ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดพากันมานั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ชายทั้งสามผู้เป็นเจ้าของเกาะทางใต้ ในตอนนี้พวกเขากำลังนั่งมองเงือกหนุ่มสองคนนั่งจู๋จี๋กัน....ใช่ ไม่ผิดหรอก เพราะทั้งสองคนเอาแต่นั่งคุยงุ้งงิ้งกันสองคน พากันหัวเราะคิกคัก เผลอแป๊บๆ คาไนน์ก็โผเข้ากอด พอจับแยกออกก็เข้าไปหอมแก้มกันใหม่ ถูไถใบหน้าลงกับแผ่นอกบางของเพื่อนสนิทอย่างเลโอไปเสียแล้ว ลำบากทั้งธาราและสายชลที่ต้องจับทั้งคู่แยกออกจากกัน เรียกได้ว่ามองตาก็รู้ใจ ของของใคร ใครก็หวงหลังจากที่เกิดเรื่องวุ่นวายไปเมื่อช่วงบ่ายของวัน พี่ชายของเขาก็อุ้มเงือกหนุ่มสีผมจินเจอร์ขึ้นพาดบ่า พากันไปคุยปรับความเข้าใจกันถึงในห้อง และธาราคาดว่าน่าจะเป็นการพูดคุยแบบเนื้อแนบเนื้อ ใจแนบใจเสียด้วยซ้ำ เพราะหลังจากที่ทั้งคู่ออกจากห้องมา สภาพของทั้งสองคนนั้นแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเพราะพี่ชายของเขานั้นออกจากห้องมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเปล่งปลั่งราวกับได้นอนมาจนเต็มอิ่ม ต่างจากเด็กหนุ่มผมจินเจอร์นั้นคล้ายกับถูกสูบเรี่ยวแรงออกไปจนหมด จนถึงกับต้องเดินไต่บันไดลงมาจากชั้นบนของบ้านพัก พวกเขาต่างมองหน้ากันแต่ไม่มีใครปริปากอะไรเป็นการหยอก
“เลโอ!!!” เสียงของคาไนน์ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ ตอนนี้ธาราได้แต่นั่งมองคาไนน์ที่กระโดดขึ้นลงไม่หยุดอยู่กับคนที่ชื่อว่าเลโอด้วยความดีอกดีใจ ก่อนจะเบนสายตาหันกลับไปมองพี่ชายของตนที่ยังคงมองทั้งคู่อยู่ไม่ต่างกัน“เจ้าหายไปไหนมา!!! ข้าบอกว่าให้รออยู่ที่ถ้ำใต้น้ำนั่นอย่าออกมาไง!” เด็กหนุ่มสีผมจินเจอร์เอ่ยบอกคนตัวเล็กของเขาเสียงดุ แถมยังยกมือยืดแก้มของคาไนน์เสียย้วยยืดออกมาอย่างไม่ออมแรง จนสองแก้มของคาไนน์นั้นแดงก่ำด้วยรอยนิ้วมือ ธารามองตอบด้วยความไม่ชอบใจ อย่างไรเขาก็ไม่อยากให้คาไนน์มีแม้แต่ริ้วรอยแดงจากอาการบาดเจ็บปรากฏอยู่บนตัวธาราเบนสายตาหันไปหาพี่ชายที่ยังคงนั่งมองทั้งสองคนเล่นกันด้วยรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า ต่างจากเขาที่บึ้งตึงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไม่ได้ยินเสียงของการห้ามปราม ดังนั้นแล้วเมื่อเห็นพี่ชายยังคงนิ่งเฉย แต่กลับเป็นเขาเองที่ไม่อาจทนดูได้อีกต่อไป จึงผุดตัวลุกขึ้นจากโซฟา และจับดึงคาไนน์ออกมาจากอ้อมแขนของคนที่ชื่อเลโออย่างไม่ออมแรง จนใบหน้าของคาไนน์ฝังลงกับอกของเขาอย่างพอดิบพอดี“นี่มันอะไร” เสียงขอ
