พอควันหลงขับรถเข้ามาจอดบริเวณลานจอดรถของคณะแล้ว นาเนียร์ก็เปิดประตูลงจากรถ พร้อมกับเดินเข้ามาที่คณะของตัวเองโดยที่ไม่ได้รอเพื่อนชาย
ซึ่งในตอนที่กำลังเดินเข้ามาในคณะอยู่นั้น ก็เห็นราชาเดินสวนมาพอดี หญิงสาวจึงรีบเดินเข้าไปกางแขนเพื่อขวางเอาไว้
"จะไปไหนสุดหล่อของเนียร์"
"ว่าจะไปโรงอาหาร เธอกินข้าวเช้ามาหรือยัง"
"ยังเลย นี่กำลังจะไปโรงอาหารพอดี งั้นเราไปด้วยกันเลยดีกว่า" หญิงสาวเดินปรี่เข้าไปคล้องแขนเพื่อนสนิทอย่างราชาด้วยความเคยชิน อย่างที่มักจะทำเป็นประจำ เพื่อนชายของเธอเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะพวกเราเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เริ่มสนิทกันแล้ว
"นายจะกินอะไร" พอเดินมาถึงโรงอาหารนาเนียร์ก็พูดขึ้น
"ยังไม่รู้เลย แต่น่าจะเป็นข้าวมันไก่นั่นแหละ"
"ข้าวมันไก่อีกแล้ว กินทุกวันไม่เบื่อหรือไง"
"ก็ไม่รู้ว่าจะกินอะไรนี่นา แล้วเธอจะกินอะไร"
"อยากซดซุปร้อน ๆ "
"จะกินก๋วยเตี๋ยวตั้งแต่เช้าเลยเหรอ ทำไมถึงไม่กินข้าว"
"ก็บอกอยู่ว่าอยากกินซุปร้อน ๆ"
"งั้นก็เอาข้าวต้มสิ ร้านป้านวลทำข้าวต้มโบราณอร่อยนะ เธอเคยกินไหม"
"เคยกินเมื่อนานมาแล้ว แต่จำรสชาติไม่ได้"
"รสชาติดีเลย"
"โอเค งั้นฉันไปร้านข้าวต้มก่อน เดี๋ยวถ้านายได้ก่อนก็ไปหาโต๊ะนั่งรอเลยนะ แต่ถ้าฉันได้ก่อนเดี๋ยวฉันหาไว้เอง"
"อืม"
พอราชาตอบมาแบบนั้น เธอก็เดินปลีกตัวมายังร้านข้าวต้มที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของร้านข้าวมันไก่ที่เพื่อนของเธอยืนอยู่ โดยที่หน้าร้านมีนักศึกษายืนอยู่เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น เธอจึงรีบเดินไปยืนต่อแถว
แต่พอสังเกตดี ๆ คนที่ยืนต่อแถวอยู่ด้านหน้าเธอคือคนที่เธอเจอเมื่อคืน ซึ่งพอชายหนุ่มเห็นเธอก็ตกใจพร้อมกับยกมือไหว้ เธอเห็นแบบนั้นก็รู้สึกเอ็นดูมาก
"สวัสดีครับพี่เนียร์"
"สวัสดีค่ะน้องภีม กินข้าวต้มตอนเช้าเหมือนกันเลย เราสองคนใจตรงกันนะเนี่ย"
"ครับ"
"....."
