ฉันเงียบ มองแก้มขาว ๆ ของเขาแล้วอึ้ง คือจะให้หอมแก้ม?
“เร็วสิ” ไวท์เร่ง เอียงแก้มค้างไว้ ฉันสูดหายใจลึก เอาก็เอาวะ จูบยังเคยมาแล้ว
คิดได้อย่างนั้นจึง...
จุ๊บ!
ฉันผงกหัวขึ้นไปจนริมฝีปากชนกับแก้มเขาก่อนผละออกอย่างรวดเร็ว ฉันรู้สึกว่าใบหน้าตัวเองตอนนี้มันชา ๆ และร้อนผ่าวไปหมด
หมดกันภาพลักษณ์กุลสตรีที่ดี....
หรือมันอาจจะหมดตั้งแต่ฉันจูบตอบไวท์ไปก่อนหน้าก็ไม่รู้ รู้แต่ตอนนี้อายโคตร ๆ
ไวท์หันหน้ามามองฉันแล้วยิ้มจนฉันตาพร่าไปหมด หัวใจน้อย ๆ มันเต้นแรง แรงจนฉันกระชับผ้าห่มให้แน่นขึ้นด้วยกลัวมันจะดังจนไวท์ได้ยิน
“นี่มันจูบแก้ม...หอมมันต้องแบบนี้”
แล้วไวท์ก็ก้มหน้ามาหอมแก้มขวาฉันเสียงดัง
ฟอด!
แล้วต่อด้วยแก้มซ้าย
ฟอด!
“จำเอาไว้แล้วคราวหน้าต้องทำให้ถูกต้องนะครับ”
ยังมีคราวหน้าอีกเรอะ!
ไวท์ลุกขึ้นยืนเต็มตัว ก่อนจะเดินออกห้องไป ฉันยังคงนอนนิ่ง ในหัวดังวิ้ง สติหลุดไปเป็นที่เรียบร้อยจนไม่ได้ยินเสียงประตูที่ปิดลง
เนิ่นนาน...จนฉันดึงสติกลับมาได้ เสียงรถที่จอดหน้าบ้านก็ขับเคลื่อนไปไกล ฉันลุกขึ้นนั่งแล้วยกมือกุมแก้มตัวเองสองข้าง ริมฝีปากเผยรอยยิ้มไม่รู้ตัว
วันจันทร์
ฉันนั่งกินราดหน้ากับเจน และมิว หลังจากงานวันเกิดเจน ยายสองคนนี่ก็หันมาตีสนิทฉันแบบเต็มตัว จากที่เคยคุยกันผ่าน ๆ มาวันนี้พวกหล่อนเห็นฉันจากที่ไกล ๆ ก็พากันปรี่มายึดแขนทั้งสองข้าง กึ่งชวนกึ่งบังคับลากฉันไปกินข้าวในโรงอาหารของคณะ เสียงนักศึกษาดังจอแจ เจนกับมิวคุยกันโดยที่ไม่แตะอาหารสักนิด ฉันไม่ได้ร่วมวงด้วยตั้งหน้าตั้งตาตักราดหน้าเข้าปาก ทำเสียงอืออาเป็นระยะเมื่อพวกหล่อนดึงฉันเข้าสู่บทสนทนา
จู่ ๆ เจนก็เอ่ยขึ้น
“นี่ ๆ ได้ยินข่าวดาวมหา’ ลัยคว้าเกียร์สุดฮ็อตคณะเราไปป่ะ”
“ใช่ ๆ ได้ยินมาเหมือนกัน ข่าวดังเช้านี้เลย” มิวเสริมขึ้น ก่อนสะกิดฉันที่กำลังสูดเส้นราดหน้าเข้าปาก “ว่าไปไวท์ก็เสน่ห์แรงเนาะ...เฮ้ย! ปาย! ”
อึ่ก! แค่ก ๆ
ฉันหน้าเขียวทันทีเพราะดันดูดเส้นแรงเกินไป ตอนนี้เหมือนเส้นมันจะติดคอ ฉันทุบหน้าอกตัวเอง เจนและมิวตกใจตาม ฉันรีบคว้าแก้วน้ำขึ้นมาดูดอึก ๆ รู้สึกแสบกลางหน้าอก น้ำตาก็คลอเพราะสำลักอย่างแรง
บ้าเอ๊ย ทำไมฉันต้องสติหลุดทุกทีที่ได้ยินชื่อไวท์
