แช่น้ำจนได้ที่เบอร์แบโต้ก็ลุกพรวดขึ้นจากอ่างเป็นคนแรก ผิวสีแทนอมน้ำตาลของเขาแดงระรื่อมัดกลามดีดเปรี๊ยะ ๆ เด้งดึ๋ง ๆ ควันขโมง
.
"วู้วววว.. เรียบร้อย สบายตัวดีจังเลยโว๊ย!"
เหลือบสายตาไปมามองหาผ้าเช็ดตัว ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแล้วขมวดเข้าที่เอวแบบหลวม ๆ
.
"ผมไปก่อนนะพี่ ๆ ไว้ค่อยว่ากันต่อวันหลัง"
.
"เอ้อ..โชคดีไอ้น้องรัก ถ้ามีแบบนี้มาอีกก็อย่าลืมเรียกพวกฉันอีกล่ะ เดี๋ยวเลี้ยงเหล้าตอบแทนโว่ย"
.
"ไม่ต้องหรอกพี่เฟอร์นันโด ลำพังแค่พวกพี่ ๆ สอนงานให้ผม ๆ ก็สำนึกบุญคุณจะแย่อยู่แล้วเรื่องแค่นี้สบายมากครับ นี่เดี๋ยวเสร็จจากตรงนี้ผมก็ต้องขึ้นไปรับเช็คจากคุณเอ็มม่าฝ่ายบัญชีอีก ถ้าไม่ได้ทำงานที่ Parallel ก็ไม่รู้ว่าจะหาเงินมากมายขนาดนี้ได้รึเปล่า"
เบอร์แบโต้ร่ายยาวพลางส่งยิ้มแหย ๆ กลับไปให้รุ่นพี่ทั้งสองที่ยังคงแช่น้ำอยู่ เขาตรงไปที่ห้องแต่งตัวที่อยู่อีกฟาก จัดแจงเช็ดตัวหวีผมหยิบเอาชุดลำลองที่แลดูเรียบร้อยมาสวมใส่ แล้วก็จวนจะเดินออกมาจากห้องอาบน้ำออนเซ็นบนชั้น 2 นี้อยู่แล้ว ถ้าไม่ติดอะไรบางอย่างเข้า!
.
"เหี้ยไรวะน่ะ? เงาอะไรมาก้ม ๆ เงย ๆ อยู่หน้าห้องน้ำ"
.
เด็กหนุ่มผิวสีสัญชาติอเมริกันค่อย ๆ ย่องเข้าไปดูใกล้ ๆ ด้วยฝีเท้าที่แผ่วเบา อย่างที่บอกก่อนหน้านี้ว่าบานประตูห้องอาบน้ำนั้นทำจากกระดาษสาบาง ๆ ถ้าเจฟเฟอร์ บัตเจนแลนด์ สามารถแอบดูพฤติกรรมของเพื่อน ๆ ได้แล้วล่ะก็ นับประสาอะไรที่เบอร์แบโต้จะทำแบบเดียวกันบ้างไม่ได้ เขาค่อย ๆ เลื่อนบานประตูกั้นออกช้า ๆ ก่อนจะพบว่าเงาปริศนาดำทะมึนดังกล่าว ก็คือเจฟเฟอร์ที่กำลังนั่งหันหลังอยู่
.
"ฉึก.. ฉัก.. ฉึก.. ฉัก.. ฉึก.. ฉัก.. ฉึก.. ฉัก.. ฉึก"
.
"พี่เจฟ.. พี่ทำอะไรอ่ะ?"
เบอร์แบโต้ถามแกมกระซิบกระซาบ
.
"ฉึก.. ฉัก.. ฉึก.. ฉัก.. ฉึก.. ฉัก.. อื้อ.. อืมม.. ม.. ม"
"อือ.. อ่าาา~! ฉึกฉัก ๆ ๆ ๆ !"
.
ได้ยินก็แต่เสียงครือครางแสนกระเส่าดังแว่วออกมา เบอร์แบโต้ก็เลยเดาเอาว่าพี่เจฟของเขาคงจะไม่ได้ยิน ก็เลยเลื่อนบานประตูกระดาษให้กว้างขึ้นเปิดช่องให้แสงไฟจากภายในลอดผ่านออกมาเยอะ ๆ พี่แกจะได้รู้ว่ามีเขายืนตัวดำอยู่ด้านหลัง
.