“อะไรนะ!? ” ธาราอุทานออกมาด้วยความตกใจ และยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นสีในดวงตาของบิดาแปรเปลี่ยนไปเป็นสีเขียวกระจ่างใสในชั่วพริบตาก่อนจะกลับมาเป็นดังเดิม สายชลหัวเราะขำให้กับท่าทางนั้นของน้องชาย แล้วส่ายหน้าไปมา ตบบ่าของเขาแปะๆ พร้อมเอ่ยว่าไม่ไหวๆ ไม่จำเลยนะเรา ยิ่งทำให้ธารางุนงงเข้าไปใหญ่“นี่มัน... อะไร... เป็นไปได้ยังไง....”“เฮ้อ พ่อดูธารสิ” บิดาของเขาหัวเราะขำ แล้วจึงหยิบแก้วน้ำขึ้นจิบด้วยความสบายอารมณ์ ปล่อยให้สายชลเป็นคนจัดการเรื่องราว“ธารจำตอนเด็กๆ ได้ไหม ที่คุณแม่เล่านิทานให้เราฟังก่อนนอนทุกคืน” สายชลเอ่ยถามเรื่องเดิมซ้ำอีกครั้ง ทำให้ธาราใช้ความพยายามอย่างหนัก แต่จนแล้วจนรอดก็นึกไม่ออกว่าเขาเคยได้ยินได้ฟังเรื่องอะไรมา ดังนั้นแล้วสายชลจึงเป็นคนเริ่มต้นเล่าเรื่องราวทั้งหมดนั้นเอง“กาลครั้งหนึ่งนานมากแล้ว.......”“พี่ชล เข้าเรื่องเลยเถอะ” สายชลเบะปากส่งให้แง่งอน ก่อนจะเอ่ยแย้ง“มันก็ต้องมีอารัมภบทหน่อยสิ จะได้เข้าถึงเนื้อเรื่อง”
หลังจากทานอาหารเสร็จ ธาราก็เป็นฝ่ายอาสาเดินนำทางพาบิดาและพี่ชายเยี่ยมชมเกาะส่วนตัวและธุรกิจที่กำลังดำเนินการอยู่ตอนนี้ แต่เขาพาไปดูเฉพาะในส่วนที่เขาเข้ามารับผิดชอบดูแลตั้งแต่ย้ายมาประจำการที่นี่ เพราะถึงอย่างไรทั้งสองคนก็มาเยี่ยมชมเกาะนับไม่ถ้วนตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง รวมถึงการติดตามงานและเข้ามาตรวจสอบเป็นระยะเพียงแต่ตอนนี้เขารับหน้าที่มาประจำการที่นี่ ทำให้ทั้งสองไว้วางใจจนหายหน้าหายตาไปพักหนึ่ง ดังนั้นทุกย่างก้าวที่เดินผ่าน มักจะได้รับการยกมือไหว้สวัสดีด้วยความนอบน้อมจากเหล่าพนักงานทั้งหลายรวมถึงนักวิจัยที่กำลังนั่งพักอยู่บ้างประปราย ซึ่งทั้งเขา พี่ชาย และบิดาต่างพยักหน้ารับ แวะสอบถามบ้างเป็นบางครั้งทั้งงานที่กำลังทำ โปรเจ็คที่กำลังเริ่ม หรือปัญหาอื่นๆ ระหว่างทางไปเรื่อยๆ เพื่อใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาโดยมีลุงบาซิมทำหน้าที่ช่วยจดบันทึกคล้ายเลขากลายๆ ก่อนที่สถานที่สุดท้ายที่พวกเขาพากันเยี่ยมชมคืออควาเรียมที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตาพวกเขาเดินชมอควาเรียมไปตามทาง ในขณะที่ธารานั้นสองจิตสองใจ ดวงตาคมกล้ามักจะคอยเหลือบมองไปที่ทิศทางหนึ่งอยู่เสมอ จิตใจของเขาพะวักพะ
“มาได้สักทีนะเรา” ธาราหันไปมองตามทิศทางต้นเสียงที่เขาได้ยิน หลังจากที่เขาได้รับแจ้งจากน้ามูนามาว่าบิดาของตนมาหาถึงที่เกาะเพาะเลี้ยงก็อดที่จะรู้สึกแปลกใจไม่ได้ แต่นั่นก็ยังไม่เท่ากับคนที่เอ่ยทักเสียงนุ่มทุ้มเจือด้วยแววเอ็นดูเหมือนเก่าก่อนกลับทำให้เขาแปลกมากยิ่งกว่า“พี่ชล มาได้ยังไง” ธาราเอ่ยทักพี่ชายของตนที่มีนามว่า สายชล ซึ่งตอนนี้นั่งข้างกันกับบิดา เจ้าของชื่อยกยิ้มขำ ก่อนจะลุกขึ้นเดินตรงเข้ามาหา