"โคตรแม่มเอ๊ย! กระหรี่เกินไปแล้ว! นี่แสดงว่าน้ำประปาไม่ได้ช่วยล้างความโสโครกออกไปจากสมองเลยใช่ไหมอีหนู!"
เจฟเฟอร์พลั้งปากพูดไปโดยไม่ยั้งคิด เขาทั้งหงุดหงิดและรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น
.
"แล้วฉันจะลงทุนเปียกเป็นลูกหมาไปเพื่ออะไร บัดซบเอ๊ย! อีหรอบนี้กลับไปถึงออฟฟิศ Parallel มีหวังโดนล้อแน่ อุตส่าห์คิดว่าจะปิดจ๊อบได้โดยไม่ต้องใช้สิ่งนี้แล้วแท้ ๆ"
หันซ้ายแลขวาเช็คความแน่ใจว่าไม่มีใครเห็น ว่าแล้วบุรุษลึกลับนามเจฟเฟอร์ก็ได้เอื้อมมือมาแตะที่หัวเข็มขัดทรงกลมที่มีสัญลักษณ์เป็นเส้นขนานสองเส้น รูปร่างมันคล้ายกับเครื่องหมายเท่ากับ ซึ่งก็เหมาะกันดีกับการใช้เป็นโลโก้ขององค์กร Parallel ที่เจ้าตัวสังกัดอยู่
.
ออกแรงกดเพียงเล็กน้อยปุ่มบนหัวเข็มขัดก็จมบุ๋มลงไป สลับกับการดีดพุ่งออกมาของสสารเหลวใสซึ่งไม่ใช่เซลล์อสุจิ ลักษณะมันเหมือนกับม่านเจลล์บาง ๆ ขนาดเท่าผืนเสื่อลอยคว้างอยู่กลางอากาศ และก่อนที่มันจะร่วงลงสู่พื้นตามแรงโน้มถ่วงโลก เจฟเฟอร์ก็ได้รีบกระโจนเข้าใส่มันทั้ง ๆ อย่างงั้น!
.
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่านี่ช่างเป็นวิทยาการอันล้ำสมัย เพราะเพียงแค่เสี้ยวอึดใจม่านเจลล์ดังกล่าวก็ได้ห่อหุ้มร่างของเจ้าตัวเอาไว้ทั้งหมด มันแทรกซึมไปตามพื้นผิว ซอกซอนชอนไชไปจนถึงจุดซ่อนเร้น ก่อนจะบีบรัดรวบตรึง! ส่งเสียงดังเปรี๊ยะ! แล้วก็ได้ออกมาเป็นเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ทั้งโก้และเท่ห์ แถมยังแห้งสนิทพร้อมปฏิบัติหน้าที่ต่อในทันที
.
"เวรเอ๊ย ๆ จะกี่ครั้งกี่ทีก็ไม่ชินสิน่า.. ผมพูดจริง ๆ นะบอสผมว่าให้ผมวิ่งแก้ผ้าเข้าไปเปลี่ยนในตู้โทรศัพท์แบบซุปเปอร์แมนยังจะดีซะกว่า เสร็จจากนังเด็กนี่เมื่อไหร่เราคงต้องคุยเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง แม่งอย่างกับแฟชั่นชาวจีน "ไฝ่ ต๋ง คิด" ไหมล่ะกู"
.
หลังจากจัดแจงกับปัญหาในร่มผ้าของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาที่เจฟเฟอร์จะนำพาผู้อ่านกลับเข้าเรื่องเข้าราวสักที นัยน์ตาเขายังคงหมุนแกร๊ก ๆ ด้วยแกนใบพัด สมองประมูลผลกะระยะเตรียมใช้อาวุธหนักเพื่อยุติเรื่องบัดสีบัดเถลิงนี้ให้เร็วที่สุด เขายกมือข้างขวาที่ถนัดขึ้น พลางใช้นิ้วชี้เล็งไปที่หญิงสาวที่กำลังแบะขาให้ท่าผู้ชายอยู่
.
"โหมดจู่โจม! ล็อคออน!"
.
