LOGINบทที่8 งานเลี้ยง ในห้องนอนชั้นบนของบ้านหรู รินยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ กำลังจัดทรงผมของเธอให้เข้ากับเมคอัพที่สวยเฉียบ ชุดเดรสยาวแหวกขาสูงสีขาวไข่มุกที่เธอเลือกมาอย่างพิถีพิถัน โอบแนบรูปร่างอย่างสมบูรณ์แบบ เผยเรือนร่างนุ่มนวลแต่เซ็กซี่อย่างน่ามอง รองเท้าส้นสูงสีขาวประกายเงินเข้ากับชุดอย่างลงตัวจนแทบหยุดหายใจ เสียงเปิดประตูดังขึ้นเบา ๆ คิงส์ในชุดสูททักซิโด้สีดำสุดเนี้ยบกำลังจะเดินออกจากห้องน้ำ แต่พอหันมาเห็นรินเขาชะงักไปทันที สายตาคมกริบจ้องร่างเธอจากหัวจรดเท้าอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ดวงตาคมเข้มวูบไหว...เหมือนเห็นใครอีกคนที่เขาไม่คุ้นเคย รินเงยหน้าขึ้นสบตาเขาเล็กน้อย ก่อนจะหันไปหยิบกระเป๋าคลัตช์โดยไม่พูดอะไร "จะ...จะไปกันยัง" เขาถามเสียงต่ำแต่แผ่วแปลกไป รินเพียงพยักหน้าเบา ๆ พลางเดินนำลงบันไดอย่างสง่างาม รถลีมูซีนหรูจอดรออยู่หน้าบ้าน คนขับเปิดประตูให้พร้อมเสียงทักทายอย่างสุภาพ “คุณลิสา คุณกาน รออยู่ในรถแล้วครับ” เมื่อรินและคิงส์ขึ้นไปนั่งเบาะหลัง พ่อแม่ของเขาที่นั่งอยู่ก่อนแล้วก็หันมอง "โอ้โห รินลูก! วันนี้ลูกสวยจับใจเลยจริง ๆ" ลิสายิ้มกว้าง พลางแตะมือรินเบา ๆ "สวยมาก สมกับเป็นสะใภ้ไทยแบงค์ของแม่จริง ๆ" "พ่อว่าเหมือนนางเอกหนังยังไงยังงั้นเลย" กานเสริมด้วยเสียงขำ ๆ "ลูกชายพ่อโชคดีจริง ๆ" คิงส์ที่นั่งเงียบอยู่ข้าง ๆ ถึงกับต้องเบือนหน้ามองออกนอกหน้าต่างซ่อนรอยยิ้มมุมปากไว้ รินได้แต่ยิ้มตอบอย่างสุภาพ "ขอบคุณค่ะคุณแม่คุณพ่อ" “อู้หู...เรียกซะเป็นทางการเลยนะลูก เรียกพ่อกับแม่เฉย ๆ ก็พอ ไม่ต้องคุณพ่อคุณแม่หรอก” ลิสาพูดพลางจับมือรินไว้เบา ๆ ระหว่างทาง ทั้งคู่นั่งฟังพ่อแม่คุยคละเคล้าเสียงหัวเราะ รินดูผ่อนคลายมากขึ้น ในขณะที่คิงส์นั่งข้าง ๆ ยังเอาแต่เหล่มองภรรยาเป็นระยะ ‘รินโคตรสวยเลยว่ะ’ เขาคิดในใจ แล้วลอบถอนหายใจเหมือนคนพ่ายแพ้ในเกมที่ตัวเองเป็นคนตั้งกติกาเองแท้ ๆ ไม่นานรถก็แล่นเข้าสู่งานเลี้ยงหรูหราใจกลางกรุงเทพฯ รถลิมูซีนสีดำสุดหรู ของตระกูล อัครเวทิน แล่นเข้ามาจอดหน้าทางเข้างาน พรมแดงยาวเหยียดถูกปูไว้ต้อนรับแขกระดับ VIP แขกในงานเริ่มหันไปมองอย่างสนใจเมื่อพนักงานเปิดประตูรถให้ คนแรกที่ก้าวลงมา คือ “กาน” กับ “ลิสา” แต่งตัวสมฐานะนักธุรกิจระดับประเทศ ลิสายิ้มงามสง่าขณะโบกมือให้คนรู้จักอย่างเป็นกันเอง ต่อมาคือ คิงส์ ในชุดสีดำเข้มทรงเฉียบหล่อทะลุสูทไปถึงโครงหน้า…เขาก้าวลงจากรถอย่างมั่นใจ สายตามองย้อนกลับไปยังรถ และแล้ว… เสียงฮือฮาของแขกในงานก็ดังขึ้นทันที “นั่นใครอะ ลูกสะใภ้ตระกูลอัครเวทินเหรอ?” “โหหห สวยเวอร์!! นางฟ้าชัด ๆ” “สวยมากกกกกกกกกกกก หุ่นดีมาก หน้าหมือนดาราเลยอะแก” รินค่อย ๆ ก้าวลงจากรถอย่างสง่างาม ในชุดเดรสยาวสีขาวไข่มุก แหวกขาสูงจนเห็นเรียวขาขาวเนียน รองเท้าส้นสูงสีขาวบริสุทธิ์ช่วยขับรูปร่างให้สวยเฉียบ หน้าแต่งอ่อน ๆ โชว์ความหวานใสแบบธรรมชาติ ผมปล่อยยาวสะบัดเบา ๆ ตามแรงลม ทุกอย่างบนตัวริน “เพอร์เฟกต์” จนแม้แต่ “คุณลิสา” ยังอดกระซิบเบา ๆ กับสามีไม่ได้ว่า... “ลูกสะใภ้ของเรา สวยเหมือนเจ้าหญิงเลยคุณกาน…” คิงส์ที่ยืนรออยู่ข้าง ๆ ถึงกับ กลืนน้ำลายอย่างเงียบ ๆ เขายืนจ้องเธอแบบตะลึงอยู่นานจนต้องรีบยืดตัวขึ้นมาเต็มความสูงแล้วยิ้มมุมปากออกมาอย่างภูมิใจ “เมียกู…” ก่อนทั้งหมดจะเดินเข้าไปในงานพร้อมกันแขกในงานต่างเดินเข้ามาทักทาย ครอบครัว อัครเวทิน กับ นทีภิรมย์ ที่รออยู่ข้างในแล้ว เดินเข้ามารับรินด้วยรอยยิ้มอบอุ่น และท่ามกลางฝูงคนมากมายในงาน… “อธิคุณ เทวาพิสุทธิ์” หรือ (คุณ) ในสูทสีเทาเข้มยืนอยู่ที่มุมบาร์พร้อมไวน์แดงในมือ เขายกไวน์ขึ้นจิบเบา ๆ แล้วเบือนสายตาไปทางประตู… ...ก่อนที่ดวงตาคมจะเบิกกว้างเมื่อเห็น “เธอ” หญิงสาวที่เขาไม่ได้เจอมานานหลายปี… "…ริน..." คุณยืนนิ่งไปชั่วขณะ ใจเต้นแรงโดยไม่ทันตั้งตัวเมื่อเห็นเธอ...สวยเกินกว่าคำว่า “สวย” จะนิยามได้แล้วจริง ๆ “คุณ” หายใจช้า ๆ แล้ววางแก้วไวน์ลงบนเคาน์เตอร์ ก่อนจะเดินตรงไปยังครอบครัว อัครเวทิน พร้อมรอยยิ้มสุภาพและอบอุ่นแบบที่รินจำได้ไม่ลืม… บรรยากาศในงานเลี้ยงยังคงหรูหรา แขกไฮโซทยอยมาร่วมงานเต็มฮอลล์ แต่จู่ ๆ เสียงซุบซิบก็ดังขึ้นมาอีกระลอกหนึ่ง เมื่อชายหนุ่มร่างสูงในสูทสีเทาเข้มเรียบหรู ก้าวเข้ามาอย่างมีออร่า “อธิคุณ เทวาพิสุทธิ์” เจ้าของเครือโรงแรมระดับ 5 ดาว ผู้ชายอบอุ่นที่เคยอยู่ในชีวิตของริน เขาเดินด้วยท่วงท่าสงบ มั่นใจ และมีคลาสทุกย่างก้าวเหมือนถูกคุมโทนด้วยกลิ่นน้ำหอมกลิ่นแพงที่ทำเอาคนใกล้ๆ ถึงกับเคลิ้ม “สวัสดีครับคุณวารัญ คุณอัมพร” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยทักพ่อแม่ของรินอย่างสุภาพ พร้อมกับยกมือไหว้อย่างเคารพ “คุณหรอลูกโตเป็นหนุ่มเต็มตัวเลยนะลูก เห็นตั้งแต่ยังเรียนอยู่ เดี๋ยวนี้บริหารโรงแรมใหญ่โตเชียว” “ขอบคุณครับคุณลุงคุณป้า