แสงสว่างสองหย่อมเปล่งประกายออกมาตรงบริเวณแก้มก้น ภายใต้ชุดหนังรัดรูปอันเป็นเอกลักษณ์ของทีมงาน Parallel เจฟเฟอร์รับรู้ได้ถึงพลังงานความร้อนที่กำลังโรมรันผิวตูดของเขา มันอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ จนค่อนไปทางร้อน กระทั่งเจ้าตัวย่อขาลงแล้วเอื้อมมือทั้งสองข้างลงไปตะปบไว้นั่นแหละมันถึงได้หยุด! ก่อนจะได้ออกมาเป็นแผ่นกระดานบางใส 2 แผ่นที่เรียกว่า "Jumper board"
.
ขนาดกับรูปร่างเหมือนกับจานร่อนพลาสติกที่คนรักหมาใช้ปาให้เจ้าตูบกระโดดงับ ต่างกันนิดตรงที่ "Jumper board" นั้นอยู่ในรูปของคลื่นพลังงานมากกว่า มันเรืองแสงตลอดเวลา บางเบาแต่แข็งแกร่ง มิหนำซ้ำบริเวณด้านล่างยังมองเห็นประกายไฟสปาร์คเป็นเส้น ๆ ราวกับสายฟ้าจากค้อนโยเนียร์ของธอร์เทพเจ้า
.
"เอาล่ะพอถือไว้ในมือแล้วจากนั้นก็.. , ฮึบ!"
.
"พลั๊ว! , พลั๊ว! , พลั๊ว!"
"ฟิ้ววววว~!"
.
ประหนึ่งเคยได้เสียกับจาพนมมาก่อน เจฟเฟอร์ตีลังกาใส่เกลียวพลันปาเจ้าแผ่น jumper board ออกไปกลางอากาศ! ม้วนตัวทีก็ปาไปอันนึง หกคะเมนหกรอบก็ปาออกไปหกแผ่น มันแทบจะวาร์ปขึ้นมาบนก้นได้เองในทุก ๆ ครั้งที่เขาไพล่มือไปสัมผัสโดนเข้า แผ่นบอร์ดพุ่งแหวกอากากาศฟึบฟับ ๆ ๆ ! คล้ายกับดาวกระจาย ก่อนที่ประจุไฟฟ้าด้านล่างจะทำการสันดาบกับชั้นบรรยากาศ ทำให้ข้างเติ่งอยู่ได้โดยไม่ร่วงหล่นลงมา
.
พวกมันเรียงกันเป็นแนวไล่ระดับขึ้นไปราวกับขั้นบันไดของพระอุโบสถ ระยะห่างระหว่างแผ่นบอร์ดแต่ละอันถูกเจฟเฟอร์กะเกณฑ์เอาไว้แบบคร่าว ๆ ให้พอดีกันกับช่วงขาของเขา
.
"วู้ววว! ใครก็ได้บอกกูทีว่ากูทำไป.. เพื่อ?! "
"ไอ้ห่า! แม่งเขวี้ยงออกไปเฉย ๆ ก็ได้.. เนี่ยะดูสิ! "
.
"ฟิ้ววววว~!
"ปั๊ก!!!"
.
"เห็มไหม! อันสุดท้ายปักอยู่ตรงรอยโบ๋บนหลังคาพอดีเลย แล้วไง? ตีลังกาไปแล้ววินดีเซลล์เขาจะเอากูไปวิ่งหยอย ๆ ให้รถชนตายในหนังเดอะ fast ภาพซูม (เสียงไทยโรง) อย่างงั้นเหรอ แม่งก็ไม่! บร๊ะ! เสียเวลาโดยแท้! กางเกงก็รัดคับไข่อีกต่างหาก กูทำไปทำไม? กูต้องการอะไรจากสังคมวะไอ้เจฟ?"
.
เป็นเหตุให้ต้องรีบออกคำสั่งปิดระบบไปโดยพลัน แผ่นพลังงาน Jumper board บริเวณแก้มก้นที่ standby อยู่ ก็เลยต้องดับหายตามไปด้วย ซึ่งก็ถูกแล้ว! เพราะเบื้องหน้าเขาในตอนนี้มีพวกมันอยู่เกือบ 20 แผ่น แต่ละแผ่นวางทอดตัวจากเบื้องล่างเป็นขั้น ๆ จนถึงจุดบนสุดของโครงหลังคา และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา จนต้องหายาสตรีเพ็ญภาคมาระงับความหงุดหงิด สายลับหนุ่มผู้อารมณ์แปรปรวนจึงต้องรีบสืบเท้าวิ่งตื๋อขึ้นไปข้างบน เพื่อทำภารกิจตามหาเจ้าหญิงนาตาชาต่อ
.