สิ้นเสียงคำสั่งด้วยมุมมองแบบ First Person ภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้าก็ถูกย้อมให้เป็นสีแดงฉานราวกับคนตกเลือด ข้อมูลตัวเลขององศาการยิงต่าง ๆ วิ่งยึกยือยั้วเยี้ยอยู่ริมขอบตา ศูนย์เล็งดิจิตอลรูปกากบาทกระพริบแปร๊บ ๆ เคลื่อนเข้าหาเด็กสาวชะเอมผู้เป็นเป้าหมาย
.
"หวังว่าคงไม่เจอเธอที่ซ่องนะนังหนู.. ลาก่อน"
.
"ยิง!!!"
.
ปลายนิ้วชี้ที่ล็อคเป้าไว้พับหักลงในทันใด เผยให้เห็นชิ้นส่วนจักรกลภายในที่กำลังชาร์จประจุ
.
"หวีดดด ๆ ๆ ๆ !!!"
ตามติดมาด้วยเสียงเล็กแหลมแสบแก้วหู แสงออร่าเปล่งเฉิดฉายที่ปลายน้ิว ไม่ถึงสามวิทุกอย่างก็จบสิ้น!
.
"จิ้ววว~!"
.
.
"โอ๊ยยย!"
หนังหัวแทบเปิด ปอยผมสะบัดกระชากคอแทบเคร็ด กระสุนพลังงานแสงพุ่งตรงเข้าขมับของชะเอมแบบไม่พลาดเป้า แต่เธอไม่ตาย! เพราะว่านั่นหาใช่จุดประสงค์ของเจฟเฟอร์ไม่
.
"เฮ้น้อง! น้อง! น้องเป็นอะไรไปเนี่ยะ! ทำไมจู่ ๆ ถึงตัวกระตุกแล้วสลบไปอีกล่ะ เมื่อกี้พวกพี่ปั้มหัวใจจนได้สติแล้วนี่นา?"
บรรดาเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมองตากันปริบ ๆ ทำเป็นหาสาเหตุทั้งที่ความจริงอยากดูดปากเธอต่อ ไม่อยากให้ขาดช่วงซะมากกว่า
.
ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะส่ิงที่เจฟเฟอร์ยิงออกมา คือกลุ่มพลังงานล่องหนที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น มันถูกผลิตขึ้นจากสารประกอบไอออนลิกไนต์ ที่สังเคราะห์ขึ้นในห้องแล็บของ Parallel พอสันดาปเข้ากับคาร์บอนไดออกไซต์ในชั้นบรรยากาศ ก็เลยเกิดเป็นมวลพลังงานขนาดใหญ่ขึ้น ทันทีที่ยิงไปสัมผัสกับร่างกายมนุษย์ปฎิกิริยาเคมีก็จะทำงาน พลังงานดังกล่าวจะเข้าไปแทนที่กลุ่มก้อนความคิดในสมองเหยื่อ อนุมูลอิสระใต้จิตสำนึกจะถูกดันออกมา และจับตัวกันเป็นก้อนปรากฎตัวลอยตุ๊บป่องออกมาให้เห็น ผ่านทางม่านเรติน่าตาชนิดพิเศษที่เจฟเฟอร์กำลังใช้อยู่
.
"โอ้แม้เจ้าโว๊ย! ก้อนความคิดเป็นสีม่วงช้ำเลือดช้ำหนองเชียว! คิดไว้ไม่มีผิดว่านังเด็กนี่มันน่ารักแค่หน้าตา กลุ่มความคิดกับก้อนความทรงจำแม่งสำส่อนโคตร ๆ ถ้าใช้กล้องในแล็บส่องดูคงมีแต่ลีลาท่าเย็ดสินะ เชี้ยเอ๊ย! สงสารพ่อแม่ว่ะ!"
.
"เห็นทีถ้าไม่ใช่เราคงไม่มีใครช่วยเธอได้อีกแล้ว สังคมเละเทะแน่ถ้าปล่อยให้อนาคตของชาติมีค่านิยมเทือกนี้อยู่ในก้านสมอง"
.
"แบบนี้มันต้องใช้มือซ้าย! , ฮึบ!"
.