"พี่เนียร์ชอบทานข้าวต้มตอนเช้าเหรอครับ"
"ใช่" หญิงสาวตอบออกไปด้วยความมั่นใจ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วนี่คือข้าวต้มตอนเช้าในรอบปีของเธอเลยก็ว่าได้ เพราะตัวเธอนั้นไม่ชอบกินอะไรแบบนี้ตอนเช้าเลย
"เหมือนกันเลยครับ ผมก็ชอบกินข้าวต้มตอนเช้า รู้สึกว่าได้ซดซุปร้อน ๆ แล้วรู้สึกมีแรง"
"ได้แล้วจ้าน้องภีม"
ในขณะที่เธอกำลังคุยกับชายหนุ่มรุ่นน้องอยู่นั้น คุณป้าที่เป็นร้านเจ้าของข้าวต้มก็เอ่ยเรียกคนที่เธอคุยอยู่
ซึ่งชายหนุ่มก็รีบหันกลับไปรับถ้วยข้าวต้มมาถือเอาไว้ พร้อมกับยื่นธนบัตรใบสีเขียวจ่ายค่าอาหารเช้าของตัวเอง
"กินที่ร้านนี้บ่อยเหรอ เพราะเพิ่งเข้ามาเรียนได้ไม่นานเอง แต่คุณป้าเจ้าของร้านก็จำชื่อได้แล้ว"
"ตั้งแต่เปิดเทอมมา วันไหนมีเรียนคาบเช้า ผมจะมากินข้าวต้มร้านนี้เกือบทุกวันเลยครับ"
"เชื่อแล้วว่าชอบจริง ๆ ถ้ามากินเกือบทุกวันขนาดนี้" หญิงสาวตอบออกไปด้วยความเอ็นดูเด็กรุ่นน้องตรงหน้า พร้อมกับเพิ่งสังเกตว่าคนตรงหน้าไม่ได้ใส่แว่น
"ไม่ใส่แว่น มองเห็นด้วยเหรอคะ"
"มองได้ไม่ชัดเท่าไหร่ครับ แต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไร"
"งั้นเย็นนี้ว่างไหม"
"ครับ?"
"ก็ที่พี่บอกว่าจะพาไปซื้อแว่นไง เราไม่ได้ใส่แล้วพี่สงสาร คงจะทรมานแย่เลย"
"ไม่เป็นไรหรอกครับ ราคาแว่นก็ไม่ใช่ถูก ๆ เดี๋ยวเอาไว้เงินเดือนผมออก ค่อยไปซื้อเอาใหม่เองก็ได้"
"ยิ่งน้องภีมบอกว่าราคาแว่นไม่ใช่ถูก ๆ พี่ก็ยิ่งรู้สึกผิด อย่าปฏิเสธพี่เลยนะคะ" นาเนียร์ทำสายตาออดอ้อนเด็กหนุ่มรุ่นน้อง
"ก็ได้ครับ ผมไม่ปฏิเสธแล้วก็ได้"
"เย่ ๆ แล้วตกลงเย็นนี้ว่างไหม"
"ผมเลิกเรียนเวลาสี่โมงเย็นครับ แต่ถ้าพี่ไม่สะดวกก็หลังจากนั้นไม่เกินหนึ่งทุ่มก็น่าจะได้ เพราะผมมีทำงานที่ร้านหมูกระทะตอนหนึ่งทุ่ม"
"น้องภีมเลิกเรียนก่อนพี่ งั้นมานั่งรอพี่ที่หน้าคณะนะ เพราะวันนี้พี่เลิกเรียนตอนสี่โมงครึ่งเลย เดี๋ยวถ้าอาจารย์ปล่อยพี่จะรีบวิ่งลงมาหาทันที"
"ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ครับ ผมรอได้"
"คนสวยเอาอะไรดีจ๊ะลูก"
พอได้ยินคุณป้าเจ้าของร้านเรียกตัวเองแล้ว เธอก็รีบเดินไปสั่งเมนูที่ตัวเองจะกิน
"ข้าวต้มโบราณค่ะ"
"หนึ่งถ้วยนะลูก"
"ค่ะป้า ไม่ต้องเอาเยอะนะ แค่กระบวยเดียวก็พอ"
"ได้จ้ะลูก" โดยคุณป้าตอบเธอแล้วก็หันไปตักข้าวต้มใส่ถ้วย พร้อมกับมาวางไว้ตรงหน้าเธอ "ยี่สิบบาทจ้ะ"
พอคุณป้าพูดราคานาเนียร์ก็หยิบธนบัตรใบสีแดงเพื่อจ่ายค่าข้าวต้ม โดยเธอยืนรอเงินทอนไม่นาน แต่พอจะหันหลังกลับมาคุยกับเด็กหนุ่มรุ่นน้องก็ต้องชะงัก เพราะตอนนี้น้องเขาดันไม่อยู่แล้ว