เขาเขย่งเท้าจ้วงโทง ๆ สลับกับการกระโดดเป็นพัก ๆ ทิ้งน้ำหนักตัวใส่แผ่น Jumper board แบบเต็ม ๆ ขาต่อขาก้าวต่อก้าว โดยไม่กลัวว่ามันจะพังครือลงมา ทุกจังหวะฝีเท้าที่เหยียบกระทบแผ่นบอร์ดจะเปล่งแสงสีเข้มออกมาระยิบระยับสวยงาม ไม่ถึง 1 นาทีจากพื้นกลางห้องโถงที่เจิ่งนองไปด้วยโลหิต เจ้าหน้าที่ภาคสนามของเราก็โผล่พรวดขึ้นมาถึงพื้นที่ส่วนบน ตรงบริเวณหลังคาได้เป็นที่เรียบร้อย
.
"เยส! ให้มันได้อย่างงี้สิ! ค่อยสมกับเป็นสายลับขึ้นมาหน่อย อุปกรณ์ของ Parallel แต่ละชิ้นนะใช้กี่ทีก็รู้สึกว่าตัวเองมีความเท่! หึ ๆ "
.
เห็นจะจริงอย่างเจฟเฟอร์บอก เพราะนอกจากจะรู้สึกว่าตัวเองดูดีแล้ว บรรยากาศบนนี้ยังดีซะจนอยากนำ MV เพลงรักของพี่เท่ห์ อุเทนพรหมมินทร์ ขึ้นมาบรรจุเอาไว้ กับพื้นผิวหลังคาที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ลมเย็นแสนชิวที่พัดอิงเอื่อย บวกกับวิว 360 องศาของเมืองยอร์คชินในยามค่ำค่ืน ช่างเป็นอะไรที่แสนจะโรแมนติกโคตร ๆ จากใจจริงที่ไม่ได้ "โกหกหน้าตาย" เจฟเฟอร์คิดว่า เหตุการณ์ร้าย ๆ คงไม่ได้เกิดขึ้นบนนี้หรอก
.
เพราะเมื่อลองวิเคราะห์ดูดี ๆ แล้วเขากลับพบว่า ไอ้คนใช้มีดกับพรรคพวกของมันไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลย ไม่มีรอยเท้ ไม่มีรอยเลือด ไร้ร่องรอยการต่อสู้ทุกรูปแบบ องค์หญิงนาตาชาน่าจะยอมไปกับพวกมันแต่โดยดี เพราะฉะนั้นทางเดียวที่จะออกไปจากที่นี่ได้จึงมีแค่การ "บิน" ออกไปเท่านั้น
.
เขาเดินดูทุกสิ่งทุกอย่างบนนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน แล้วก็ไม่พบความน่าจะเป็นอื่นใด ที่จะทำให้ปัจจัยในการสันนิษฐานของเขาเกิดข้อผิดพลาดได้ กระทั่งตัดสินใจปีนขึ้นไปยืนจังก้าอยู่บนขอบหลังคาดู ในจุดที่ปริ่มที่สุด! ในมุมที่หมิ่นเหม่ซะจนปลายรองเท้าโผล่พ้นขอบความชันออกมาเล็กน้อย ชั่วขณะจิตนั้นเองใจเขาก็ไพร่คิด..
.
"เฮ้อ.."
.
"ทำไมกูไม่เป็นนักร้องวะ.."
กรีดปลายน้ิวคลอคลึงกับเหลี่ยมคาง พลันส่ายหน้าไปมาไม่สบอารมณ์นัก
.
"บรรยากาศดี ๆ แบบนี้ถ้าได้เป็นนักร้องกูคงมีโอกาสได้ปี้แด๊นซ์เซอร์แจ่ม ๆ แม่งทุกคืน เสียดาย.. เสียดายความหล่อระดับจัสติน บีเบอร์ของกูเหลือเกิน โถ่.. กู! กูผู้น่าสงสาร! ทำไมต้องมาเป็นสายลับดักดาน ที่ได้เย่อร์แค่โฮโรแกรมด้วยนะ?"
.