ชั่วขณะจิตที่ก้อนความคิดของชะเอมลอยตุ๊บป่อง ๆ อยู่นั่นเอง จากระยะทางไกลมากกว่า 300 เมตร เจฟเฟอร์ตัดสินใจกระโดดม้วนหน้าทำลังกาเกรียวหนึ่งรอบเพื่อความเท่ คุกเข่าลงกับพื้นก่อนจะยกมือซ้ายขึ้นมากางนิ้วทั้งห้าออก หันไปทางเป้าหมาย!
.
" Drian!"
.
เจ้าตัวออกคำสั่ง คราวนี้ไม่ใช่แค่นิ้วแต่เป็นทั้งฝ่ามือ ใบพัดขนาดพอเหมาะบนมือหมุนคลี่ตัวออก จากนั้นพลังลมดูดมหาศาลก็ได้ทำหน้าที่ของมัน จากมุมมองแบบ First person เจฟเฟอร์เห็นทุกอย่างเป็นสีเขียวตรงข้ามกับตอนแรก เขาเห็นก้อนความทรงจำของชะเอมค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ แต่ด้วยความที่ความเงี่ยนของเธอนั้นกระสันซ่านมาก น้ำหนักมันจึงมากเป็นพิเศษ กว่าเจฟเฟอร์จะดูดทั้งหมดเข้ามาในมือได้ก็เล่นเอาเหงื่อตก กามราคะทั้งก้อนหลุบบุ๋มเข้าไปในฝ่ามือราวกับเครื่องดูดฝุ่น ตดบุ๋งออกมา แก้มก้นเนื้อตัวเจฟเฟอร์ร้อนวูบวาบหวั่นไหว
.
"บรึ๋ยยย! วู้วววว! เกือบแย่เหมือนกันนะเนี่ยะเรา เสียวตูดชะมัด! เด็กบ้าอะไรวิปริตวิตถารเป็นบ้า เป็นสาวเป็นนางแท้ ๆ ตอนเด็ก ๆ แม่มึงบดแผ่นหนังโป๊คลุกกับข้าวให้กินรึไงวะ? อาฟเตอร์เอฟเฟคถึงได้รุนแรงถึงเพียงนี้"
.
"แต่ก็ช่างเถอะแบบนี้แหละดีแล้ว ทัศนคติแย่ ๆ ที่ถูกดูดออกไปฉันเชื่อว่าเธอจะต้องดีขึ้น อย่างน้อย ณ ตอนนี้ฉันก็เห็นแล้วล่ะว่ามันค่อนข้างได้ผล"
.
"ลาก่อนนะ หวังว่าคงไม่ได้เจอกันอีก"
.
".......!"
.
"อุ๊บ! ไม่ใช่สิ! ยังไงก็คงไม่เจอกันอยู่แล้วชัวร์ ๆ เพราะความทรงจำทั้งหมดของเธอ มันอยู่ในมือฉันแล้วนี่นา"
.
เจฟเฟอร์ท้ิงท้ายพลางหันหลังกระโดดขึ้นยานพาหนะสุดล้ำจากไปแบบเงีียบ ๆ ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าก้อนความทรงจำสุดเงี่ยนที่อุตส่าห์ดูดมานั้น เจ้าตัวจะเอาไปทำอะไรต่อ?
"หยุดตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้วางกำลังล้อมที่นี่ไว้หมดแล้ว!".เห็นจะจริงถ้าหากว่านี่เป็นหนังไทยสมัย "จารุณี" แสดงเป็นพจมาน ตรงกันข้ามเมื่อประโยคแสนเชยดังกล่าวคงจะใช้กับสถานการณ์จริงที่เป็นอยู่ ณ ขณะนี้ไม่ได้ ตำรวจห่าเหวอะไรล่ะ มองไปทางไหนก็มีแต่ซอมบี้เชียงกงล้อมหน้าล้อมหลังอยู่เต็มไปหมด เจฟเฟอร์กับกลุ่มคนใช้่มีดคงสุดจะต้านทานแล้ว สังเกตได้จากการถอยร่นเอาหลังพิงกันทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน มิหนำซ้ำกางเกงผ้ายืดเจ้ากรรมก็ดันมาพันควยพันหำจนเกือบจะล้มคะมำเสียหลัก."โอ๊ย! เอ๊ย! อุ๊ย! เดี๋ยวก่อนเซ้! อย่าเพิ่งกูยังไม่พร้อม อย่าเพิ่งบุกเข้ามาตอนนี้ไอ้พวกหุ่นสารเลว!"สายลับหนุ่มขึ้นเสียงพลางกระโดดเหยง ๆ เซถลาออกจากตำแหน่ง สีข้างเขาครูดเข้ากับเศษตัวถังยานที่ลักพาตัวองค์หญิงนาตาชามา โดยสันนิษฐานคร่าว ๆ ได้ว่า ยานลำนี้น่าจะโดนยิงร่วงก่อนหน้า Gravitybike ของเขาเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น เพราะไอร้อนจากเครื่องยนต์ยังคงอุ่น ๆ อยู่ ทำให้เจฟเฟอร์เกิดปิ้งไอเดียบางอย่างขึ้นมา ก่อนจะหลุบสายตาลงมามองลำควยกับลำขาทีี่พันกันอิรุงตุงนังของตนเอง แล้วก็บ่นขมุบขมิบ."ชิ! ไอ้ควยระยำนี่ก็ช่างแข็งถึกแข็งทนเหลือเ
สอดท่อนแขนอันกำยำเข้าโอบเอว ตวัดดึงเอาร่างอันผอมเพรียวเข้ามาแนบไว้ในวงแขน พลันกระโดดม้วนตัวเอาส่วนหนารับกงเล็บของเครื่องจักรสังหาร!."เอือกกก!"เจฟเฟอร์ร้องอุทานลั่น เขากัดฟันเม้มมุมปากในเสี้ยววินาทีต่อมาเมื่อพบว่าองค์หญิงนาตาชากำลังจ้องมองอยู่ หน้าตาเธอบิดเบี้ยวขยะแขยง หัวคิ้วลู่เข้าหากันก่อนจะกลั้นใจซุกหน้าคมสวยที่คล้ายกับเทรเลอร์สวิฟ ลงมาซบเข้าที่ซอกคอของเจฟเฟอร์."ไม่ต้องกลัวนะครับผมมาช่วย ผมเป็นสุภาพบุรุษ ผมเกิดมาเพื่อคุณ""เอื้อกกก! อื้อหือ! อื้อออ! อ๊าาา!".แม่งแสบหลังก็แสบแต่แสบหูมากกว่าที่ต้องมาฟังอะไรแบบนี้ ระหว่างที่เจฟเฟอร์ได้ใช้ความพยายามในการปกป้ององค์หญิงอย่างเต็มความสามารถ พวกจักรกลซอมบี้ก็ทำอะไรองค์หญิงไม่ได้เลย มันทำได้เพียงตะปบกรงเล็บใส่หลังเขาแบบโหมกระหน่ำ และช่่วงเวลาที่เกร็งตัวป้องกันอยู่นั้น จู่ ๆ ริมฝีปากของนาตาชาก็ได้เผยอขึ้นเครือครางขมุบขมิบ เข้าใจว่าเธอคงจะกลัวมาก ยิ่งเป็นตอนที่เธอเผลอซีดปากและพ่นลมหายใจออกมา ยิ่งทำให้อารมณ์กำหนัดของเจฟเฟอร์พลุ่งพล่านมากยิ่งขึ้น."กอดผมเอาไว้ครับ ผมจะไม่ให้องค์หญิงเป็นอะไรผมสัญญา"."อือ.. อืม.. แต่คุณคะ! ขืนเป็นแบบนี้".
