แกร๊ก ...
เสียงเปิดประตูห้องนอนถูกเปิดออก ทำเอาฉันออกจากภวังค์ ฉันยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ท่าเดิม มีเพียงใบหน้าของฉันที่หันไปทางต้นเสียง
ใบหน้าของผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นคนเปิดประตูออกมา เมื่อเจอฉัน ผู้หญิงคนนั้นอึ้งไป ไม่ได้พูดอะไร นางเดินออกมาตามมาด้วยแฟนฉันเอง
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันนั่งรอคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟน ในการทำอะไรอย่างนี้ จนพวกเขาทำกันเสร็จ
ปกติแล้ว ถ้าฉันมาหาพี่เขา แล้วเจอสถานการณ์แบบนี้ ฉันจะกลับทันที ฮึฮึฮึ! จะมีใครอยู่ได้ล่ะ ถึงแม้จะรู้ และพอจะยอมรับได้ แต่ใครจะนั่งดูการแสดงแบบสดๆ หรือฟังเสียงกิจกรรมเข้าจังหวะแบบสดๆ เหมือนที่ฉันทำอยู่ตอนนี้
และจากการที่ฉันไม่เคยที่จะอยู่รอ และไม่เคยที่จะโวยวายอะไรออกมาสักครั้ง ฉันคิดว่าพี่เขาก็คงไม่รู้ว่าฉันรู้ทุกอย่างที่เขาทำลงไป เหตุที่ฉันยอมปิดหูปิดตาทุกอย่าง นั้นเพราะเหตุผลข้างต้นที่อธิบายไปแล้ว
แต่หากจะบอกว่าเพราะฉันไม่ยอมเขาเพียงอย่างเดียวคงเป็นเหตุผลที่ดูไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ แต่หากว่าฉันรักเขาก็คงใช่ มันถึงได้กลายเป็นอย่างนี้
ฉันยังคงนั่งอยู่ท่าเดิม มองไปยังชายหญิงทั้งคู่ที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องนอน จากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็เดินไปทางประตูทางออก
“มานานยัง” พี่วินถามฉันออกมาด้วยหน้าตาที่นิ่งเฉย และไม่รู้สึกอะไร ทั้งๆ ที่ผู้หญิงแปลกหน้าเพิ่งผ่านตาฉันไป
“คืออะไร” ฉันถามพี่เขาแล้วมองหน้าผู้หญิงที่กำลังจะออกจากห้องไป ฉันยังไม่ได้เปิดโอกาสให้พี่เขาได้ตอบโต้อะไรกลับมา ฉันหันไปมองผู้หญิงคนนั้นที่กำลังจะออกจากห้อง
“เสียงครางเธอนี่ ดังได้ใจเชียวนะ!” ฉันเลิกคิ้วถามเขา พร้อมกับหยิบโจ๊กและยาที่ว่างอยู่ที่ชุดโซฟา แล้วเดินเอาไปวางไว้ที่โต๊ะกินข้าว
“ไม่มีไรจริงๆ นะริน เชื่อพี่นะครับ” พี่วินเดินมาสวมกอดฉันทางด้านหลัง พร้อมเสียงที่ฉันฟังแล้วอยากจะอ้วกออกมาให้ได้ แต่ก่อนไม่เคยรู้สึก แต่วันนี้กลับเหมือนคนแพ้ของแสลงซะอย่างงั้น
ฉันแกะอ้อมกอดของเขาออก จากนั้นหันกลับไปมองหน้าเขาชัดๆ อีกครั้ง ก่อนที่น้ำตามันจะเอ่อออกมาอย่างไม่รู้ตัว ทำให้ฉันมองไม่เห็นอะไร ฉันพยายามแล้ว
ตอนที่ฉันนั่งรอ บอกตัวเองว่าจะไม่ร้องไห้ ตอนนั้นฉันทำได้ แต่มาตอนนี้สิ ฮึ! น่าสมเพชตัวเองสิ้นดี!