บ้าจริง ๆ เลย…
ฉันคว้าทิชชู่จากมือเจนที่ยื่นให้ก่อนซับหางตา รู้สึกแสบคอจนไม่อยากพูดอะไร
“เป็นอะไรมากไหมปาย ค่อย ๆ กินสิยะ” มิวลูบหลังฉัน
“ดูเหมือนว่า....พอได้ยินชื่อไวท์ ปายจะสำลักตลอดเลยนะ” เจนจ้องหน้าฉัน ทำเสียงมีเลศนัย
เหมือนเจนจะสังเกตอะไรได้ ฉันได้แต่ก่นด่าตัวเองที่เผลอทำพิรุธ เสหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบต่อ ให้บรรเทาอาการเจ็บคอ ก่อนตอบเจนเสียงแหบแห้ง
“อะไร เกี่ยวอะไรกับนายนั่น ปายกินข้าวอยู่แต่เจนกับมิวนั่นแหละพากันชวนคุย ปายกำลังจะพูดร่วมวงด้วยมันก็ดันสำลัก...เท่านั้นเอง”
“จริงเร้อ”
“จริงสิ” ฉันทำเสียงขรึม “ปายมีแฟนแล้วนะ เจนอย่าโยงปายกับผู้ชายคนอื่น ไม่ชอบ”
ฉันตีหน้าขรึม บอกเสียงเย็นชา
“อ๊ะ ๆ ไม่พูดก็ได้” เจนเห็นฉันทำหน้าจริงจังเลยรีบเปลี่ยนเรื่องคุย หัวข้อสนทนากลายเป็นเรื่องแฟชั่น ฉันจึงทำตัวเป็นปกติร่วมวงด้วย
เกือบไปแล้วไหมล่ะ...
นายนั่นจะคบกับใครจะทำอะไรฉันจะเดือนร้อนทำไม เลิกคิดถึงเขาได้แล้ว
ฉันสะกดจิตตัวเองในใจซ้ำ ๆ หวังว่ามันจะช่วยให้ดีขึ้น
แต่พอพูดถึงผี ผีก็มา....
ตรงทางเข้าโรงอาหารมีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเคียงข้างกัน ดูเหมือนเสียงพูดคุยกันจะเงียบลงไปอึดใจ ก่อนจะกลายเป็นเสียงฮือฮาหลายคนยกมือถือตนขึ้นมาถ่าย หวังจะเอาไปเป็นหัวข้อซุบซิบนินทากับเพื่อน เจนและมิวก็เช่นกัน
ฉันเงยหน้าจากจาน มองไวท์และดาวมหา’ ลัยเดินคู่กัน วันนี้ไวท์ใส่ชุดช็อปดูเซอร์และเท่ในคราวเดียว ไม่แปลกที่จะเป็นจุดสนใจ ไวท์เป็นคนดังของมหา’ ลัยอีกคน เพียงแต่เมื่อก่อนฉันไม่ได้สนใจ
เหมือนไวท์จะรู้ตัวว่าฉันมองอยู่ เขาหันมาสบตาฉันก่อนจะหันหน้ากลับไปคุยกับดาวมหา’ ลัย พากันไปต่อคิวซื้ออาหาร ท่าทางของทั้งคู่สนิทสนมกันน่าดู
“พอดูใกล้ ๆ ก็สวยเนาะ ท่าทางเหมือนคุณหนู ดูนุ่มนวล แกเห็นนางยิ้มไหมน่ารักอ่ะ” เจนมองคู่รักที่เดินผ่านไปแล้วรำพึงรำพัน
“ใช่ ๆ ไม่แปลกที่คว้าตำแหน่งดาวมหา’ ลัยปีนี้ เรียนดีเรียนเก่ง ท่าทางนุ่มนิ่มบอบบาง แถมหุ่นก็...” มิวทำไม้ทำมือ “นี่สินะ เขาเรียกว่าเฟอร์เฟ็ค”
“ปาย ๆ เป็นอะไรเงียบไป” เจนเรียกฉัน ทำให้ฉันได้สติหลังจากนั่งเหม่อก่อนจะลุกขึ้นสะพายกระเป๋า แล้วตอบ
“เปล่า นั่งคิดอะไรนิดหน่อยน่ะ ป่ะ อิ่มแล้ว พวกเธอก็ไม่เห็นแตะข้าว จะกินต่อหรือจะกลับ ถ้าจะอยู่ต่อฉันไปก่อนนะ”
“เดี๋ยวสิ” เจนดึงกระเป๋าฉันไว้ “วันนี้พี่เชนจะมารับปายหรือเปล่า”
“แหม ถามทำไม ถ้ามาพวกเธอจะตามฉันต่อสินะ แต่ถ้าไม่มาก็คงจะทิ้งฉัน? ”
“ไม่ใช่สักหน่อย...แบบว่า ถ้าพี่เชนมารับจะได้ให้ปายแนะนำเจนกะมิวให้พี่เชนรู้จัก”
ฉันเลิกคิ้วมองพวกหล่อน พอตีสนิทฉันได้ก็จะหาผลประโยชน์เลยนะ ฉันบ่นในใจขำ ๆ แต่มานึกดูเจนก็ตรงไปตรงมาดี ดีกว่าหลอกใช้โดยที่ฉันไม่รู้ตัว เอาเถอะ แค่แนะนำเพื่อนให้พี่ชายรู้จัก
พอคิดได้อย่างนั้น ฉันก็พยักหน้า
“เอาสิ จะไปรอพี่เชนกับเราก็มา ปายนัดพี่เชนไว้ตรงหน้าตึกคณะเรา”
สองสาวรีบลุกจากโต๊ะทันที ท่าทางกระดี๊กระด๊า ฉันส่ายหน้ายิ้ม ๆ
พวกเราพากันเดินออกจากโรงอาหาร ฉันพยายามเลิกคิดถึงไวท์ แต่พอนึกถึงภาพเขาเดินเคียงข้างดาวมหา’ ลัยคนสวยนั่นก็รู้สึกปวดตรงหน้าอกหนึบ ๆ อึดอัด หายไม่ไม่ออก
ถ้าคิดแบบหลอกตัวเอง ฉันคงไม่สบาย อากาศมันร้อน เลยทำให้หายใจไม่ค่อยออก
แต่ถ้าคิดอีกแบบ...ฉันหึงไวท์ใช่ไหม
บ้าน่า อาการที่ฉันเป็นฉันไม่สบายต่างหาก กลับบ้านไปคงต้องหายามากิน
หึงหวงอะไร ไร้สาระ!
สะพานบุญโขกู้สุ่ย บ้านแพมบกไวท์พาฉันมาที่สะพานไม้ไผ่ แหล่งท่องเที่ยวอีกทีหนึ่งของแม่ฮ่องสอน ห่างไกลจากตัวเมืองประมาณสิบกิโลเมตร ตลอดการเดินทางลำบากมาก ทั้งชันและแคบ โชคดีที่ไม่ใช่ฤดูฝน ถนนเลยพอให้รถสปอร์ตขับผ่านไปได้ แต่กว่าจะถึงที่หมายฉันแอบสงสารรถคันหรูที่ตอนนี้มันคงจะคลุกฝุ่นจนหมอง เมื่อรถจอดฉันหันไปมองเขาอย่างแปลกใจที่เขารู้จักสถานที่แบบนี้ด้วย นึกว่าเด็กเมืองกรุงอย่างเขาจะพาฉันไปในเมือง เที่ยวห้างสรรพสินค้า ดูหนังอะไรแบบนี้“มองอะไรปาย”“รู้จักที่แบบนี้ด้วยเหรอ เมื่อก่อนเคยมาเที่ยว? ”“ไม่เคย นี่มาครั้งแรก และไม่เคยมาแม่ฮ่องสอนด้วย”“หืม...”“สมัยนี้มันยุคสี่จีนะยายบ๊อง แค่ค้นหาสถานที่เที่ยวจังหวัดนั่นนี่มันก็เจอแล้ว จีพีเอสก็มี มาไม่ถูกก็ไม่รู้จะพูดยังไง”ไวท์พูดจบก็ยกมือขึ้นเขกหัวฉันเบา ๆ ฉันย่นจมูกใส่ ก็คนมันไม่ทันได้นึกถึงนี่ แม่ฮ่องสอนก็มีหลายอำเภอ ฉันยังเที่ยวไม่ทั่วเลย ก็เลยแปลกใจที่เขารู้จักที่นี่เราสองคนลงจากรถ สะพานบุญโขกู้สุ่ยตั้งอยู่หน้าหมู่บ้านแพมบก บริเวณทางเข้ามีร้านค้าชุมชนตั้งอยู่ ขายทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ไวท์เดินเข้าไปซื้อน้ำเปล่ามาสองขวด ก่อนยื่นให้ฉันหนึ่งขว