ลมโชยโบยแก้มเจฟเฟอร์บึ่ง Gravitybike ทะยานฟ้าจนหนังหน้าชาไปเป็นแถบ ริมฝีปากเผยอตีนผมโบกพัดวือกระพือเสียทรง ให้ตายสิเขาทำอย่างกับว่าตัวเองเป็นบอร์ดี้การ์ดของเธอยังไงยังงั้น ทั้งที่ความจริงแล้วดวงหน้าขององค์หญิงนาตาชาแบบใกล้ ๆ เขายังไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง เจฟเฟอร์รู้แต่เพียงว่าเธอคือภารกิจ ขืนปล่อยให้รัชทายาทแห่งอลาลัสองค์นี้เป็นอะไรไป ข้อมูลการประชุมที่บอสอยากได้ก็คงจะล้มเหลว.มองไปตรง ๆ เห็นแต่ความสยดสยองบนท้องฟ้า ก้มลงด้านล่างก็เห็นแต่ตึกรามบ้านช่องที่เล็กเท่ากับจิ๋มมดในเมืองยอร์คชิน กระทั่งลองมองที่หน้าปัดยานความซวยจึงบังเกิด."เชี้ยแล้ว! ไอ้สัดเอ๊ย! นี่จะขับพ้นขอบชายแดนแล้วเหรอวะเนี่ยะตั้งแต่เมื่อไหร่กัน""ตาย ๆ ๆ แคทเธอรีนไม่ได้เตรียมอาวุธใส่ Gravitybike มาซะด้วย ไหนจะพิกัดขององค์หญิงที่หายไปจากหน้าจออีก เมื่อกี้ยังดี ๆ อยู่เลยงานงอกแล้วไงกู!".โปรดอย่าสงสัยว่าทำไมเจฟเฟอร์ถึงออกอาการลนลานแปลก ๆ เพราะแม้ว่าในตัวเขานั้นจะเต็มไปด้วยอุปกรณ์ทำลายล้างมากมาย แต่ก็ยังเทียบไม่ได้อยู่ดีกับไอ้พวกที่อยู่ด้านล่าง เราพูดมาตลอดว่ายอร์คชินคือเมืองที่เปรียบเสมือนฐานที่มั่นสุดท้ายของโลก หลังเกิดส
แสงสว่างสองหย่อมเปล่งประกายออกมาตรงบริเวณแก้มก้น ภายใต้ชุดหนังรัดรูปอันเป็นเอกลักษณ์ของทีมงาน Parallel เจฟเฟอร์รับรู้ได้ถึงพลังงานความร้อนที่กำลังโรมรันผิวตูดของเขา มันอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ จนค่อนไปทางร้อน กระทั่งเจ้าตัวย่อขาลงแล้วเอื้อมมือทั้งสองข้างลงไปตะปบไว้นั่นแหละมันถึงได้หยุด! ก่อนจะได้ออกมาเป็นแผ่นกระดานบางใส 2 แผ่นที่เรียกว่า "Jumper board".ขนาดกับรูปร่างเหมือนกับจานร่อนพลาสติกที่คนรักหมาใช้ปาให้เจ้าตูบกระโดดงับ ต่างกันนิดตรงที่ "Jumper board" นั้นอยู่ในรูปของคลื่นพลังงานมากกว่า มันเรืองแสงตลอดเวลา บางเบาแต่แข็งแกร่ง มิหนำซ้ำบริเวณด้านล่างยังมองเห็นประกายไฟสปาร์คเป็นเส้น ๆ ราวกับสายฟ้าจากค้อนโยเนียร์ของธอร์เทพเจ้า."เอาล่ะพอถือไว้ในมือแล้วจากนั้นก็.. , ฮึบ!"."พลั๊ว! , พลั๊ว! , พลั๊ว!""ฟิ้ววววว~!".ประหนึ่งเคยได้เสียกับจาพนมมาก่อน เจฟเฟอร์ตีลังกาใส่เกลียวพลันปาเจ้าแผ่น jumper board ออกไปกลางอากาศ! ม้วนตัวทีก็ปาไปอันนึง หกคะเมนหกรอบก็ปาออกไปหกแผ่น มันแทบจะวาร์ปขึ้นมาบนก้นได้เองในทุก ๆ ครั้งที่เขาไพล่มือไปสัมผัสโดนเข้า แผ่นบอร์ดพุ่งแหวกอากากาศฟึบฟับ ๆ ๆ ! คล้ายกับดาวกระจาย ก่อ