ผมเองก็ดีใจที่ได้เจอกันอีกนะครับ” พูดจบ “คุณ” ก็หันไปอีกฝั่งอย่างนอบน้อม “สวัสดีครับคุณลลิสา คุณอนธการ” พ่อแม่คิงส์ยิ้มรับอย่างสง่า ลิสาเองก็จำได้ว่าเคยเจอคุณตามงานสังคมหลายครั้ง “อ้าว คุณอธิคุณ โตขึ้นหล่อไม่เบาเลยนะลูก นึกว่าเป็นดาราซะอีก แม่ลิสาแทบจำไม่ได้” แต่... ไม่ใช่แค่พ่อแม่ของรินหรือคิงส์ที่เขามาทักทาย เขาเดินตรงเข้าไปหารินทันที ด้วยสายตาที่มองเธอเหมือนโลกทั้งใบมีแค่เธอคนเดียว “ริน... ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก” น้ำเสียงเขานุ่มแต่แน่นไปด้วยความคิดถึงจริง ๆ รินตกใจเล็กน้อย แต่ยิ้มตอบกลับด้วยมารยาท “พี่คุณ... มางานนี้ด้วยเหรอคะ?” “ก็ต้องมาอยู่แล้ว” และระหว่างนั้นเอง... สายตาของคิงส์ที่ยืนอยู่ด้านหลัง ไม่ได้ละไปไหนเลย จ้องเขม็งแบบลืมหายใจ “ใครวะ…? แล้วแม่งมองเมียกูเหมือนจะกลืนเข้าไปทั้งตัวแบบนี้คืออะไร?” คิงส์กำมือแน่น ถึงจะยังไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเองเต็มร้อย แต่แค่เห็นผู้ชายคนนี้ยืนใกล้รินขนาดนี้ ใจแม่งก็หงุดหงิดแบบควบคุมไม่ได้แล้ว เขาก้าวเท้าเข้ามาใกล้อย่างช้า ๆ “รินครับ…” เสียงทุ้มเย็นของคิงส์ดังขึ้น ทำให้คุณกับรินหันขวับมาพร้อมกัน “แนะนำพี่หน่อยสิ ว่าคนนี้คือใคร?” อารมณ์ “ผัวตัวจริงมาแล้วจ้า!” โต๊ะ VIP สะเทือนเบา ๆ เสียงดนตรีในงานยังดำเนินไปอย่างนุ่มนวล ทว่า บรรยากาศรอบโต๊ะ VIP กลับตึงเครียดนิด ๆ เพราะแรงกดดันจากสายตาของคิงส์ที่แทบจะเจาะทะลุคุณเข้าไปได้ แต่ในจังหวะที่เงียบสงัด รินก็ขยับตัว... เธอเดินตรงเข้ามาควงแขนคิงส์ แนบแน่น ราวกับจะบอกให้โลกรู้ว่า “ของใคร” คิงส์ที่เมื่อกี้ยังฟึดฟัดหึงอยู่ถึงกับยิ้มออกแบบไม่รู้ตัว แก้มขึ้นสีจาง ๆ แบบไม่กล้าแสดงออกชัด ๆ ว่าฟิน แต่เห็นเลยว่าใจละลายไปแล้ว รินยิ้มหวานให้คุณ “นี่คือ ‘พี่คิงส์’ ค่ะเป็นสามีของริน” คุณยิ้มนิ่งๆ แต่สายตาวูบหนึ่งเจ็บแปลบ ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ อย่างให้เกียรติ “ยินดีที่ได้รู้จักครับ…คิงส์” รินไม่หยุดแค่นั้น เธอยังรักษามารยาทด้วยท่าทีอบอุ่น “ส่วนคุณคนนี้ชื่อ ‘คุณ’ ค่ะ เป็นเพื่อนเก่าสมัยเรียนของริน” “ไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว... ไม่นึกว่าจะเจอที่นี่” ประโยคสุดท้ายนั่นแหละ ที่ตบเบา ๆ แต่เจ็บจี๊ด เหมือนจะบอกว่า มันเป็นแค่อดีตจ้ะ ไม่ต้องหวงนะพี่คิงส์~ คิงส์ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มกว้างกว่าเดิม แถมจับมือรินที่ควงแขนเขาแน่นขึ้น “ยินดีที่ได้รู้จักครับ… เพื่อนเก่า ของเมียผม” คำว่า “เมียผม” นั่นแหละ... ที่กระแทกกลางอกแบบคลีน ๆ แต่ก็ทำให้คุณต้องฝืนยิ้มแล้วผงกหัวกลับ ในขณะเดียวกันพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก มองเห็นภาพทั้งหมดด้วยสายตาเป็นประกาย บรรยากาศกลายเป็นอบอุ่นขึ้นทันตาแต่ในขณะเดียวกัน... “คุณ” ก็ยืนมองภาพนั้นเงียบ ๆ ก่อนจะหันไปมองอีกทาง พร้อมรอยยิ้มจาง ๆ “เธอยังยิ้มให้ฉันเหมือนเดิม… แต่หัวใจเธอไม่ใช่ของฉันอีกต่อไปแล้ว” ช่วงเวลาแห่งการเต้นรำเปิดขึ้น ท่ามกลางแขกมากหน้าหลายตาที่เริ่มจับคู่กันขยับกายตามเสียงดนตรี รินยื่นมือออกไปตรงหน้าคิงส์ รอยยิ้มสวยปรากฏขึ้นบนใบหน้าเธอ “เต้นรำกันไหมคะ พี่คิงส์...” น้ำเสียงของเธอนุ่มนวลแต่แฝงความมั่นใจเต็มร้อย คิงส์หันมามองเธอ เขาแทบละสายตาไม่ได้เลย “ไปสิ...” เขาตอบแผ่วเบา มือใหญ่จับมือเล็กของเธอไว้แน่น ก่อนจะพาเธอเดินเข้าสู่กลางฟลอร์ ร่างบางแนบชิดเข้ากับร่างสูงอย่างเป็นธรรมชาติ มือของรินค่อย ๆ โอบคล้องที่ต้นคอของเขา ขณะที่มืออีกข้างถูกเขาจับไว้แน่น คิงส์ประคองเอวบางของเธอไว้อย่างมั่นคง พาเธอขยับช้า ๆ ไปตามจังหวะ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะจังหวะเพลง หรือจังหวะของหัวใจกันแน่ที่เริ่ม “เต้น” ไปด้วยกัน รินซบหน้าลงเล็กน้อยบนบ่าเขา กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ บนตัวคิงส์ทำให้หัวใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ ส่วนคิงส์มือที่โอบเอวบางไว้กลับกระชับแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาคู่นั้นจับจ้องแค่เธอ เขายิ้ม—ไม่ใช่แค่ยิ้มธรรมดา แต่เป็นรอยยิ้มที่ “มีเธอ” อยู่เต็มหัวใจ ภายใต้แสงไฟ และดนตรีแผ่วเบา... คนสองคนที่เคยเย็นชาเริ่มอุ่นขึ้นช้า ๆ หัวใจที่เคยไกล กลับเริ่มรู้สึก “ใกล้” อย่างไม่ทันตั้งตัว คืนนี้... พวกเขาไม่ได้แค่เต้นรำ แต่หัวใจของทั้งสองคน... กำลังเต้นไปพร้อมกัน 💖
