ริมท่าน้ำเต็มไปด้วยความโกลาหล ไฟไซเรนจากเจ้าหน้าที่หมุนเวียนเปลี่ยนสลับ แดงบ้างฟ้าบ้างย้อมบรรยากาศให้ตรึงเครียดมากขึ้นคูณสอง ยังไม่นับไทยมุงอีกเป็นร้อย ๆ ที่รายล้อมอยู่โดยรอบ ประโยชน์ไม่มีความดีไม่ปรากฎ ขอแค่ได้สอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านเป็นพอ พาดหัวที่ว่าลูกสาวคนเดียวของท่าน ผอ. กระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ก็เลยกลายเป็นประเด็นประจำวัน
.
"ต๊าย! แกดูสิน้ำไหลแรงขนาดนี้ไม่รอดแน่ ๆ ท่าน ผอ.แอนนาแกเลี้ยงลูกยังไงนะ ถึงปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น"
.
"ผู้ชายน่ะสิ! แกไม่ได้ยินข่าวลือรึไงว่าหนูชะเอมน่ะคบผู้ชายซ้ำซ้อน! ลูกฉันกลับมาเล่าให้ฟังที่บ้านว่าเคยถูกเจ้าหล่อนยั่วเอาด้วย ดีที่ตาหนูไม่เล่นด้วย อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะฉันเนี่ยะเห็นกับตาตัวเอง วันก่อนไปเดินช็อปปิ้งที่ห้างยังแอบเห็นหนูเอมนะประกบปากจูบกับผู้ชายในตู้คาราโอเกะอ่ะแก!"
.
"ว๊ายยย! อกอีแป้นจะแตก! มีแม่เป็นถึงผู้อำนวยการโรงเรียน พ่อก็เป็นถึงนายกสภาเมือง แล้วทำไมแกไม่เข้าไปห้าม ปล่อยไว้แบบนั้นไม่ได้เชียว"
.
หญิงใหญ่วัยกลางคนมุ่ยหน้าไม่สบอารมณ์ เธอเบ้ปากมองบนแสยะยิ้มใส่คู่สนทนา
.
"แหม ๆ ๆ ก็จะให้ฉันห้ามได้ไงล่ะจ๊ะ ก็ผู้ชายที่นัวเนียกับเด็กอยู่น่ะมันคือ "ผัว" เธอน่ะสิ! โคแก้เขี้ยวหญ้าอ่อนสิมิว่า! แทนที่เธอจะไปบอกคนอื่นให้สั่งสอนลูก ฉันว่าเธอเอาเวลาไปเข้าคอสวิปัสนาแผ่เมตตาให้ผัวเธอดีกว่า"
.
"อร๊ายยย! ไม่จริ๊ง! ไม่จริง! ฉันไม่เชื่อ แกเอาอะไรมาพูดฉันรักสามีฉัน เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทำเรื่องอย่างว่าไม่มีทางที่เขาจะหักหลังฉัน ไม่ ๆ ไม่จริงงง!"
.
.
จริงไม่จริงเรื่องนี้ไม่มีใครรู้ ก้านบัวบอกลึกตื้นชลธารมารยาทส่อสันดานชาติเชื้อ สองมนุษย์ป้าอาจจะมีเรื่องเขม่นกันมาแต่ชาติปางก่อน ชิงดีชิงเด่นลามปามมาจนถึงลูกผัว สบโอกาสก็เลยใช้เด็กสาว ม.ต้นเป็นเหยื่อล่อ คนตายพูดไม่ได้ใคร ๆ ก็รู้ และที่รู้คือตอนนี้พวกป้าแม่งโคตรจะขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่เลย
.
"ถอยไปครับ! ถอยไป! อย่ามุงครับ! บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องช่วยถอยไปหลังแนวเชือกด้วย กู้ภัยจะถอยรถ!"
เสียงตะโกนดังลั่นจากหัวหน้าหน่วยกู้ชีพเรียกสติให้กลับคืน บรรดาไทยมุงเริ่มถอยห่างออกไปโดยละม่อม แต่ก็มิวายส่งเสียงระเบ็งเซ็งแซ่พร้อมกับยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายทอดสดเหตุการณ์ Live สดลงในโลกโซเชียล
.