รังสีอำมหิตแผ่ซ่านสยายไกลมาถึงคนนอก เบอร์แบโต้กับเจฟเฟอร์ที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ รับรู้ได้เลยว่าปิเก้กำลังแบกรับความกดดันอยู่มากแค่ไหน พวกเขาเหงื่อแตกซิก หายใจติด ๆ ขัด ๆ ไม่อยากจะคิดว่านี่จะเป็นเรื่องจริง เพราะความจริงแล้วถ้าเขาไม่มัวเถลไถลหาแขนข้างใหม่อยู่ เหตุการณ์สุดสยองทำนองนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นกับปิเก้เป็นแน่."เชี้ยเอ๊ย! ถ้ากูใส่เกียร์หมาเร่งกระเด้าเย็ดผู้หญิงให้แตกเร็วกว่านี้นะมึงเอ๊ย ไอ้ปิเก้มึงคงไม่ตายกูพูดจริง ๆ กูขอโทษเพื่อน"ส่ายหน้าไปมาปลดปลง จนเจฟเฟอร์ลืมไปเลยว่าทุกอย่างที่ฉายอยู่นั้นพุ่งออกมาจากตาของเขา."เฮ๊ย! พี่เจฟ! ใจเย็นก่อนพี่! เส้นโฮโลแกรมมันแตกกระจายหมดแล้ว ผมเวียนหัวดูไม่ออกเลยว่าอะไรเป็นอะไร แล้วพี่ก็อย่าโทษตัวเองไปเลย ความเสียใจของพี่ผมสิต้องเป็นคนแบกรับเอาไว้ ผมน่ะรับงานโดยตรงมาจากบอสเลยนะ"เบอร์แบโต้พยายามพูดปลอบใจ แล้วทันใดนั้นเองภาพเหตุการณ์จากเครื่องฉายในม่านตาก็กลับมาชัดเจนขึ้นอีกครั้ง เส้นลำแสงวูบไหวไปจังหวะหนึ่ง ตัดกลับมาหนนี้เจฟเฟอร์สังเกตเห็นเลยว่า ขณะนั่งคุกเข่าอยู่และกำลังจะถูกบ่วงเชือกไนล่อนกระชากคอขึ้นไป ปลายนิ้วชี้ของปิเก้ได้หักมุมลงมาแล้ว เขาเตร
"พี่ปิเก้กำลังบอกใบ้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นจากบนนั้นใช่ไหมครับ? พี่เขาต้องการให้เราขึ้นไปสืบข้างบนใช่ไหมพี่เจฟ?"เบอร์แบโต้ตวาดเสียงดุดัน ท่าทางเขาดูจริงจังจนออกนอกหน้า ซึ่งเป็นอะไรที่ตรงข้ามกับสีหน้าสีตาของสายลับรุ่นพี่เป็นที่สุด."โอ่ย! โอ่ย! โอ่ย! ๆ ไอ้โต้เอ๊ย! ไอ้โต้! นี่ตอนเด็ก ๆ แม่มึงบดแกลบให้แดกกับกาบมะพร้าวเหรอ สมองมึงถึงอุ้มน้ำได้ถึงเพียงนี้! มันใช่ซะที่ไหนล่ะเจ้าทึ่ม! ตอนนั้นปิเก้มันนอนแหงนหน้าอยู่ใช่ไหม?"."ใช่ครับ.. พี่เขาหนุนตักผมอยู่?"."ถ้างั้นก็ไม่ผิดหรอก! เพราะที่มันชี้น่ะไม่ใช่รูแหว่งโบ๋บนหลังคา หากแต่เป็นของที่ขวางอยู่เบื้องหน้าอย่างหน้าผากแกต่างหากล่ะเจ้างั่ง!".ได้ยินเช่นนั้นมือหนาหยาบกร้านของเบอร์แบโต้ ก็รีบตะปบวนไปวนมาบนหน้าผากตัวเองทันที แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นมีอะไรผิดสังเกต."หน้าผากผมมันมีอะไรเหรอครับพี่เจฟ ผมไม่เห็นจะเข้าใจในสิ่งที่พี่พูดเลย?"."เฮ้อ..! คืออย่างงี้สิ่งที่ฉันจะบอกก็คือ ธรรมชาติของหน่วยภาคสนามอย่างเราน่ะ มันต้องพร้อมที่จะตายตลอดเวลาอยู่แล้ว ก็เลยมีความจำเป็นที่จะต้องบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ เอาไว้อย่างลับ ๆ ผ่านทางชิบที่ฝังไว้ในส