บทที่46 ตอนพิเศษ2 NCแม้แดดในอาวีญงจะร้อนอบอ้าวในบางจุด แต่ลมเย็นจากแม่น้ำโรนที่ไหลเลียบเมืองเก่า ทำให้สายนี้ดูสดใสกว่าทุกวัน รินที่อุ้มกล้องขึ้นบ่าตัวเองอย่างคล่องแคล่วกำลังเดินอยู่บนสะพาน Pont Saint-Bénézet หรือที่คนท้องถิ่นเรียกกันว่า “สะพานอาวีญง” พร้อมเจ้าตัวเล็กฝาแฝดที่อยู่ในรถเข็นคู่กัน สีหน้าตื่นตาตื่นใจมองซ้ายขวาตลอดเวลา“ป๊าาา! ปลาาาา!”เสียงแฝดน้อยคนโตส่งเสียงใส ขณะที่ชี้นิ้วไปทางแม่น้ำเบื้องล่าง คิงส์เดินอยู่ข้างๆก้มลงมองลูกแล้วยิ้ม“เห็นปลาเหรอลูก”ส่วนริน... ไม่แม้แต่จะหันมอง เพราะเธอกำลังหมุนกล้องหามุม แสงย้อน เงาตก กระจกสะท้อน ครบทุกเทคนิค“ริน... เมมเต็มยังอะ กล้องน่ะ?” คิงส์ยิ้มกวนๆ เอามือดันหลังเธอเบาๆ“ยัง! กล้องนี้ 1TB เลยนะพี่! ยังไม่เต็มง่ายๆหรอก” เธอพูดพลางหันมายิ้มตาเป็นประกาย แล้วก็ก้มลงถ่ายลูกชายต่อ “ป๊าอุ้มลูกหน่อย อยากได้ภาพที่เห็นสะพานกับสองแสบข้างหน้า”“แสบเหรอเรา” คิงส์อุ้มลูกขึ้นสองข้าง “ถ้างั้นแสบสองชั้นเลยนะ ลูกใครวะเนี่ย หน้าเหมือนพ่อด้วยแฮะ”รินหัวเราะ ก่อนจะยกกล้องขึ้นมาอีกครั้ง แล้วคลิก... คลิก... คลิก… ไม่หยุดหลังจากเดินเที่ยวรอบเมืองเก่า ชมกำแ
บทที่45 ตอนพิเศษพระอาทิตย์เพิ่งลาลับฟ้าไปไม่นาน เมื่อเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของ “ราชันย์ อัครเวทิน” ล้อหมุนออกจากรันเวย์เป็นเส้นทางมุ่งหน้าสู่ปลายทางในฝันของภรรยาสุดที่รัก ปารีส ประเทศฝรั่งเศสในห้องโดยสารสุดหรูที่ตกแต่งด้วยสีครีมทองแบบคลาสสิก พร้อมเตียงนุ่มๆ และโซฟากว้าง มีเสียงหัวเราะคิกคักของเด็กน้อยสองคนดังไม่ขาดช่วง“คิริน นั่นอะไรอะลูก?”รินถามเบาๆ พลางชี้ไปนอกหน้าต่างบานใหญ่ของเครื่องบินที่เห็นเพียงทะเลและดวงดาวในยามค่ำคืน“...มืด!”คิรินตอบเสียงแหลม“มืดดดด~” ไคล์พูดตามแล้วหัวเราะออกมาคิงส์หัวเราะเบาๆ พลางหันไปบอกภรรยาที่ตอนนี้นั่งขัดสมาธิอยู่ข้างลูก“รินอยากไปปารีสไม่ใช่เหรอ พี่ไม่เคยเห็นรินอยากไปที่ไหนขนาดนี้เลยนะ...”รินหันมามองเขาพร้อมยิ้มกว้างในแววตาวิบวับเหมือนเด็กได้ของขวัญ“รินเคยฝันไว้มาตั้งแต่สมัยเรียนค่ะ ว่าอยากมานั่งกินครัวซองต์ริมแม่น้ำแซน อยากเห็นหอไอเฟลด้วยตาตัวเอง แล้วก็...ถ้าได้มาพร้อมครอบครัว มันคงเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดในชีวิตเลย”คิงส์มองเธอนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอื้อมไปจับมือนุ่มของเธอมากุมไว้แน่น“งั้นทริปนี้ ทำให้เป็นที่พิเศษสุดเลยนะครับ... ไม่ใช่แค่