แล้วภาพที่เจ้าตัวเห็นอยู่ตรงหน้าก็คือ เข็มขัดกับกางเกงสแล็คที่กองอยู่กับพื้น กางเกงในที่ล่นต่ำลงมาห้อยต่องแต่งอยู่ที่ตาตุ่ม เจฟเฟอร์หรี่ตาแหงนหน้าขึ้นมองเบอร์แบโต้เป็นภาพย้อนแสง แล้วก็ด้วยแสงลำเดียวกันนั้นเอง ที่ทำให้น้องเล็กในทีมถึงกับต้องร้องอุทานออกมาซะดังลั่น
.
" พี่เจฟชักว่าว!!!"
.
"ตรงนี้เนียะนะพี่! โคตรเหี้ย! โคตรอุบาทว์อ่ะ! ออฟฟิศเรายิ่งมีแต่ผู้หญิงพี่ไม่อายฟ้าอายดินบ้างรึไง มือวางอันดับหนึ่งแห่ง Parallel บอกตรง ๆ นะโคตรเสียศักดิ์ศรีอ่ะพี่"
.
"อ่าว! ไอ้สัดโต้มึงหลอกด่ากูเหรอ! ก็ใครใช้ให้พวกมึงเอากระหรี่มารุมเย็ดในนี้วะ กูเห็นเข้ากูก็อดไม่ไหวสิ แล้วอีกอย่างมึงดูนี่! แหกตาดูสิว่าควยกูแม่งแข็งโด่เป็นเสาไฟฟ้าอย่างงี้ ถ้ากูไม่ชักว่าวออกให้อ่อนลงพวกผู้หญิงมาเห็นเข้ากูจะเอาหน้าไปไว้ไหน ถ้าแม่งจะพลาดก็เพราะไอ้ไก่อ่อนอย่างมึงนี่แหละ มึงจะตะโกนให้ชาวบ้านเขารู้ทำพระแสงของ้าวอะไรวะเฮ่ย!"
เจฟเฟอร์สวนกลับ เขาตะกุยตะกายลุกขึ้นยืนแต่ก็ทำไม่ถนัดนักเพราะแขนซ้ายที่ขาดไป กางกงกางเกงนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง มันก้มเก็บไม่ได้หรอกถ้าขนาดของลำควยจะใหญ่ย้ำค้ำฟ้าขนาดนั้น
.
"ไม่ใช่น่ะพี่.. พี่เข้าใจผิดแล้ว ผู้หญิงที่พวกเราเอาไม่ใช่กระหรี่ แต่นั่นคือก้อนความทรงจำที่ผม Drain มาจากเหยื่อ แคทเธอรีนร้านดอกไม้ใช้เครื่องแปรสภาพมวลสารแล้วก็ได้เป็นเธอออกมา!"
"ว่าแต่.. ช่อดอกลาเวนเดอร์บนพื้นนั่นฝีมือพี่ใช่ไหม?"
.
"เออของกูเอง ถามทำไม?"
.
"เปล่าพี่ผมแค่จะเปรียบเทียบให้ฟังว่ากว่าพวกเรา Parallel จะแปรสภาพได้ของที่เป็นธรรมชาติแท้ ๆ ออกมาน่ะ มันยากมาก ๆ แล้วกับการที่ผมแปรสสารแล้วได้ผู้หญิงตัวเป็น ๆ ออกมา เป็นพี่ ๆ ไม่เอาเหรอ? เอาฟรีนะพี่! เย็ดได้ทุกที่เต็มที่ทุกท่วงท่า เสียดายที่ขาดท่าหมาไป!"
.
"พอ ๆ มึงหยุดพูดเดี๋ยวนี้ไอ้เบอร์แบร์โต้ ยิ่งมึงพูดควยกูยิ่งแข็ง แม่งเอ๊ยกูระบมไปหมดแล้ว~"
.