"ไปไหนนะ ทำไมหายเร็วจังวะ" นาเนียร์สอดส่องสายตาเพื่อมองหาเป้าหมายของตัวเอง
"เธอมองอะไรของเธอ"
ในขณะที่ตั้งใจมองอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงเรียกจากด้านหลัง ซึ่งเธอก็จำได้ดีว่าเสียงนั้นคือเสียงของควันหลง
"น้องภีม"
"ใครคือน้องภีม"
"แกไม่รู้จักหรอก น้องเขาเพิ่งเข้ามา"
"เด็กใหม่เธอเหรอ"
"ยังไม่ใช่ แต่อนาคตไม่แน่" หญิงสาวก็สอดส่องของตัวเองต่อไป
"หยุดมองหาเหยื่อได้แล้ว เธอมีสอบตอนเก้าโมงเช้าไม่ใช่เหรอ นี่มันแปดโมงครึ่งแล้วนะ รีบไปกินข้าวได้แล้ว"
ซึ่งพอควันหลงพูดแบบนั้น เธอก็รีบก้มดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือของตัวเองทันที พบว่าเป็นเวลาแปดโมงครึ่งตามที่เพื่อนของเธอพูดไม่มีผิด
"ทำไมเวลามันเดินเร็วจังเลยเนี่ย เมื่อกี้เพิ่งเจ็ดโมงอยู่เลย"
"ไปกินข้าวได้แล้ว ส่วนน้ำไม่ต้องไปซื้อ ฉันเห็นไอ้ราชาซื้อไว้ให้เธอแล้ว"
"อืม" นาเนียร์ตอบควันหลงไป พร้อมกับเดินมายังโต๊ะที่ราชานั่งอยู่
หลังจากที่หญิงสาวรุ่นพี่หันไปสั่งอาหารของตัวเองแล้ว ชายหนุ่มจึงคิดว่าพี่เขาคงไม่มีอะไรจะพูดกับตัวเองอีก จึงเดินปลีกตัวออกมาหาเพื่อนสนิทอย่างโต้งนั่งกินข้าวของตัวเองรออยู่
"เมื่อกี้มึงคุยกับพี่นาเนียร์เหรอวะ"
"ใช่ บังเอิญกินข้าวร้านเดียวกันพี่เขาก็เลยทัก" ภีมตอบเพื่อนไป พร้อมกับนั่งทานข้าวต้มของตัวเอง
"มึงพูดอะไรกับพี่เขา กูเห็นพูดนานเลย"
"พี่เขาก็แค่ถามเฉย ๆ ว่าชอบกินข้าวต้มร้านที่กูซื้อเหรอ กูก็เลยบอกว่าใช่ ก็แค่นั้นแหละ"
"กูอิจฉามึงจังว่ะภีม ที่นางฟ้าอย่างพี่นาเนียร์พูดอย่างสนิทสนมด้วย"
"ก็ไม่ได้สนิทอะไรขนาดนั้นนะ พี่เขาก็แค่ทักปกติ"
"ไม่ปกติเลยสักนิด เพราะจากการที่กูสังเกตแล้วปกติพี่เขาจะคุยเล่นกับพวกเพื่อนเท่านั้น แต่ถ้าเป็นรุ่นน้องก็คือแทบไม่เห็นเลย"
"ที่พูดเหมือนกับรู้จักพี่เขามานานอย่างนั้นแหละ"
"ก็รู้จักมานานน่ะสิ กูรู้จักพี่เขามาตั้งแต่พี่เขาเรียนปี 1 แล้ว"
"รู้จักได้ยังไง มึงก็เพิ่งมาเรียนที่นี่พร้อมกูไม่ใช่เหรอวะ"
"ถึงกูจะพึ่งมาเรียนที่นี่ได้ไม่นาน แต่กูก็รู้จักและเคยเห็นพี่เขามาตั้งนานแล้ว"
"มึงติดตามพี่เขาในโซเชียล?"
"อันนั้นมันก็อีกเหตุผล"
"มึงพูดอะไร กูไม่เข้าใจ"
"คือกูก็ติดตามโซเชียลของพี่เขาเหมือนกัน แต่ที่ว่าเห็นบ่อยก็คือคอนโดของพี่เขาอยู่ติดกับร้านหมูกระทะของแม่กูไง"
โดยพอโต้งพูดออกมาแบบนั้น เขาก็นึกไปถึงคอนโดหรูที่ติดร้านหมูกระทะของแม่เพื่อนเขา "ตึกใหญ่ ๆ ที่ติดร้าน"
"ใช่ ตึกนั้นแหละ แล้วมึงรู้ไหมพี่เขาน่ะ..."