บทที่44 จบNC“พี่คิงส์…”“หืม?”รินถอนหายใจเบาๆ ขณะนั่งอยู่ปลายเตียง พูดกับคิงส์ที่เพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดสบายๆ“รินว่าจะหาพี่เลี้ยงเพิ่มอีกคนค่ะ… เด็กแฝดเริ่มซนมากขึ้นทุกวัน พี่ๆ สามคนก็เหนื่อยกันน่าดู”คิงส์ที่กำลังนั่งพิงหัวเตียง หันมามองเธอด้วยสายตานิ่งๆ แต่เต็มไปด้วยความสนใจ ก่อนจะถามกลับเสียงทุ้ม“แค่พี่เลี้ยงเพิ่มเหรอ? ไม่มีอะไรอยากเพิ่มอีกแล้วเหรอครับ?”รินเงียบไปนิดหนึ่งก่อนจะยิ้มบางๆ แล้วเงยหน้าสบตาเขา“…รินอยากมีลูกอีกค่ะ”คำพูดสั้นๆ นั้นทำให้หัวใจของราชันย์เต้นแรงขึ้นทันที เขาไม่พูดอะไรต่อ แต่ลุกขึ้นมายืนตรงหน้าเธอ ใช้ปลายนิ้วเชยคางภรรยาขึ้นอย่างแผ่วเบา ดวงตาของเขาหนักแน่น ร้อนแรง และเต็มไปด้วยแรงปรารถนา“พูดเองนะ… งั้นก็อย่ามาห้ามพี่แล้วกัน”ทันทีที่พูดจบ เขาก็โน้มตัวลงจูบริมฝีปากของรินทันที จูบแรกนั้นแผ่วเบาและอ่อนโยน… ก่อนจะกลายเป็นจูบที่ดูดดื่มและดุดันขึ้นทุกวินาที ริมฝีปากของเขาทำงานอย่างแนบแน่น สลับกับเสียงหายใจที่เริ่มหนักและถี่ขึ้นทุกทีมือของคิงส์ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของภรรยา ขณะที่อีกมือหนึ่งเลื่อนมาเกาะเกี่ยวที่เอวบาง ก่อนจะดึงรินเข้ามาแนบชิดกับร่างกายของ
บทที่43 ทำบุญเช้าวันอาทิตย์หลังงานวันเกิดของแฝดได้ไม่นาน…ท้องฟ้าในเช้าวันนั้นใสกว่าทุกวัน รินตื่นเช้ากว่าปกติ ทั้งที่เมื่อคืนเพิ่งนอนดึกหลังกล่อมเด็กแฝด ร่างบางในชุดเรียบสุภาพยืนเงียบๆ หน้ากระจก ดวงตากลมโตมองสะท้อนเงาตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มบางๆ กับตัวเอง“วันนี้รินจะพาลูกไปทำบุญให้พ่อกับแม่นะคะ”เสียงกระซิบเบาๆ ที่ไม่มีใครได้ยิน นอกจากตัวเธอเองไม่นานนัก ทั้งครอบครัวก็ออกเดินทาง รินพาคิงส์ ลูกแฝด พี่เลี้ยงทั้งสาม รวมถึงพ่อแม่สามีขึ้นรถไปยังวัดชื่อดังในย่านพระรามเก้า เธอเตรียมของทำบุญมาล่วงหน้าหลายวัน ทั้งของถวายสังฆทาน ชุดผ้าไตร เครื่องอัฐบริขาร รวมไปถึงอาหารเลี้ยงพระและทำทานแก่คนยากไร้ เรียกได้ว่าเป็นงานบุญใหญ่ที่ตั้งใจจัดขึ้นเพียงเพื่อพ่อแม่ของเธอที่ล่วงลับไปแล้วเมื่อถึงวัด ทุกคนแต่งกายเรียบสุภาพ รินอุ้มคิรินไว้ในอ้อมแขน ส่วนคิงส์ก็อุ้มไคล์เดินเคียงข้างกันเข้าไปในโบสถ์ บรรยากาศเงียบสงบ แสงแดดที่สาดผ่านลายไม้ของหน้าต่างบานใหญ่ทำให้ภาพภายในโบสถ์ยิ่งดูอบอุ่นศักดิ์สิทธิ์พิธีกรรมเริ่มต้นขึ้น พระสงฆ์เริ่มสวดมนต์ ท่ามกลางเสียงสวด รินก็ยกมือไหว้หลับตานิ่ง กุมมือลูกไว้ทั้งสองข้าง