ผ่านไปไม่นานรถกระบะที่บรรทุกหลอดไฟสปอร์ตไลท์ดวงใหญ่ก็เข้าประจำจุด ด้วยความที่ตอนนี้เวลาก็ปาเข้าไปเกือบ 2 ทุ่มกว่าแล้ว บริเวณท่าน้ำจึงเป็นอะไรที่มืดมาก ตรงจุดเกิดเหตุที่มีคนพบว่าเด็กหญิงกระโดดลงไปเลยไม่ต้องพูดถึง
.
"ตรงไหน? ที่เด็กตกลงไป?"
หัวหน้าตวาดเสียงดุใส่ลูกน้อง
.
"ไม่เห็นครับ คนแจ้งแค่บอกว่ามีเด็กตกลงไป พอเรามาถึงปุ๊บเขาก็พุ่งพรวดลงน้ำไปเลย"
.
"เวรเอ๊ย! แล้วทำไมพวกแกไม่ตามลงไปวะ เป็นหน่วยกู้ภัยประจำเมืองแท้ ๆ !"
.
"อะ.. เอิ่ม.. ก็กะว่าจะทำอยู่หรอกครับแต่น้ำมันเชี่ยวมาก พวกเราเกรงว่าถ้าส่งชุดประดาน้ำลงไปก็คงจะไม่รอด ก็เลยแสตนบายด์รอหัวหน้าก่อน"
.
"อ่อนหัด! ไม่ได้เรื่อง! มาฉันจัดการเอง! ชิบหายไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้โว๊ย! ส่องไฟลงไปซิส่องแม่งมั่ว ๆ นั่นแหล่ะส่องไปทั่ว ๆ แล้วก็เอาเรือยางหลังรถลงมาด้วย ทีมประดาน้ำแบกถังออกซิเจนตามฉันลงเรือมาเลย! เร็วเข้า! นั่นน่ะลูกสาวนักการเมืองนะโว่ย!"
.
ใช้เวลาเพียงครู่เดียวด้วยทักษะสกิลที่ฝึกฝนกันมาแรมปี เจ้าหน้าที่จำนวนสี่นายก็ได้ลอยเรือยางออกไปจากฝั่ง ท่ามกลางสายตาของประชาชนที่ให้กำลังใจอย่างลุ้นระทึก พวกเขาต้องทำงานแข่งกับเวลาเพราะถ้าหากผิดพลาดขึ้นมาท่าน สส. ผู้เป็นบิดาอาจสั่งปลดฟ้าผ่าเชือดทิ้งทั้งทีมได้ แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็ตาม
.
เรือยางลอยวนในอ่างอยู่ครึ่งรอบ พวกเขาผูกเชือกเข้ากับลำตัวป้องกันกระแสน้ำพัด แล้วทันใดนั้นเอง! ระหว่างที่กำลังจะส่งมนุษย์กบคนแรกลงไป จู่ ๆ แพรยางที่นัั่งอยู่ก็เหมือนกับชนเข้ากับอะไรบางอย่างจากด้านล่าง เสียงดังปั๊ก! แรงสั่นสะเทือนขนาดมหึมาเกิดเป็นคลื่นน้ำลูกใหญ่ที่ซัดหัวเรือจนเกือบคว่ำ เสียงกรีดร้องกรี๊ดกร๊าดดังไกลมาจากชายฝั่ง พอตั้งสติได้หัวหน้าหน่วยจึงรีบสัั่งให้ลูกน้องดับเครื่องเรือก่อน
.
"เฮ่ยเมื่อกี้อะไรวะพวกเอ็ง! มีใครเห็นอะไรไหม? สระทำน้ำประปามีฉลามด้วยเหรอ?! "
.
"......"
ทุกคนนิ่งเงียบมองหน้ากันเหรอหรา
.
"ไปเอ็งอ่ะโดดลงไปดู ไหน ๆ ก็เตรียมพร้อมจะลงไปอยู่แล้วนี่ เห็นอะไรค่อยขึ้นมารายงาน!"
.