ภีมก็นั่งฟังโต้งพูดเรื่องของหญิงสาวรุ่นพี่ไป ส่วนเขาก็นั่งทานข้าวของตัวเองต่อ
เพนต์เฮาส์หรู ชั้นบนสุดใจกลางเมืองหลวง ซึ่งทางด้านนอกระเบียงกว้าง มีสระว่ายน้ำส่วนตัวที่ตั้งอยู่ในชั้นเดียวกันหลังจัดการทำความสะอาดร่างกายและอุ้มแฟนสาวไปนอนบนเตียงเรียบร้อย ตัวเขาเองก็พยายามข่มตาให้หลับไปด้วย แต่เพราะว่าร่างกายที่ยังตื่นตัวอยู่ เลยทำให้สุดท้าย ภีมตัดสินใจออกมาว่ายน้ำอยู่ในสระส่วนตัวประจำที่พักแห่งนี้เขายังรู้สึกมีอารมณ์ค้างคา แต่จะให้ปลุกเธอขึ้นมาทำอีกรอบก็คงไม่ดี เพราะแฟนเขากำลังอยู่ในช่วงเรียนรู้งาน ซึ่งคงเหนื่อยมาก เขานั้นไม่อยากเอาแต่ใจจนเกินไปประมาณหนึ่งชั่วโมงเศษแล้วที่นาเนียร์หลับไป ในที่สุดหญิงสาวรู้สึกตัวตื่น เพราะเธอยังคงติดค้างอยู่ในความรู้สึก ว่าอยากใช้เวลาในคืนพิเศษกับเจ้าของวันเกิดให้มากกว่านี้หญิงสาวค่อย ๆ ขยับร่างกายลุกขึ้นนั่งบนเตียงกว้าง และก้มมองสำรวจตัวเองที่อยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งของเจ้าของห้อง ก่อนริมฝีปากอิ่มจะยกยิ้มบางไม่ว่าจะกี่ครั้ง การได้สวมใส่เสื้อผ้าของแฟนหนุ่ม ก็ทำให้เธอรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก คงจะเป็นความรู้สึกที่ว่า กำลังถูกโอบกอดอยู่ตลอดเวลาล่ะมั้งทว่าเมื่อมองไปยังข้างกาย เธอกลับไม่พบคนที่ควรจะนอนอยู่ด้วยกันคิ้วเรียวขมวดเข้
วันต่อมา..."อะไรวะ นี่ไม่คิดจะมาง้อ แถมยังไม่โทรหาจริงดิ" ภีมบ่นพึมพำออกมาด้วยความหัวเสีย เพราะหลังจากเมื่อวานที่เขานอนรอให้แฟนสาวโทรมาง้อทั้งคืน แต่เธอก็ไม่โทรเลย แถมผ่านมาวันนี้อีก ทั้งที่เป็นวันเกิดของเขาแท้ ๆ ถึงจะไปทำงานไกลถึงสิงคโปร์ แต่การส่งข้อความมาอวยพรวันเกิดเขา มันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรนี่ "หรือจะเบื่อกันแล้วนะ" ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาแฟนสาว แต่โทรยังไงเธอก็ไม่รับเหมือนเมื่อวานเลย "หรือจะคุยงานอยู่ เลยปิดเครื่องนะ" เขาได้แต่ถอนหายใจออกมาพรืดยาว พร้อมกับเดินออกจากลิฟต์ เพื่อจะกลับห้องของตัวเอง ภีมใช้คีย์การ์ดแตะเข้าไปในเพนต์เฮาส์หรูของตัวเอง พร้อมกับเดินเข้ามาด้านใน แต่ก็ต้องตกใจ เพราะตอนนี้ในห้องของเขา กลับเต็มไปด้วยลูกโป่งที่ลอยเต็มห้องไปหมด ซึ่งพอชายหนุ่มเห็นแบบนั้นก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ แล้วรีบเดินตามหาแฟนสาวของตัวเอง "พี่เนียร์ อยู่ไหนครับ" ภีมตะโกนออกมาเสียงดัง พร้อมกับเดินเข้าไปในครัว แต่กลับไม่มีใครอยู่เลย ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะเดินเข้าไปในห้องนอน ก็ต้องตกใจตะลึงตาค้างกับภาพตรงหน้า "อะไรเนี่ย"ชายหนุ่มจับจ้องหญิงสาวไม่วางตา มองสำรวจเรือนร่างเย้ายวนในชุดบ
