ดาดฟ้าบ้าน
เวลาตีสองลมพัดแรง…ไฟดาดฟ้าสลัวๆชายหนุ่มร่างสูงนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้เก่า สูบบุหรี่ช้าๆ สิงโต ถอดแว่นดำออก…ดวงตาแดงก่ำแต่ไม่ร้องไห้เขาแหงนหน้ามองท้องฟ้ามืดมนที่ไม่มีแม้แต่ดาว ในหัวมีแต่ภาพใบหน้าของกวาง ใบหน้าที่แดงเพราะร้องไห้ น้ำตาไหลจากดวงตาใสๆ เสียงของเธอที่พูดว่า “หนูเป็นห่วง” ยังติดอยู่ในหูเขา เขาสูดควันเข้าเต็มปอดก่อนพ่นออกยาว “ทำเหี้ยอะไรลงไปวะกู…” สิงโตขยี้บุหรี่ทิ้งอย่างแรง กำหมัดแน่นราวกับกำลังลงโทษตัวเอง “แม่ง…ทำไมต้องร้องไห้ให้กูด้วยวะ…” “กูเป็นเหี้ยอะไรกันวะ…” เขากำลังหนี…ไม่ใช่หนีคนอื่น แต่หนีความรู้สึกที่กำลังบ้าคลั่งในอกตัวเอง เพราะเขากำลังกลัวว่าจะรักคนที่ “ไม่ควรรัก” แต่ก็ เจ็บ ทุกครั้งที่เห็นเธอร้องไห้เพราะเขา สองวันหลังจากคืนที่กวางร้องไห้ กวางประกวดดาว-เดือนเสร็จเรียบร้อยแล้ว และผลประกาศออกมาว่า...ทั้งกวางและกระทิงชนะการประกวดในครั้งนี้และทั้งคู่ได้เป็นดาวและเดือนของมหาวิทยาลัย กวางยังไม่คุยกับสิงโตแม้แต่นิด กลับบ้านก็กอดหมอนขึ้นห้อง ส่วนสิงโตก็ทำเหมือนไม่สนใจ แต่จริงๆในใจวุ่นวายเป็นไฟ ร้านเหล้าราชสีห์ ห้องทำงานชั้นสอง ไฟในห้องสลัว โต๊ะทำงานไม้สักมีเอกสารกองอยู่แต่เจ้าของผับไม่ได้สนใจเอกสารสักแผ่น สิงโต นั่งเอนหลังบนโซฟา สูบบุหรี่มวนที่สองสายตาจ้องหน้าจอมือถือที่แชทเปิดค้างอยู่ ภาพในกรุ๊ปไลน์คณะนิติศาสตร์ที่เขาแอบเข้าไปอยู่เงียบๆ ที่มีกวางยิ้มอยู่ข้างกระทิงที่ชนะผลการประกวดดาว-เดือน “มันสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรวะ…” เขาแตะมือถือแล้วกดโทรหาเสือเพื่อนสนิท “คืนนี้ให้คนตามดูน้องสาวกูหน่อย ผู้ชายชื่อ ‘กระทิง’…เพื่อนของกวาง ดูว่ามันไปไหน อยู่กับใคร ทำอะไรบ้างตอนเลิกเรียน” “ น้องสาว คนไหนวะ ” เสือพูดกวนประสาททั้งที่รู้อยู่แก่ใจ คงจะไม่ใช่น้องสาลี่ที่เรียนอยู่ต่างประเทศหรอกมั้ง รายนั้นคงมีความสุขที่ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับครอบครัว ใช้ชีวิตสุขสบายตามประสาเด็กวัยรุ่นจนลืมพี่ชายแล้วมั้งเพราะเธอไม่ติดต่อมาหาสิงโตกับเสือตั้งหลายเดือน เสือ พยัคฆ์ ตอนนั้นเขามีอายุ 15 ปี เรียนอยู่โรงเรียนนานาชาติชื่อดังของประเทศไทย ซึ่งเขาเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายปีที่ 4 โดยมีเพื่อนสนิทที่เรียนมาด้วยกันซึ่งเป็นลูกเจ้าของโรงเรียนที่เขาเรียนอยู่ชื่อ สิงโต ราชสีห์ โดยสิงโตมีน้องสาวแท้ๆชื่อ สาลี่ สาริกา อายุ 11 ปี เรียนอยู่ประถมศึกษาปีที่ 6 เสือ สิงโต และสาลี่ เลยสนิทสนมกันมาตั้งแต่ยังเด็ก “หึงน้องสาวไม่แท้ว่างั้น” เสือพูดกวนประสาทเพื่อนสนิทอีกรอบ “เสือก” “ได้เลยพ่อหวงของ ยังไม่ยอมรับก็แล้วแต่ กูจะส่งรายงานให้เป็นไฟล์ P*F ละกัน” เสียงปลายสายเงียบไป…ก่อนจะหัวเราะเบาๆ “อย่ายิ้มให้มันมากนักกวาง…กูเริ่มระแวงแล้วนะ” สิงโตวางสายก่อนจะโยนมือถือลงโซฟาแรงๆมือข้างหนึ่งยกบุหรี่ขึ้นสูบอีกครั้ง มุมเงียบของมหาวิทยาลัย กล้องจากโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องหนึ่งกำลังแอบถ่าย — กวางกำลังนั่งกินไอติมกับกระทิงใต้ต้นไม้หลังตึก เสียงหัวเราะของทั้งคู่เบาๆแต่ชัดเจนพอให้คนดูรู้ว่า “มันเกินคำว่าเพื่อน” เจ้าหน้าที่ที่ปลอมตัวเป็นนักศึกษา ส่งภาพไปยังเบอร์ของสิงโต “ไฟล์ภาพล่าสุดส่งเรียบร้อยครับ กระทิงมีความเคลื่อนไหวกับน้องกวางหลังเลิกเรียน” ตัดกลับมาที่สิงโต/ผับ เขาเปิดภาพดู…ขยายหน้ากระทิง…ซูมมือของมันที่ยื่นซับไอติมเลอะมุมปากให้กวาง มือของเขากำโทรศัพท์แน่น…กรามขึ้นเป็นสัน “อย่าให้กูเห็นตอนอยู่กันสองคนอีกนะ…มึงจะเป็นเพื่อนแก๊งเดียวกันก็เหอะ…แต่ถ้าคิดจะแตะต้องคนของกู…กูไม่ปล่อยไว้แน่…” สิงโตพึมพำกับตัวเอง บ้านเกียรติภูมิ สิงโตกลับมาถึงบ้านเห็นรองเท้าผ้าใบของกวางวางคู่กับรองเท้าของผู้ชายที่ไม่ใช่ของเขาทั้งสองคู่เปียกฝนเหมือนเพิ่งเดินกลับมาพร้อมกัน เสียงประตูบ้านปิดลงแรงๆพร้อมเสียงฝีเท้าหนักๆขึ้นบันได สิงโตในเสื้อยืดเปียกฝน กางเกงยีนส์ลุ่ยๆเดินลุยขึ้นชั้นสอง หน้าห้องของกวางมีแสงไฟลอดจากใต้ประตูเขายืนมองอยู่สักพัก ก่อนจะ… ปัง! ปัง! ปัง! เคาะประตูแรงจนมันสะเทือน “ใครคะ!?” เสียงกวางในห้องตกใจ “กูเอง เปิด!” สิงโตเสียงเข้ม ดิบ ห้วน กวางรีบเดินไปเปิดประตูยังใส่เสื้อนอนตัวบางกับกางเกงขาสั้นใบหน้างุนงงปนตกใจ “มีอะไรเหรอพี่?” สิงโตไม่พูดเปล่า เดินเข้าห้องกวางทันทีโดยไม่ขออนุญาต “รองเท้าใคร?” สิงโตเสียงเย็นชา กวาง ชะงัก เลิ่กลั่ก “…ของกระทิง เขาเดินมาส่งแล้วฝนตก เลยเข้ามาหลบแป๊บหนึ่ง” สิงโตหันขวับมาทางกวางทันทีสายตาเหมือนกราดไฟใส่คนตรงหน้า “มึงพามันเข้าห้องเหรอ?” “ไม่ค่ะ เขาอยู่แค่ตรงห้องรับแขก” กวางรีบปฏิเสธ “อยู่ตรงไหนก็เหอะ!!” สิงโตตะคอกเสียงดังจนกวางสะดุ้ง “นี่บ้านกู ไม่ใช่หอรวมของมึง!” “ทำไมพูดแบบนี้คะ เขาไม่ได้ทำอะไรเสียหาย!” กวางหน้าแดงด้วยทั้งอายและโกรธ “แล้วมึงแน่ใจได้ไงว่ามันไม่ได้คิดอะไร? หรือมึงเองนั่นแหละที่เปิดทางให้มันเข้ามา?” สิงโตปากหมาแบบจงใจ “…พี่ไม่มีสิทธิ์มาพูดแบบนี้กับกวาง” กวางน้ำตารื้น “อย่าลืมนะว่ากูเลี้ยงมึงอยู่ มึงอยู่บ้านกู ใช้เงินกู!” สิงโตยังไม่ยอมหยุด “ถ้ารังเกียจกวางขนาดนี้ กวางจะย้ายออก!” กวางเสียงสั่น “เออ…ลองดูดิ” สิงโตหรี่ตามองริมฝีปากเหยียดนิดๆ “มึงลองไปอยู่กับมันสิ…ดูดิว่า…มันจะดูแลมึงได้แบบที่กูดูแลไหม…” เงียบไปชั่ววินาที น้ำเสียงของสิงโตตกลง จนฟังดูเหมือนเจ็บ “…แต่ถ้ามันทำมึงร้องไห้ขึ้นมานะ กูจะไม่ไว้ชีวิตมัน” แล้วเขาก็หมุนตัวออกจากห้องทันทีปิดประตูดัง ปัง! ทิ้งไว้ ปล่อยให้กวางยืนน้ำตาคลอทรุดลงกับเตียงด้วยหัวใจที่สับสน ดาดฟ้าบ้าน