ริมท่าน้ำเต็มไปด้วยความโกลาหล ไฟไซเรนจากเจ้าหน้าที่หมุนเวียนเปลี่ยนสลับ แดงบ้างฟ้าบ้างย้อมบรรยากาศให้ตรึงเครียดมากขึ้นคูณสอง ยังไม่นับไทยมุงอีกเป็นร้อย ๆ ที่รายล้อมอยู่โดยรอบ ประโยชน์ไม่มีความดีไม่ปรากฎ ขอแค่ได้สอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านเป็นพอ พาดหัวที่ว่าลูกสาวคนเดียวของท่าน ผอ. กระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ก็เลยกลายเป็นประเด็นประจำวัน
.
"ต๊าย! แกดูสิน้ำไหลแรงขนาดนี้ไม่รอดแน่ ๆ ท่าน ผอ.แอนนาแกเลี้ยงลูกยังไงนะ ถึงปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น"
.
"ผู้ชายน่ะสิ! แกไม่ได้ยินข่าวลือรึไงว่าหนูชะเอมน่ะคบผู้ชายซ้ำซ้อน! ลูกฉันกลับมาเล่าให้ฟังที่บ้านว่าเคยถูกเจ้าหล่อนยั่วเอาด้วย ดีที่ตาหนูไม่เล่นด้วย อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะฉันเนี่ยะเห็นกับตาตัวเอง วันก่อนไปเดินช็อปปิ้งที่ห้างยังแอบเห็นหนูเอมนะประกบปากจูบกับผู้ชายในตู้คาราโอเกะอ่ะแก!"
.
"ว๊ายยย! อกอีแป้นจะแตก! มีแม่เป็นถึงผู้อำนวยการโรงเรียน พ่อก็เป็นถึงนายกสภาเมือง แล้วทำไมแกไม่เข้าไปห้าม ปล่อยไว้แบบนั้นไม่ได้เชียว"
.
หญิงใหญ่วัยกลางคนมุ่ยหน้าไม่สบอารมณ์ เธอเบ้ปากมองบนแสยะยิ้มใส่คู่สนทนา
.
"แหม ๆ ๆ ก็จะให้ฉันห้ามได้ไงล่ะจ๊ะ ก็ผู้ชายที่นัวเนียกับเด็กอยู่น่ะมันคือ "ผัว" เธอน่ะสิ! โคแก้เขี้ยวหญ้าอ่อนสิมิว่า! แทนที่เธอจะไปบอกคนอื่นให้สั่งสอนลูก ฉันว่าเธอเอาเวลาไปเข้าคอสวิปัสนาแผ่เมตตาให้ผัวเธอดีกว่า"
.
"อร๊ายยย! ไม่จริ๊ง! ไม่จริง! ฉันไม่เชื่อ แกเอาอะไรมาพูดฉันรักสามีฉัน เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทำเรื่องอย่างว่าไม่มีทางที่เขาจะหักหลังฉัน ไม่ ๆ ไม่จริงงง!"
.
.
จริงไม่จริงเรื่องนี้ไม่มีใครรู้ ก้านบัวบอกลึกตื้นชลธารมารยาทส่อสันดานชาติเชื้อ สองมนุษย์ป้าอาจจะมีเรื่องเขม่นกันมาแต่ชาติปางก่อน ชิงดีชิงเด่นลามปามมาจนถึงลูกผัว สบโอกาสก็เลยใช้เด็กสาว ม.ต้นเป็นเหยื่อล่อ คนตายพูดไม่ได้ใคร ๆ ก็รู้ และที่รู้คือตอนนี้พวกป้าแม่งโคตรจะขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่เลย
.
"ถอยไปครับ! ถอยไป! อย่ามุงครับ! บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องช่วยถอยไปหลังแนวเชือกด้วย กู้ภัยจะถอยรถ!"
เสียงตะโกนดังลั่นจากหัวหน้าหน่วยกู้ชีพเรียกสติให้กลับคืน บรรดาไทยมุงเริ่มถอยห่างออกไปโดยละม่อม แต่ก็มิวายส่งเสียงระเบ็งเซ็งแซ่พร้อมกับยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายทอดสดเหตุการณ์ Live สดลงในโลกโซเชียล
.