หลายเดือนต่อมา... "ป่านนี้พี่เนียร์จะทำอะไรอยู่เนี่ย" หลังจากที่ภีมเรียนวิชาคาบสุดท้ายของวันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็รีบขับรถเฟอร์รารี่สีดำของตัวเองมาตามถนน มุ่งตรงสู่บริษัทของแฟนสาว ที่อยู่ไกลจากมหาวิทยาลัยของเขาค่อนข้างมากในตอนนี้เขาเรียนอยู่ปีสอง ส่วนแฟนสาวอย่างนาเนียร์ หญิงสาวได้เรียนจบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และตอนนี้เธอก็ได้เข้าไปทำงานในบริษัทพ่อของตัวเอง "คิดถึงจัง" ชายหนุ่มบ่นพึมพำ พร้อมกับร้องเพลงคลออยากมีความสุข ครั้งแรกเขาว่าจะโทรถามเธอก่อน ว่าหญิงสาวว่างไหม แต่พอคิดดูอีกที อยากไปเซอร์ไพรส์มากกว่า ไม่รู้ว่าถ้าเห็นเขาแล้วจะตกใจมากแค่ไหนและที่เขาตัดสินใจไปหาหญิงสาวที่บริษัทในครั้งนี้ เนื่องจากเขาไม่ได้เจอหน้าเธอมาหลายวันแล้ว เพราะพี่เขาหลังจากที่เรียนจบ ก็ได้ย้ายกลับไปอยู่บ้าน ส่วนภีมก็ย้ายมาอยู่เพนต์เฮาส์ที่พ่อของตัวเองให้คนเตรียมเอาไว้ให้ แล้วงานร้านหมูกะทะที่เขาเคยทำหลังจากเลิกเรียน ตอนนี้ก็ไม่ได้ทำแล้ว เพราะผู้เป็นพ่อสั่งห้าม โดยท่านให้เหตุผลว่าอยากให้ตั้งใจเรียนมากกว่า ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ได้ขัดอะไร เพราะตอนนี้เขาอยู่ปีสอง งานก็เข้าข้างเยอะ แทบไม่มีเวลาทำอะไรเลย พอข
"มานั่งสิ"พอพ่อของเขาพูดออกมาแบบนั้น พี่ชายของเขาอย่างภาม ก็เดินนำแฟนสาวมานั่งลงที่โต๊ะอาหาร ส่วนแฟนกับลูกของเธอ ก็นั่งลงด้านข้าง"ใบบัวครับ นี่พ่อของผม""สวัสดีค่ะคุณพ่อ หนู 'ใบบัว' นะคะ ส่วนตัวเล็กนี่ชื่อ 'ใบบุญ' ค่ะ สวัสดีคุณปู่เร็วลูก""สวัสดีค่ะคุณปู่ หนูชื่อใบบุญค่ะ เป็นลูกสาวของคุณแม่ใบบัว" เด็กหญิงตัวน้อยพูดน้ำเสียงเจี๊ยวจ๊าวชวนน่าฟัง"น่ารักจังเลย อายุกี่ขวบแล้ว" พ่อของเขาที่นั่งอยู่ ก็เลยสอบถามพี่สะใภ้ด้วยความเอ็นดูหลานสาวตัวน้อย"ห้าขวบแล้วค่ะคุณพ่อ""เข้าโรงเรียนแล้วใช่ไหม""ใช่ค่ะ"พ่อของเขาก็เอ่ยพูดคุยกับพี่สะใภ้ถามเกี่ยวกับสารทุกข์สุขดิบ จนพี่ชายของเขาที่นั่งอยู่ก็ยังไม่ได้แนะนำพี่น้องให้รู้จัก จึงเอ่ยพูดแทรกขึ้นมา"มาต่อกันดีกว่าครับใบบัว นี่พี่ชายของผมชื่อภูมิ""สวัสดีค่ะคุณภูมิ เราน่าจะอายุเท่ากันนะคะ""คุณใบบัวรู้ได้ยังไงครับ""คุณภามบอกค่ะ""อ๋อครับ""แล้วนี่น้องชายของผม ชื่อภีม และนั่งด้านข้างนั้นที่นาเนียร์แฟนของไอ้ภีมมัน""สวัสดีค่ะพี่ใบบัว""สวัสดีจ๊ะน้องนาเนียร์ ยินดีที่ได้รู้จักนะ""สวัสดีครับพี่สะใภ้ ผมภีมนะ""พะ...พี่สะใภ้อะไรกันล่ะค่ะ พี่กับคุณภาม ยังไม่แ
