สะบัดลำตัวสะดีดสะดิ้งหวิดหวิวเสียวสะท้าน ทันทีที่ภาพเสมือนโดนตัดสัญญาณ เจฟเฟอร์ก็รีบดึงสติกลับมาที่ตัวเอง เดชะบุญที่เขาไม่ได้ไปไหนไกลจากเบอร์แบโต้นัก จากตรงนี้ในชุดรัดรูปที่ใช้สำหรับทำภารกิจโดยเฉพาะ เจฟเฟอร์ยังคงมองเห็นเจ้าหน้าที่รุ่นน้องได้อย่างชัดเจน
.
"โถ่เอ๊ย! ไอ้โต้ ดูสิดูมันทำ! ทำอย่างกับคนไม่เคยฝึกมา รื้อสถานที่เกิดเหตุกระจุยกระจาย ถุงมือก็ไม่ใส่ หลักฐานสำคัญหายหมดแล้วมั้งน่ะ! "
.
"น่าเสียดายที่บอสรู้ตัวเร็วไปหน่อย ไม่งั้นเราคงได้ข้อมูลมามากกว่านี้ ดอกลาเวนเดอร์สดดอกหนึ่งราคาเฉียด 500 เหรียญ ไม่อยากจะเชื่อว่าแกจะกล้าปาเข้าใส่เราได้! ชูู่ววววว! ถึงที่ส่งไปจะเป็นแค่ภาพ visual ระบบ wireless ก็เถอะ แต่มันก็เสียวท้องน้อยดีเหมือนกันแฮะ.. วู้วววว!"
.
วนมือเป็นวงบนพุงตัวเองวูบวาบ สายลับหนุ่มเป่าปากพ่นลมหายใจพรู อย่างที่เราทราบว่านวัตกรรมของ Parallel นั้นมีมากมายหลายชิ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเจ้านี่ "เครื่องฉายภาพระยะไกลระบบ wireless " มันเป็นอุปกรณ์ย่อยที่ถูกติดตั้งเข้ามาใหม่ เพียงแค่กลับด้านหัวเข็มขัดนิดเดียว จากอุปกรณ์แปลงร่างก็จะกลายเป็นเครื่องส่งสัญญาณในทันที เดชะบุญที่โลกยุคนี้เป็นยุค 250G ถ้าเป็น 4G แบบเมื่อก่อนแล้วล่ะก็ รับประกันได้เลยว่าอย่างดีก็ทำได้แค่ดูภาพ HD ของละครย้อนหลัง
.
.
ความจริงของเรื่องนี้ก็คือเจฟเฟอร์ของเรานั้นได้บึ่ง Gravitybike ออกจากตึก Parallel มาตั้งแต่ตอนที่ต่อแขนกับขาข้างใหม่เสร็จแล้ว เขารู้ดีว่าเบอร์แบโต้กำลังต้องการตัวเขา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเอาดอกไม้ขึ้นไปให้บอส ก็เลยมีความจำเป็นที่จะต้องต่อเน็ตโดยการแฮ็คเอาสัญญาณดาวเทียมจากโดรนควบคุบสภาพอากาศทั้ง 4 ตัว ที่ลอยอยู่รอบ ๆ บริเวณสถานที่จัดงานมาใช้
.
ฝ่ามือของเขาดูดได้แม้กระทั่ง code html ส่งผลให้พวกมันหล่นร่วงลงใส่สนามหญ้า เกิดเป็นประกายไฟช็อตสปาร์ค! ควันขึ้นโขมง! สบโอกาสให้เจฟเฟอร์สามารถเดินเข้าไปในงานได้โดยสะดวกโยธิน แล้วก็ใช้จังหวะเดียวกันนั้นเองกดเข็มขัดส่งภาพ Visual เสมือนจริงไปยังห้องของบอส ทำให้เจ้าตัวได้รับข้อมูลเบื้องต้นแบบเดียวกันกับที่เบอร์แบโต้มี ซึ่งหากจะพูดกันตรง ๆ แล้วล่ะก็ เขาน่ะรู้เรื่องราวต่าง ๆ ก่อนที่จะเจอกับตัวจริงของรุ่นน้องซะอีก
.
.
ตัดภาพไปยังฟากฝั่งของชายอเมริกันผิวสีอย่างเบอร์แบโต้กันบ้าง เขามืดแปดด้านแล้วจริง ๆ หลังจากที่ล่าสุดนั้นได้ทำระย้าแชนเดอร์เลียร์ หล่นใส่ศพของพวกอัญมณีควอทซ์จนแหลกละเอียด ทั้งที่ ๆ พวกเขานับสิบชีวิตคือเป้าหมายหลักที่บอสให้มาสืบสาวเอาความเกี่ยวกับกับสถาบัน "Breed Progeny Institute" กับ การตรากฏหมายฟรีเซ็กส์ในยอร์คชินแท้ ๆ
.
