา
[... ไงนิ้ง] เสียงของเขาดูงัวเงียมากเลย เหมือนเพิ่งตื่น ฉันก็เลยอึกอักที่จะตอบเขากลับไป
“ยะ... ยังไม่ตื่นเหรอ”
[อ่า... ตื่นแล้ว ตื่นแล้ว] เขาพูดซ้ำกันสองครั้ง เสียงแหบมากเลย ให้ตายสิ อยู่ดีๆ ฉันก็รู้สึกเขินขึ้นมา เพราะแอบคิดว่าเสียงของเขาตอนเพิ่งตื่นมันน่ารักดี [มีอะไรเหรอ โทรมาแต่เช้า]
“แทนตัวเองว่านิ้งสิ” ฉันได้ยินส้มหวานป้องปากกระซิบ แล้วก็กลืนน้ำลายเอื้อกก่อนที่จะทำตามที่เธอบอก
“นิ้ง... นิ้งรอนานแล้ว”
เขาเงียบไปทันทีที่ฉันพูดจบประโยคนั้น แล้วฉันก็หน้าแดงขึ้นมาเมื่อไม่ชินที่จะต้องพูดอะไรแบบนี้ [... ว่าไงนะนิ้ง]
“นิ้งรอฉลามนานแล้วนะ”
[...]
“นึกว่าจะตื่นแล้ว รีบมาหาได้มั้ยคะ”
[... ได้ดิ] เสียงของเขานิ่งมากหลังจากเงียบไปนานพอดู ฉันไม่รู้ว่าเขารู้สึกยังไงกันแน่ จนกระทั่งฉลามดุพูดขึ้นมาอีก คราวนี้เสียงของเขาดูไม่งัวเงียเหมือนเดิมแล้ว [เดี๋ยวจะรีบออกไป]
“อะ... อื้อ”
[ห้ามหนีไปไหนนะ]
“อื้อ”
[ถ้าหนีเราจะไปตามถึงหน้ามหาลัยเลย]
“อะ... อื้อ! รีบมาเลยนะ” เขาพูดอะไรของเขาเนี่ย รู้มั้ยว่าฉันไปไม่เป็นนะ ฉันจะต้องเป็นฝ่ายแกล้งเขาไม่ใช่เหรอ “ถ้าไม่รีบมานิ้งก็จะไม่รอแล้ว”
[...]
“จะไม่รอจริงๆ นะ”
[รู้แล้วครับผม! จะรีบออกไปเดี๋ยวนี้ เลิกทำเสียงแบบนั้น] ฉันแทบเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูแทบไม่ทันเมื่อทันทีที่ทำเสียงที่ (พยายาม) อ้อนๆ ใส่เขา ฉลามดุก็ตะโกนกลับมาด้วยน้ำเสียงเหมือนกำลังหงุดหงิดอะไรสักอย่าง
หรือว่าเขาจะไม่ชอบที่ฉันทำเสียงแบบนี้นะ มันดูไม่จริงใจใช่รึเปล่า
“ทะ... ทำไมอ่ะ ไม่ชอบเหรอ” เสียงของฉันแกว่งไปอย่างไม่มั่นใจ แล้วก็รู้สึกแย่นิดๆ ด้วย จนเขาตอบกลับมานั่นแหละ
[ชอบดิ]
“...”
[แล้วก็อยากให้เธอพูดแบบนี้แค่กับเราคนเดียวด้วย] ฉันหน้าร้อนขึ้นมาจนต้องเอามือมาปิดหน้าไว้ ไม่อยากให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาตรงนี้เห็นเลยว่าฉันหน้าแดงขนาดไหน [แต่ได้ยินแล้วไม่โอเคไง รู้ปะ... เรากลัวว่าเราจะไม่ทำแค่ไปส่งเธอเฉยๆ]
“หะ... หา?”
[เรากลัวจะเผลอหน้ามืด ก็แบบว่า... ฮะๆ] และพอได้ฟังเขาแบบนั้นฉันก็อ้าปากค้างออกมาทันที เลือดบนใบหน้าสูบฉีดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนสุดท้ายต้องเลือกที่จะพูดตัดบทกับเขาด้วยเสียงติดอ่าง
“วะ... วางแล้วนะ รีบมานะ”
[ได้ เจอกัน]
ติ๊ด
ฮือ
“เฮ้ย นิ้ง!” ส้มหวานร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อทันทีที่วางสายฉันก็ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาพร้อมกับเอามือมาปิดหน้าทันที ฉันทนฟังคำพูดพวกนั้นจากเขาไม่ไหวจริงๆ หน้าฉันมันร้อนจนชาไปหมดเลย
ฉันไม่ชินจริงๆ นะ ฉันไม่ชินมากๆ เลย
“พี่หลามบอกว่าไงบ้าง ทำไมอยู่ๆ ถึงทำท่าเหมือนคนหมดแรงอย่างงั้นล่ะ” ส้มถามขึ้นมาอย่างสงสัย แล้วฉันก็ได้แต่มองหน้าเธอด้วยสีหน้างอแงเหมือนจะร้องไห้
“เขา... เขาแกล้งนิ้งอีกแล้วอ่ะ”
คนนิสัยไม่ดี!
ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขาที่ทำสีหน้าเหมือนห่อเหี่ยวแปลกๆ ก่อนที่จะทำสีหน้าครุ่นคิด อืม... จะอธิบายยังไงดีนะ“ก็... หน้าโหดๆ แต่ขี้อ้อนล่ะมั้ง” ฉันพูดแล้วก็นึกถึงน้องหมาประเภทหนึ่ง แล้วอยู่ๆ ก็หลุดพูดออกไป “เหมือนร็อกไวเลอร์ที่นิสัยน่ารักๆ อ่ะ”แต่ฉันพูดแล้วฉันก็งงเองเหมือนกัน ร็อกไวเลอร์ที่นิสัยน่ารักๆ เนี่ยนะ คิดภาพไม่ออกเลย“ใครเป็นร็อกไวเลอร์?”ฉันสะดุ้งทันทีเมื่อทันทีที่พูดออกไปแบบนั้นก็ได้ยินเสียงทุ้มที่คุ้นเคยที่ดังขึ้นด้านหลังเหมือนบังเอิญเข้ามาได้ยินประโยคนั้นพอดี พอหันกลับไปก็เห็นว่าเป็นฉลาม เขากำลังเดินถือขวดอะไรสักอย่างมาหาฉันพร้อมกับถุงอะไรก็ไม่รู้เต็มไม้เต็มมือไปหมดฉันเรียกเขาด้วยท่าทางตื่นๆ “ฉะ... ฉลาม ถืออะไรมาน่ะ”“ขนม” เขาตอบสั้นๆ แล้ววางถุงขนมลงตรงหน้าฉัน “เห็นบอกว่ามีเพื่อนเลยซื้อมาให้เยอะหน่อย”“โห ดีจัง ขอบคุณนะ” ฉันคลี่ยิ้ม ฉลามพยักหน้ารับแล้วเขาก็นั่งลงข้างๆ ฉันอีกฝั่งที่ไม่มีใครนั่งอยู่ แต่หันหน้าไปทางสนามบาสแทน ฉันก็เลยเหลือบมองขวดในมือของเขา “นั่นอะไรน่ะฉลาม”“เอ็มร้อย” เขาตอบกลับมาทันทีแล้วยกมาจ่อตรงหน้าให้ฉันดู แล้วฉันก็ทำหน้ามุ่ยใส่เขา“มันไม่ดีนะ ไม่ต้องกินแล
ผมซบหน้าลงที่แผ่นหลังของเธอแล้วอ้อน อย่างน้อยก็แก้ตัวที่ทำสันดานแย่ๆ ใส่เธอวันนี้ ร่างเล็กมองหน้าผมเหมือนไม่รู้จะพูดยังไง ก่อนที่เธอจะค่อยๆ หันกลับมาเผชิญหน้ากันเหมือนไม่เต็มใจเท่าไหร่เเขนผมคล้องไว้ที่รอบเอวเธอแล้วลูบมันเบาๆตัวก็เล็ก เอวก็เล็ก แฟนใครวะเนี่ย“ตัวฉลามเหม็นเหล้าจัง” เธอเหมือนประชดผมด้วย คะนิ้งทำหน้ามุ่ยตอนที่ทายาให้ผมอีกแล้วแปะพลาสเตอร์ให้ผมอย่างเบามือ โคตรเบา ผมแทบไม่รู้สึก พอโดนต่อยผมก็สร่าง แต่ตอนนี้จะเมาเธอแทน “สะ... เสร็จแล้ว”“เสร็จแล้ว งั้นจูบต่อนะ” ผมแหย่เธอ คะนิ้งทำหน้าเหวอทันที เธอพยายามจะดึงมือผมออก แต่ผมก็ประสานมือเอาไว้ไม่ให้เธอดึงมันออกได้ง่ายๆ“กะ... กลับไปได้แล้ว”“อยากอยู่กับแฟน ไม่ได้เหรอ” ผมสวนขึ้น แล้วคะนิ้งก็เงียบไป“ดะ... ได้ แต่พรุ่งนี้ได้มั้ย” เธอต่อรอง “พรุ่งนี้นะ... ได้มั้ย?”ซึ่งพอเห็นเธออ้อนบ้างผมก็หวั่นไหว ก็เลยพยักหน้าไปอย่างว่าง่าย เออ ตามใจเธอหน่อยละกัน ค่อยรวบยอดทีหลังแล้วถ้าถึงตอนนั้นผมจะไม่ยอมให้นิ้งได้ลุกขึ้นมาห้ามอีกเลย คอยดู[จบพาร์ท : ฉลามดุ]ฉลามมารับฉันตั้งแต่เช้าตอนที่เจอหน้ากันเขาก็ดึงฉันเข้ามากอดนิดหน่อย ฉันหน้าแดงไปหมด รู้
“เฮ้ย! ไอ้หลาม หยุดนะมึง!!”ผมได้ยินเสียงของไอ้วินดังขึ้นข้างหลังตอนที่ผมผลักไอ้เด็กเวรนั่นจนล้มลงไปกองกับพื้น ผมขึ้นคร่อมมันไว้แล้วจะเหวี่ยงขวดเหล้าเปล่าใส่หัวมัน แต่ก็โดนเพื่อนผมกันออกไปก่อน ตอนนั้นในวงเด็กแว๊นพวกนั้นแตก ผมไม่เห็นว่าคะนิ้งทำหน้ายังไงเพราะถูกหิ้วปีกอยู่ แต่สติผมขาดไปแล้ว ในหัวผมมีแต่สิ่งชั่วๆ ที่พวกมันพูด“คนอะไรโคตรขาวจั้วะน่าเจี้ยะเลย นมนี่แบบ ผมอ่ะอื้มมม”“เออว่ะ น่าจับเ*ดสดสักที สวิงกิ้งกันให้หมดทั้งแก๊งเลยดีปะ”สวิงกิ้งเหรอ? อยากสวิงกิ้งกันมากนักใช่มั้ยมึง กูจัดให้เลย!!เพล้ง!!