ผ่านไปไม่นานรถกระบะที่บรรทุกหลอดไฟสปอร์ตไลท์ดวงใหญ่ก็เข้าประจำจุด ด้วยความที่ตอนนี้เวลาก็ปาเข้าไปเกือบ 2 ทุ่มกว่าแล้ว บริเวณท่าน้ำจึงเป็นอะไรที่มืดมาก ตรงจุดเกิดเหตุที่มีคนพบว่าเด็กหญิงกระโดดลงไปเลยไม่ต้องพูดถึง
.
"ตรงไหน? ที่เด็กตกลงไป?"
หัวหน้าตวาดเสียงดุใส่ลูกน้อง
.
"ไม่เห็นครับ คนแจ้งแค่บอกว่ามีเด็กตกลงไป พอเรามาถึงปุ๊บเขาก็พุ่งพรวดลงน้ำไปเลย"
.
"เวรเอ๊ย! แล้วทำไมพวกแกไม่ตามลงไปวะ เป็นหน่วยกู้ภัยประจำเมืองแท้ ๆ !"
.
"อะ.. เอิ่ม.. ก็กะว่าจะทำอยู่หรอกครับแต่น้ำมันเชี่ยวมาก พวกเราเกรงว่าถ้าส่งชุดประดาน้ำลงไปก็คงจะไม่รอด ก็เลยแสตนบายด์รอหัวหน้าก่อน"
.
"อ่อนหัด! ไม่ได้เรื่อง! มาฉันจัดการเอง! ชิบหายไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้โว๊ย! ส่องไฟลงไปซิส่องแม่งมั่ว ๆ นั่นแหล่ะส่องไปทั่ว ๆ แล้วก็เอาเรือยางหลังรถลงมาด้วย ทีมประดาน้ำแบกถังออกซิเจนตามฉันลงเรือมาเลย! เร็วเข้า! นั่นน่ะลูกสาวนักการเมืองนะโว่ย!"
.
ใช้เวลาเพียงครู่เดียวด้วยทักษะสกิลที่ฝึกฝนกันมาแรมปี เจ้าหน้าที่จำนวนสี่นายก็ได้ลอยเรือยางออกไปจากฝั่ง ท่ามกลางสายตาของประชาชนที่ให้กำลังใจอย่างลุ้นระทึก พวกเขาต้องทำงานแข่งกับเวลาเพราะถ้าหากผิดพลาดขึ้นมาท่าน สส. ผู้เป็นบิดาอาจสั่งปลดฟ้าผ่าเชือดทิ้งทั้งทีมได้ แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็ตาม
.
เรือยางลอยวนในอ่างอยู่ครึ่งรอบ พวกเขาผูกเชือกเข้ากับลำตัวป้องกันกระแสน้ำพัด แล้วทันใดนั้นเอง! ระหว่างที่กำลังจะส่งมนุษย์กบคนแรกลงไป จู่ ๆ แพรยางที่นัั่งอยู่ก็เหมือนกับชนเข้ากับอะไรบางอย่างจากด้านล่าง เสียงดังปั๊ก! แรงสั่นสะเทือนขนาดมหึมาเกิดเป็นคลื่นน้ำลูกใหญ่ที่ซัดหัวเรือจนเกือบคว่ำ เสียงกรีดร้องกรี๊ดกร๊าดดังไกลมาจากชายฝั่ง พอตั้งสติได้หัวหน้าหน่วยจึงรีบสัั่งให้ลูกน้องดับเครื่องเรือก่อน
.
"เฮ่ยเมื่อกี้อะไรวะพวกเอ็ง! มีใครเห็นอะไรไหม? สระทำน้ำประปามีฉลามด้วยเหรอ?! "
.
"......"
ทุกคนนิ่งเงียบมองหน้ากันเหรอหรา
.
"ไปเอ็งอ่ะโดดลงไปดู ไหน ๆ ก็เตรียมพร้อมจะลงไปอยู่แล้วนี่ เห็นอะไรค่อยขึ้นมารายงาน!"
.
หันกลับมามองค้อนเล็กน้อย แต่แรงงานชั้นผู้น้อยรึจะปฏิเสธอะไรได้ เจ้าหน้าที่อาสาหนุ่มเสี่ยงตายกระโดดลงไปพร้อมกับถังออกซิเจนแล้วภาพที่เขาเห็นก็ไม่ใช่อื่นใด มันไม่ใช่ปลาตัวใหญ่หรือภูเขาน้ำแข็งที่ทิ่มแทงกาบเรือไททานิค หากแต่เป็นเธอ ชะเอม!
.
ร่างเปียกปอนอันไร้สติถูกอุ้มขึ้นเรือก่อนจะถูกส่งต่อมาที่ท่าน้ำ พวกเจ้าหน้าที่จับเธอนอนราบลงกับพื้นโป๊ะแล้วลงความเห็นกันว่าต้องรีบทำ CPR เป็นการด่วน เพราะตัวเธอเริ่มซีดแล้ว แต่ยังดีที่ม่านตายังคงตอบสนองอยู่ หัวหน้าหน่วยกับทีมประดาน้ำถอยล่นออกมาเปิดทางให้กับอีกทีมที่ชำนาญกว่า เสียงจ๊อกแจ๊กเซ็งแซ่ของพวกชาวเมืองเองก็มีแต่จะดังขึ้นเรื่อย ๆ แม้จะถูกกั้นไว้ด้วยเชือก แต่ถึงกระนั้นก็หาได้มี ผอ.แอนนา กับ นายกจัสติน ปะปนอยู่เช่นเดิม
.
"เฮ้อ!"
"เชื่อเลยว่ะลูกสาวคนเดียวโดนหนักขนาดนี้ พ่อแม่มัวไปมุดหัวอยู่ที่ไหน? หลังเชือกกั้นนั่นมันคือจำนวนคนกว่าค่อนเมืองเชียวนะ เป็นไปได้เหรอที่จะไม่รู้เรื่อง ฉันล่ะงงกับพวกมีหน้ามีตาในสังคมชะมัด?"
.
หัวหน้าคนเก่งรำพึงรำพันกับตัวเอง ระหว่างปาดสายตาไปยังกลุ่มไทยมุง พลางหันกลับมาเอาใจช่วยให้เด็กหญิงมีชีวิตรอดแต่ในเสี้ยวอึดใจต่อมานั้นเอง ดวงเนตรของแกก็ต้องขึงถมึงทึง! ใบหูผึ่ง! แว่วยินเสียงคนฮือฮายิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ทันทีที่ เจฟเฟอร์ บัตเจนแลนด์ ปรากฏกายขึ้นจากผิวน้ำ!
.
.
เนื้อตัวเปียกซกเดินโทง ๆ ไม่รู้สึกรู้สาราวกับคนไม่สนใจโลก ทั้งที่แท้จริงแล้วเขาคือฮีโร่ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด ถ้าไม่ด้วยพละกำลังอันมหาศาลของเขาชะเอมคงตายไปแล้ว แต่ก็นะ! ถ้าไม่มีเรือยางของทีมกู้ชีพมาขวางเอาไว้ ไม่แน่บางทีป่านนี้ชะเอมอาจจะพุ่งทะลุผิวน้ำขึ้นไปบนฟ้า แล้วตกลงมาเป็นฝนดาวตกไปแล้วก็ได้
.
"คุณเป็นใคร? คุณใช่ไหมที่เป็นคนโทรแจ้งเหตุ?"
หัวหน้าถาม ระหว่างที่ร่างแกร่งป่ายปีนขึ้นมาบนโป๊ะ
.
เจฟเฟอร์ปัดอุ้งมืออันหวังดีของหัวหน้าทิ้ง เขายังคงนิ่งท่าทางหยิ่งยโสดังกล่าวสร้างความมึนงงจากคนทั่วทั้งบริเวณ
.
"เฮ้คุณ! นี่ผมกำลังถามคุณอยู่นะ คุณเป็นใครมาจากไหนผมไม่รู้! ผมไม่สนหรอกว่าคุณช่วยเด็กได้ยังไง! แต่อย่างน้อยก็ทิ้งที่อยู่เบอร์โทรไว้สักนิดเผื่อญาติเขาติดต่อมา อีกอย่างถ้าเด็กนั่นลืมตาตื่นขึ้นจะได้รู้ว่าใครเป็นคนช่วยชีวิตเขาเอาไว้"
.
"ไร้สาระ.. ไม่จำเป็น"
.
นับเป็นคำพูดที่เยือกเย็นซะยิ่งกว่ากระแสน้ำเชี่ยวที่อยู่เบื้องล่าง จบประโยคเจฟเฟอร์ บัตเจนแลนด์ก็เดินอาด ๆ ฝ่ากลุ่มคนนักช่วยชีวิตออกไปยังผิวถนน เขาทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ความตึงเครียด ความตกใจ แม้กระทั่งความเป็นความตายของหนึ่งชีิวิตตรงหน้า ไม่ละคายเคืองแม้แต่รูขุมขน แต่แล้วความถวิลหาก็ตรงเข้าเล่นงาน วินาทีที่เจ้าตัวเดินไปถึงพาหนะส่วนตัวที่จอดไว้ริมฟุตบาท เขาก็ได้ตัดสินใจหันมามองชะเอมเป็นครั้งสุดท้าย เพราะต่อจากนี้ไปคงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว
.
"โชคดีนะอีหนู ลืมเขาให้ได้แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ ชีวิตเรามีค่ามากกว่า.. า.. า..!"
"......!"
"เฮ๊ย! อะไรวะ! นี่ยังไม่หายเงี่ยนอีกเหรอ!"
.
กรรมตามสนอง! ถึงคราวที่บุรุษปริศนาต้องตกตะลึงบ้าง จากระยะทางไกลมากกว่า 300 เมตร ด้วยเรติน่าเลนส์ที่ถูกดัดแปลงเข้ากับเทคโลยีสมาร์ทเทเลบิทขององค์กรลับ Parallel ทำให้ดวงตาของเจฟเฟอร์ปรับระยะโฟกัสได้มากกว่าคนปกติ ตาดำเขาคลี่ออกเป็นใบพัดแล้วสิ่งที่เขาเห็นก็คือ..
.
ฝ่ามือของเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยชีวิต ที่ขยำบี้หน้าอกเด็กสาวซะบวมเป่ง พวกเขาสลับกันสาวลิ้นดูดปากเธอจ๊วบจ๊าบจนเกิดอารมณ์ทางเพศ มิหนำซ้ำสาวเจ้าก็ยังเล่่นด้วย เธอเชยคางขึ้นออดอ้อนครือครางในลำคอพรั่นพรึงถึงแต่พี่แฟรงค์ ตวัดมือโอบไหล่ดึงตัวผู้ชายเข้าหาเหมือนเตรียมจะให้ท่าอีกสักครั้ง..
"หยุดตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้วางกำลังล้อมที่นี่ไว้หมดแล้ว!".เห็นจะจริงถ้าหากว่านี่เป็นหนังไทยสมัย "จารุณี" แสดงเป็นพจมาน ตรงกันข้ามเมื่อประโยคแสนเชยดังกล่าวคงจะใช้กับสถานการณ์จริงที่เป็นอยู่ ณ ขณะนี้ไม่ได้ ตำรวจห่าเหวอะไรล่ะ มองไปทางไหนก็มีแต่ซอมบี้เชียงกงล้อมหน้าล้อมหลังอยู่เต็มไปหมด เจฟเฟอร์กับกลุ่มคนใช้่มีดคงสุดจะต้านทานแล้ว สังเกตได้จากการถอยร่นเอาหลังพิงกันทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน มิหนำซ้ำกางเกงผ้ายืดเจ้ากรรมก็ดันมาพันควยพันหำจนเกือบจะล้มคะมำเสียหลัก."โอ๊ย! เอ๊ย! อุ๊ย! เดี๋ยวก่อนเซ้! อย่าเพิ่งกูยังไม่พร้อม อย่าเพิ่งบุกเข้ามาตอนนี้ไอ้พวกหุ่นสารเลว!"สายลับหนุ่มขึ้นเสียงพลางกระโดดเหยง ๆ เซถลาออกจากตำแหน่ง สีข้างเขาครูดเข้ากับเศษตัวถังยานที่ลักพาตัวองค์หญิงนาตาชามา โดยสันนิษฐานคร่าว ๆ ได้ว่า ยานลำนี้น่าจะโดนยิงร่วงก่อนหน้า Gravitybike ของเขาเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น เพราะไอร้อนจากเครื่องยนต์ยังคงอุ่น ๆ อยู่ ทำให้เจฟเฟอร์เกิดปิ้งไอเดียบางอย่างขึ้นมา ก่อนจะหลุบสายตาลงมามองลำควยกับลำขาทีี่พันกันอิรุงตุงนังของตนเอง แล้วก็บ่นขมุบขมิบ."ชิ! ไอ้ควยระยำนี่ก็ช่างแข็งถึกแข็งทนเหลือเ
สอดท่อนแขนอันกำยำเข้าโอบเอว ตวัดดึงเอาร่างอันผอมเพรียวเข้ามาแนบไว้ในวงแขน พลันกระโดดม้วนตัวเอาส่วนหนารับกงเล็บของเครื่องจักรสังหาร!."เอือกกก!"เจฟเฟอร์ร้องอุทานลั่น เขากัดฟันเม้มมุมปากในเสี้ยววินาทีต่อมาเมื่อพบว่าองค์หญิงนาตาชากำลังจ้องมองอยู่ หน้าตาเธอบิดเบี้ยวขยะแขยง หัวคิ้วลู่เข้าหากันก่อนจะกลั้นใจซุกหน้าคมสวยที่คล้ายกับเทรเลอร์สวิฟ ลงมาซบเข้าที่ซอกคอของเจฟเฟอร์."ไม่ต้องกลัวนะครับผมมาช่วย ผมเป็นสุภาพบุรุษ ผมเกิดมาเพื่อคุณ""เอื้อกกก! อื้อหือ! อื้อออ! อ๊าาา!".แม่งแสบหลังก็แสบแต่แสบหูมากกว่าที่ต้องมาฟังอะไรแบบนี้ ระหว่างที่เจฟเฟอร์ได้ใช้ความพยายามในการปกป้ององค์หญิงอย่างเต็มความสามารถ พวกจักรกลซอมบี้ก็ทำอะไรองค์หญิงไม่ได้เลย มันทำได้เพียงตะปบกรงเล็บใส่หลังเขาแบบโหมกระหน่ำ และช่่วงเวลาที่เกร็งตัวป้องกันอยู่นั้น จู่ ๆ ริมฝีปากของนาตาชาก็ได้เผยอขึ้นเครือครางขมุบขมิบ เข้าใจว่าเธอคงจะกลัวมาก ยิ่งเป็นตอนที่เธอเผลอซีดปากและพ่นลมหายใจออกมา ยิ่งทำให้อารมณ์กำหนัดของเจฟเฟอร์พลุ่งพล่านมากยิ่งขึ้น."กอดผมเอาไว้ครับ ผมจะไม่ให้องค์หญิงเป็นอะไรผมสัญญา"."อือ.. อืม.. แต่คุณคะ! ขืนเป็นแบบนี้".
ลมโชยโบยแก้มเจฟเฟอร์บึ่ง Gravitybike ทะยานฟ้าจนหนังหน้าชาไปเป็นแถบ ริมฝีปากเผยอตีนผมโบกพัดวือกระพือเสียทรง ให้ตายสิเขาทำอย่างกับว่าตัวเองเป็นบอร์ดี้การ์ดของเธอยังไงยังงั้น ทั้งที่ความจริงแล้วดวงหน้าขององค์หญิงนาตาชาแบบใกล้ ๆ เขายังไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง เจฟเฟอร์รู้แต่เพียงว่าเธอคือภารกิจ ขืนปล่อยให้รัชทายาทแห่งอลาลัสองค์นี้เป็นอะไรไป ข้อมูลการประชุมที่บอสอยากได้ก็คงจะล้มเหลว.มองไปตรง ๆ เห็นแต่ความสยดสยองบนท้องฟ้า ก้มลงด้านล่างก็เห็นแต่ตึกรามบ้านช่องที่เล็กเท่ากับจิ๋มมดในเมืองยอร์คชิน กระทั่งลองมองที่หน้าปัดยานความซวยจึงบังเกิด."เชี้ยแล้ว! ไอ้สัดเอ๊ย! นี่จะขับพ้นขอบชายแดนแล้วเหรอวะเนี่ยะตั้งแต่เมื่อไหร่กัน""ตาย ๆ ๆ แคทเธอรีนไม่ได้เตรียมอาวุธใส่ Gravitybike มาซะด้วย ไหนจะพิกัดขององค์หญิงที่หายไปจากหน้าจออีก เมื่อกี้ยังดี ๆ อยู่เลยงานงอกแล้วไงกู!".โปรดอย่าสงสัยว่าทำไมเจฟเฟอร์ถึงออกอาการลนลานแปลก ๆ เพราะแม้ว่าในตัวเขานั้นจะเต็มไปด้วยอุปกรณ์ทำลายล้างมากมาย แต่ก็ยังเทียบไม่ได้อยู่ดีกับไอ้พวกที่อยู่ด้านล่าง เราพูดมาตลอดว่ายอร์คชินคือเมืองที่เปรียบเสมือนฐานที่มั่นสุดท้ายของโลก หลังเกิดส
แสงสว่างสองหย่อมเปล่งประกายออกมาตรงบริเวณแก้มก้น ภายใต้ชุดหนังรัดรูปอันเป็นเอกลักษณ์ของทีมงาน Parallel เจฟเฟอร์รับรู้ได้ถึงพลังงานความร้อนที่กำลังโรมรันผิวตูดของเขา มันอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ จนค่อนไปทางร้อน กระทั่งเจ้าตัวย่อขาลงแล้วเอื้อมมือทั้งสองข้างลงไปตะปบไว้นั่นแหละมันถึงได้หยุด! ก่อนจะได้ออกมาเป็นแผ่นกระดานบางใส 2 แผ่นที่เรียกว่า "Jumper board".ขนาดกับรูปร่างเหมือนกับจานร่อนพลาสติกที่คนรักหมาใช้ปาให้เจ้าตูบกระโดดงับ ต่างกันนิดตรงที่ "Jumper board" นั้นอยู่ในรูปของคลื่นพลังงานมากกว่า มันเรืองแสงตลอดเวลา บางเบาแต่แข็งแกร่ง มิหนำซ้ำบริเวณด้านล่างยังมองเห็นประกายไฟสปาร์คเป็นเส้น ๆ ราวกับสายฟ้าจากค้อนโยเนียร์ของธอร์เทพเจ้า."เอาล่ะพอถือไว้ในมือแล้วจากนั้นก็.. , ฮึบ!"."พลั๊ว! , พลั๊ว! , พลั๊ว!""ฟิ้ววววว~!".ประหนึ่งเคยได้เสียกับจาพนมมาก่อน เจฟเฟอร์ตีลังกาใส่เกลียวพลันปาเจ้าแผ่น jumper board ออกไปกลางอากาศ! ม้วนตัวทีก็ปาไปอันนึง หกคะเมนหกรอบก็ปาออกไปหกแผ่น มันแทบจะวาร์ปขึ้นมาบนก้นได้เองในทุก ๆ ครั้งที่เขาไพล่มือไปสัมผัสโดนเข้า แผ่นบอร์ดพุ่งแหวกอากากาศฟึบฟับ ๆ ๆ ! คล้ายกับดาวกระจาย ก่อ
รังสีอำมหิตแผ่ซ่านสยายไกลมาถึงคนนอก เบอร์แบโต้กับเจฟเฟอร์ที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ รับรู้ได้เลยว่าปิเก้กำลังแบกรับความกดดันอยู่มากแค่ไหน พวกเขาเหงื่อแตกซิก หายใจติด ๆ ขัด ๆ ไม่อยากจะคิดว่านี่จะเป็นเรื่องจริง เพราะความจริงแล้วถ้าเขาไม่มัวเถลไถลหาแขนข้างใหม่อยู่ เหตุการณ์สุดสยองทำนองนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นกับปิเก้เป็นแน่."เชี้ยเอ๊ย! ถ้ากูใส่เกียร์หมาเร่งกระเด้าเย็ดผู้หญิงให้แตกเร็วกว่านี้นะมึงเอ๊ย ไอ้ปิเก้มึงคงไม่ตายกูพูดจริง ๆ กูขอโทษเพื่อน"ส่ายหน้าไปมาปลดปลง จนเจฟเฟอร์ลืมไปเลยว่าทุกอย่างที่ฉายอยู่นั้นพุ่งออกมาจากตาของเขา."เฮ๊ย! พี่เจฟ! ใจเย็นก่อนพี่! เส้นโฮโลแกรมมันแตกกระจายหมดแล้ว ผมเวียนหัวดูไม่ออกเลยว่าอะไรเป็นอะไร แล้วพี่ก็อย่าโทษตัวเองไปเลย ความเสียใจของพี่ผมสิต้องเป็นคนแบกรับเอาไว้ ผมน่ะรับงานโดยตรงมาจากบอสเลยนะ"เบอร์แบโต้พยายามพูดปลอบใจ แล้วทันใดนั้นเองภาพเหตุการณ์จากเครื่องฉายในม่านตาก็กลับมาชัดเจนขึ้นอีกครั้ง เส้นลำแสงวูบไหวไปจังหวะหนึ่ง ตัดกลับมาหนนี้เจฟเฟอร์สังเกตเห็นเลยว่า ขณะนั่งคุกเข่าอยู่และกำลังจะถูกบ่วงเชือกไนล่อนกระชากคอขึ้นไป ปลายนิ้วชี้ของปิเก้ได้หักมุมลงมาแล้ว เขาเตร
"พี่ปิเก้กำลังบอกใบ้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นจากบนนั้นใช่ไหมครับ? พี่เขาต้องการให้เราขึ้นไปสืบข้างบนใช่ไหมพี่เจฟ?"เบอร์แบโต้ตวาดเสียงดุดัน ท่าทางเขาดูจริงจังจนออกนอกหน้า ซึ่งเป็นอะไรที่ตรงข้ามกับสีหน้าสีตาของสายลับรุ่นพี่เป็นที่สุด."โอ่ย! โอ่ย! โอ่ย! ๆ ไอ้โต้เอ๊ย! ไอ้โต้! นี่ตอนเด็ก ๆ แม่มึงบดแกลบให้แดกกับกาบมะพร้าวเหรอ สมองมึงถึงอุ้มน้ำได้ถึงเพียงนี้! มันใช่ซะที่ไหนล่ะเจ้าทึ่ม! ตอนนั้นปิเก้มันนอนแหงนหน้าอยู่ใช่ไหม?"."ใช่ครับ.. พี่เขาหนุนตักผมอยู่?"."ถ้างั้นก็ไม่ผิดหรอก! เพราะที่มันชี้น่ะไม่ใช่รูแหว่งโบ๋บนหลังคา หากแต่เป็นของที่ขวางอยู่เบื้องหน้าอย่างหน้าผากแกต่างหากล่ะเจ้างั่ง!".ได้ยินเช่นนั้นมือหนาหยาบกร้านของเบอร์แบโต้ ก็รีบตะปบวนไปวนมาบนหน้าผากตัวเองทันที แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นมีอะไรผิดสังเกต."หน้าผากผมมันมีอะไรเหรอครับพี่เจฟ ผมไม่เห็นจะเข้าใจในสิ่งที่พี่พูดเลย?"."เฮ้อ..! คืออย่างงี้สิ่งที่ฉันจะบอกก็คือ ธรรมชาติของหน่วยภาคสนามอย่างเราน่ะ มันต้องพร้อมที่จะตายตลอดเวลาอยู่แล้ว ก็เลยมีความจำเป็นที่จะต้องบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ เอาไว้อย่างลับ ๆ ผ่านทางชิบที่ฝังไว้ในส