เจฟเฟอร์รีบโบกมือไหว ๆ เป็นสัญญาณให้รุ่นน้องหยุด สีหน้าเขาเจ็บปวดโอดโอยอย่างเห็นได้ชัด ณ ตอนนี้เรื่องเครื่องเพศตรงหว่างขา เหมือนจะมีวาระมากกว่าแขนที่ขาดไปเสียด้วยซ้ำ แล้วไม่กี่วินาทีให้หลังสองเพื่อนซี้อย่างเฟอร์นันโดกับปิเก้ก็ว่ิงหยอย ๆ นุ่งผ้าเช็ดตัวตามออกมา
.
"ไอ้หย๋า! โคตรพ่องมึง! ไอ้เจฟแขนมึง?"
ปิเก้ทักขึ้น
.
"ส้นตีนเอ๊ย! กูเคยเตือนมึงแล้วว่าอย่าประมาท ถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นเพราะเครื่องแปรมวลสารรุ่นพกพาบน Gravity bike ใช่ไหมล่ะที่ขย้ำแขนมึง? หยึยย!!! "
เฟอร์นันโดสำทับโดยไม่ได้ดูตาม้าตาเรือเลยว่า ท่อนเอ็นของเพื่อนนั้นโด่ยื่นออกมาจนแทบจะชี้หน้าคนถามได้อยู่แล้ว
.
"พวกมึงสองคนห่วงกูผิดจุดแล้ว แขนกูไม่เป็นไรหรอกกูรู้ว่าหมอยูมิโกะเขาช่วยกูได้ แต่ควยกูนี่สิถ้ามันไม่ได้จิ๋มผู้หญิงจริง ๆ กูตายแน่ พวกมึงช่วยกูหน่อยเถอะวะ อย่างน้อยก็ช่วยรับผิดชอบกูทีเพราะการลงแขกเย็ดในหม้อสุกี้ของพวกมึง 3 ตัวเชียว ที่ทำให้กูเป็นแบบนี้!"
.
หนุ่มลูกครึ่งอิตาลีเสยผมทองครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่เฟอร์นันโดจะโพล่งคำพูดที่แสนอุบาทว์ออกมาในเสี้ยววินาที
.
"แบกแม่งลงไปข้างล่าง ไปหานังหนูแคทเธอรีน! เด็กไปหน่อยแต่หลับหูหลับตาเอาแก้ขัดไปก่อนได้อยู่ มึงเชื่อกูรับรองเวิร์ค!"
.
"ไอ้ระยำซั่มแม่ง มึงคิดได้ไงเนียะ!?"
.
"อ่าว! นี่อาการมึงหนักมากจนถึงขนาดยกควยตัวเองไม่ไหวเลยหรอ ถ้างั้นไอ้เบอร์แบโต้! มึงอ่ะไปลากตัวแคทเธอรีนขึ้นมาบนนี้เลย บอกไปว่าพี่เจฟเฟอร์อยากพบ"
.
"ไม่ได้เว๊ย! นี่พวกมึงจะกวนตีนกูไปถึงไหน น้องเขายังไร้เดียงสาอย่าเอาความคิดสกปรกชั่วช้าของเรา ไปทำให้เขามัวหมองเป็นอันขาด!"
.
ส่ายหัวเหนื่อยหน่ายสุดแสนจะทน ปิเก้ที่ยืนกอดอกฟังอยู่นานนมเลยขอมีบทบาทบ้าง เริ่มจากการเดินลากขาเอื่อย ๆ มาหยุดลงตรงหน้าเจฟเฟอร์ ก่อนจะคุกเข่าลงชนิดที่ปลายควยนั้นจรดอยู่กับสันจมูก
.
"นี่มึงคิดจะทำอะไรของมึงปิเก้.. กูไม่เล่่นด้วยนะเว่ย"
เจฟเฟอร์ถามแบบกล้า ๆ กลัว ๆ เขาถอยล่นออกห่างเรื่อย ๆ ขณะที่เพื่อนอีกสองคนก็ลุ้นตามเป็นระยะ
.
"กูก็คิดที่จะช่วยมึงด้วยการทำอย่างงี้ไง.. อ้าาาาาาา!!!"
สองมือจับกระชับหมับ! ขากรรไกรฉีกกว้างถึงใบหู จวนจะอมควยเข้าปากอยู่รอมร่อ แต่ถ้ามันจะเกิดขึ้นจริง ๆ ให้เจฟเฟอร์ตายเสียยังดีกว่า!