หันกลับมามองค้อนเล็กน้อย แต่แรงงานชั้นผู้น้อยรึจะปฏิเสธอะไรได้ เจ้าหน้าที่อาสาหนุ่มเสี่ยงตายกระโดดลงไปพร้อมกับถังออกซิเจนแล้วภาพที่เขาเห็นก็ไม่ใช่อื่นใด มันไม่ใช่ปลาตัวใหญ่หรือภูเขาน้ำแข็งที่ทิ่มแทงกาบเรือไททานิค หากแต่เป็นเธอ ชะเอม!
.
ร่างเปียกปอนอันไร้สติถูกอุ้มขึ้นเรือก่อนจะถูกส่งต่อมาที่ท่าน้ำ พวกเจ้าหน้าที่จับเธอนอนราบลงกับพื้นโป๊ะแล้วลงความเห็นกันว่าต้องรีบทำ CPR เป็นการด่วน เพราะตัวเธอเริ่มซีดแล้ว แต่ยังดีที่ม่านตายังคงตอบสนองอยู่ หัวหน้าหน่วยกับทีมประดาน้ำถอยล่นออกมาเปิดทางให้กับอีกทีมที่ชำนาญกว่า เสียงจ๊อกแจ๊กเซ็งแซ่ของพวกชาวเมืองเองก็มีแต่จะดังขึ้นเรื่อย ๆ แม้จะถูกกั้นไว้ด้วยเชือก แต่ถึงกระนั้นก็หาได้มี ผอ.แอนนา กับ นายกจัสติน ปะปนอยู่เช่นเดิม
.
"เฮ้อ!"
"เชื่อเลยว่ะลูกสาวคนเดียวโดนหนักขนาดนี้ พ่อแม่มัวไปมุดหัวอยู่ที่ไหน? หลังเชือกกั้นนั่นมันคือจำนวนคนกว่าค่อนเมืองเชียวนะ เป็นไปได้เหรอที่จะไม่รู้เรื่อง ฉันล่ะงงกับพวกมีหน้ามีตาในสังคมชะมัด?"
.
หัวหน้าคนเก่งรำพึงรำพันกับตัวเอง ระหว่างปาดสายตาไปยังกลุ่มไทยมุง พลางหันกลับมาเอาใจช่วยให้เด็กหญิงมีชีวิตรอดแต่ในเสี้ยวอึดใจต่อมานั้นเอง ดวงเนตรของแกก็ต้องขึงถมึงทึง! ใบหูผึ่ง! แว่วยินเสียงคนฮือฮายิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ทันทีที่ เจฟเฟอร์ บัตเจนแลนด์ ปรากฏกายขึ้นจากผิวน้ำ!
.
.
เนื้อตัวเปียกซกเดินโทง ๆ ไม่รู้สึกรู้สาราวกับคนไม่สนใจโลก ทั้งที่แท้จริงแล้วเขาคือฮีโร่ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด ถ้าไม่ด้วยพละกำลังอันมหาศาลของเขาชะเอมคงตายไปแล้ว แต่ก็นะ! ถ้าไม่มีเรือยางของทีมกู้ชีพมาขวางเอาไว้ ไม่แน่บางทีป่านนี้ชะเอมอาจจะพุ่งทะลุผิวน้ำขึ้นไปบนฟ้า แล้วตกลงมาเป็นฝนดาวตกไปแล้วก็ได้
.
"คุณเป็นใคร? คุณใช่ไหมที่เป็นคนโทรแจ้งเหตุ?"
หัวหน้าถาม ระหว่างที่ร่างแกร่งป่ายปีนขึ้นมาบนโป๊ะ
.
เจฟเฟอร์ปัดอุ้งมืออันหวังดีของหัวหน้าทิ้ง เขายังคงนิ่งท่าทางหยิ่งยโสดังกล่าวสร้างความมึนงงจากคนทั่วทั้งบริเวณ
.
"เฮ้คุณ! นี่ผมกำลังถามคุณอยู่นะ คุณเป็นใครมาจากไหนผมไม่รู้! ผมไม่สนหรอกว่าคุณช่วยเด็กได้ยังไง! แต่อย่างน้อยก็ทิ้งที่อยู่เบอร์โทรไว้สักนิดเผื่อญาติเขาติดต่อมา อีกอย่างถ้าเด็กนั่นลืมตาตื่นขึ้นจะได้รู้ว่าใครเป็นคนช่วยชีวิตเขาเอาไว้"
.