“เลิกโกหกเถอะค่ะ รินเหนื่อยแทนพี่เลย” เสียงฉันสั่น คำพูดมันออกมาทั้งน้ำตา
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันคอยประคับประคองมามันได้ระเบิดออกมาวันนี้แล้ว
“สิ่งที่พี่ทำ รินรู้มาตลอด! พี่มีอะไรกับใครบ้าง รินรู้หมด! ที่รินยอม เพราะรินรักพี่ ... ตอนนี้รินรู้แล้ว รินเข้าใจแล้ว!” เสียงฉันดังแทบอยากจะโกนออกมา แต่มันก็กลับสั่นเครือแทน
“พี่ขอโทษ ... ยกโทษให้พี่ได้มั้ยครับ” พี่วินส่งเสียงอ้อนอย่างสุดกำลัง และพยายามจะเข้ามากอดฉันอีกครั้ง
แต่ ... ฉันดันเขาออกห่าง ฉันรู้สึกสมเพชตัวเอง ขยะแขยงกับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้จริงๆ
“รินทนอยู่กับพี่ไม่ไหวแล้วจริงๆ รินเหนื่อย รินเจ็บอะพี่ รินเจ็บ!!! ... ได้ยินไหมว่ามันเจ็บ!!! ... ฮึก!!!” ฉันสะอึกสะอื้นต่อหน้าเขา
“รินผิดเอง” เสียงของฉันสะอื้นออกมา “รินผิดที่รินไม่ยอมพี่! … พี่วิน เราเลิกเถอะ!!!” ถึงเสียงของฉันจะสะอื้น แต่แววตาฉันแนวแน่มาก
ตอนนี้พี่วินหน้าเสีย ต่างจากเมื่อครู่ไปเลย เข้าคงไม่คิดว่าฉันจะกล้าเลิกกับเขา แต่เมื่อเขาเห็นแววตาฉัน เขาคงรู้ว่านี้คือ ฉันเอาจริง!
“พี่ไม่เลิก ไม่เอาแบบนี้ดิ … นะริน นะคราบ” เสียงของความสำนึกผิดของพี่วินส่งมาอีกครั้ง พร้อมก้าวยาวเพื่อดึงฉันไว้ ในขณะที่ฉันกำลังจะออกจากห้องของเขาไป
“รินเหนื่อยอะพี่ ... พี่ก็ไปมีคนอื่นได้อย่างสบายใจเถอะ ต่อไปพี่จะได้ไม่ต้องเกรงใจรินอีก ... โชคดีนะคะ” ตอนนี้ฉันกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้นิดหน่อย เสียงฉันไม่สั่นเท่าเมื่อกี้นี้
แต่หลังจากที่ฉันพูดเสร็จ น้ำตาฉันก็ร่วงลงมาอีกแล้ว ฉันหันกลับไปมองหน้าเขา พร้อมยิ้มให้เขาทั้งน้ำตา แล้วเดินออกมาจากห้องของเขาไป ห้องที่ฉันจะไม่กลับมาเหยียบอีก
ในที่สุดฉันก็ได้ปลดปล่อยความอัดอั้นของฉันที่มีมาตลอดสักที
นี่มันแปดเดือนเต็ม ที่ฉันต้องแอบร้องไห้ตลอดเวลาที่ฉันคบกับเขา ถึงแม้ว่ามันจะเจ็บ แต่ฉันก็รู้สึกสบายใจขึ้นเป็นกอง
ฉันพร้อมจะเดินออกมา เพื่อเข้าสู่เช้าของวันใหม่ที่แสนจะสดใส่กว่าเดิม เผื่อชีวิตของฉันจะเจอกับคนที่ดีกว่านี้!