หลายวันต่อมา...ครืด ครืดภีมลืมตาตื่นเพราะได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังรบกวน โดยเขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูว่าใครโทรมา พอเห็นว่าเป็นอายุทธ เลขาพ่อของตัวเอง ชายหนุ่มกดรับสายทันที เพราะกลัวว่าคนที่นอนกอดเขาอยู่จะตื่น เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันหยุด เขาอยากให้แฟนสาวนอนหลับได้เต็มอิ่ม"ครับคุณอา" ชายหนุ่มตอบเสียงอู้อี้กับปลายสาย(เพิ่งตื่นเหรอครับ)"ใช่ครับคุณอา"(ผมขอโทษด้วยที่โทรมารบกวนตั้งแต่เช้า แต่พอดีคุณภูเพิ่งแจ้งอาเมื่อกี้ ว่าให้โทรบอกเราว่าให้มาทานข้าวด้วยกันที่บ้านเย็นนี้)"เย็นนี้เหรอครับ" เขาพูดทวนพร้อมกับก้มมองคนที่นอนซบอกเขาอยู่(ใช่ หรือว่าเราไม่ว่าง)"ก็ไม่ได้ว่างอะไรครับ พอดีผมมีทำงานตอนเย็น แต่ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวผมจะลาก็ได้"(ครับ แล้วคุณภูก็ให้คุณภีมชวนแฟนมาด้วย ท่านอยากเจอ)"ผมจะลองชวนเธอนะครับ แต่ไม่รู้ว่าเธออยากไปหรือเปล่า" เพราะเขาก็ไม่สามารถที่จะตัดสินแทนแฟนสาวตัวเองได้ ต้องสอบถามความสมัครใจของเธอก่อนว่าอยากไปหรือเปล่า(ครับคุณภีม งั้นอาขอวางสายก่อนนะ""ครับคุณอา" ภีมตอบออกไปพร้อมกับกดตัดสาย และยื่นเอาโทรศัพท์ไปวางไว้ที่เดิมและในขณะนั้นเอง คนที่นอนกอดเขาอยู่ก็ค่อย ๆ กระชับกอ
"ลงไปกันเถอะ"โดยพอคนด้านข้างพูดออกมาแบบนั้น ภีมจึงรีบดันเปิดประตู พร้อมกับเดินลงมายืน ชายหนุ่มมองสำรวจบ้านหลังขนาดไม่ใหญ่มาก"ไปกัน"ราชาเดินนำเขาเข้ามาในบ้าน ส่วนเขาก็รีบเดินตามมาติด ๆ ซึ่งพอเข้ามาด้านในแล้วภีมก็พบกับชายหญิงคู่หนึ่ง ที่กำลังนั่งอยู่ห้องโถงของบ้าน โดยเขาเดาว่าน่าจะเป็นพ่อกับแม่ของแฟนสาวตัวเอง เพราะใบหน้าของชายกลางวัย ค่อนข้างเหมือนกับคนตัวเล็กมาก"อาศักดิ์ น้านันต์สวัสดีครับ""อ้าวราชา สวัสดีลูก แล้วนั่นใครมาด้วยเหรอ""อ๋อ นี่ภีมแฟนของยัยเนียร์ครับ"โดยพอราชาแนะนำเขา ภีมจึงรีบยกมือไหว้ทั้งสองคนอย่างนอบน้อม ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม"หะ! แฟนของลูกสาวอา""ใช่ครับ""ทำไมลูกสาวอา ไม่พาแฟนมาแนะนำให้อารู้จักบ้างเนี่ย" พ่อของคนรัก ก็เดินมายืนอยู่ตรงหน้าเขา"คบกับลูกสาวพ่อนานหรือยัง""จะสองเดือนแล้วครับ""ก็ไม่นาน ลูกสาวพ่อเป็นยังไงบ้าง ดื้อไหม""ไม่เลยครับ พี่เนียร์ไม่เคยดื้อกับผมเลย""พี่เนียร์... เรียกแบบนี้แสดงว่าเป็นรุ่นน้องของลูกสาวพ่อ""ใช่ครับ ผมเพิ่งอยู่ปีหนึ่งครับ""คิดยังไงมาคบกับลูกสาวพ่อ"โดยพอคนด้านหน้าถามมาแบบนั้น เขาก็มีน้ำเสียงอ้ำอึ้ง เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะตอบไปยัง