พริมาล้มตัวนอนหงายอยู่บนเตียงใหญ่ บิดขี้เกียจไปมาด้วยความเมื่อยขบเพราะนั่งเครื่องยาวติดกันหลายชั่วโมง และกว่าจะถึงวิลล่าก็ต้องนั่งรถอีกชั่วโมงกว่า ๆ
ห้องที่จีด้าจัดให้เธอพักผ่อนอยู่ชั้นสาม บ้าน ไม่สิ คฤหาสน์หลังนี้มีห้องหับเกือบยี่สิบห้อง แต่เธอไม่ทันได้เยี่ยมชมบ้านหลังใหญ่ตามคําเชิญของเพื่อนหรอก เพราะเหนื่อยและเพิ่งหงุดหงิดกับผู้ชายปากสุนัขจนเกือบจะมีเรื่องกันในรถ ถ้าหากเพื่อนเธอไม่เปิดประตูรถมาเจอเข้าเสียก่อน พออีกฝ่ายเห็นจีด้าก็รีบปล่อยคอเสื้อที่ดึงกระชากไว้ทันควันก่อนจะอุ้มลูกตัวเองแล้วหนีไปดุ่ม ๆ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ห้องที่เธออยู่ดูเก่าแก่ เตียงหลังใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้อง ผ้าม่านสีทึบ เครื่องเรือนโบราณ บรรยากาศที่เงียบสงัด ให้ความรู้สึกเหมือนคฤหาสน์ในภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องหนึ่ง ที่มีวิญญาณลึกลับคอยอาฆาต หลอกหลอนคนในบ้าน จินตนาการเริ่มฟุ้งซ่าน
อย่าให้มีอะไรโผล่มาใต้เตียงนะ พี่ขอร้อง!
ก๊อก ๆ
เสียงเคาะประตูทำให้เธอสะดุ้งสุดตัวหลุดจากจินตนาการอันล้ำเลิศ หญิงสาวรีบเดินไปเปิดประตูห้องก็เห็นว่าเป็นจีด้า
จีด้าก้าวเข้ามาในห้อง ทิ้งตัวลงนั่งปลายเตียง ก่อนจะเอ่ยถามยิ้ม ๆ
“ยูชอบห้องที่ไอเตรียมให้ไหมพีพี”
พริมาเหลียวมองรอบห้อง ก่อนจะตอบตามตรง “ชอบสิ ห้องนี้ดูกว้างมาก โดยเฉพาะเตียง ไอคิดว่าถึงจะนอนดิ้นเท่าไรก็คงไม่ตกหรอก เพียงแต่บรรยากาศ เครื่องใช้เก่า ๆ ในห้องทำให้ไอนึกถึงหนังฝรั่งสยองขวัญที่เราเคยไปดูขึ้นมา...”
“พูดจริงเหรอ คนอย่างยูเนี่ยนะจะกลัวผี ขนาดแองจี้ที่ไอยังกลัว ยูยังทำท่าจะต่อยเขาเลย...แองจี้น่ะน่ากลัวเสียยิ่งกว่าผีอีกไอจะบอกให้”
“แองจี้?” พริมาทำหน้างง “แองจี้พี่สาวยูน่ะเหรอ ไอยังไม่เจอเลยนี่ เจอแต่สามีปีศาจกับลูกชายเขาที่มารับ...”
พูดยังไม่ทันจบจีด้าก็พูดแทรกขึ้น “นั่นแหละแองจี้ แล้วก็ลูกชายเขาชื่อเซโล่”
“แองจี้!” เธออุทาน “ผู้ชายหน้ายักษ์ปากจัดเนี่ยนะชื่อแองจี้ แองจี้ที่แปลว่านางฟ้า หรือเค้าเป็นเกย์”
“โน โน” จีด้าส่ายหน้า ก่อนจะอธิบาย “แองจี้นะ ไอชอบเรียกตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วละ จริง ๆ พี่ชายเราชื่อแองเจโล่ หรือจะเรียกว่าแองเจิลก็ได้ แต่ไอชอบเรียกติดปากมาตั้งแต่เด็กเพราะเค้าเคยเป็นเพื่อนเล่น ดูแลไอมาตั้งแต่ยังเล็ก ตอนนั้นไอไม่รู้จักแยกหญิงชายหรอก ใครดีกับไอ...ดูแลเล่นด้วยไอก็เหมาว่าเป็นนางฟ้าของไอหมดนั่นแหละ”
“อืม...” เธอทำหน้าเข้าใจ ก่อนจะพึมพํากับตัวเอง “แต่ชื่อแองเจิลหรือแองจี้ไม่น่าจะเหมาะกับหน้ายักษ์ ๆ นั่นหรอก น่าจะชื่อเดวิล หรือ มอนสเตอร์มากกว่า”
“พูดถึงเรื่องแองจี้ พวกยูมีเรื่องอะไรกัน” จีด้าหรี่ตามองอย่างสงสัย
เธอเผลอกลอกตามองบนแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างเพื่อน “ไม่มีอะไรมากหรอก ก็ตอนที่ญาติยูไปรับ ไอกําลังถ่ายรูปคนในสนามบิน ทีแรกไอไม่รู้หรอกว่าเป็นคนที่ยูส่งมาเพราะนึกว่าแองจี้เป็นผู้หญิง แต่พอเจ้าหนูตัวป้อมวิ่งมาถาม ไอกําลังจะตอบ ว่าไอนี่แหละคือคนที่พวกเขามารับ ญาติหน้ายักษ์ของยูดันมาตะคอกหาว่าไอเป็นปาปารัสซี่แสร้งทำเป็นนักท่องเที่ยวแอบถ่ายรูปคนดังในสนามบิน...พูดแล้วก็ยังฉุนไม่หาย ญาติยูดังขนาดที่จะต้องกลัวปาปารัสซี่แอบถ่ายเลยเหรอ”
“ไอขอโทษแทนญาติไอด้วยนะ” จีด้าบอกเสียงเบา ก่อนอธิบายให้เพื่อนฟัง “เขาเพิ่งหย่ากับภรรยา แม่ของเจ้าเซโล่เป็นถึงนางแบบชื่อดัง ส่วนแองจี้ก็เป็นเจ้าของธุรกิจเดินเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุด ไหนจะตอนนี้ทั้งคู่ก็กําลังฟ้องร้องแย่งกันเป็นผู้ปกครองลูกชาย แองจี้คงไม่อยากให้เซโล่รู้สึกไม่ดีน่ะ ก็เลยต้องระวังไม่ให้นักข่าวหรือปาปารัสซี่เอารูปไปเขียนข่าว”
“อือ...มิน่า เป็นนักธุรกิจมีเงินมากแบบนี้นี่เอง ถึงทำเหมือนไม่เห็นหัวคนอื่นเขา” เธอบ่นกับตัวเอง “แต่ก็สงสารเจ้าเด็กตัวกลมนั่นนะ ดูท่าช่างพูดช่างคุย พ่อไปทางแม่ไปทางแบบนี้ถ้ารู้เข้าจะเสียใจขนาดไหน”
“ตอนนี้ยังไม่รู้หรอก มาอิตาลีครั้งนี้ แองจี้เลยจะฝากให้ไอช่วยดูแลเซโล่สักพักรอจนเรื่องอะไรมันลงตัว เพราะใกล้จะจัดการเสร็จแล้วละ เห็นว่าฝ่ายแองจี้ได้เปรียบคงได้ยินข่าวดีเร็ว ๆ นี้”
“มาอิตาลี? ตกลงว่าญาติยูไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอ”
“เปล่า แองจี้มาคุยงานกับพ่อไอแล้วก็จะกลับมะรืนนี้ สํานักงานใหญ่ของแองจี้อยู่อเมริกา”
เธอทำเสียงเข้าใจในลําคอ จะถามอะไรต่ออีกหน่อยก็ดูเหมือนจะสอดรู้เรื่องชาวบ้านจนเกินไป เรื่องของผู้ชายน่าโมโห ที่เธอไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรกไม่มีอะไรที่จะต้องมาใส่ใจหรอก
วันต่อมา
จีด้าทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีโดยการพาเธอนั่งเรือเฟอร์รีล่องทะเลสาบโคโม เที่ยวชมเมืองต่าง ๆ ที่อยู่ริมทะเลสาบ ในช่วงย่างเข้าฤดูหนาวนักท่องเที่ยวไม่มาก เที่ยวเรือจึงลดลง ไม่เหมือนฤดูร้อน หรือฤดูใบไม้ผลิที่มีเรือออกวันละหลายเที่ยว
ถึงแม้ตอนนี้จะไม่ใช่ฤดูใบไม้ผลิที่นักท่องเที่ยวนิยมมาล่องเรือกัน แต่เพราะความเงียบสงบและความสวยงามของทะเลสาบ เธอจึงชอบที่จะได้ถ่ายรูปและนั่งชมทิวทัศน์ในขณะที่เรือกําลังแล่น
“อากาศวันนี้กําลังดีเลยนะ ไม่ร้อนไม่หนาว” จีด้าชวนคุย เพราะเห็นเพื่อนจดจ่ออยู่กับการเก็บรูปวิวทะเลสาบไปตลอดทาง ตั้งแต่ขึ้นเรือมานี่ก็ผ่านมาเกือบครึ่งวัน พริมาก็ยังยกกล้องถ่ายรูปโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
“ใช่ อากาศดีมากเลย ทะเลสาบโคโมก็สวย ไอชอบจัง” หญิงสาวพูดพลางกดรัวชัตเตอร์ไม่หยุด
“ชอบก็อยู่นาน ๆ สิ”
“อืม...ก็น่าสนใจดี ช่วงนี้งานไอก็ไม่มีหรอก ไม่อยากรับ รู้สึกอยากเที่ยวให้มันทั่วโลก เพราะยังมีอีกหลายประเทศที่ไอไม่เคยไป เก็บรูปสวย ๆ แล้วก็เปิดแกลเลอรีเป็นของตัวเอง”
“ชีวิตแบบยูก็ดีนะ” จีด้ามองทะเลสาบแววตาเหม่อลอย “ไม่มีใครบังคับ อยากทำอะไรก็ทำ ไออยากเป็นแบบนั้นบ้างจัง”
เธอชะงัก ก่อนลดกล้องในมือลง แล้วหันไปมองเพื่อนสนิท “มีอะไรหรือเปล่าจีด้า ยูไม่สบายใจอะไรเล่าให้ไอฟังได้นะ”
จีด้าหันมายิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนตอบ “เปล่าหรอกพีพี ไอแค่เหนื่อยกับงานเลยเผลอระบายออกมา แต่ตอนนี้มีเพื่อนอย่างยูมาอยู่ด้วย ไอก็ดีขึ้นแล้วละ เดี๋ยวเรือใกล้ถึงฝั่งไอจะพายไปหาอะไรอร่อย ๆ ทานในตัวเมือง”
โครก...
เสียงท้องร้องคล้ายจะตอบรับคําชวน พริมาทำหน้ากระดากอาย ลูบหน้าท้องเบา ๆ ก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“สงสัยเจ้าพยาธิในท้องไอคงจะหิวแล้วละ ร้องประท้วงกันเสียจนเจ้าของพุงยังอาย...”
หลังจากดึงเจ้าหนูเซโล่ออกมาจากใต้โต๊ะ ก็พาไปยังห้องนั่งเล่น ก่อนหาน้ำแข็งมาประคบเย็นให้ข้อมือที่เริ่มบวมแดง มือที่ขาวจัดจนเห็นรอยบวมแดงชัดเจน พอถูกประคบเย็นได้สักพักก็เริ่มจะเป็นสีเขียวช้ำวงไม่ใหญ่มาก“เจ็บมากไหมน่ะเรา” พริมาถามเบา ๆ“อูยยยย” เจ้าหนูสูดปากด้วยความเจ็บ “เจ็บสิฮะ พี่สาวสะบัดมาเต็มแรงแบบนั้น”“ก็ใครบอกให้เราเล่นพิเรนณ์ทำไมเล่า พี่ก็นึกว่า...” ผีน่ะสิก็เลยสะบัดเสียเต็มแรงขนาดนั้น หญิงสาวบ่นต่อท้ายในใจ“นึกว่าอะไรฮะ” เจ้าหนูเงยหน้าขึ้นมองตาแป๋ว“ไม่มีอะไรหรอกน่า หยุดพูดมากแล้วอยู่นิ่ง ๆ สิ” เธอแสร้งดุกลบเกลื่อน ก่อนเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยความสงสัย “แล้วเราไปอยู่ทำไมใต้โต๊ะกัน ไม่ได้ไปร้านกับน้าเราหรือยังไง”“ไม่ฮะ...” เจ้าหนูส่ายหน้าจนหัวสั่นหัวคลอน “เซโล่ไม่อยากไป ก็เลยขอน้าจีด้าอยู่ที่บ้าน เซโล่ไม่อยากไปนั่งเฝ้าร้าน เบื่อ”“เบื่อ?” เธอมองใบหน้ากลม ๆ ที่เม้มริมฝีปาก ท่าทางอารมณ์ไม่ค่อยดี “เป็นอะไรน่ะเรา ถ้าทางเคร่งเครียด ตัวแค่นี้รู้จักเบื่อเหมือนผู้ใหญ่แล้วเหรอ”“ก็มันเบื่อจริง ๆ นี่ฮะ” เจ้าตัวเล็กทำหน้ายู่ยี่ แล้วบ่น “น้าจีด้าก็เอาแต่ทำงานให้เซโล่นั่งเล่นอยู่แต่ในร้าน เซโล่เ
จ๋อม...เสียงวัตถุที่ตกกระทบผืนน้ำ ทำให้พริมายืนตัวแข็งและอ้าปากค้างอย่างนึกไม่ถึง ส่วนคนโยนมีสีหน้าไม่ยินดียินร้ายจีด้ายกมือขึ้นตบหน้าผากเบา ๆ ก่อนจะต่อว่าญาติผู้พี่ด้วยน้ำเสียงกรุ่นโกรธ “แองจี้! พี่ทำเกินไปแล้วนะ”แองเจโล่ตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ “ก็แค่ซื้อใหม่ จะเอาตัวที่ดีที่สุดเลยก็ได้ พี่ไม่ต้องการให้ลบเพราะถ้าตุกติกทีหลังจะทำยังไง ทำลายไปเลยง่ายกว่า จีด้าถามเพื่อนตัวเองก็แล้วกันว่าต้องการเท่าไร จะเพิ่มค่าเสียเวลาสักนิดพี่ก็ไม่มีปัญหา...”“พี่นี่มัน...” จีด้าเหลือทนตั้งท่าจะต่อว่าชุดใหญ่ ทว่าเจ้าของกล้องที่ยืนช็อกตัวแข็งบัดนี้เดินเข้ามาใกล้ก่อนจะ จับข้อมือเธอบอกเป็นเชิงให้หยุดต่อเถียงกัน“ไม่เป็นไรจีด้า”“เห็นไหม เจ้าตัวเขายังบอกว่าไม่เป็นไร” ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงของผู้ชนะ ก่อนจะหันไปเอ่ยถามผู้หญิงปากจัดที่ตอนนี้ยืนหน้าซีด สีหน้าราบเรียบไร้อารมณ์ข้างญาติสาว “แล้วจะเอาค่าเสียหายเท่าไรก็รีบบอกมา...”“ฉันไม่ต้องการเงิน” เธอบอกใบหน้าที่ซีดขาวเพราะตกใจและเสียใจที่กล้องแสนรักถูกโยนไปต่อหน้าต่อตาเชิดขึ้น สองมือกําหมัดแน่นเพราะอารมณ์คุกกรุ่นที่อยู่ในอก“ไม่เอาเงิน?” เขาเลิกคิ้วอย่างสงสัย
เขาไม่ใส่ใจท่าทางฉุนเฉียวของผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นอดีตภรรยา โน้มตัวลงแล้วอุ้มลูกชายขึ้นแนบอก เซโล่มองเขาสลับกับวาเลนเซียด้วยแววตาสับสน เพราะไม่อยากมีปากเสียงกับอดีตภรรยาต่อหน้าลูกชาย แองเจโล่จึงเรียกโซอี้ เลขาคนสนิทที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ไม่ห่าง ให้มารับตัวลูกชายไปพักผ่อนรอในเรือส่วนตัว ก่อนจะหันกลับมาบอกหญิงสาวเจ้าของเรือนร่างเซ็กซี่ที่ยืนตัวสั่นเพราะความโกรธเสียงเย็น“คุณได้เที่ยวกับลูกชายอย่างที่อ้างสมใจมาทั้งวันแล้วนี่ หมดเวลาแล้วก็ไปซะ แล้วอย่ามาทำท่ากระแซะยั่วยวนอะไรผมอีก ถึงไม่อายตัวเองก็ควรจะอายพวกนักข่าวที่แอบตามมา อ้อ ไม่ใช่แอบตามสิ” เขายิ้มเยาะ “อายพวกนักข่าวที่คุณเชิญมาทำข่าวบ้าง มันน่าเกลียด...เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน คุณไม่ใช่ภรรยาของผม ก็แค่อดีตที่ผมไม่มีวันหันหลังกลับไป มีแต่จะผลักใสให้ไปไกล ๆ เพราะขยะแขยงเท่านั้น”“แอล! คุณมัน…”เขาทำท่าจะเดินหนีเสียงกรีดร้องอย่างขัดใจของนางแบบชื่อดัง แต่ก็ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่ามีคนแอบมอง สัญชาตญาณบอกให้หันไปยังทิศทางตรงกันข้าม เขาเห็นผู้หญิงสองคนยืนจ้องมองเขาอยู่ไกล ๆ ใกล้ท่าเรือที่รอรับผู้โดยสาร ดวงตาคมกล้าเห็นว่าเป็นญาติผ
เมืองโคโมนั้นเป็นเมืองที่งดงาม บ้านเรือนปลูกสร้างในสไตล์วิลล่าและบ้านพักตากอากาศของผู้มีอันจะกิน สิ่งที่ดึงดูดผู้คนให้มาเที่ยวยังสถานที่นี้ก็คือ อากาศที่บริสุทธิ์และตัวทะเลสาบที่เรียกว่าเป็นหนึ่งในทะเทสาบที่งดงามของยุโรปและใหญ่เป็นอันดับสามของอิตาลีเมื่อเรือจอดเทียบท่า เมืองที่สองสาวแวะหลังจากล่องเรือก็คือเมืองเบลลาโจ้ (Bellajo) เบลลาโจ้เป็นเมืองเล็ก ๆ อีกเมืองหนึ่งที่อยู่ติดทะเลสาบโคโม ไม่ไกลจากพรมแดนสวิตเซอร์แลนด์พริมาเก็บภาพเมืองฝั่งตรงข้ามที่ถูกขวางกั้นด้วยทะเลสาบสีสวย ริมฝั่งแม่น้ำมีหมู่บ้านเล็ก ๆ บ้านเรือนสีสันสดใสที่ปลูกสร้างเรียงรายแต่กลับดูเข้ากันและกลมกลืนกับทะเทสาบสีน้ำเงินเข้ม ป่าสีเขียวได้อย่างประหลาดทัศนียภาพที่เธอเพิ่งเคยเห็นทำให้รู้สึกตื่นตาตื่นใจ จึงไม่แปลกใจที่เพื่อนสาวอย่างจีด้าถึงมีบ้านพักตากอากาศที่โคโม ด้วยบรรยากาศดี เงียบสงบ ไหนจะความสวยงามของเทือกเขาสลับซับซ้อนที่โอบล้อมทะเลสาบเอาไว้ เมืองนี้ถือเป็นเมืองสําหรับพักผ่อน เพราะแค่เดินเล่นรอบเมือง ถ่ายรูปริมทะเลสาบก็ถือว่าเป็นการท่องเที่ยวอย่างหนึ่งเบลลาโจ้เป็นเมืองที่ต้องเดินขึ้นไปตามถนนเล็ก ๆ ที่สองฝั่งเป็นตึก
พริมาล้มตัวนอนหงายอยู่บนเตียงใหญ่ บิดขี้เกียจไปมาด้วยความเมื่อยขบเพราะนั่งเครื่องยาวติดกันหลายชั่วโมง และกว่าจะถึงวิลล่าก็ต้องนั่งรถอีกชั่วโมงกว่า ๆห้องที่จีด้าจัดให้เธอพักผ่อนอยู่ชั้นสาม บ้าน ไม่สิ คฤหาสน์หลังนี้มีห้องหับเกือบยี่สิบห้อง แต่เธอไม่ทันได้เยี่ยมชมบ้านหลังใหญ่ตามคําเชิญของเพื่อนหรอก เพราะเหนื่อยและเพิ่งหงุดหงิดกับผู้ชายปากสุนัขจนเกือบจะมีเรื่องกันในรถ ถ้าหากเพื่อนเธอไม่เปิดประตูรถมาเจอเข้าเสียก่อน พออีกฝ่ายเห็นจีด้าก็รีบปล่อยคอเสื้อที่ดึงกระชากไว้ทันควันก่อนจะอุ้มลูกตัวเองแล้วหนีไปดุ่ม ๆ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นห้องที่เธออยู่ดูเก่าแก่ เตียงหลังใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้อง ผ้าม่านสีทึบ เครื่องเรือนโบราณ บรรยากาศที่เงียบสงัด ให้ความรู้สึกเหมือนคฤหาสน์ในภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องหนึ่ง ที่มีวิญญาณลึกลับคอยอาฆาต หลอกหลอนคนในบ้าน จินตนาการเริ่มฟุ้งซ่านอย่าให้มีอะไรโผล่มาใต้เตียงนะ พี่ขอร้อง!ก๊อก ๆเสียงเคาะประตูทำให้เธอสะดุ้งสุดตัวหลุดจากจินตนาการอันล้ำเลิศ หญิงสาวรีบเดินไปเปิดประตูห้องก็เห็นว่าเป็นจีด้าจีด้าก้าวเข้ามาในห้อง ทิ้งตัว
วิลล่าส่วนตัวของเซซาโน่อยู่ติดกับริมทะเลสาบโคโม ดูภายนอกใหญ่โตอลังการ คฤหาสน์หลังงามตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ดูงดงามและหรูหรา ตัวคฤหาสน์มีพื้นที่กว้างขวาง สองข้างทางล้อมรอบไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่เรียงราย ให้บรรยากาศถึงความเป็นธรรมชาติ แม้ยังไม่ได้ลงจากรถไปสัมผัสก็รู้ว่าอากาศดี วิวทิวทัศน์เยี่ยมขนาดไหนพริมานั่งตัวลีบอยู่ในรถลีมูซีนที่กําลังเคลื่อนตัวเข้าในบริเวณวิลล่า หญิงสาวเผลออ้าปากค้างและนึกอยู่ในใจ เธอไม่นึกว่าเพื่อนจะรวยขนาดนี้ ด้วยรู้แต่เพียงว่าจีด้าเป็นลูกสาวเจ้าของร้านเครื่องประดับในอิตาลี และที่มาเรียนต่อด้านการออกแบบอัญมณีก็เพราะจะกลับมาบริหารกิจการของครอบครัว แต่เมื่อได้ฟังจากเจ้าเด็กตัวกลมช่างพูด จีด้า เซซาโน่ คือทายาทคนเดียวของ เจราล เซซาโน่ นักธุรกิจอัญมณีที่มีร้านเครื่องประดับหลายสาขาทั่วยุโรปตลอดเวลาที่คบกัน จีด้าเป็นเพื่อนที่ดีกับเธอเสมอมา เพื่อนสาวไม่เคยโอ้อวดว่ามีฐานะร่ำรวยขนาดไหน ถึงแม้นิสัยจะแตกต่างกันสุดขั้วแต่จีด้าคือเพื่อนที่พริมาคบได้นานที่สุด เพราะเธอเป็นคนที่ทำอะไรตามอารมณ์และความรู้สึกตัวเอง ไม่ค่อยจะแคร์คนรอบข้างเท่าไรจนเพื่อนสาวบอกบ่อย ๆ ว่าเป็นผู้หญิง