@Darin พอฉันจะนอนฉันจะนอนพักเอาแรง แม่!!! ... พ่อตัวดีกลับจากทำงานก็เอาแรงมาลงที่ฉัน จัดฉันชุดใหญ่ทุกคืน ฉันไม่กลายเป็นศพก็บุญแค่ไหนแล้ว “รินคราบ ช่วงนี้พี่วุ่นอยู่กับสาขาใหม่จริงๆ ไหนจะบริษัทพ่อพี่ที่ท่านให้พี่ดูแลอีก รินเข้าใจพี่หน่อยนะครับ” อีตาพี่เรย์เสียงอ่อย “รินเข้าใจ แต่พี่ก็ต้องเข้าใจรินด้วยสิ รับปากรินว่าจะช่วยดูแลตาหนูกับยัยหนู แต่ทำไม่ได้อย่างนี้ ลูกๆ ก็อยากเจอพ่อมันเหมือนกันนะ หากไม่เห็นใจริน ก็เห็นแก่ลูกบ้างสิ” ฉันนอยด์เขามาก เขากลับบ้านลูกก็หลับแล้ว เด็กๆ ก็อยากเจอพ่อของเขานะ “แหม้ะๆ แงๆ!!” เสียงยัยหนูดาที่นั่งคาร์ซืที่เบาะหลังคู่กับพี่ชายของเขาร้องออกมา “ยัยหนู ไม่ร้องลูก” ฉันหันไปมองลูกสาวที่เริ่มส่งเสียงร้อง เหมือนเขารับรู้ถึงการทะเลาะกันของพ่อกับแม่ เช่นเดียวกับตาหนูที่เริ่มส่งเสียงร้องเช่นกัน “แม่ งือๆ!!” ฉันเอามือลูบแขนลูก และเบาเสียงตัวเองลง “เห็นไหม ลูกร้อยเลย!” ฉันทำตาดุใส่คนขับรถ แต่เสียงที่ส่งไปหาเบาเท่าที่เบาได้ เพื่อไม่ให้ลูกๆ ตกใจ “โอ๋ๆๆ ตาหนูยัยหนู ไม่ร้องนะคะ เดี๋ยวแม่พาไปหาอะไรอร่อยๆ ทาน ... ตาหนูเด็กดีไม่ร้องนะคะ เดี๋ย
3 ปีผ่านไป บ้านฉัน@Darin ใครว่า ... ครอบครัวเล็กของเรา!!! ให้ตายเถอะ อีตาพี่เรย์จอมหื่น ดันชอบเด็ก อยากมีเด็กเล็กๆ ให้เต็มบ้าน ฉันที่เรียนจบ แต่งงานทันที และมีลูก ฉันได้ลูกชายคนแรก คลอดในเดือนกันยายนของปีที่ฉันแต่งงาน ผ่านมาสามปี ฉันก็ได้ลูกสาวเพิ่มอีกคน ลูกชายฉันชื่อ นครินทร์หรือรินทร์ อายุสองขวบ ส่วนลูกสาวณดาหรือดาอายุเกือบขวบ และฉันคิดว่าอีกไม่นานคงจะมีลูกคนที่สามตามมาติดๆ นี้อีกเป็นแน่ ทำไมนะหรือ!!! ก็อีตาพี่เรย์ เขาอยากมีลูกอีกนะสิ เขาไม่ยอมให้ฉันทำหมัน ไม่ยอมให้ฉันกินยาคุม และไม่ยอมใช้ถุงยาง บอกปล่อยเป็นธรรมชาติ ขอลูกซักสามคนก่อน ค่อยว่ากันว่าจะพอแค่นี้หรือจะจัดเพิ่ม เรื่องมีลูกเยอะป๊าฉันนี้ยิ้มหน้าบาน เห็นดีเห็นงามไปกับพ่อลูกเขยจอมหื่นสุดๆ ก็ป๊าฉันท่านเป็นคนจีน และชื่นชอบการมีลูกเยอะๆ อยู่แล้ว จะลูกสาวลูกชาย ป๊าฉันชอบหมด “แม่ค้าบ ปะป๊าไปหนาย” ลูกชายคนโตเดินคล่องปรื๋อมาหาฉันที่กำลังกล่อมลูกสาวให้หลับ “ชู่ว~ .. น้องหลับอยู่นะ” ฉันยกนิ้วชี้ขึ้นกลางริมฝีปากตัวเอง มองลูกชายที่กำลังถามหาพ่อ สงสัยอยากเล่นขี่หลังพ่อเขาแน่ๆ “ปะป๊าหนาย~”
บ้านดาริน ห้องโถงกลางบ้าน@Darin และแล้ววันเวลาที่ฉันเราเหล่าเรียนมาตลอดเวลา 4 ปี ก็สิ้นสุดลง และมันก็ผ่านจนถึงกลางปีได้ พร้อมกับที่ฉันรอรับใบปริญญาในต้นปีหน้า นอกจากที่ฉันจะได้ใบปริญญาหลังเรียนจบ ฉันยังได้ปริญญาใจมาด้วย นั้นก็คือลูกชายคนแรกของฉันกับพี่เรย์ และหลานคนแรกของพ่อปู่แม่ย่า พ่อตาแม่ยายด้วย ตอนนี้เจ้าตัวเล็กอยู่ในครรภ์ฉันมาแล้วหก เดือน อีกเพียงสามเดือนเขาก็ลืมตาดูโลกใบนี้แล้ว เพื่อให้ครอบครัวฉันสมบูรณ์และเป็นไปตามขนบธรรมเนียม ทางผู้ใหญ่จึงได้หาฤกษ์ให้ฉันกับพี่เรย์ได้เป็นฝั่งเป็นฝาอย่างเป็นทางการ ฉันที่อยู่ในชุดเจ้าสาว ที่สามารถใส่ได้พอดี ขนาดว่าฉันตั้งท้องมาแล้วหกเดือน แต่ด้วยความที่เป็นท้องแรกจึงไม่ได้ใหญ่มากนัก หากมองผิวเผินจะเหมือนคนตัวอวบๆ เท่านั้น อีกอย่างชุดเจ้าสาวที่ฉันเลือกก็เป็นแนวชุดเจ้าสาวแบบใหม่แบบสับ ฉบับที่ใส่กับรองเท้าผ้าใบ เพราะถึงยังไงฉันก็ไม่อยากใส่ส้นสูง ก็คนมันท้อง ฉันก็ต้องป้องกันไว้ก่อน ผ้าใบปลอดภัยที่สุด อีตาพี่เรย์ก็เห็นด้วย เขาชอบใส่เสื้อผ้าสบายๆ อยู่แล้ว ชุดเจ้าบ่าวก็เลยเข้ากับชุดของฉัน ด้วยสไตล์เท่ๆ ง่ายๆ ยุคใหม่ไม่ค่อ
โรงพยาบาล@Ray “ญาติคุณดารินใช่มั้ยคะ?” พยาบาลเดินออกมาจากห้องตรวจ “ครับ ผม สามีเธอครับ” ผมเดินตรงดิ่งไปหาพยาบาลเพื่อสอบถามว่าดารินเป็นอะไร พยาบาลยิ้มหน้าบานให้ผม “ทางเรายินดีด้วยนะคะ คนไข้ตั้งครรภ์ได้ 6 สัปดาห์ แล้วค่ะ” ผมยิ้มอย่างลืมตัว “อะ .. อะ ครับ ขอบคุณครับ” “ยินดีด้วยนะคะ คุณพ่อ” พยาบาลยังคงแสดงความยินดีกับผม “พี่เรย์” เสียงดารินที่เปิดประตูออกมาจากห้องตรวจ ดูสีหน้าท่าทางเหมือนจะดีใจ หรือจะร้องให้ ผมบอกไม่ถูก แต่ที่แน่ๆ ผมนะดีใจ กูจะเป็นพ่อคนแล้วเว้ย ไอ้เรย์!!! “ริน” ผมรีบลุกไปหาเธอเมื่อเธอเปิดประตูแล้วเดินออกมาเอง “รับยาและจ่ายเงินตามนี้นะคะ ส่วนรายละเอียดทางเภสัชจะชี้แจงอีกทีนะคะ” พยาบาลยื่นเอกสารรายการยาและค่าใช้จ่ายให้กับผม “ครับ ขอบคุณครับ” ผมยื่นมือไปรับพร้อมกับกล่าวของคุณ “พี่เรย์ ...” ดารินเรียกชื่อผม เธอกอดผมแน่น “พ่อกับแม่จะว่าไงคะ?” ดูเธอกังวลสุดๆ “ไม่ต้องกลัว” ผมปลอบเธอ “รินกลัว ก็ ... ก็เรายังไม่ได้แต่งงานกันเลยนี่ค่ะ” “รินจะกลัวอะไร เราก็จดทะเบียนสมรสกันแล้วนะ อย่าลืมสิ เราเป็นสามีภรรยากันแล้ว
ตึกเรียนสาขาบัญชี มหาวิทยาลัย@Darin หลังปีใหม่มา การเรียนของฉันก็เหลือการสอบสัมมนาในเดือนนี้ และเดือนหน้าก็สอบโปรเจคจบ มันทำให้ฉันมีความเครียดสะสมพอสมควร “อุ้บ ... แหวะ ... แหวะ~” ฉันที่อยู่ในห้องน้ำของอาคารเรียน โกงคออ้วกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า ฉันอ้วกนานพอดู จนเพื่อนทั้งสองของฉันที่กำลังเฝ้าดูอาการฉันรู้สึกเป็นห่วง ยืนค้ำเอวถามหน้าห้องน้ำ “มึงเป็นอะไรวะหมู่นี้ บางวันก็หน้ามืด บางวันอ้วก” “กู น่าจะเครียดนะ... อือ ... อุ้บ ... แหวะ ... แหวะ~” หลังจากที่ฉันอ้วกครั้งที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้ พอเวยหน้าขึ้นมองตัวเองในกระจก ก็เห็นภาพซ้อนทับ 2 3 ภาพได้ ทำเอาฉันตาลาย ปวดหัว จนฉันมองอะไรไม่เห็นอีก “ไอ้รินมึง!!!” เสียงของแพร และเหมยเรียกฉัน ในตอนที่ฉันพยายามเดินออกไปหาพวกมัน แล้วภาพก็ตัดไปCLUB 94@Ray ผมที่เข้าสู่โหมดการทำงานที่ยุ่งจนตัวเป็นเกลียว เพราะใกล้รอบการส่งบัญชีจ่ายภาษีรายปีอีกแล้ว เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้น ทำเอาผมต้องหยุดมือจากเอกสาร หยิบมันขึ้นมารับในทันที ผมรู้ว่าใครโทรมา เพราะเสียงที่ผมตั้งไว้มีเพียงเฉพาะเมียเท่านั้นที่สามารถใช้เสียงนี้ได้ “ว่าไงครับ”
“แล้วปีใหม่นี้พวกมึงจะไปทะเลบ้านกูไหม ว่าไงเหมยไม่อยากไปเล่นน้ำทะเลบ้างเหรอเพื่อน?” ยัยแพรวหันไปหาเหมย และหันมาถามฉัน “แล้วมึงล่ะ พี่เรย์พามึงไปเที่ยวไหมวะ ... หากไม่มีที่ไป ไปเที่ยวบ้านกูไหม?” ยัยแพรวเปลี่ยนบทสนทนา หาเพื่อนเที่ยว นี้ก็จะปีใหม่แล้ว อีก 2 อาทิตย์เอง ฉันกับพี่เรย์ยังไม่มีเพลนไปไหนเลย เพราะช่วงเทศกาลคลับพี่เรย์คนเน้น และงานของเขาก็คงรัดตัว “ปีใหม่ฉันคงไม่ได้ไปไหน พี่เรย์งานเยอะ ต้องหลังปีใหม่ถึงจะว่าง” ฉันตอบตามความจริง “อือ ก็จริงของมึง มีผัวทำงานด้านนี้ก็ช่วยไม่ได้นะมึง” ยัยแพรวเสียดสีความที่ฉันมีแฟน “พวกแกก็มาเที่ยวคลับพี่เรย์แทนสิ” ฉันหาลูกค้าซะเลย “แกเลี้ยงไหมล่ะ พวกฉันยังเป็นเด็กนักศึกษาอยู่เลยนะ” ยัยเหมยแอบทำเป็นยาจก “หากมึงไม่มีเงิน กูก็ไม่มีมีแล้ว ยัยเศรษฐีไร่อ้อย” ฉันแดกดันเหมย “มึงก็ด้วยยัยแพรว บ้านมึงรวยกว่ากูอีก ทั้งโรงแรม ห้องเช่าแถวกะทู้ หากพวกมึงไม่รวยแล้วใครจะรวยวะ” ฉันแดกดันรอบสอบไปที่เพื่อนทั้งสอง “เอ่อๆ ปีใหม่พวกกูไปฉลองที่ร้านพี่เรย์มึงก็ได้” ความมีเหตุผลของฉันย่อมชนะ ฉันยิ้มหน้าบาน ได้ลูกค้ามาเพิ่ม “