"ไร้สาระ.. ไม่จำเป็น"
.
นับเป็นคำพูดที่เยือกเย็นซะยิ่งกว่ากระแสน้ำเชี่ยวที่อยู่เบื้องล่าง จบประโยคเจฟเฟอร์ บัตเจนแลนด์ก็เดินอาด ๆ ฝ่ากลุ่มคนนักช่วยชีวิตออกไปยังผิวถนน เขาทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ความตึงเครียด ความตกใจ แม้กระทั่งความเป็นความตายของหนึ่งชีิวิตตรงหน้า ไม่ละคายเคืองแม้แต่รูขุมขน แต่แล้วความถวิลหาก็ตรงเข้าเล่นงาน วินาทีที่เจ้าตัวเดินไปถึงพาหนะส่วนตัวที่จอดไว้ริมฟุตบาท เขาก็ได้ตัดสินใจหันมามองชะเอมเป็นครั้งสุดท้าย เพราะต่อจากนี้ไปคงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว
.
"โชคดีนะอีหนู ลืมเขาให้ได้แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ ชีวิตเรามีค่ามากกว่า.. า.. า..!"
"......!"
"เฮ๊ย! อะไรวะ! นี่ยังไม่หายเงี่ยนอีกเหรอ!"
.
กรรมตามสนอง! ถึงคราวที่บุรุษปริศนาต้องตกตะลึงบ้าง จากระยะทางไกลมากกว่า 300 เมตร ด้วยเรติน่าเลนส์ที่ถูกดัดแปลงเข้ากับเทคโลยีสมาร์ทเทเลบิทขององค์กรลับ Parallel ทำให้ดวงตาของเจฟเฟอร์ปรับระยะโฟกัสได้มากกว่าคนปกติ ตาดำเขาคลี่ออกเป็นใบพัดแล้วสิ่งที่เขาเห็นก็คือ..
.
ฝ่ามือของเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยชีวิต ที่ขยำบี้หน้าอกเด็กสาวซะบวมเป่ง พวกเขาสลับกันสาวลิ้นดูดปากเธอจ๊วบจ๊าบจนเกิดอารมณ์ทางเพศ มิหนำซ้ำสาวเจ้าก็ยังเล่่นด้วย เธอเชยคางขึ้นออดอ้อนครือครางในลำคอพรั่นพรึงถึงแต่พี่แฟรงค์ ตวัดมือโอบไหล่ดึงตัวผู้ชายเข้าหาเหมือนเตรียมจะให้ท่าอีกสักครั้ง..
กระจัดกระจายจริง ๆ สมกับชื่อบท เพราะนอกจากจะบินเข้ามาโฉบเอาร่างของเจฟเฟอร์เอาไว้ไม่ให้หล่นลงไปตายแล้ว บนฟากฟ้ายังมีพวกมันอีกเป็นโขยง! ท้องฟ้าที่เคยสดใสแดดจัด ๆ บัดนี้กลับเต็มไปด้วยฝูงแมลงวันเป็นล้าน ๆ ตัว."อะไรกัน! พวกแกอีกแล้วหรอ!"."หึ่ง ๆ ๆ ๆ หึ่ง ๆ ๆ ๆ "."ฮู้ววว! ไม่รู้ยังไงเหมื่อนกันแต่ก็ขอบใจนะที่อุตส่าห์มาช่วย พาฉันลงไปข้างล่างที".กลุ่มก้อนแมลงวันดำขลับเป็นขยุยกระจายตัวไปเกาะตามแขนขาแล้วก็เสื้อผ้า ก่อจจะค่อย ๆ ลดระดับความสูงลงเรื่อย ๆ ตามที่ได้รับคำสั่ง พร้อมกันนั้นไฟสีเขียวในหูฟังก็เริ่มกระพริบปิ๊บ ๆ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่หางตาของเจฟเฟอร์ดันชำเลืองไปเจอเข้า เขาก็เลยมีความคิดที่จะดึงมันออกมาเช็ดดู จะได้รู้ว่าเป็นเพราะเจ้านี่รึเปล่าที่เรียกพวกแมลงวันมา แต่ทว่ายังไม่ทันจะทำอะไรเลย! จู่ ๆ หมู่ภมรอีกกลุ่มซึ่งอยู่อีกด้านของฟากฟ้าก็ชิงตัดหน้าเขาซะงั้น! พวกมันบินโฉบลงมาเป็นก้อนสีดำขนาดเท่าลูกบาส พุ่งมาที่ใบหูแล้วก็ดึงเอาหูฟังออกให้.ซึ่งพอวัตถุเล็กจิ๋วนั่นถูกส่งถึงฝ่ามือเท่านั้นแหละ ความฉิบหายก็บังเกิดทันที! คุณพระคุณเจ้าเอ๊ย! หล่นกระแทกพื้นสิครับจะเหลือเหรอ."ฟึบบบ! ,
ไหลพรืด ๆ อย่างกับบันไดเลื่อน ร่างอันอิดโรยของเจฟเฟอร์ไม่อาจต่อต้านเพราะดันเสร่อฝังตัวเองไว้ในทราย เป็นกรรมหรือความโง่ก็ไม่รู้แต่ที่รู้คือเจฟเฟอร์แม่งไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ชัวร์ ๆ ตัวเขาลอยปลิวไปพร้อมกับทราย โดยมีพิกัดเป้าหมายอยู่ที่อุ้งตีนของเจ้าแซนดี้."อั๊ก! โอ๊ก! อั๊ก! แค็ก ๆ ใครจะไปรู้ว่ะว่ามันทำแบบนี้ได้ด้วย.. อั๊กกก! อึกกก!"."อุตส่าห์คิดว่าหลบพ้นแล้วแท้ ๆ ที่ไหนได้ดันโดนดึงเข้าไปหา อ๊วกกก! อั๊กกก! ตายห่าแน่กู!".หลับตาปี๋พลางรอจังหวะสูดลมหายใจเข้าเป็นระยะ ร่างหนาของเจ้าหน้าที่หนุ่มดำผุดดำว่ายจอมจมอยู่ในกระแสธารแห่งชะตากรรม เขาคาดเดาไม่ได้ว่าแต่นี้ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น เพราะลำพังแค่ประคองตัวไม่ให้สำลักทรายตายไปซะก่อนก็บุญแค่ไหนแล้ว.บางทีสาเหตุของเรื่องอาจเป็นเพราะเจ้าตัวนั้นชะล่าใจเกินไป ก่อนหน้านี้ตอนที่เจฟเฟอร์เพิ่งจะกลบทรายฝังตัวเองใหม่ ๆ เขาก็เอะใจอยู่แล้วเชียวว่าเจ้ายักษ์แซนดี้มันมีท่าทีแปลก ๆ เขาคิดเข้าข้างตัวเองมาตลอดว่ามันคงจะหาเขาไม่เจอ ก็เลยถอดใจก้มหน้าก้มตาเงินงกพลางเอาแขนจุ่มลงไปในพื้นทรายคล้ายกับว่าจะยอมแพ้แต่ที่ไหนได้เจฟเฟอร์ดันคิดผิด! เพราะชั่วพริบตาหลังจา
"ไม่ทันแล้วหมอ มันฟาดลงมาแล้ว อร๊ากกกกก!!!".เจฟเฟอร์ร้องลั่นเขายกมือขึ้นค้ำแม้จะรู้ดีว่าเป็นดั่งไม้ซีกงัดไม้ซุง แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเพราะท่วงท่าแต๋วแตกดังกล่าวนั่นเองที่ทำให้เจ้าตัวยังคงมีชีวิตรอด เมื่อหมอยูมิโกะที่อยู่อีกฟากหนึ่งของปลายสายได้ใช้ปฏิิภาณไหวพริบตะโกนสวนออกไปว่า."Drain!!!"มันดังซะจนเจฟเฟอร์คิดว่าแก้วหูตัวเองคงแตก มันดังจนลอดผ่านหูฟังออกมาแล้วก็ไปรันเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์ภายในของเจ้าหน้าที่ภาคสนาม.เพียงเสี้ยวอึดใจวินาทีที่ฝ่ามือทรายใหญ่เบิ้มกำลังจะบดขยี้ร่างอยู่รอมร่อ ฝ่ามือของเจฟเฟอร์ก็จมบุ๋มลงไปเป็นหลุม แล้วพลังลมดูดอันเชี่ยวกราดก็เริ่มทำงาน มันดูดเอาเม็ดทรายมากมายเข้ามาเก็บไว้ในตัว กระบวนการทุกอย่างเหมือนกับตอนที่เจฟเฟอร์ทำกับก้อนความคิดผู้คนเป๊ะ ๆ ฝ่ามือเขาดูดด๊วบ ๆ สูบเอาทรายเป็นตัน ๆ เข้ามา ส่งผลให้อวัยวะของเจ้าปีศาจยักษ์เริ่มจะมีสภาพเว้าแหว่งเจียนอยู่เจียนไป ซึ่งไม่ใช่เฉพาะแค่มือแต่รวมไปถึงขาด้วย การ Drain อันยอดเยื่ยมทำให้ขาของมันเสียการทรงตัว พลันล้มตรึงลงหงายท้องหงายไส้."ตรึมมมมมมมม!".แต่ทว่ากับแขนขวาของเจฟเฟอร์นี่สิ ที่ลักษณะดูไม่ดีเอาซะเลย เจ้า
ร่างหนาค่อย ๆ กระเถิบตัวเองถอยห่างออกมาจากส้นตีนทรายเล็กน้อย พลางดึงหูฟังไร้สาย (ข้างเดียว) ที่หมอยูมิโกะให้มาตั้งแต่ตอนแรกออกมาเช็คดู เขาทั้งตบทั้งตีแล้วก็เคาะมันสลับกับการพูดขอความช่วยเหลือแบบกระซิบกระซาบ."ฮัลโหล! หมอ! ได้ยินผมไหมหมอ! ช่วยผมด้วย..".เงียบสนิทไม่มีสัญญาณตอบรับใด ๆ กลับมา มิหนำซ้ำการสั่นสะเทือนของคลื่นเสียงดังกล่าว ยังไปเรียกเอาบาทาของเจ้ายักษ์บิ๊กเบิ้มเอาเข้าให้."เหี้ยเอ๊ย! มันยกขาเตรียมจะกระทืบกูอีกดอกแล้ว! ย๊ากกกก!"."ฮึบ!!!".คราวนี้ไม่รอดลำตัวของเจฟเฟอร์โดนฝ่าเท้าทรายใหญ่ยักษ์อัดเข้าเต็มลำ ตัวเขากลิ้งหลุน ๆ คอพับไถลลากไปกับพื้นทราย กระอักเลือดแค๊ก ๆ เท่านั้นยังไม่พอเจ้าปีศาจทรายไจแอนท์ยังอุตส่าห์ตามมาเก็บงานของตน ด้วยการวิ่งปรี่เข้ามาใส่ง้างกำปั้นมาแต่ไกล หวังจะเผด็จศึกเขาด้วยหมัดขวาตรงไม่หลงติดยา!."ตรึมมม!!!".ชายหนุ่มวาร์ปตัวหลบหมัดดังกล่าวได้ราวกับปาฏิหาริย์ เขาโคตรจะงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ถึงยังไงความสำคัญของการติดต่อหมอยูมิโกะให้ได้ ก็มีค่ามากกว่า จึงรีบวิ่งตื๋อหนีออกมาตั้งหลักให้ไกลขึ้นกว่าเก่า ในขณะที่อสูรกายจัมโบ้กำลังโงนเงนตั้งตัวเตรียมจะโจมตี
พื้นทรายรอบตัวทั้ง 360 องศาพุ่งทะยานขึ้นเป็นแท่งเสา มันโผล่พรวดเป็นลำ ๆ ขนาดสูงใหญ่ตระการตามากกว่าตึก 8 ชั้น เจฟเฟอร์ยืนขาแข็งทื่อแหงนมองมันจนคอเป็นเอ็น เขาตกตะลึงจนก้าวขาไม่ออก ไม่มีทางหนีไม่มีที่ซ่อน ทุกทิศทุกทางถูกล้อมไว้ด้วยแท่งทรายหลายสิบต้น การผุดขึ้นดังกล่าวทำให้เม็ดทรายบางส่วนกระเด็นหลุดออกมา ซึ่งกว่าจะหล่นลงสู่พื้นได้ก็ใช้เวลามากกว่า 10 วิบ่งบอกถึงความอลังการใหญ่ยักษ์ ด้วยสเกลที่เทียบได้กับภูเขากับเห็บหมา จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ชายพิการแขนขาดอย่างเจฟเฟอร์จะต่อกรกับมันได้."แสกนข้อมูลวิเคราะห์องค์ประกอบ"ชายหนุ่มสั่งการซุ่มเสียงสั่นเครือ.ทันใดนั้นภาพที่เห็นในมุมมองบุคคลที่หนึ่งก็ปรากฏเป็นเคอร์เซอร์กระพริบแป๊บ ๆ วิ่งไล่แสกนแท่งทรายต้นหนึ่งตั้งแต่บนยันล่าง ตัวเลขข้อมูลวิ่งยึกยืออยู่ริมจอรอการประมวลผล."เราอาจจะแค่กลัวไปเอง บางทีในแท่งทรายนั่นอาจจะมีตัวอะไรซ่อนอยู่ ตัวที่ใช้ทรายในการข่มขู่ศัตรูคล้ายกับหางของงูหางกระดิ่ง..".ชุดข้อมูลยังคงวิ่งต่อไป ในขณะที่ขาทั้งสองข้างก็สั่นรัวพอ ๆ กัน เขากำลังจะจมลงไปเรื่อย ๆ ด้วยผลพวงจากเม็ดทรายข้างบนที่หล่นลงมาทับถม."ติ๊ด! ๆ , ติ๊ด! ๆ
ตัดภาพกลับมายังชั้น 4 ด้านหลังผนังเมือกเจลกันอีกที หลังจากที่ได้สร้างความวินาศสันตะโรให้แก่ชั้นล่างมาอย่างต่อเนื่อง บัดนี้เจฟเฟอร์ บัตเจนแลนด์ของเราก็เหมือนจะโดนเอาคืนบ้างซะแล้ว เพราะจู่ ๆ เจ้าโบกี้รถไฟอันเป็นยานพาหนะเพียงอย่างเดียวก็ชักจะเริ่มพยศ มันดันทะลึ่งทำความเร็วขึ้นเองโดยที่เขาไม่ได้สั่งหรือทำอะไร ความเร็วดังกล่าวมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเกือบทำให้ล้อกระเด็นตกจากราง ทั้ง ๆ ที่บริเวณนี้เป็นแค่ผืนทรายราบ ๆ ไม่ได้มีความสูงชันเหมือนตอนที่ปล่อยรถลงมาสักหน่อย"เฮ่ย! เฮ่ย! เร็วไปแล้ว! ชักไม่สนุกแล้วนะเพื่อน เหวอ ๆ ๆ ".เจ้าหน้าที่แขนพิการแหกปากร้องลั่นแข่งกับเสียงล้อเหล็ก ที่กระเด้งกระดอนครูดกับรางอย่างผิดวิสัย ครั้นพอลองชะโงกหน้าออกไปดูก็เห็นแต่ประกายไฟเป็นเส้น ๆ แฉลบออกมาจากใต้ท้องเสียงดังอี๊ดดดดด! น่าเสียวไส้!."หมอ! แม่งไม่โอเคแล้วหมอ! โบกี้มันจะคว่ำก่อนไปถึงแล้วหมอ! ว๊ากกกก! อ๊ากกกก!!!".โบกี้เหล็กยังคงบดล้อเข้ากับราง มันวิ่งส่ายยึกยือไปมาฉวัดเฉวียนคล้ายกำลังจะเสียศูนย์ การเหวี่ยงแต่ละครั้งก็แทบจะทำให้ตัวถังพลิกคว่ำอยู่รอมร่อ บางจังหวะก็ถึงกับยกล้อลอยพ้นพื้นเอียงกระเท่เร่ชวนให้ลุ้นร