“เฮ้ย!” พวกมันตกใจเมื่อผมโยนขวดเหล้าไปจนเกือบโดนหนึ่งในพวกนั้น อย่าคิดว่าถูกกันไว้แบบนี้ผมจะทำอะไรไม่ได้ ผมได้ยินเสียงของไอ้วินไม่ชัดเพราะผมใช้ศอกกระแทกหน้ามันให้ปล่อยผมออก ตัวผมเซไปนิดหน่อย หน้ามืดเพราะฤทธิ์เหล้า แต่ก็ยังพอมีสติบ้างใครก็ห้ามผมไม่ได้ทั้งนั้นเวลาผมเลือดขึ้นหน้า“มึงเป็นเหี้ยอะไรวะ!!” ไอ้เด็กแว๊นที่ผมจะฟาดหัวมันตวาดลั่นพอลุกขึ้นมาได้ มันโยนเสื้อทิ้งอย่างกร่างๆ ผมเดือดก็เลยถอดเสื้อที่ใส่อยู่เหวี่ยงทิ้งไปบ้าง ให้มันรู้ว่าอย่ามาห้าวกับคนอย่างผมเพื่อนมันทุกคนอึ้งไปแล้วไม่กล้า
หลังจากนั้นเราก็ไปหาอะไรกินกันใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยของฉัน แต่นั่นยังไม่พอ ฉลามยังพาฉันนั่งรถไปเที่ยวเล่นที่นู่นที่นี่อีก พอขากลับเขาก็ขับรถเล่นอยู่ตั้งหลายชั่วโมง มารู้สึกตัวอีกทีก็หกโมงเย็นแล้วฉันไม่คิดว่าเวลามันจะผ่านไปเร็วขนาดนี้ จนกระทั่งเพื่อนของเขาก็โทรมาตามให้เขาไปกินเหล้าด้วยแล้ว ฉันกอดอกมองเขาทันที เเต่ฉลามก็ได้แต่ฉีกยิ้มให้ฉันเหมือนให้ฉันหายโกรธเขาเถอะ เรื่องแค่นี้เอง แล้วขับตรงไปในซอยใกล้ๆ กับมหาลัยที่ฉันเรียนอยู่มันเป็นบ้านที่มีโต๊ะม้าหินอ่อนข้างหน้า แล้วฉันก็เบิกตาโตเพราะจำได้แล้วว่าที่นี่คือที่ไหนมันคือที่แรกที่ฉลามดุขับขับพาฉันมาเพื่อที่จะขอเบอร์ฉันนี่“เราเคยพานิ้งมาที่นี่ จำได้ปะ” ร่างสูงดับเครื่องแล้วถามขึ้นมาตรงกับสิ่งที่ฉันคิดพอดี ฉันสะดุ้งทันทีเพราะมัวแต่คิดอะไรเพลินๆ อยู่ ก่อนที่จะพยักหน้าหงึกหงัก แต่เขาก็ถามเรื่องอื่นขึ้นมาซะก่อน “ลงได้มั้ยนิ้ง?”“อื้อ ลงได้” ฉันพยักหน้าอีกแล้วทำท่าจะลง แต่ก็ถูกเขาใช้มือทั้งสองข้างยกตัวของฉันขึ้นอุ้มทั้งตัวแล้ววางลงกับพื้นซะก่อน ฉันหน้าร้อนวาบขึ้นมาทันที ยังไงก็ไม่ชินจริงๆ เวลาที่เขามาจับมาอุ้มแบบนี้อ่ะ“เพื่อนเราปากหมาหน่อยนะ
“แต่... บางวันเรามีเรียนเช้ามากเลยนะ” ฉันยู่หน้าแล้วดึงมือของเขาออก ใช่แล้ว บางวันฉันมีเรียนตั้งเจ็ดโมงกว่าๆ แน่ะ ฉันเกรงใจเขาอ่ะ “ฉลามตื่นไหวเหรอ”“เอ้า ไหวดิ เช้าแค่ไหนก็โทรมาเหอะ” เขาพูดอย่างจริงจัง “ต่อให้เธอมีเรียนตอนตีสามเราก็จะตื่นมาส่งอ่ะ เข้าใจปะครับ”ฉันหลุดยิ้มออกมาเลย โห... เขาน่ารักจัง“ขอบคุณนะ” ฉันคลี่ยิ้มหวานให้เขาบ้าง ฉลามมองหน้าฉันนิ่งๆ ก่อนที่ต่อมาเขาจะดึงกระจกหมวกกันน็อคลงมาปิดหน้า แล้วเอียงหน้าลงมาหอมแก้มฉันหนักๆ ผ่านพลาสติกอุ่นๆ จากแดดยามเช้าโดยที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัว ฉันเบิกตากว้าง หน้าแดงขึ้นมาทันทีเพราะที่ตรงนี้ก็มีคนอยู่ แต่ฉลามไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น เขาแค่ลูบหัวฉัน แล้วพูดอะไรบางอย่าง“ตั้งใจเรียนนะนิ้ง จะได้รีบจบมาแต่งกับเราเร็วๆ”“...!”ขะ... เขาพูดเสียงดังด้วยอ่ะแต่ฉันก็ตั้งใจเรียนอย่างที่เขาบอกก่อนที่จะขับออกไปจริงๆ นั่นแหละจนตอนนี้สิบเอ็ดโมงกว่าๆ แล้ว ฉันเพิ่งเลิกคลาส แต่ยังไม่ทันเดินออกจากห้องเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทันทีว่ามีคนโทรเข้ามา พอยกขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นฉลามเขารีบโทรมาจังนะ กลัวฉันจะหนีกลับก่อนรึไงก็ไม่รู้“ฮัลโหลค่ะ” ฉันกดรับ แล้วเสียงลมก็แท
ฉันว่าฉันคิดดีแล้วล่ะเพราะหลังจากที่ฉันโทรไปบอกฉลามดุว่าจะเป็นแฟนกับเขา ฉลามก็ตัดสายใส่ทันทีเลย ฉันเองก็เขินจนไม่กล้าคุยต่อแล้วเหมือนกัน มันยากนะที่ต้องขอใครสักคนเป็นแฟนก่อนแบบนี้ ยิ่งกับอีกฝ่ายที่เป็นคนแบบเขาด้วยฉันไม่เคยพูด ไม่เคยคบกับใคร ก็เลยอายจนต้องซุกหน้าลงกับหมอนที่ตัวเองกอดอยู่แบบนั้นส้มหลับไปแล้ว เธอเพิ่งได้กลับมาค้างที่ห้องก็วันนี้ แต่เพราะทำกิจกรรมมาหนักก็เลยหลับไปตั้งแต่หัวค่ำ ประตูห้องปิดอยู่ ส่วนฉันก็นั่งอยู่ที่โซฟาข้างนอกห้อง ที่ฉันเงียบไปไม่ยอมคุยกับเขาก็เพราะตอนที่ไปเที่ยวกับเขาฉันมีความสุขมากจนเก็บอาการไม่อยู่แล้ว ฉันชอบฉลามดุ แล้วก็ชอบมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยฉันนั่งทำใจให้หายเขินอยู่นานมาก จนประตูห้องเหมือนถูกใครเคาะ เสียงค่อนข้างดังก็อกๆๆ!ฉันชะงักไป สงสัยนิดหน่อยว่าเป็นใคร ตอนเปิดประตูออกไปตัวก็แทบจะถลาไปด้านหลังเพราะถูกคนๆ นั้นโถมตัวเข้ามาหาทันทีฉันรู้สึกได้ถึงเหงื่อที่ท่วมตัวเขา ใจเต้นขึ้นมาทันทีพอเห็นว่าเป็นเสื้อยืดที่คุ้นเคย พอเขาผละออก ฉันก็ตกใจที่เห็นว่าเป็นฉลามเขา...“พูดจริงเหรอนิ้ง!” เขาผละออกมาแล้วคว้าไหล่ฉันมาเขย่าทันที ฉันเอ๋อไป ก็พอรู้อยู่นะว่าฉลาม