ใช้มือแกร่งนั้นบีบนวดท้ายทอยของเขาเชิงหยอกล้อ ก่อนจะจบลงที่การวางมือพาดลงบนบ่ากว้างของเขาแทน ในขณะที่เขานั้นยกมือขึ้นไหว้สวัสดีบิดา ซึ่งอีกฝ่ายทำเพียงพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม“ก็ใครใช้ให้เราหายหัวไปนานขนาดนี้ล่ะ ไหนบอกว่าจะโทรหาพี่บ่อยๆ ไง นี่อะไร ติดสาวจนลืมพี่ไปแล้วหรอ” สายชลเอ่ยบอกกึ่งเย้า เหลือบสายตาไปมองคนตัวเล็กที่พยายามทำตัวเล็กลีบเกาะหลังของธาราไม่ห่าง และเมื่อสายชลเห็นท่าทีนั้นของคนตัวเล็กแล้วก็อดที่จะยื่นหน้าเข้าไปพูดคุยด้วยไม่ได้“สวัสดี ชื่ออะไรละเรา” ธาราหันมอ
‘นี่มัน........’ สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นสรวงสวรรค์ของเหล่าเหงือกเลยก็ว่าได้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในห้องนี้ถูกทำขึ้นเพื่อเอาใจคนที่ชื่นชอบสัตว์น้ำเป็นพิเศษ ของประดับตกแต่งล้วนเป็นพวกปลาเปลือกหอย และไข่มุก แม้ว่าจะมีของบางอย่างที่ดูไม่เข้าพวกอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ขัดหูขัดตามากเกินไปนัก ภายในห้องนั้นใหญ่โตกว้างขวางตกแต่งอย่างสวยงาม ภายในนั้นมีผ้าม่านสีแดงขอบทองเป็นพู่ห้อยระย้าซึ่งถูกคราบเกลือเกาะหนาจนแข็งจัดแต่ยังพอมองออกว่าคืออะไรนอกจากนี้แล้วที่ด้านบนยังแต่งไฟแชนเดอร์เรียห้อยเอาไว้อยู่ ที่ฝั่งหนึ่งของห้องมีเตียงเปลือกหอยงดงามเป็นประกาย ตรงกลางของเตียงนั้นคือฟูกนุ่มอย่างดีซึ่งบัดนี้ถูกคราบเกลือเกาะจนแข็งจัดไม่ต่างกัน หากแต่อะไรก็ไม่ดึงดูดสายตาเท่าบ่อน้ำที่กลางห้อง....ตรงกลางห้องมีสระน้ำขนาดใหญ่ มีเสาหินอ่อนสีขาวนวลเป็นประกายตั้งรายล้อมทั้งหมด 5 ต้น ด้วยกัน ทำให้เห็นว่าเป็นรูปร่างของดวงดาว 5 แฉก และที่เสาแต่ละต้นนั้นมีกระถางต้นไม้และเถาวัลย์ที่ตายแล้วพันเลื้อย บ่งบอกได้ว่าหากต้นไม้เหล่านั้นยังมีชีวิตอยู่จะงดงามมากเพีย
“ภรรยา มาเร็ว” เสียงหวานใสของคาไนน์เอ่ยร้องเรียกเร่งเร้าให้เขาขยับฝีเท้าก้าวตาม ธาราเดินตามหลังไปด้วยความเอื่อยเฉย สองมือถูกสอดเอาไว้ใต้กระเป๋ากางเกง ใบหน้าหันไปยังทิศทางที่มีลมพัดโชยหลับตาพริ้มให้กับสัมผัสของสายลมจากท้องทะเลในยามค่ำคืน ต่างจากใครบางคนที่กระโดดโลดเต้นอย่างร่าเริงทั้งธาราและคาไนน์อยู่อาศัยบนบกมาสักพักใหญ่แล้ว และธารายังไม่ปล่อยให้คาไนน์ได้ลงเล่นน้ำที่ท้องทะเลเลยสักครั้ง ดังนั้นหลังจากที่จบมื้อเช้าของวันที่ถูกลักหลับไป ธาราจึงเริ่มขบคิดอย่างจริงจัง ว่าเขาจำกัดความเป็นอิสระและตัวตนของคาไนน์มากเกินไปหรือไม่ เมื่อตระหนักได้ดังนั้น เข้าจึงเริ่มมองหาช่วงเวลาที่เหมาะสม เผื่อปล่อยให้นางเงือก แค่กๆ นายเงือกตัวน้อยได้แหวกว่ายในสายวารีดั่งที่เจ้าตัวหวังได้สมใจธาราพาคาไนน์มาที่ถ้ำซึ่งเป็นทางเชื่อมเข้าออกระหว่างบนบกและในน้ำ ข้างในถ้ำบัดนี้ส่องสว่างกว่าเดิมมากนัก เพราะเขาสั่งให้คนมาติดตั้งไฟเอาไว้เพื่อใช้มองทาง โดยใช้ข้ออ้างว่างจะได้ไม่มีใครลื่นล้มโขดหินแล้วหัวกระแทกแบบเขาอีก ดังนั้นแล้วเหล่าคนงานจึงไม่ค่อยติดใจอะไรมากนัก เมื่อทั้งสองพากันเดินเข้ามาถึงภ
ธาราลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่มีแสงอาทิตย์บางๆ ส่องผ่านหน้าต่างของห้องนอน เขารับรู้ได้ว่าบนอกของตนมีน้ำหนักบางอย่างที่คุ้นเคยวางกดทับจึงก้มลงมองดูเพื่อยืนยันความคิดของตน เขาเห็นคาไนน์นอนหลับตาพริ้มอยู่บนอก จึงอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นลูบไล้เส้นผมนั้นแผ่วเบาแม้ตัวเขาจะนึกประหลาดใจว่าเหตุใดตนจึงฝันถึงเรื่องราวในอดีตขึ้นมาได้ ก่อนที่ความคิดบางอย่างจะวาบผ่าน ถ้อยคำของคาไนน์ลอยซ้ำในหัวอีกครั้งหนึ่ง“แต่เจ้าต้องรับหยาดน้ำซัมไมนอลจากข้า จึงจะสามารถฟื้นคืนความทรงจำ.........”งั้นแสดงว่าที่เขาฝันถึงเรื่องราวเมื่อคืนนั้นนั่นก็เพราะ......ธาราค่อยๆ เบนสายตาลงต่ำ พยายามจ้องมองที่ด้านล่าง ไม่แน่ใจว่าตนเองคิดถูกจริงๆ หรือไม่ แต่เขากลับไม่เห็นอะไร นอกจากศีรษะเล็กทุยของคาไนน์ที่กำลังขยับขยุกขยิกไปมา เขามองจ้องภาพนั้นไม่วางตา เห็นได้ว่าคาไนน์เงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะเผยรอยยิ้มหวานทั้งที่ตาปิดปรือ หลังจากนั้นจึงขยับกายยันตัวขึ้น สองแขนคร่อมเขาไว้ที่ด้านข้าง มาพร้อมกับรอยยิ้มบางและมืออีกข้างที่ยกขึ้นขยี้ตาไปมาอย่างน่าเอ็นดู“อ้ะ” ธาร
Kanine Partคาไนน์ยกปลายนิ้วไล้เกลี่ยผิวแก้มของผู้เป็นภรรยาอย่างอ่อนโยน ริมฝีปากบางเผยรอยยิ้มกว้างที่มีให้กัน กับคนเพียงผู้เดียว ก่อนที่จะค่อยๆ กดแทรกกายของตนให้เข้าลึกที่สุดของช่องทางสีหวานฉ่ำ ลำกายนั้นขยับขยายขนาดเพิ่มเติมเต็มช่องวางภายในนั้นจนติดล็อกแน่นอยู่ภายใน ปิดกั้นหยาดน้ำสีขาวขุ่นไม่ให้ไหลออกจากร่างกายโปร่งบางที่ยังคงหลับใหลไม่รับรู้เรื่องราว ท่วงทำนองเสียงหวานเอ่ยดังผะแผ่วราวกับจะช่วยขับกล่อมให้นอนหลับฝันดี“ฝันดีนะ ภรรยาที่รักของข้า......” พูดแล้วก็เอนตัวซุกซบลงบนอกของคนที่อยู่ใต้ร่าง ศีรษะเล็กทุยนั้นขยับไปมาร้าวกับลูกแมวออดอ้อนเจ้าของ ธาราที่ยังคงติดอยู่ในห้องฝันขมวดคิ้วให้กบสัมผัสวาบหวามที่สอดแทรกเข้าลึกในกาย จนเมื่อสิ่งนั้นสงบนิ่ง เจ้าตัวก็ผ่อนลมหายใจแล้วจมลงสู่ห้องนิทราอีกหนคาไนน์ยังคงฮัมเพลงในลำคอด้วยความอารมณ์ดี ปลายนิ้วเขี่ยไล้ลูบวนที่ยอดอกสีเข้มของอีกฝ่ายอย่างสบายอกสบายใจ ความรู้สึกล้ำลึกปะปนไปกับความโหยหาที่ถวิลถึงเนื่องจากตอนนี้ทั้งธาราและคาไนน์พากันอพยพย้ายขึ้นมาอยู่อาศัยบนบก คาไนน์เองก็ยังคงมีความคิดถึงบ้านบ้างเป็นบางค