.
"ไปอมให้พ่องมึงเถอะ ไอ้เช็ดครก!!!"
.
"พลั๊ววววว!"
.
"โอ๊ยยยย! ไอ้สัดเจฟนี่ กูกำลังช่วยชีวิตมึงอยู่นะไอ้เนรคุณ!"
.
"เนรคุณพ่องมึงสิ! โดนปิเก้โมคควยเนียะนะรู้ถึงไหนอายเข้าถึงนั่น มึงแหกตาดูซิ! มึงฟัง! มึงได้ยินไหม! ไอ้โต้กับไอ้เฟอร์นันโดมันขำกลิ้งตัวโยนอยู่โน่น"
.
"บัดโถ่เอ๊ย! ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ไม่เห็นต้องเอาควยฟาดปากกันนี่หว่า มึงคิดว่ามึงอายเป็นคนเดียวรึไง? แล้วกูล่ะ! มึงไม่คิดเหรอว่ากูจะมีชีวิตอยู่ต่อไปยังไง?! เวรแท้ ๆ "
ปิเก้ตัดพ้อพลางเอามืออังแก้ม อายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี
.
"พวกมึงพอเลยมึงหยุดกันแค่นี้แหละ กูว่ากูหาทางออกของกูเองดีกว่า ไม่ต้องรับผิดชอบห่าอะไรแล้ว กูให้อภัยพวกมึงเสมอเพื่อน จะไปไหนก็ไป! ไปไกล ๆ ตีนกู ไม่สิ! ถ้าจะพูดให้ถูกต้องบอกว่าไปให้ไกลควยกูต่างหาก!"
.
"ห่ะ ๆ ๆ ใจเย็น ๆ พ่อหนุ่มอยู่ด้วยกันก่อน เลือดมึงเริ่มไหลออกมาเยอะแล้ว หน้ามึงก็ซีดเป็นไก่ต้มแล้วด้วย มึงอาจจะไม่รู้ตัวแต่พวกกูมองเข้าไปมันเห็นชัดนะเฟ้ยไอ้เจฟ"
เฟอร์นันโดทักท้วงผสมเกลี่ยกล่อม แต่เจฟเฟอร์ก็เลือกที่จะปฏิเสธเสียงแข็งอยู่เช่นเดิม
.
"เออน่ะกูรู้ตัวกูดี กูจะขึ้นไปหาหมอยูมิโกะมันทั้ง ๆ แบบนี้แหละ แค่เจ้าเบอร์แบโต้คนเดียวก็พอ"
.
.
"ไอ้น้องเดี๋ยวเอ็งช่วยเก็บช่อดอกลาเวนเดอร์ , แขนซ้ายที่ขาด , กับกางเกงให้พี่ที แล้วตามพี่ขึ้นไปบนชั้น 4 นะ"
.
"แต่ถ้าหมอยูมิโกะเขาฆ่ากูตาย! กูก็รบกวนมึงเก็บศพให้กูด้วยล่ะกัน"
กระจัดกระจายจริง ๆ สมกับชื่อบท เพราะนอกจากจะบินเข้ามาโฉบเอาร่างของเจฟเฟอร์เอาไว้ไม่ให้หล่นลงไปตายแล้ว บนฟากฟ้ายังมีพวกมันอีกเป็นโขยง! ท้องฟ้าที่เคยสดใสแดดจัด ๆ บัดนี้กลับเต็มไปด้วยฝูงแมลงวันเป็นล้าน ๆ ตัว."อะไรกัน! พวกแกอีกแล้วหรอ!"."หึ่ง ๆ ๆ ๆ หึ่ง ๆ ๆ ๆ "."ฮู้ววว! ไม่รู้ยังไงเหมื่อนกันแต่ก็ขอบใจนะที่อุตส่าห์มาช่วย พาฉันลงไปข้างล่างที".