บทที่42 สองแฝดเช้าแรกของวันเกิดครบรอบ 1 ขวบของแฝดน้อยในบ้านอัครเวทิน เรียกได้ว่าเริ่มต้นด้วยเสียงโหวกเหวกของเหล่าพี่เลี้ยงที่แทบจะวิ่งเป็นลมวนรอบบ้านกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างดีนัก เพราะแฝดน้อยทั้งสอง ไคล์กับคิริน ดันตื่นเช้ากว่าปกติ แถมยังตื่นมาแบบโหมด “นักสำรวจ” เต็มกำลัง พลังงานทะลุปรอท!“ไม่เอาาา คิริน อย่าดึงผมพี่ไคล์!!” เสียงหวีดเบาๆ ของพี่เลี้ยงคนหนึ่งดังขึ้น ขณะพยายามแยกตัวน้อยที่กำลังยื้อยุดฉุดกระชากกันตั้งแต่ยังอยู่ในเตียงเด็ก!“แง๊งงงงงงงงง!!” ไคล์ก็ไม่ยอม แถมยังโวยเสียงดังแล้วหยิบตุ๊กตาหมีประจำกอดแน่นพลางชี้หน้าคนน้องอย่างเอาเรื่องคิรินไม่พูดพร่ำทำเพลง อ้าปากจะงับตุ๊กตาพี่ทันที นี่มันศึกย่อมๆ แต่เช้าเลยจ้าพี่เลี้ยงทั้งสามที่เพิ่งจะได้ยกแก้วกาแฟไปครึ่งเดียวพากันวิ่งวุ่นไปรวบตัวแฝดแยกออกจากกัน แล้วจู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากชั้นบน...“เสียงอะไรแต่เช้า หืม?” คิงส์เดินลงบันไดมาพร้อมรอยยิ้มกร้าวใจ หัวฟูหน่อยๆ เพราะเพิ่งตื่น“คุณพ่อขาาาา มาช่วยหน่อยค่า แฝดกำลังเปิดศึก!” พี่เลี้ยงคนหนึ่งตะโกนลั่น“โอเคๆ พ่อมาแล้วครับ ใครแกล้งใครก่อนเนี่ย หื้มม ไคล์? หรือคิริน?”สองแฝดหยุดเลยทันท
บทที่41 ป๊ะป๊า ม๊ะม๊า...แม่เวลาได้ล่วงเลยผ่านไปบรรยากาศภายในห้องทำงานส่วนตัวของประธานใหญ่ไทยแบงค์ยังคงอบอุ่นเหมือนเดิมโซฟาตัวใหญ่ในมุมห้องวางเบาะนุ่มสำหรับเจ้าตัวแฝดไว้เรียบร้อย พี่เลี้ยงสองคนกำลังสาละวนกับของเล่น เสียงกุ๊งกิ๊งของโมบายแขวนกับเสียงหัวเราะคิกคักของเด็กๆ ดังแทรกเสียงเอกสารพลิกไปมาของคิงส์รินนั่งข้างสามี บนโต๊ะเล็กมีน้ำผลไม้กับขนมสำหรับเธอ และข้าวบดสำหรับลูก ๆ เธอกำลังหยิบช้อนป้อนแฝดคนโตอยู่ ขณะคิงส์อ่านเอกสารสำคัญบนตัก พร้อมๆ กับใช้มือลูบหัวลูกชายคนเล็กที่กำลังนั่งพิงหมอนอย่างสบายใจ“อ้าปากครับ…งั่ม~”รินป้อนข้าวแฝดคนโต ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ เมื่อลูกชายอ้าปากรับอย่างว่าง่าย“ดีมากเลยครับคนเก่งของแม่”คิงส์เงยหน้าขึ้นจากเอกสาร ยิ้มมุมปาก“แฝดบ้านนี้กินเก่งเหมือนแม่แหง ๆ เลย”“อ้าว! ใครบอกคะ พี่ต่างหากที่กินเก่งจนลูกซึมซับ”ทันใดนั้นเอง...เสียงแผ่ว ๆ แต่ชัดเจนก็ดังขึ้นมาจากเจ้าตัวเล็กฝั่งซ้ายที่กำลังดูดนิ้วอยู่“ปะ…ป๊า…”รินกับคิงส์หันขวับมองหน้ากันทันที!“เมื่อกี้พี่ได้ยินใช่มั้ยคะ!? ลูกพูดว่า ‘ปะป๊า’ !!” รินเสียงตื่นเต้นจนมือไม้สั่นคิงส์แทบทำเอกสารหล่น รีบยื่นหน้าไปใกล้







![คนดีของเฮียมังกร [ผัวเอวดุ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)