ในเบื้องต้นเบอร์แบโต้ทราบเพียงว่า กลุ่มคนที่กลัดเข็มกลัดรูปอัญมณีคือตัวแทนของราชวงษ์เก่า เป็นพวกชนชั้นสูงสืบเชื้อสายมาจากสภาบันกษัตร์ย์หรือเจ้าผู้ครองเมือง พวกคิงส์เซอรูม่อน , นโปเลียน , ดัชเชดแห่งแคมบริดจ์ , หรือคิงส์อเล็กซานเดอร์ อะไรเทือกนั้น แต่ก็อย่างที่บอกแหละว่าโลกในตอนนี้มันเหลือแค่เมืองยอร์คชินแห่งนี้เพียงแห่งเดียว
.
เพราะฉะนั้นจะ "คิงส์" หรือ "ควย" ก็กระจอกพอกันทั้งคู่! ทุกคนเท่ากันหมด! ไม่มีเจ้าเหนือหัวหรือใครเป็นเจ้าของชีวิตใครอีกต่อไปแล้ว ข้อได้เปรียบเพียงอย่างเดียวที่กลายเป็นสาเหตุให้บอสจับตาคนกลุ่มนี้ (กลุ่มอัญมณีควอทซ์) มากเป็นพิเศษก็คือ "พวกเขามีกำลังคน"
.
"คน" คือทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของโลก การมีคนที่จงรักภักดียอมตายพลีกายถวายชีวิตให้เป็นส่ิงที่มีค่ามากว่าทองคำพันกิโล กองทัพถือเป็นมรดกตกทอดที่ทรงพลานุภาพมากที่สุด ก็เลยทำให้พวกควอทซ์มีอำนาจต่อรองในการตรากฏหมายร่วมกับสภาเมืองมากกว่าใคร ๆ
.
โชคร้ายที่หลายสิ่งอย่างที่กล่าวมาข้างต้นคือทั้งหมดที่เบอร์แบโต้รู้ ก้านสมองของเขาคงทำขึ้นจากแกนสับปะรด พื้นที่ว่างใต้ศีรษะจึงถูกตอซังข้าวกับเศษขี้เลื่อยเหมาสัปทานทำกินไปจนเกลี้ยง เป็นเหตุให้เจ้าตัวไม่สามารถประติดประต่อเรื่องราวต่าง ๆ เข้าหากันได้เลย
.
“ถุยชีวิต! พังหมดแล้วกับความไว้เนื้อเชื่อใจที่บอสอุตส่าห์มอบให้ ใครก็ได้ขอแค่ใครสักคนที่ตื่นขึ้นมาพูดกับฉัน! แค่นี้ก็ไม่คว้าน้ำเหลวแล้วให้ตายเถอะ!”
.
สิ้นเสียงรำพึงกึ่งด่าทอเด็กหนุ่มอเมริกันผิวหมึก ก็ได้ปรี่ตรงไปยังสุภาพสตรีนางหนึ่งที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่ใกล้ ๆ เขาบรรจงสอดมือเข้าไปกระชากเอาคอเสื้ออันเว้าโค้งของเธอชนิดสุดแรงเกิด ทำให้ลำตัวเธอหลุดรอดออกมาจากซากแชนเดอร์เลียร์ที่หล่นลงมาทับได้ แต่ทว่า!
.
“โอ้! มายด์! ก็อตซิล่า!”
“ข้าแต่พระบิดา , พระบุตร , และพระจิต ลูกขอน้อมสิระกาสารภาพบาป ลูกทำผิดบาปเหลือเกินขอรับ! ลูกพรั้งมือทำศพคนตายขาดครึ่งเสียแล้ว!”
.
มือไม้สั่นเทาน้ำตาซึมคลอเบ้า เบอร์แบโต้ปล่อยชิ้นส่วนท่อนบนของสาวราชวงศ์ลงกับพื้นหินอ่อนที่เจิ่งนองไปด้วยลิ่มเลือด ลำไส้แตกเครื่องในปริทะลัก! ลำแขนสั่นสะบัด! กระเสือกกระสนดิ้นรนทุรนทุราย! คลับคล้ายว่าเซลล์จะยังไม่ตายสนิทดี กล้ามเนื้อมัดล่างยังคงเต้นตุบ ๆ เบอร์แบโต้มองไม่เห็นว่าส่วนขาเธอจะเป็นยังไงบ้าง ได้ยินก็แต่เสียงกริ๊ก ๆ ตลอดเวลาของสะเก็ดแก้วที่คลุมทับร่างอยู่
.
“ผะ.. ผมขอโทษ ขะ.. ขอโทษจริง ๆ ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้ตัวคุณขาดครึ่งแบบนี้.. อึ๊ยยยย!"
"ผมแค่่ต้องการจะดึงตัวคุณออกมา แล้วถามอะไรนิดหน่อยก็เท่านั้นเอง!"
.
“ลองเป็นอีหรอบนี้เห็นทีจะต้องวกกลับไปหาพี่ปิเก้อีกครั้งซะแล้วล่ะ บางทีถ้าเราเอาพี่ปิเก้กลับไปให้หมอยูมิโกะซ่อม พอแกเริ่มจะพูดได้ค่อยซักไซร้เอาความจากแกตอนนั้นก็ยังไม่สายนี่นา จริงสิ! แบบนี้เราก็จะไม่คว้าน้ำเหลวแล้ว เข้าท่านี่หว่า! น่าจะเวิร์คแฮะ!”
.
เบอร์แบโต้คิดในใจ ด้วยความสัตย์จริงเขาตั้งใจจะใช้ปิเก้เป็นความหวังสุดท้าย แต่ระหว่างที่เจ้าตัวกำลังจะช้อนตัวเอาศพของรุ่นพี่ขึ้นมาอุ้มไว้ในอ้อมกอดนั้นเอง
.
.
จู่ ๆ สายลับหนุ่มในมาดพระเอกของเราก็ปรากฏตัวออกมา! เจฟเฟอร์เดินอาด ๆ เข้าหารุ่นน้องด้วยบุคลิกสุดเย็นชา ประหนึ่งท่านประธานธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน แห่งสหภาพโซเวียต ก่อนจะเร่ิมโชว์เก๋าด้วยการสันนิษฐานเหตุการณ์จากจุดเกิดเหตุให้เด็กมันดู!
.
“รูโหว่ข้างบนหลังคาเคยมีกลุ่มคนร้ายโรยตัวลงมา 4 คน! ถ้าเราแตะที่หางตาแบบนี้.. แล้วก็หมุนซูมภาพเข้าไป จะพบหลักฐานวัตถุเป็นเส้นใยไนล่อนความหนาแน่น 0.43 มิลลิกรัม ติดอยู่กับส่วนคมของโครงหลังคา ส่วนสาเหตุที่ทำให้ทราบว่ามีผู้ก่อเหตุ 4 คนก็เพราะลักษณะของปลอกกระสุน .35 , .22 , .45 , และ .38 semi auto ติดปลอกลดแสง มีกระสุนอยู่เพียง 4 ประเภทนี้เท่านั้นที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ"
.
" 70% ของปริมาณปลอกกระสุนทั้งหมด หล่นกระจุกตัวอยู่ใต้พื้นหลังคาที่มีรอยโบ๋ จึงสามารถอนุมานได้ว่ากระสุนแต่ละนัดถูกยิงออกมาจากปืนคนละกระบอก และยิงจากมุมเฉียงลงตรงนี้! สภาพบาดแผลของเหยื่อก็สามารถใช้เป็นข้อบ่งชี้ได้อีกจุดหนึ่ง ปากแผลมีรอยไหม้จากความร้อน เลือดที่แข็งตัวจับกันเป็นเกร็ด บ่งบอกว่าเกิดสภาวะเลือดคั่งขึ้น โดยปกติแล้วผิวหนังคนเราจะดูดซับแรงกระทำได้ที่ 3000 - 3500 นิวตันต่อตารางซม. หากเกินกว่านี้ผิวจะขาดและเกิดบาดแผลทำให้มีเลือดไหล
.
ซึ่งต่างกันมากกับสภาพศพในห้องโถง แผลกระสุนบนตัวเหยื่อทำมุมเชิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลทำให้เลือดไหลออกไปได้น้อยและเกิดเป็นสภาวะเลือดคั่งตามมา พอลองวิเคราะห์จากทิศทางตำแหน่งของศพทั้งหมดดูแล้ว เราก็จะเห็นแนววิถีกระสุนที่เป็นรูปเป็นร่างมากยิ่งขึ้นว่าห่ากระสุนปืนนับร้อยนับพันน่ะ มันพุ่งลงมาจากคน 4 คน! ปืน 4 กระบอก! จากช่องโหว่บนหลังคานั่นเอง!"
.
"ว้าววว!"
"พี่เจฟเฟอร์ในที่สุดพี่ก็มาถึงสักที! มาทางนี้ก่อนพี่มาดูพี่ปิเก้ก่อนเร็วเข้า! อย่าเพิ่งสาธยายอะไรมากเลยผมรู้ว่าพี่เก่ง แต่พี่ปิเก้เขาไม่หายใจแล้วนะพี่!"
เบอร์แบโต้ทั้งตกใจแล้วก็ดีใจไปพร้อมกัน เขาเหมือนกับกาแฟร้อนทรีอินวันที่ใส่แต่น้ำแต่ดันไม่คนส่วนผสม จึงทำได้แค่หันไปหันมาไม่รู้จะทำอะไรก่อนอะไรหลังดี มิหนำซ้ำเจฟเฟอร์ของเราก็ยังเลือกที่จะพูดต่อโดยไม่หยุดฟังเขาเลยด้วยซ้ำ
.
"จ๋อมแจ๋ม ๆ , จ๋อม ๆ , แจ๋ม ๆ"
คอมแบทคู่โตสะกิดเขี่ย พลางเหยียบย่ำลงเบา ๆ กับพื้นที่เจิ่งนองไปด้วยเลือดสีแดงฉาน
.
"สิ่งที่ฉันยังคาใจอยู่คือเลือดมากมายพวกนี้มาจากไหน? การที่มีบอร์ดี้การ์ดจำนวนมากอยู่ในนี้ย่อมหมายความว่าต้องมีการต่อสู้ดวลปืนกันเกิดขึ้นแน่นอน แต่ทำไมกัน! ทำไมพวกเขาถึงไม่ชักปืนออกมาสู้? สิ่งเดียวที่ฉันพอจะคิดออกก็คือ พวกคนร้ายอาจจะเป็นคนในซะเอง!"
.
"ไม่รู้ล่ะขอเช็คศพดูอีกทีแล้วกัน เรื่องนี้ชักไม่ชอบมาพากลซะแล้วสิ"
.
เจฟเฟอร์เร่ิมออกเดินย่ำต็อกไปทั่วห้องโถง เขาทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง ใส่ถุงมือใส่ถุงคลุมรองเท้า แม้แต่เส้นผมก็มัดรวบตรึงไม่ให้ร่วงหล่น ซึ่งเป็นอะไรที่แตกต่างจากสิ่งที่เบอร์แบโต้ทำก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก ครานั้นเขาก็ยังซักค้านกับรุ่นพี่อยู่
.
"มันก็ได้กล่ินทะแม่ง ๆ มาตั้งแต่ตอนที่ทุกคนกลายเป็นศพแล้วไหมพี่ แล้วนี่คือพี่จะไม่สนใจพี่ปิเก้เขาจริง ๆ เหรอ เอาแกกลับไปหาหมอยูมิโกะตอนนี้ก็น่าจะยังซ่อมทันนะพี่เจฟ"
.
"ไว้ก่อนน่ะไอ้น้อง! ชู่วววว~! เงียบก่อนดิ พี่ว่าพี่เจออะไรดี ๆ แล้วว่ะ นี่สินะที่เขาเรียกว่า "ศพไม่เงียบ" พวกเขากำลังบอกใบ้เบาะแสของคนร้ายให้แก่เราอยู่"
.
"ยังไงพี่ผมไม่เห็นเจออะไรสักอย่าง พี่แม่งเจอเอา ๆ"
เด็กหนุ่มผิวเข้มเอียงคอสงสัย
.
เขาน่าจะเป็นบอดี้การ์ดอ้วน ๆ คนหนึ่ง เจฟเฟอร์งัดร่างของเขาขึ้นจากพื้นที่เจิงนองไปด้วยน้ำเลือด เสื้อสูทของเขาอุ้มน้ำจนหนักขึ้นเป็นกิโล บนหน้าอกกลัดเข็มกลัดสัญลักษณ์มงกุฏเซ็นต์เอ็ดเวิร์ดเครื่องหมายของคนจากรัฐบาลกลาง เขาตายแล้ว! นั่นคือความจริง! มีแผลโดนกระสุน.38 ยิงตัดขั้วหัวใจ แต่สิ่งที่เจฟเฟอร์รู้สึกพิศมัยใคร่รู้ก็คือบาดแผลเฉือนคว้านลึกตรงลำคอ! กับปืน Minilaser Automatic อันทันสมัยที่สอดนิ้วเข้าโก่งไกไว้แล้ว แต่ดันไม่ยิงออกมา!
.
"ฉันคิดว่าแผลตัดเฉือนหลอดเลือดดำตรงลำคอนี่แหละ คือสาเหตุที่ทำให้ที่นี่เละเทะเป็นขุมนรกแบบนี้ หลอดเลือดดำมีหน้าที่นำเลือดที่มีออกซิเจนต่ำกลับเข้าสู่หัวใจ เพราะฉะนั้นภายในจะมีแรงดันอยู่มาก ทันทีที่ถูกตัดหรือเฉือนมวลโลหิตมหาศาลก็จะทะลักพุ่งออกมา! ลองเช็คดูจนครบทุกศพแล้วปรากฏว่าทุกคนโดนแบบเดียวกันหมด! แต่ประเด็นที่หน้าสนใจมันอยู่ที่รอยตัดต่างหาก ดูสิเจ้าโต้! เอ็งเคยเห็นรอยตัดที่เสมอกันเนียนกริบแบบนี้ไหมวะ?"
.
"เอิ่ม... อืม.. คล้าย ๆ รอยเปิดปากแผลผ่าตัดของหมอยูมิโกะรึเปล่าครับ? ผมไม่ค่อยแน่ใจ?"
.
"ผิด! มีดผ่าตัดจะไม่ลงน้ำหนักมากขนาดนี้ แถมยังปราณีตกว่าเผื่อไว้สำหรับการเย็บปิดบาดแผลให้สวยงาม แต่ก็ไม่เชิงหรอกนะเพราะรอยเฉือนลักษณะนี้มันเกิดจากการใช้มีดสั้นเหมือนกัน ถ้าการนิรนัยของฉันไม่ผิด ฉันคิดว่าคนร้ายน่าจะใช้ฝ่ามืออีกข้างช่วยในการล็อคคอเหยื่อ สังเกตได้จากกระดูกขากรรไกรที่เคลื่อนหลุดออกจากเบ้า แผลเฉือนทุกแผลจะมีร่องลึกหนึ่งจุดเกิดขึ้นก่อนคล้ายกับการปัก! จากนั้นจึงสะบัดคมมีดลากยาวแบบพรวดเดียวจากซ้ายไปขวา ด้วยความแม่นยำรุนแรง!"
.
"คิดว่าน่าจะใช้มือซ้ายออกแรงดันศีรษะเหย่ือให้แนบใส่คมมีดร่วมด้วย! แสดงว่าฆาตกรเป็นคนถนัดขวา และน่าจะเป็นคนตัวใหญ่กว่าบอดี้การ์ดอ้วนคนนี้"
.
"ฮึบ!"
.
"จ๋อมมมม!!!"
เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันใย ใช้พิสูจน์ทฤษฎีเสร็จศพของพี่อ้วนบอร์ดี้การ์ดก็โดนเจฟเฟอร์ผลักไสไล่ส่งให้คว้ำหน้าลงจมกองเลือดไปตามเดิม เขากอดอกส่ายหน้ามองบน พ่นลมหายใจพรูเหมือนกำลังหวั่นวิตก
.
"นี่คือทักษะการฆ่าของพวกมาเฟียร์อิตาลี ฝีมือมีดสั้นของพวกมันนับว่าฉมังค์นัก คิดว่าในห้องโถงนี้มีคนกี่ร้อยคนกัน ไป ๆ มา ๆ เหมือน 4 คนข้างบนจะเป็นเพียงทีมยิงสนับสนุน ตัวจักรสำคัญคงเป็นเจ้ามือมีดคนนี้! มันคนเดียวไล่เฉือนคอหอยคนเป็นร้อย ๆ บาดแผลที่เหมือนกันเป๊ะคือวัตถุพยานที่ชัดเจนที่สุด! มันคงแฝงตัวปะปะเข้ามาเป็นแขกในงาน กลมกลืน.. รอจังหวะ.. แล้วก็ฉึบบบ! เร็วซะจนบอร์ดี้การ์ดบางคนสับไกยิงไม่ทัน!"
.
.
สายลมแห่งความกดดันพาดผ่านบรรยากาศ แม้จะเป็นไอเย็นจากแอคอร์ดิชั่นแต่ทั้งสองคนนั้นต่างเสียวสันหลังวาบไปทั้งตัว พวกเขาไม่รู้ว่ากำลังเล่นอยู่กับอะไร นี่ไม่ใช่การซ้อม! นี่ไม่ใช่การผจญภัยในโลกจำลองเบื้องหลังแผ่นเจลของหมอยูมิโกะ! เจ็บจริงตายจริง! ศพที่นอนจมกองเลือดสุมกองพะเนินอยู่นั่นไง คือสิ่งที่บ่งบอกว่าพวกเขาจะพลาดไม่ได้ เจฟเฟอร์หันไปมองหน้าน้องแล้วตบบ่าไปฉาดใหญ่!
.
"พลั๊ว!!!"
.
"ใจเย็นน่ะมึงตั้งสติหน่อยสิวะ! เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วนี่นา ไม่งั้นคงไม่มาทำงานนี้หรอกจริงไหม? เอ็งคงไม่คิดว่าตัวเองเป็นพนักงานส่งดอกไม้ธรรมดา ๆ ของ Parallel Flower หรอกนะ? ทำงานอย่างเรามันเสื่ยง มันต้องเตรียมตัวตายเอาไว้เสมอ ไม่ต้องมองหาอื่นไกลเลยโน่นไงไอ้ปิเก้มันนอนแผ่หลากลายเป็นศพอยู่โน่น!"
.
"พี่ปิเก้!?"
"เชี้ยเอ๊ย! ผมลืมแกไปเลย มาพี่เจฟมาช่วยผมหน่อยบางทีแกอาจจะยังไม่ตายก็ได้ พาแกกลับไปรักษาตัวตอนนี้ยังทันนะพี่!"
.
จ้วงเท้าโทง ๆ เบอร์แบโต้เดินนำหน้าย้อนกลับมา ณ จุดเกิดเหตุ ใต้รอยโบ๋บนหลังคาเยื้องกันเป็นเศษแชนเดอร์เลียร์ที่หล่นร่วงลงมา กับศพของผู้หญิงสูงศักดิ์ที่ขาดครึ่งด้วยน้ำมือของเขา
.
"มาพี่เจฟ! พี่ซ้ายผมขวาช้อนตัวแกขึ้นพร้อมกันนะ!"
.
.
"เดี๋ยวก่อนไอ้น้องใหม่! ตอบฉันมาก่อนซิว่าก่อนที่ไอ้ปิเก้มันจะตาย มันทำท่าอะไรแบบนี้รึเปล่า?"
ว่าแล้วสายลับมือหนึ่งก็ชูมือขึ้นทำเป็นกำปั้น ก่อนจะค่อย ๆ ยื่นนิ้วชี้ออกมาหันไปทางรูโบ๋บนหลังคา ทำเอาสายลับสมัครเล่นได้แต่พยักหน้าตาถลนตกอกตกใจ!
.
"เย็ดแม่ง! พี่รู้ได้ไงวะ! พี่ปิเก้แกทำแบบพี่เป๊ะเลย! มันคือ Dying message จริง ๆ ด้วยใช่ไหมครับพี่เจฟ?"
"พี่ปิเก้กำลังบอกใบ้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นจากบนนั้นใช่ไหมครับ? พี่เขาต้องการให้เราขึ้นไปสืบข้างบนใช่ไหมพี่เจฟ?"เบอร์แบโต้ตวาดเสียงดุดัน ท่าทางเขาดูจริงจังจนออกนอกหน้า ซึ่งเป็นอะไรที่ตรงข้ามกับสีหน้าสีตาของสายลับรุ่นพี่เป็นที่สุด."โอ่ย! โอ่ย! โอ่ย! ๆ ไอ้โต้เอ๊ย! ไอ้โต้! นี่ตอนเด็ก ๆ แม่มึงบดแกลบให้แดกกับกาบมะพร้าวเหรอ สมองมึงถึงอุ้มน้ำได้ถึงเพียงนี้! มันใช่ซะที่ไหนล่ะเจ้าทึ่ม! ตอนนั้นปิเก้มันนอนแหงนหน้าอยู่ใช่ไหม?"."ใช่ครับ.. พี่เขาหนุนตักผมอยู่?"."ถ้างั้นก็ไม่ผิดหรอก! เพราะที่มันชี้น่ะไม่ใช่รูแหว่งโบ๋บนหลังคา หากแต่เป็นของที่ขวางอยู่เบื้องหน้าอย่างหน้าผากแกต่างหากล่ะเจ้างั่ง!".ได้ยินเช่นนั้นมือหนาหยาบกร้านของเบอร์แบโต้ ก็รีบตะปบวนไปวนมาบนหน้าผากตัวเองทันที แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นมีอะไรผิดสังเกต."หน้าผากผมมันมีอะไรเหรอครับพี่เจฟ ผมไม่เห็นจะเข้าใจในสิ่งที่พี่พูดเลย?"."เฮ้อ..! คืออย่างงี้สิ่งที่ฉันจะบอกก็คือ ธรรมชาติของหน่วยภาคสนามอย่างเราน่ะ มันต้องพร้อมที่จะตายตลอดเวลาอยู่แล้ว ก็เลยมีความจำเป็นที่จะต้องบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ เอาไว้อย่างลับ ๆ ผ่านทางชิบที่ฝังไว้ในส
สะบัดลำตัวสะดีดสะดิ้งหวิดหวิวเสียวสะท้าน ทันทีที่ภาพเสมือนโดนตัดสัญญาณ เจฟเฟอร์ก็รีบดึงสติกลับมาที่ตัวเอง เดชะบุญที่เขาไม่ได้ไปไหนไกลจากเบอร์แบโต้นัก จากตรงนี้ในชุดรัดรูปที่ใช้สำหรับทำภารกิจโดยเฉพาะ เจฟเฟอร์ยังคงมองเห็นเจ้าหน้าที่รุ่นน้องได้อย่างชัดเจน."โถ่เอ๊ย! ไอ้โต้ ดูสิดูมันทำ! ทำอย่างกับคนไม่เคยฝึกมา รื้อสถานที่เกิดเหตุกระจุยกระจาย ถุงมือก็ไม่ใส่ หลักฐานสำคัญหายหมดแล้วมั้งน่ะ! "."น่าเสียดายที่บอสรู้ตัวเร็วไปหน่อย ไม่งั้นเราคงได้ข้อมูลมามากกว่านี้ ดอกลาเวนเดอร์สดดอกหนึ่งราคาเฉียด 500 เหรียญ ไม่อยากจะเชื่อว่าแกจะกล้าปาเข้าใส่เราได้! ชูู่ววววว! ถึงที่ส่งไปจะเป็นแค่ภาพ visual ระบบ wireless ก็เถอะ แต่มันก็เสียวท้องน้อยดีเหมือนกันแฮะ.. วู้วววว!".วนมือเป็นวงบนพุงตัวเองวูบวาบ สายลับหนุ่มเป่าปากพ่นลมหายใจพรู อย่างที่เราทราบว่านวัตกรรมของ Parallel นั้นมีมากมายหลายชิ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเจ้านี่ "เครื่องฉายภาพระยะไกลระบบ wireless " มันเป็นอุปกรณ์ย่อยที่ถูกติดตั้งเข้ามาใหม่ เพียงแค่กลับด้านหัวเข็มขัดนิดเดียว จากอุปกรณ์แปลงร่างก็จะกลายเป็นเครื่องส่งสัญญาณในทันที เดชะบุญที่โลกยุคนี้เป็น
บรรยากาศมาคุแผ่สยายปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณ เงียบจนได้ยินเสียงเข็มหล่น เงียบซะจนได้ยินเสียงแอร์ดังครือ ๆ ครือ ๆ เจฟเฟอร์หน้าซีดเป็นไก่ต้ม เขาทำได้เพียงคุกเข่่าแล้วก็ก้มหน้าลงปลดปลงกับบานประตูอันเว้าแหว่ง กูไม่น่าพังมึงเข้ามาเลย!."ว่าไงล่ะ! จะเงียบทำไมมิทราบไม่ได้ยินในสิ่งที่ฉันถามเหรอ ว่าคุณเสียมารยาทเข้ามาที่นี่ทำไม!"บอสสาวแห่งองค์กรตวาดเสียงเข้มดุดัน และระหว่างที่เจฟเฟอร์กำลังจะอ้าปากตอบ."อ่ะ.. เอิ่ม คือผมจะเอา.. า.. า.."."หยุด! อย่าเพิ่งพูดอะไร ส่งหัวเข็มขัดคุณมาก่อน!"."หัวเข็มขัด! บอสจะเอาคืนเหรอครับ งั้นก็หมายความว่า.. ห๊ะ! นี่อย่าบอกนะว่า! บอสจะไล่ผมออก! ด้วยเรื่องแค่นี้เนี่ยะนะ! ไม่ครับบอสไม่ ไม่ ไม่ ๆ ๆ ไม่มีทาง! ยังไงผมก็ไม่ออก ออกไปผมจะเอาไรแดก!"."ใครอนุญาตให้เงยหน้ามิทราบคุณเจ้าหน้าที่ ฉันบอกว่าส่งมาก็คือส่งมาไง! ทำไมต้องให้ย้ำ!".กัดกรามกรอด ๆ ฝืนใจเจ็บทน ต้องก้มหัวให้ผู้หญิงแล้วยังต้องมาโดนปลดออกจากตำแหน่ง เพราะความจังไรของตัวเองอีก รู้ถึงไหนอายเขาถึงนั้น ถึงจะไม่อยากทำแต่สุดท้ายก็ต้องยอมปลดหัวเข็มขัด ที่มีตราสัญลักษณ์เครื่องหมายเท่ากับ (=) แห่งองค์กร Parallel ค
"ฟึบฟับ! ๆ , ฟึบฟับ ๆ , โฉ้งเฉ้ง ๆ ๆ !".อย่าว่าแต่ไอร่อนแมนเลย ชั่วยามนี้ทรานฟอร์เมอร์แม่งก็มา เมื่อขากลคู่งามดับไอพ่นลงแล้วแลนด์ดิ้งลงสู่พื้นพรมเปอร์เซียในห้องบอส ผืนพรมราคาแพงยุบบุ๋มลงตามน้ำหนักตัวที่มากโข แต่ครานั้นเจฟเฟอร์ก็ยังอุตส่าห์โพสต์ท่าตะแคงข้าง โชว์ให้เห็นถึงอะไหล่ชิ้นงามที่กำลังสับเปลี่ยนตัวเองกลับคืนรูปลักษณ์."เอิ่ม.. ผมต้องขอประทานโทษด้วยครับบอส คือว่าผมเผลอตัวเผลอใจไปหน่อย มันอดใจไม่ไหวจริง ๆ ก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย แฮะๆ"."แบบว่าขาข้างใหม่มันยังไม่ชินน่ะครับ เผลอ ปริ๊ด! แค่นิดเดียว ไม่คิดว่าขามันจะสั่นซะจนพุ่งใส่ประตูพังเป็นแถบแบบนี้ ต้องขอโทษคุณผู้หญิงด้ว.. ย.. ย!".เจฟเฟอร์ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะจิต ณ ตอนนี้ที่ไฟฉุกเฉินตรงมุมห้องสว่างโล่ขึ้นมา ทำให้เจ้าตัวมีโอกาสได้เห็นหน้านวลนางที่อุปทานว่าเป็นแบร็ควิโดว์แบบจะ ๆ เป็นครั้งแรก."เอ็มม่า!""เธอคือเอ็มม่าแผนกการเงิน ที่อยู่ประจำชั้น 3 นี่นา!?""ไอ้หย๋า! นี่อย่าบอกนะว่าคุณโดดงานมาเอากับบอส! หึ๊ยยย! แรดชุปแป้งทอดชะมัด!".โดนตะคอกใส่แบบนั้น เป็นใครก็ต้องสวนกลับ!."หยุดปากพล่อยเดี๋ยวนี้นะคุณเจ้าหน้าที่เจฟเฟอร์! มันไม่
คุ้มไหมกับการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย คุ้มไหมกับเวลาที่เสียไปให้แก่แขนข้างหนึ่ง เพื่อเอามาแลกกับการทำอะไรที่ต่ำทรามเช่นนี้."นี่กูจำเป็นต้องทำแบบนี้จริง ๆ เหรอวะ? แม่งเอ๊ย! มันกระจอกเกินไปรึเปล่าวะไอ้เจฟ?".มือซ้ายข้างใหม่ที่เพิ่งได้รับการปลูกถ่ายมาสั่นพับ ๆ เจฟเฟอร์กำลังช่างใจอย่างหนักว่าจะใช้มือข้างนี้ชักว่าวให้แก่ลำควยที่แข็งโด่ขึ้นมาดีไหม เพราะต่อให้เขาจะเป็นคนสถุลหื่นกามยังไง มือข้างใหม่ก็ควรจะนำไปใช้ในภารกิจช่วยโลกไม่ใช่เอามาช่วยตัวเอง."ถ้าแกมีชีวิตแกคงเกลียดฉัน เอาเป็นว่าฉันจะไม่ทำล่ะกัน ตราบใดที่ใจแข็งพอเชื่อว่าไม่นานลำควยก็จะสงบ มันคงอ่อนตัวลงไปเองโดยไม่ต้องง้อการชักว่าว".เคยได้ยินแต่สำนวนที่ว่า "รออย่างมีความหวัง" มาตอนนี้เจฟเฟอร์กับกำลัง "รออย่างมีความเงี่่ยน" อย่าว่าแต่มือเลย นาทีนี้แม้แต่ขาข้างใหม่ก็ยังโรมรันร้องครือครางเอี๊ยด.. อ๊าดดด.. ไม่ต่างจากมอเตอร์ไซต์ 250 cc ของวาเลนติโน่ รอสซี่ ที่เตรียมจะออกตัวจากกริดสตาร์ท มันจวนจะปะทุอยู่รำไร.ก็อย่างที่บอกแหละว่าก่อนหน้านี้ ขาเจ้ากรรมนั้นเคยเดินโทง ๆ ไปหาช่อดอกลาเวนเดอร์เองมาแล้ว กับครั้งนี้เองก็ด้วย! กลไกกับชุดฟันเพืองของม
เปลือกตาหนักอึ้งเริ่มเคล่ือนเปิดกว้าง พรายแสงเจิดจ้าจากหลอดไฟเพดานคือสักขีพยานสำหรับการตื่นตัว บนเตียงผ่าตัดในห้องพยาบาลชั้น 4 ในที่สุดเจ้าหน้าที่เจฟเฟอร์ก็วกกลับคืนสู่โลกภายนอกได้สำเร็จ พร้อมกับแขนและขาข้างใหม่ที่ทั้งสวยงามและวาววับ ไม่มีแล้วกับไอ้ด้วนแขนกุด นาทีนี้มีแต่เจ้าหน้าที่ภาคสนามที่พร้อมจะทำภารกิจทุกชนิด แบบใส่สุดไม่หยุดสุดสัปดาห์.แต่ก็แปลกตรงที่สิ่งแรกที่เจ้าตัวเลือกทำ กลับมิใช่การก้าวเท้าลงจากเตียงผ่าตัดแล้วขยับเขยื้อนยืดเส้นยืดสาย เหมือนกับที่ผู้ช่วยนาริตะทำกับร่างกายของออเจ้าดาวิกา เขากลับเลือกที่จะถามหมอยูมิโกะขึ้นว่า."ดอกไม้ผมอยู่ไหน?"พลางหันซ้ายแลขวา สอดส่ายสายตาลอกแลก."ดอกไม้?! ดอกอะไรของคุณคะ หมอไม่เห็นรู้เรื่อง หรือว่าสมองคุณผิดปกติเพราะได้รับรังสีจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า มันปวดตรงไหนรึเปล่าเอ่ย?"