คิดไม่คิดเปล่าเพราะระหว่างรำพึงรำพันอยู่ จู่ ๆ สายลมกรรโชกแรงวูบหนึ่งก็พัดเข้ามาปะทะร่างแบบเต็ม ๆ "ฟิ้ววววว!" ทำให้เจฟเฟอร์ระลึกชอบได้ด้วยตนเองว่าอะไรเป็นส่ิงที่เขาพึงกระทำมากที่สุดในตอนนี้ เขารวบรวมสติขึ้นมาใหม่ พยายามมองหาหลักฐานชิ้นสำคัญทีี่อาจมองข้ามไป จับโน่นจับนี่มารวมกันแล้วก็ประมวลผลซ้ำดูอีกรอบ
.
ควบรวมไปถึงการลองแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าดูอีกที ซึ่งคราวนี้ไม่ใช่การมองด้วยแววตาหวานซึ้งเฉกเช่นพระเอก MV ที่คร่ำครวญหานางอันเป็นที่รักอีกต่อไปแล้ว ตรงกันข้ามเจฟเฟอร์กลับมองขึ้นไปด้วยสายตาที่อ่านขาด! ทะลุปรุโปร่ง! ตามแบบฉบับของสายลับมือฉมังค์ผู้มากประสบการณ์อย่างแท้จริง
.
"โดรนคุมสภาพอากาศ!"
เจฟเฟอร์อุทาน พลางใช้ออปติคอลซูมจากม่านตาซูมภาพออกมาให้เห็นเป็นมุมมองปกติ
.
"ที่ฟ้าสวยก็เพราะโดรนคุมสภาพอากาศยังคงทำงานอยู่นี่เอง ทำไมนะ? ทำไมกัน? จำได้ว่าตอนเข้ามาใหม่ ๆ เราแฮกมันจนร่วงลงมาโหม่งพื้นหมดแล้วนี่?"
.
"เอ.. บางทีคงต้องพังมันทิ้งแบบจริง ๆ จัง ๆ สินะ เผื่อจะเห็นร่องรอยอะไรขึ้นมาบ้าง"
.
ว่าแล้วเจฟเฟอร์ก็จัดแจงใช้ออปติคอลซูมในม่านตาอีกรอบ เขาซูมภาพเข้าหาโดรนพิการที่แทรกตัวอยู่ในกอหญ้าริมรั้ว พลางล็อคเป้าหมาย แล้วก็ยิงเลเซอร์ออกจากปลายนิ้วทำลายทิ้ง "ตูมมมมม!!!" แหลกละเอียดกระจุยกระจายไปต่อหน้าต่อตา
.
"แค่อันเดียวจากสี่อันก็น่าจะพอ กลับสู่สภาพเดิมในอีก 5.. 4.. 3.. 2.."
.
"วืดดดดด! , วืดดดดด! , ฟับบบบ!!!"
.
"ข้างนอกสดใสข้างในต๊ะติ๊งโหน่ง" ต้องขออนุญาตใช้สำนวนไทยโบราณ เพื่ออธิบายกิริยาอาการที่เป็นอยู่ ณ ขณะนี้ให้เห็นภาพชัดเจนที่สุด เพราะมันเป็นแบบนั้นจริง ๆ คือจากฟ้าเย็นฉ่ำมากมายหมู่ดาว พอโดรนควบคุมสภาพอากาศถูกทำลายทิ้งปุ๊บ! ภาพสวยงามเหล่านั้นก็วาร์ปหายไปหมดเลย!
.
สิ่งที่เจฟเฟอร์เห็นอยู่กับตาในตอนนี้ กลับกลายเป็นท้องฟ้าที่ช้ำเลือดช้ำหนอง สีของมันแดงสดสยองราวกับแผลมอเตอร์ไซต์ล้มราดรดทิงเจอร์ไอโอดีน กลุ่มเมฆก็ขยุกขยุยไม่เป็นก้อน พวกมันแตกเป็นแพรกระจายคล้ายกับจะเป็นกลุ่มควันพิษ จำพวกซัลเฟอร์มอนนอกไซต์จากโรงงานอุตสาหกรรมซะมากกว่า ยิ่งเป็นกลิ่นนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย ต่อให้เป็นพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ลองมานั่งยุบหนอพองหนออยู่แถวนี้แล้วล่ะก็ อื้อหือ! เรียกได้ว่าสูดลมหายใจเข้าไปแต่ละที คงมีสนิมกินโพรงจมูกกันบ้างล่ะ
.
"ดูรวม ๆ แล้วมี "เสนียด" เหลือเกิน กูไม่ได้เสริม กูพูดจริง ๆ "
เจฟเฟอร์ถึงกับเพ้อออกมาเป็นทำนองเพลงของ พี่ป้าง นัครินทร์กิ่งศักดิ์ ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าลึก ๆ แล้วเจ้าตัวยังอยากจะเป็นศิลปินถ่ายทำ MV อยู่รึเปล่าเพราะบางทีหากเขามัวแต่ชักช้าอยู่แบบนี้ องค์หญิงนาตาชาอาจจะเปลี่ยนสภานะจนกลายเป็นนางเอก AV ของพวกไอ้คนใช้มีดไปแล้วก็ได้
.
"ผมไม่เห็นทางไหนเลยครับองค์หญิงนอกจากการใช้เครื่องบิน.. พวกมันน่าจะนำตัวท่านขึ้นยานแล้วก็บินออกไป แถมยังเป็นยานที่ใช้เชื้อเพลิงบริสุทธิ์อีกต่างหาก เพราะเท่าที่ผมเช็คดูไม่มีส่วนไหนบนหลังคานีี้เลย ที่มีคราบเขม่าควันหรือรอยไหม้จากไอพ่น.."
.
"แสดงว่า.. ซีดดดดด! พวกมันไม่ใช่โจรธรรมดา!"
.
เจฟเฟอร์บ่นพึมพำกับตัวเองไป พลางกระโดดลงจากขอบหลังคาเดินอาด ๆ ย้อนกลับมายังบริเวณรอยโบ๋ตรงที่เขาไต่แผ่น Jumper board ขึ้นมาอีกครั้ง
.
"แต่ก็ยังดีนะครับที่พวกมันทิ้งเจ้านี่เอาไว้ เศษเชือกไนล่อนเล็ก ๆ นี่แหละ ช่วยผมได้มากเลยทีเดียวองค์หญิง"
หันซ้ายแลขวาลอกแลก เช็คจนมั่นใจว่าไม่มีใครเห็น เจฟเฟอร์จึงเริ่มเพ้อต่อ
.
"คิดว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้โจรขโมยกางเกงใน ไม่ถูกจับกันล่ะ? "
"ซูดดดดด~ อ่าาาา~! ก็เพราะว่าผมเคยทำมันมาก่อนน่ะสิ!"
.
ชาติชั่ว มั่วเซ็กส์ ต่ำตมอมควยหมา! บอกได้คำเดียวว่ายังฟังดูซอฟต์เกินไป เมื่อเทียบบกับพฤติกรรมสุดอัปรีย์ของชายผู้ได้ชื่อว่าเป็นสายลับอันดับหนึ่ง เพราะอยู่คนเดียวด้วยแหละเจฟเฟอร์ถึงกล้างัดสกิลลึกลับ ที่สืบทอดมาแต่ครั้งบรรพบุรุษออกมาใช้ได้อย่างไม่อายดินอายฟ้า มันเป็นทักษะที่เขามักจะนำมาใช้ในยามเหงา ๆ เป็นพฤติการที่อคาเดมี่ฝึกหัดของ Parallel ไม่เคยคิดจะสอนเลยด้วยซ้ำ
.
เริ่มจากการใช้สองนิ้วหยาบกร้านเอื้อมลงไป คีบเอาเศษเชือกไนล่อนให้ติดนิ้วขึ้นมา จากนั้นก็เปิดโพรงจมูกออกกว้าง ๆ พลางตะปบอุ้งมือครอบจมูกกับปากเอาไว้ เอาเศษเชือกไว้ตรงกลาง ตรวจสอบอุ้งมือให้แนบชิดสนิทแน่นไม่มีรอยรั่ว แล้วก็ ซวดดดดด~! เข้าไปให้เต็มปอดแบบสุดแรงเกิด!
.
โอ้พระเจ้า! มันช่างเป็นอะไรที่ชวนให้คิดถึงวันเก่า ๆ ซะเหลือเกิน แต่เจฟเฟอร์ก็ทำแบบนั้นได้ไม่นานนัก เพราะนี่ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาจินตนาการถึงกลีบหีขาว ๆ ของสาวข้างบ้าน พิกัดที่อยู่ขององค์หญิงถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ตาเขาเหลือบมองบนกลับด้านสั่นระรัว ประสาทแห่งการรับกลิ่นเบิกโพลง ซึ่งเป็นอะไรที่ถูกดัดแปลงมาให้ไวกว่าจมูกของสุนัขถึง 30 เท่า ระบบประมวลผลภายในแกนสมองเริ่มโรมรัน มันสร้างได้แม้กระทั่งแผนที่สามมิติ แบบละเอียดยิบขึ้นมาบนหน่วยความจำของเขา
.
ถึงกระนั้นเจ้าตัวก็ยังตัดสินใจสูดกลิ่นเชือกกลับเข้าไปใหม่อีกครั้ง เพื่อทำการลากเส้นกำหนดจุด การซีดโพรงจมูกหนนี้ทำให้เจฟเฟอร์รู้ลึกเข้าไปถึงระดับเซลล์ของบุคคลเป้าหมาย มีกลิ่นกำมะถัน และเขม่าดินปืนผสมปนเปเข้ามาบ้าง แต่เขาก็แยกพวกมันออกจากกันได้ด้วยการเผยอปีกจมูกเพียงเล็กน้อย ทำให้กลิ่นหอมของผู้หญิงแบบเพียว ๆ ลอยเด่นชัดขึ้นมา
.
"ฟุดฟิด ๆ , ฟุดฟิด ๆ "
.
"นี่คือกลิ่นสาปของเด็กสาวอายุ 20 - 23 ปี , ผมสั้นสีบลอนส์ทอง หน้าอกคัพ D 38 , สะโพก 36 ชอบกินกล้วยเป็นอาหาร , ลักษณะนิสัยเป็นคนปากร้ายแต่จริงใจ ยอมหักไม่ยอมงอ , ท่านอนที่ชอบตะแคงขวางอเข่า 32 องศา ลิปดาตะวันออก.. ฯลฯ"
.
เห็นไหมล่ะว่าแค่กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ขององค์หญิงนาตาชาที่ติดอยู่กับเส้นเชือกเพียงน้อยนิด เจฟเฟอร์ยังรู้ลึกรู้จริงได้ถึงเพียงนี้ เขากำหนดจุดเป็นเส้นทางลงไปในแผนที่สามมิติที่สร้างขึ้นเมื่อครู่ เรนเดอร์ทุกอย่างให้เข้ากันกลมกลืน พลางเมมโมรี่ทุกสิ่งอย่างเอาไว้ในหัว เพียงเท่านี้ทุกอย่างก็พร้อมแล้ว! แค่เดินทางตามแผนที่นี้ไป เจ้าหญิงนาตาชาก็มิอาจรอดพ้นไปจากเงื้อมมือของเขาได้ เว้นเสียแต่ว่าเจ้าหล่อนจะไม่ถูกทรมานจนขาดใจตายไปซะก่อน
.
เจฟเฟอร์ก็เลยต้องทำเวลา เขารีบปล่อยมือให้เศษเชือกไนล่อนปลิวว่อนไปกับสายลม ระหว่างนั้นก็กดเลือกชุดคำสั่งในหน้าจอมุมมองบุคคลที่หนึ่ง เพื่อส่งสัญญาณเรียก Gravity bike ที่จอดหลบมุมซุกไว้ในซอกตึกแถวนั้นให้ออกมารับ
.
"หวีด ๆ , หวีด ๆ , หวีด ๆ , หวีด ๆ "
เสียงเครื่องยนต์ดังคำรามเจื้อยแจ้วมาแต่ไกล นับหนึ่งถึงสามในใจ เจฟเฟอร์ก็เริ่มซอยเท้าออกวิ่งสุดแรงเกิด! พลันกระโจนพุ่งตัวออกไปจากบนหลังคาแบบไม่คิดชีวิต ทั้ง ๆ ที่พาหนะคู่ใจยังบินมาไม่ถึงจุดที่รองรับได้เลย!
.
"Jumper board! , On! "
.
ฮึบ!"
.
"พลั๊ว! , พลั๊ว! , พลั๊ว! , พลั๊ว! , ชึ๊บ! , ชึ๊บ! , ชึ๊บ! , ชึ๊บ! "
.
ตะปบหนังตูดแล้วปาแผ่นบอร์ดออกไปกลางอากาศ อย่าว่าแต่ใช้เป็นบันไดขึ้นสู่ที่สูงเลย แม้แต่การวิ่งบนฟากฟ้าเจฟเฟอร์ก็ทำได้ ประกายแสงจากฝ่าเท้าของเขาส่องสว่างเย้ยหยันดวงดาว ทุกย่างก้าวที่ข้ามผ่านท้องฟ้าสีแดง คือตัวแทนของความคาดหวังที่ต้องการจะเสาะแสวงหาความจริง
.
กระโดดขึ้นคร่อม Gravity bike ได้เป็นที่เรียบร้อย Connect แผนที่สามมิติเข้ากับระบบนำทางของยานได้อย่างสมบูรณ์แบบ
.
.
"โอเค! ไปกันเลย! ไปตามหาองค์หญิงนาตาชากัน หวังว่าท่านคงไม่กลายเป็นเจ้าหญิง AV ไปก่อนนะ"
.
"บรื้นนนนนนนน!!! , บรื้นนนนนนน!!!"
แสงสว่างสองหย่อมเปล่งประกายออกมาตรงบริเวณแก้มก้น ภายใต้ชุดหนังรัดรูปอันเป็นเอกลักษณ์ของทีมงาน Parallel เจฟเฟอร์รับรู้ได้ถึงพลังงานความร้อนที่กำลังโรมรันผิวตูดของเขา มันอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ จนค่อนไปทางร้อน กระทั่งเจ้าตัวย่อขาลงแล้วเอื้อมมือทั้งสองข้างลงไปตะปบไว้นั่นแหละมันถึงได้หยุด! ก่อนจะได้ออกมาเป็นแผ่นกระดานบางใส 2 แผ่นที่เรียกว่า "Jumper board".ขนาดกับรูปร่างเหมือนกับจานร่อนพลาสติกที่คนรักหมาใช้ปาให้เจ้าตูบกระโดดงับ ต่างกันนิดตรงที่ "Jumper board" นั้นอยู่ในรูปของคลื่นพลังงานมากกว่า มันเรืองแสงตลอดเวลา บางเบาแต่แข็งแกร่ง มิหนำซ้ำบริเวณด้านล่างยังมองเห็นประกายไฟสปาร์คเป็นเส้น ๆ ราวกับสายฟ้าจากค้อนโยเนียร์ของธอร์เทพเจ้า."เอาล่ะพอถือไว้ในมือแล้วจากนั้นก็.. , ฮึบ!"."พลั๊ว! , พลั๊ว! , พลั๊ว!""ฟิ้ววววว~!".ประหนึ่งเคยได้เสียกับจาพนมมาก่อน เจฟเฟอร์ตีลังกาใส่เกลียวพลันปาเจ้าแผ่น jumper board ออกไปกลางอากาศ! ม้วนตัวทีก็ปาไปอันนึง หกคะเมนหกรอบก็ปาออกไปหกแผ่น มันแทบจะวาร์ปขึ้นมาบนก้นได้เองในทุก ๆ ครั้งที่เขาไพล่มือไปสัมผัสโดนเข้า แผ่นบอร์ดพุ่งแหวกอากากาศฟึบฟับ ๆ ๆ ! คล้ายกับดาวกระจาย ก่อ
รังสีอำมหิตแผ่ซ่านสยายไกลมาถึงคนนอก เบอร์แบโต้กับเจฟเฟอร์ที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ รับรู้ได้เลยว่าปิเก้กำลังแบกรับความกดดันอยู่มากแค่ไหน พวกเขาเหงื่อแตกซิก หายใจติด ๆ ขัด ๆ ไม่อยากจะคิดว่านี่จะเป็นเรื่องจริง เพราะความจริงแล้วถ้าเขาไม่มัวเถลไถลหาแขนข้างใหม่อยู่ เหตุการณ์สุดสยองทำนองนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นกับปิเก้เป็นแน่."เชี้ยเอ๊ย! ถ้ากูใส่เกียร์หมาเร่งกระเด้าเย็ดผู้หญิงให้แตกเร็วกว่านี้นะมึงเอ๊ย ไอ้ปิเก้มึงคงไม่ตายกูพูดจริง ๆ กูขอโทษเพื่อน"ส่ายหน้าไปมาปลดปลง จนเจฟเฟอร์ลืมไปเลยว่าทุกอย่างที่ฉายอยู่นั้นพุ่งออกมาจากตาของเขา."เฮ๊ย! พี่เจฟ! ใจเย็นก่อนพี่! เส้นโฮโลแกรมมันแตกกระจายหมดแล้ว ผมเวียนหัวดูไม่ออกเลยว่าอะไรเป็นอะไร แล้วพี่ก็อย่าโทษตัวเองไปเลย ความเสียใจของพี่ผมสิต้องเป็นคนแบกรับเอาไว้ ผมน่ะรับงานโดยตรงมาจากบอสเลยนะ"เบอร์แบโต้พยายามพูดปลอบใจ แล้วทันใดนั้นเองภาพเหตุการณ์จากเครื่องฉายในม่านตาก็กลับมาชัดเจนขึ้นอีกครั้ง เส้นลำแสงวูบไหวไปจังหวะหนึ่ง ตัดกลับมาหนนี้เจฟเฟอร์สังเกตเห็นเลยว่า ขณะนั่งคุกเข่าอยู่และกำลังจะถูกบ่วงเชือกไนล่อนกระชากคอขึ้นไป ปลายนิ้วชี้ของปิเก้ได้หักมุมลงมาแล้ว เขาเตร
"พี่ปิเก้กำลังบอกใบ้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นจากบนนั้นใช่ไหมครับ? พี่เขาต้องการให้เราขึ้นไปสืบข้างบนใช่ไหมพี่เจฟ?"เบอร์แบโต้ตวาดเสียงดุดัน ท่าทางเขาดูจริงจังจนออกนอกหน้า ซึ่งเป็นอะไรที่ตรงข้ามกับสีหน้าสีตาของสายลับรุ่นพี่เป็นที่สุด."โอ่ย! โอ่ย! โอ่ย! ๆ ไอ้โต้เอ๊ย! ไอ้โต้! นี่ตอนเด็ก ๆ แม่มึงบดแกลบให้แดกกับกาบมะพร้าวเหรอ สมองมึงถึงอุ้มน้ำได้ถึงเพียงนี้! มันใช่ซะที่ไหนล่ะเจ้าทึ่ม! ตอนนั้นปิเก้มันนอนแหงนหน้าอยู่ใช่ไหม?"."ใช่ครับ.. พี่เขาหนุนตักผมอยู่?"."ถ้างั้นก็ไม่ผิดหรอก! เพราะที่มันชี้น่ะไม่ใช่รูแหว่งโบ๋บนหลังคา หากแต่เป็นของที่ขวางอยู่เบื้องหน้าอย่างหน้าผากแกต่างหากล่ะเจ้างั่ง!".ได้ยินเช่นนั้นมือหนาหยาบกร้านของเบอร์แบโต้ ก็รีบตะปบวนไปวนมาบนหน้าผากตัวเองทันที แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นมีอะไรผิดสังเกต."หน้าผากผมมันมีอะไรเหรอครับพี่เจฟ ผมไม่เห็นจะเข้าใจในสิ่งที่พี่พูดเลย?"."เฮ้อ..! คืออย่างงี้สิ่งที่ฉันจะบอกก็คือ ธรรมชาติของหน่วยภาคสนามอย่างเราน่ะ มันต้องพร้อมที่จะตายตลอดเวลาอยู่แล้ว ก็เลยมีความจำเป็นที่จะต้องบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ เอาไว้อย่างลับ ๆ ผ่านทางชิบที่ฝังไว้ในส
สะบัดลำตัวสะดีดสะดิ้งหวิดหวิวเสียวสะท้าน ทันทีที่ภาพเสมือนโดนตัดสัญญาณ เจฟเฟอร์ก็รีบดึงสติกลับมาที่ตัวเอง เดชะบุญที่เขาไม่ได้ไปไหนไกลจากเบอร์แบโต้นัก จากตรงนี้ในชุดรัดรูปที่ใช้สำหรับทำภารกิจโดยเฉพาะ เจฟเฟอร์ยังคงมองเห็นเจ้าหน้าที่รุ่นน้องได้อย่างชัดเจน."โถ่เอ๊ย! ไอ้โต้ ดูสิดูมันทำ! ทำอย่างกับคนไม่เคยฝึกมา รื้อสถานที่เกิดเหตุกระจุยกระจาย ถุงมือก็ไม่ใส่ หลักฐานสำคัญหายหมดแล้วมั้งน่ะ! "."น่าเสียดายที่บอสรู้ตัวเร็วไปหน่อย ไม่งั้นเราคงได้ข้อมูลมามากกว่านี้ ดอกลาเวนเดอร์สดดอกหนึ่งราคาเฉียด 500 เหรียญ ไม่อยากจะเชื่อว่าแกจะกล้าปาเข้าใส่เราได้! ชูู่ววววว! ถึงที่ส่งไปจะเป็นแค่ภาพ visual ระบบ wireless ก็เถอะ แต่มันก็เสียวท้องน้อยดีเหมือนกันแฮะ.. วู้วววว!".วนมือเป็นวงบนพุงตัวเองวูบวาบ สายลับหนุ่มเป่าปากพ่นลมหายใจพรู อย่างที่เราทราบว่านวัตกรรมของ Parallel นั้นมีมากมายหลายชิ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเจ้านี่ "เครื่องฉายภาพระยะไกลระบบ wireless " มันเป็นอุปกรณ์ย่อยที่ถูกติดตั้งเข้ามาใหม่ เพียงแค่กลับด้านหัวเข็มขัดนิดเดียว จากอุปกรณ์แปลงร่างก็จะกลายเป็นเครื่องส่งสัญญาณในทันที เดชะบุญที่โลกยุคนี้เป็น
บรรยากาศมาคุแผ่สยายปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณ เงียบจนได้ยินเสียงเข็มหล่น เงียบซะจนได้ยินเสียงแอร์ดังครือ ๆ ครือ ๆ เจฟเฟอร์หน้าซีดเป็นไก่ต้ม เขาทำได้เพียงคุกเข่่าแล้วก็ก้มหน้าลงปลดปลงกับบานประตูอันเว้าแหว่ง กูไม่น่าพังมึงเข้ามาเลย!."ว่าไงล่ะ! จะเงียบทำไมมิทราบไม่ได้ยินในสิ่งที่ฉันถามเหรอ ว่าคุณเสียมารยาทเข้ามาที่นี่ทำไม!"บอสสาวแห่งองค์กรตวาดเสียงเข้มดุดัน และระหว่างที่เจฟเฟอร์กำลังจะอ้าปากตอบ."อ่ะ.. เอิ่ม คือผมจะเอา.. า.. า.."."หยุด! อย่าเพิ่งพูดอะไร ส่งหัวเข็มขัดคุณมาก่อน!"."หัวเข็มขัด! บอสจะเอาคืนเหรอครับ งั้นก็หมายความว่า.. ห๊ะ! นี่อย่าบอกนะว่า! บอสจะไล่ผมออก! ด้วยเรื่องแค่นี้เนี่ยะนะ! ไม่ครับบอสไม่ ไม่ ไม่ ๆ ๆ ไม่มีทาง! ยังไงผมก็ไม่ออก ออกไปผมจะเอาไรแดก!"."ใครอนุญาตให้เงยหน้ามิทราบคุณเจ้าหน้าที่ ฉันบอกว่าส่งมาก็คือส่งมาไง! ทำไมต้องให้ย้ำ!".กัดกรามกรอด ๆ ฝืนใจเจ็บทน ต้องก้มหัวให้ผู้หญิงแล้วยังต้องมาโดนปลดออกจากตำแหน่ง เพราะความจังไรของตัวเองอีก รู้ถึงไหนอายเขาถึงนั้น ถึงจะไม่อยากทำแต่สุดท้ายก็ต้องยอมปลดหัวเข็มขัด ที่มีตราสัญลักษณ์เครื่องหมายเท่ากับ (=) แห่งองค์กร Parallel ค
"ฟึบฟับ! ๆ , ฟึบฟับ ๆ , โฉ้งเฉ้ง ๆ ๆ !".อย่าว่าแต่ไอร่อนแมนเลย ชั่วยามนี้ทรานฟอร์เมอร์แม่งก็มา เมื่อขากลคู่งามดับไอพ่นลงแล้วแลนด์ดิ้งลงสู่พื้นพรมเปอร์เซียในห้องบอส ผืนพรมราคาแพงยุบบุ๋มลงตามน้ำหนักตัวที่มากโข แต่ครานั้นเจฟเฟอร์ก็ยังอุตส่าห์โพสต์ท่าตะแคงข้าง โชว์ให้เห็นถึงอะไหล่ชิ้นงามที่กำลังสับเปลี่ยนตัวเองกลับคืนรูปลักษณ์."เอิ่ม.. ผมต้องขอประทานโทษด้วยครับบอส คือว่าผมเผลอตัวเผลอใจไปหน่อย มันอดใจไม่ไหวจริง ๆ ก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย แฮะๆ"."แบบว่าขาข้างใหม่มันยังไม่ชินน่ะครับ เผลอ ปริ๊ด! แค่นิดเดียว ไม่คิดว่าขามันจะสั่นซะจนพุ่งใส่ประตูพังเป็นแถบแบบนี้ ต้องขอโทษคุณผู้หญิงด้ว.. ย.. ย!".เจฟเฟอร์ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะจิต ณ ตอนนี้ที่ไฟฉุกเฉินตรงมุมห้องสว่างโล่ขึ้นมา ทำให้เจ้าตัวมีโอกาสได้เห็นหน้านวลนางที่อุปทานว่าเป็นแบร็ควิโดว์แบบจะ ๆ เป็นครั้งแรก."เอ็มม่า!""เธอคือเอ็มม่าแผนกการเงิน ที่อยู่ประจำชั้น 3 นี่นา!?""ไอ้หย๋า! นี่อย่าบอกนะว่าคุณโดดงานมาเอากับบอส! หึ๊ยยย! แรดชุปแป้งทอดชะมัด!".โดนตะคอกใส่แบบนั้น เป็นใครก็ต้องสวนกลับ!."หยุดปากพล่อยเดี๋ยวนี้นะคุณเจ้าหน้าที่เจฟเฟอร์! มันไม่