กลุ่มก้อนแมลงวันดำขลับเป็นขยุยกระจายตัวไปเกาะตามแขนขาแล้วก็เสื้อผ้า ก่อจจะค่อย ๆ ลดระดับความสูงลงเรื่อย ๆ ตามที่ได้รับคำสั่ง พร้อมกันนั้นไฟสีเขียวในหูฟังก็เริ่มกระพริบปิ๊บ ๆ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่หางตาของเจฟเฟอร์ดันชำเลืองไปเจอเข้า เขาก็เลยมีความคิดที่จะดึงมันออกมาเช็ดดู จะได้รู้ว่าเป็นเพราะเจ้านี่รึเปล่าที่เรียกพวกแมลงวันมา แต่ทว่ายังไม่ทันจะทำอะไรเลย! จู่ ๆ หมู่ภมรอีกกลุ่มซึ่งอยู่อีกด้านของฟากฟ้าก็ชิงตัดหน้าเขาซะงั้น! พวกมันบินโฉบลงมาเป็นก้อนสีดำขนาดเท่าลูกบาส พุ่งมาที่ใบหูแล้วก็ดึงเอาหูฟังออกให้.ซึ่งพอวัตถุเล็กจิ๋วนั่นถูกส่งถึงฝ่ามือเท่านั้นแหละ ความฉิบหายก็บังเกิดทันที! คุณพระคุณเจ้าเอ๊ย! หล่นกระแทกพื้นสิครับจะเหลือเหรอ."ฟึบบบ! ,
ไหลพรืด ๆ อย่างกับบันไดเลื่อน ร่างอันอิดโรยของเจฟเฟอร์ไม่อาจต่อต้านเพราะดันเสร่อฝังตัวเองไว้ในทราย เป็นกรรมหรือความโง่ก็ไม่รู้แต่ที่รู้คือเจฟเฟอร์แม่งไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ชัวร์ ๆ ตัวเขาลอยปลิวไปพร้อมกับทราย โดยมีพิกัดเป้าหมายอยู่ที่อุ้งตีนของเจ้าแซนดี้."อั๊ก! โอ๊ก! อั๊ก! แค็ก ๆ ใครจะไปรู้ว่ะว่ามันทำแบบนี้ได้ด้วย.. อั๊กกก! อึกกก!"."อุตส่าห์คิดว่าหลบพ้นแล้วแท้ ๆ ที่ไหนได้ดันโดนดึงเข้าไปหา อ๊วกกก! อั๊กกก! ตายห่าแน่กู!".หลับตาปี๋พลางรอจังหวะสูดลมหายใจเข้าเป็นระยะ ร่างหนาของเจ้าหน้าที่หนุ่มดำผุดดำว่ายจอมจมอยู่ในกระแสธารแห่งชะตากรรม เขาคาดเดาไม่ได้ว่าแต่นี้ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น เพราะลำพังแค่ประคองตัวไม่ให้สำลักทรายตายไปซะก่อนก็บุญแค่ไหนแล้ว.บางทีสาเหตุของเรื่องอาจเป็นเพราะเจ้าตัวนั้นชะล่าใจเกินไป ก่อนหน้านี้ตอนที่เจฟเฟอร์เพิ่งจะกลบทรายฝังตัวเองใหม่ ๆ เขาก็เอะใจอยู่แล้วเชียวว่าเจ้ายักษ์แซนดี้มันมีท่าทีแปลก ๆ เขาคิดเข้าข้างตัวเองมาตลอดว่ามันคงจะหาเขาไม่เจอ ก็เลยถอดใจก้มหน้าก้มตาเงินงกพลางเอาแขนจุ่มลงไปในพื้นทรายคล้ายกับว่าจะยอมแพ้แต่ที่ไหนได้เจฟเฟอร์ดันคิดผิด! เพราะชั่วพริบตาหลังจา
"ไม่ทันแล้วหมอ มันฟาดลงมาแล้ว อร๊ากกกกก!!!".เจฟเฟอร์ร้องลั่นเขายกมือขึ้นค้ำแม้จะรู้ดีว่าเป็นดั่งไม้ซีกงัดไม้ซุง แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเพราะท่วงท่าแต๋วแตกดังกล่าวนั่นเองที่ทำให้เจ้าตัวยังคงมีชีวิตรอด เมื่อหมอยูมิโกะที่อยู่อีกฟากหนึ่งของปลายสายได้ใช้ปฏิิภาณไหวพริบตะโกนสวนออกไปว่า."Drain!!!"