ฉันยืนมองคนงานพากันยกลังส้มขึ้นรถบรรทุกของลูกค้าที่มาซื้อถึงในสวน ตั้งแต่กลับจากกรุงเทพฯ งานที่รออยู่ก็ล้นมือ ประกอบกับเป็นช่วงที่คนงานลางานเพื่อกลับไปทำนา คนงานในสวนจึงมีไม่พอ ทั้งวันฉันต้องดูแลงานในสวน แล้วก็ต้องไปจัดการงานในรีสอร์ตอีกต่อหนึ่ง โชคดีที่ตอนนี้ยังไม่ใช่ช่วงเทศกาลนักท่องเที่ยวยังไม่มากนัก ก็ไม่รู้ทำไมแม่ถึงได้ปิดบังฉันว่าไม่มีปัญหาอะไร งานที่สวนปกติ ทั้งที่ฉันกลับมาเห็นมันไม่ใช่ที่แม่บอกเลย คนงานไม่พอ งานล้นมือ ไม่อยากจะคิดถ้าฉันไม่กลับมาด้วย แม่จะต้องหัวหมุนดูแลคนเดียวไม่มีเวลาพักผ่อนแน่ ๆ“เรียบร้อยหรือยังจ๊ะปาย” แม่เดินมามือข้างนึงถือขวดน้ำก่อนจะยื่นให้ฉัน“ขอบคุณค่ะ” ฉันยื่นมือมารับ แล้วเปิดฝายกน้ำขึ้นดื่มด้วยความกระหาย พอดื่มจนพอใจก็ตอบคำถามแม่ “อีกล็อตหนึ่งก็ครบแล้วค่ะ ปายจะเช็คอีกรอบหนึ่งก็เสร็จ”“เหนื่อยไหม กลับมาก็ไม่ได้พักเลย”“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ แต่ก่อนปายก็ช่วยแม่นี่ งานในสวนปายคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กแม่ก็รู้ สบายมากค่ะ”“ขอบใจนะลูก หมดรอบนี้ก็คงจะได้พักแล้วล่ะ แล้วนี่ก็มาเกือบอาทิตย์แล้วยังไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย เพื่อนฝูงก็พากันถามหา วันก่อนแม่เจอตั้มที่ตลาดยังถา
ผมเปิดประตูห้องก่อนก้าวเข้าไป ห้องตกแต่งโทนเรียบง่าย เครื่องเรือนหรูหรามีระดับ แต่ผมกลับไม่ชอบมัน มาค้างหนึ่งเดือนแค่ครั้งสองครั้ง ไม่สนว่าผู้ชายคนนั้นจะว่ายังไง ปกติถ้าไม่ยุ่งอยู่กับงานสังสรรค์ ติดอีหนู ผู้ชายคนนั้นก็ไม่นึกถึงผมหรอก เราต่างคนต่างอยู่มานานแล้ว ผมอยากจะไปค้างกับแม่ ย้ายไปอยู่ด้วยแต่ก็กลัวทำให้แม่เดือดร้อนจากผู้ชายบ้าอำนาจผมล้มตัวลงนอนบนเตียง กางแขนกางขาเหม่อมองเพดาน สุดท้ายเพราะยังไม่สร่างเมาดีก็ผล็อยหลับไปอีกครั้ง..เช้าวันต่อมา“เออ ดี! โผล่หัวมากลางดึก เช้ามาก็ไป เห็นบ้านฉันเป็นโรงแรมหรือยังไง”น้ำเสียงกระแทกแดกดันดังขึ้นทันทีที่ผมกำลังจะเดินผ่าน ผู้ชายคนนั้นนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ แต่ตอนนี้หันมามองผมด้วยสีหน้าบึ้งตึง“ผมมีธุระ”ผมตอบแค่นั้นก่อนทำท่าจะก้าวขาเดินต่อ“เฮอะ! หน้าอย่างแกมีธุระด้วย”“พ่อมีอะไรจะพูดก็รีบพูดมาดีกว่า ผมจะรีบไป”“เย็นนี้กลับมาด้วย ฉันจะพาแกไปทำความรู้จักคุณมานพ ท่านเป็นรัฐมนตรีฯ เย็นนี้เป็นวันเกิดท่าน”“ทำไมผมต้องไป ผมไม่รู้จักท่านเสียหน่อย เชิญพ่อไปคนเดียวเถอะ”“แกต้องไป! ฉันจะพาแกไปรู้จักลูกสาวคนเดียวของท่าน”“อ๋อ กะให้ผมไปดูตัว ทำ
“ก็พี่ไม่บอกว่าปายไปไหน”พี่เชนมองผมด้วยหางตา สุดท้ายก็ยอมเอ่ยปาก“ปายกลับบ้าน”บอกแค่นี้? แล้วผมจะตรัสรู้เรอะ! ผมสบถในใจส่วนฉากหน้าก็ฉีกยิ้ม ทำตัวเป็นน้องเขยที่ดี ไม่โต้เถียง“บ้าน? บ้านที่ไหน พี่บอกเส้นทางให้ผมที”“มึงจะตามน้องกูไป”“ครับ ผมจริงจัง ผมจะไปหาปาย ผมจะเข้าไปคุยกับแม่ปายว่าเรียนจบเราจะแต่งงานกัน เราจะ....”“พอ! มึงพล่ามอะไรของมึงวะ! เฮอะ แดกเหล้าจนเหม็นหึ่ง เมาหนักนะมึง คุยไปถึงเรื่องอนาคตแต่งการแต่งงาน ถามพี่อย่างกูสักคำไหม”“ผมแต่งกับปายไม่ได้แต่งกับพี่นี่”“ถุย! เห็นแก่ที่มึงเมาเหมือนหมา กูไม่เอาเรื่องเอาความอะไรมึงก็แล้วกัน ปายกลับแม่ฮ่องสอน นอกนั้นมึงไปตามหาเอาเอง ไป ๆ กูตอบคำถามแล้วก็ไสหัวไป มึงจะง้อ จะจีบอะไรอย่าลากกูไปยุ่ง ทีหลังอย่ามาถามเรื่องปายกะกู กูไม่ได้ขัดขวางมึง แต่ก็ไม่ได้ชอบมึงถึงขนาดยินดีที่มึงคบกับน้องกู”ผมฟังพี่เชนพล่าม พี่แกมองผมด้วยสายตาหงุดหงิด ก่อนจะเดินหมุนตัวเข้าร้านไปตุบ!ไอ้พันรบเดินมาถึงตัวผมเมื่อไรไม่รู้ มันตบบ่าผมดังตุบ“พี่เมียมึงเหรอ”เสียงไอ้บอมถาม มันเดินมาหยุดข้างผม“เออ”“หน้าคุ้น ๆ”“อยู่มหา’ ลัยเดียวกับเราไง” ผมตอบไอ้รบ “เรียนทัน
White Talksหลายวันผ่านไปโครม!ผมเตะเก้าอี้ที่มันขวางทางจนปลิวไปอยู่แทบเท้าไอ้พันรบ วันนี้ผมมานั่งกินเหล้าที่ผับของมัน ส่วนไอ้บอมกับไอ้เวียร์มันบอกจะตามมาดึก ๆ ผมหันไปมองเก้าอี้ที่นอนตะแคงอย่างเฉยชา เดินไปถึงโต๊ะแล้วนั่งลงก่อนยกแก้วที่มันชงไว้ขึ้นมาดื่มฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ไหลผ่านคอยิ่งทำให้ผมร้อน หงุดหงิด กระสับกระส่ายปึก!ผมวางแก้วเหล้าอย่างแรงเป็นการระบายอารมณ์“มึงเป็นอะไรไอ้ไวท์”มันมองผม แล้วถาม“ไม่รู้”ผมตอบแค่นั้นก่อนยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มต่อ ไอ้รบเป็นคนไม่ค่อยพูดมันเงียบ ๆ มึน ๆ พอเห็นผมไม่บอกมันก็แดกเหล้าต่อ เราสองคนยกแก้วเหล้าขึ้นเงียบ ๆ คนในร้านยังไม่มีเพราะยังเป็นช่วงหัวค่ำ จะมีก็แต่เจ้าของร้านอย่างมันที่บ้ามาแดกเหล้าเป็นเพื่อนผมตั้งแต่หัววันนี่แหละไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร พอเงยหน้าขึ้นจากแก้วเหล้าคนก็แออัดเต็มร้าน เสียงเพลงดังกระหึ่ม ไอ้รบลุกขึ้นบอกว่าจะไปดูลูกน้องหลังร้านหน่อย ผมโบกมือไล่มันไปก่อนนั่งกินเหล้าเงียบ ๆ มีผู้หญิงสองสามคนที่เดินโฉบไปโฉบมา ท่าทางเชื้อเชิญผม ผมแค่ยิ้มก่อนกลับไปสนใจเหล้าในแก้วต่อไม่มีอารมณ์ สวยแค่ไหนก็เถอะ ผมอยากเจอปายแค่นั้นใช่ หลายวันมานี่ปายไม่
“ไวท์โอเคนะ มีอะไรระบายให้ปายฟังได้”“โอเคสิ ตอนนี้ไวท์โอเค ขอแค่มีปายอยู่ข้าง ๆ ไวท์ก็พอ”“อะไรกัน แล้วถ้าวันไหนฉันไม่อยู่ข้างนายล่ะ” ฉันพูดขึ้นเล่น ๆ แต่ไวท์กลับเงียบไปอึดใจก่อนตอบกลับ“ไม่มีวันนั้น เพราะไวท์จะไม่ยอมให้ปายทิ้งไวท์แน่ ๆ ปายก็รู้ว่าชีวิตไวท์มีคนที่สำคัญกับไวท์แค่ไม่กี่คนและปายเป็นหนึ่งในนั้น”ฉันฟังเสียงเขาที่ดูเข้มขึ้นก็รู้สึกแปลก ๆ จะว่าดีใจมันก็ไม่เชิง คำพูดของไวท์มันฟังดูเหมือนเขายึดติดกับฉันมากเกินไป และมันไม่ดีเท่าไร...เราไม่ควรจะเอาชีวิตกันและกันมาผูกติดกันมากเกินไป“เอ่อ...เอาเป็นว่าตอนนี้ปายกำลังดูใจ พิจารณาไวท์ ให้โอกาสไวท์อยู่ ไวท์คงรู้ใช่ไหมว่าตอนนี้อยู่ในช่วงที่ปายกำลังให้โอกาส”ฉันอดย้ำความสัมพันธ์ของเราไม่ได้“รู้ครับ และไวท์จะไม่ทำให้ปายหลุดลอยไปอีกแล้ว” เสียงไวท์ตอบกลับมาจริงจังและแฝงไปด้วยความหมายบางอย่างที่ฉันทำเป็นมองข้าม รู้อยู่หรอกว่าเขาแสดงความเป็นเจ้าของ แต่ฉันเป็นคนไม่ใช่สิ่งของ ฉันไม่ใช่ของใคร ฉันก็คือฉัน แต่ถ้าพูดตรงไปฉันก็กลัวว่าเขาจะโมโหอะไรขึ้นมาอีก คงต้องค่อย ๆ คุย แบ่งความสัมพันธ์ให้ชัดเจน ฉันเป็นแค่แฟนของเขาน้ำเสียงไวท์สั่นนิด ๆ ฉันจึ