มันดังซะจนเจฟเฟอร์คิดว่าแก้วหูตัวเองคงแตก มันดังจนลอดผ่านหูฟังออกมาแล้วก็ไปรันเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์ภายในของเจ้าหน้าที่ภาคสนาม.เพียงเสี้ยวอึดใจวินาทีที่ฝ่ามือทรายใหญ่เบิ้มกำลังจะบดขยี้ร่างอยู่รอมร่อ ฝ่ามือของเจฟเฟอร์ก็จมบุ๋มลงไปเป็นหลุม แล้วพลังลมดูดอันเชี่ยวกราดก็เริ่มทำงาน มันดูดเอาเม็ดทรายมากมายเข้ามาเก็บไว้ในตัว กระบวนการทุกอย่างเหมือนกับตอนที่เจฟเฟอร์ทำกับก้อนความคิดผู้คนเป๊ะ ๆ ฝ่ามือเขาดูดด๊วบ ๆ สูบเอาทรายเป็นตัน ๆ เข้ามา ส่งผลให้อวัยวะของเจ้าปีศาจยักษ์เริ่มจะมีสภาพเว้าแหว่งเจียนอยู่เจียนไป ซึ่งไม่ใช่เฉพาะแค่มือแต่รวมไปถึงขาด้วย การ Drain อันยอดเยื่ยมทำให้ขาของมันเสียการทรงตัว พลันล้มตรึงลงหงายท้องหงายไส้."ตรึมมมมมมมม!".แต่ทว่ากับแขนขวาของเจฟเฟอร์นี่สิ ที่ลักษณะดูไม่ดีเอาซะเลย เจ้า
ร่างหนาค่อย ๆ กระเถิบตัวเองถอยห่างออกมาจากส้นตีนทรายเล็กน้อย พลางดึงหูฟังไร้สาย (ข้างเดียว) ที่หมอยูมิโกะให้มาตั้งแต่ตอนแรกออกมาเช็คดู เขาทั้งตบทั้งตีแล้วก็เคาะมันสลับกับการพูดขอความช่วยเหลือแบบกระซิบกระซาบ."ฮัลโหล! หมอ! ได้ยินผมไหมหมอ! ช่วยผมด้วย..".เงียบสนิทไม่มีสัญญาณตอบรับใด ๆ กลับมา มิหนำซ้ำการสั่นสะเทือนของคลื่นเสียงดังกล่าว ยังไปเรียกเอาบาทาของเจ้ายักษ์บิ๊กเบิ้มเอาเข้าให้."เหี้ยเอ๊ย! มันยกขาเตรียมจะกระทืบกูอีกดอกแล้ว! ย๊ากกกก!"."ฮึบ!!!".คราวนี้ไม่รอดลำตัวของเจฟเฟอร์โดนฝ่าเท้าทรายใหญ่ยักษ์อัดเข้าเต็มลำ ตัวเขากลิ้งหลุน ๆ คอพับไถลลากไปกับพื้นทราย กระอักเลือดแค๊ก ๆ เท่านั้นยังไม่พอเจ้าปีศาจทรายไจแอนท์ยังอุตส่าห์ตามมาเก็บงานของตน ด้วยการวิ่งปรี่เข้ามาใส่ง้างกำปั้นมาแต่ไกล หวังจะเผด็จศึกเขาด้วยหมัดขวาตรงไม่หลงติดยา!."ตรึมมม!!!".ชายหนุ่มวาร์ปตัวหลบหมัดดังกล่าวได้ราวกับปาฏิหาริย์ เขาโคตรจะงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ถึงยังไงความสำคัญของการติดต่อหมอยูมิโกะให้ได้ ก็มีค่ามากกว่า จึงรีบวิ่งตื๋อหนีออกมาตั้งหลักให้ไกลขึ้นกว่าเก่า ในขณะที่อสูรกายจัมโบ้กำลังโงนเงนตั้งตัวเตรียมจะโจมตี
พื้นทรายรอบตัวทั้ง 360 องศาพุ่งทะยานขึ้นเป็นแท่งเสา มันโผล่พรวดเป็นลำ ๆ ขนาดสูงใหญ่ตระการตามากกว่าตึก 8 ชั้น เจฟเฟอร์ยืนขาแข็งทื่อแหงนมองมันจนคอเป็นเอ็น เขาตกตะลึงจนก้าวขาไม่ออก ไม่มีทางหนีไม่มีที่ซ่อน ทุกทิศทุกทางถูกล้อมไว้ด้วยแท่งทรายหลายสิบต้น การผุดขึ้นดังกล่าวทำให้เม็ดทรายบางส่วนกระเด็นหลุดออกมา ซึ่งกว่าจะหล่นลงสู่พื้นได้ก็ใช้เวลามากกว่า 10 วิบ่งบอกถึงความอลังการใหญ่ยักษ์ ด้วยสเกลที่เทียบได้กับภูเขากับเห็บหมา จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ชายพิการแขนขาดอย่างเจฟเฟอร์จะต่อกรกับมันได้."แสกนข้อมูลวิเคราะห์องค์ประกอบ"ชายหนุ่มสั่งการซุ่มเสียงสั่นเครือ.ทันใดนั้นภาพที่เห็นในมุมมองบุคคลที่หนึ่งก็ปรากฏเป็นเคอร์เซอร์กระพริบแป๊บ ๆ วิ่งไล่แสกนแท่งทรายต้นหนึ่งตั้งแต่บนยันล่าง ตัวเลขข้อมูลวิ่งยึกยืออยู่ริมจอรอการประมวลผล."เราอาจจะแค่กลัวไปเอง บางทีในแท่งทรายนั่นอาจจะมีตัวอะไรซ่อนอยู่ ตัวที่ใช้ทรายในการข่มขู่ศัตรูคล้ายกับหางของงูหางกระดิ่ง..".ชุดข้อมูลยังคงวิ่งต่อไป ในขณะที่ขาทั้งสองข้างก็สั่นรัวพอ ๆ กัน เขากำลังจะจมลงไปเรื่อย ๆ ด้วยผลพวงจากเม็ดทรายข้างบนที่หล่นลงมาทับถม."ติ๊ด! ๆ , ติ๊ด! ๆ
ตัดภาพกลับมายังชั้น 4 ด้านหลังผนังเมือกเจลกันอีกที หลังจากที่ได้สร้างความวินาศสันตะโรให้แก่ชั้นล่างมาอย่างต่อเนื่อง บัดนี้เจฟเฟอร์ บัตเจนแลนด์ของเราก็เหมือนจะโดนเอาคืนบ้างซะแล้ว เพราะจู่ ๆ เจ้าโบกี้รถไฟอันเป็นยานพาหนะเพียงอย่างเดียวก็ชักจะเริ่มพยศ มันดันทะลึ่งทำความเร็วขึ้นเองโดยที่เขาไม่ได้สั่งหรือทำอะไร ความเร็วดังกล่าวมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเกือบทำให้ล้อกระเด็นตกจากราง ทั้ง ๆ ที่บริเวณนี้เป็นแค่ผืนทรายราบ ๆ ไม่ได้มีความสูงชันเหมือนตอนที่ปล่อยรถลงมาสักหน่อย"เฮ่ย! เฮ่ย! เร็วไปแล้ว! ชักไม่สนุกแล้วนะเพื่อน เหวอ ๆ ๆ ".เจ้าหน้าที่แขนพิการแหกปากร้องลั่นแข่งกับเสียงล้อเหล็ก ที่กระเด้งกระดอนครูดกับรางอย่างผิดวิสัย ครั้นพอลองชะโงกหน้าออกไปดูก็เห็นแต่ประกายไฟเป็นเส้น ๆ แฉลบออกมาจากใต้ท้องเสียงดังอี๊ดดดดด! น่าเสียวไส้!."หมอ! แม่งไม่โอเคแล้วหมอ! โบกี้มันจะคว่ำก่อนไปถึงแล้วหมอ! ว๊ากกกก! อ๊ากกกก!!!".โบกี้เหล็กยังคงบดล้อเข้ากับราง มันวิ่งส่ายยึกยือไปมาฉวัดเฉวียนคล้ายกำลังจะเสียศูนย์ การเหวี่ยงแต่ละครั้งก็แทบจะทำให้ตัวถังพลิกคว่ำอยู่รอมร่อ บางจังหวะก็ถึงกับยกล้อลอยพ้นพื้นเอียงกระเท่เร่ชวนให้ลุ้นร