ไฟสลัวๆจากเสาไฟเก่าบนดาดฟ้าส่องให้เห็นเงาผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างกำแพง ควันบุหรี่ลอยอ้อยอิ่งในอากาศที่เย็นชื้นหลังฝน สิงโตยืนพิงกำแพงคีบบุหรี่ไว้ในมือสายตาเหม่อมองแสงไฟเมืองไกลๆ ริมฝีปากแน่น นัยน์ตาแดงเหมือนอดนอนหรืออาจเพราะความคิดมันกัดกินจากข้างใน “แม่งเอ๊ย…” เขาสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่งก่อนจะพ่นควันออกแรงๆ “แค่เห็นมันอยู่กับไอ้เด็กกระทิงนั่น…กู…จะคลั่งเอาให้ได้” มืออีกข้างกำโทรศัพท์แน่น หน้าจอยังค้างอยู่ที่เบอร์ของกวางแต่เขาไม่กดโทร ไม่ส่งข้อความ เพียงแค่… “กูแม่ง… เป็นบ้าไปแล้วจริงๆว่ะ…มึงไม่ใช่น้องสาวกู…แล้วจะมาหวงเด็กมันในฐานะอะไรวะ สิงโต…” เสียงสุดท้ายของเขาแทบเป็นแค่เสียงลมหายใจบ้านเกียรติภูมิช่วงค่ำเสียงออดดังขึ้นกวางเดินลงไปเปิดประตู“ไง กวาง~” เบอร์รี่ยืนถือร่มส่งยิ้มหวานที่ดูจริงใจเกินไป“ขอโทษนะ พอดีฝนตกแล้วฉันมีนัดแถวนี้แต่โดนเทเลยคิดว่า…ขอค้างที่นี่สักคืนได้ไหม?”กวางชะงักหันไปมองสิงโตที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องครัว สิงโตหยุดเดินไปทันทีที่เห็นเบอร์รี่บรรยากาศเงียบชั่วขณะ กวางเหลือบมองไปที่สิงโต ดวงตาอ่านไม่ออก แต่ในอกกลับเต้นผิดจังหวะไปหมด“จะนอนก็เอาสิ ห้องว่างเยอะแยะ” สิงโตพูดโดยไม่หันมากลางดึกบรรยากาศบ้านที่เย็นยะเยือกกวางนอนพลิกตัวไปมาเสียงฝนยังตกใจเธอไม่สงบเลยสักวินาทีห้องฝั่งตรงข้ามมีแสงลอดออกมาจากใต้ประตูเสียงเบอร์รี่หัวเราะเบาๆกับสิงโตดังลอดออกมา…หรือมันดังขึ้นในหัวเธอเอง?เสียงบางอย่างในใจของกวางกำลังถามว่า“…ถ้าไม่รู้สึกกับเขาแล้วจริงๆจะหวงขนาดนี้ทำไม?”...เวลาเช้าบ้านเงียบๆ มีเพียงเสียงจานกระทบกันเบาๆในครัว กวางเดินลงมาในชุดลำลองธรรมดาแต่ภาพที่เห็นตรงหน้า…ทำให้เธอชะงักเบอร์รี่กำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อที่หน้าผากของสิงโตขณะที่สิงโตนั่งพิงโต๊ะอาหารหน้าตาไม่แสดงความรำคาญใดๆ“ก็แค่เช็ดเหงื่อ แกจะทำท่าจะฆ่าฉันทำไมอะ สิงโต~” เบอร์รี่หัว
มหาวิทยาลัยกวางเดินถือแฟ้มเอกสารอยู่ที่โถงคณะนิติศาสตร์ แสงไฟสีขาวนวลส่องลงบนพื้นเงาสะท้อน เสียงรองเท้าส้นสูงดังกังวานเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เบอร์รี่หยุดตรงหน้าเธอยิ้มบางๆ ในมือของเธอมีดอกกุหลาบสีดำช่อเดียวกับที่เคยถือวันแรกที่กลับมา“เธอคือ…กวาง ใช่ไหม? ฉันชื่อเบอร์รี่นะ… ยินดีที่ได้เจอกันสักที”“ฉันรู้จักคุณค่ะ… คุณเป็นเพื่อนเก่าสิงโต” กวางยิ้มตอบด้วยมารยาทแต่แววตาสงสัย“แค่เพื่อนเก่าเหรอ… ถ้าเธอหมายถึงช่วงที่เรานอนห้องเดียวกัน แชร์ทุกเรื่องในชีวิต กอดกันทุกคืนเวลาฝันร้าย…เธออาจต้องใช้คำอื่นแล้วล่ะ” เบอร์รี่หัวเราะเบาๆ“พี่สิงโตไม่เคยเล่าเรื่องคุณให้ฉันฟังเลยค่ะ” กวางนิ่ง เธอเริ่มรู้สึกเหมือนหายใจไม่ทันแต่ยังพยายามเก็บอารมณ์“นั่นสินะ คนที่พยายามลืม บางทีมันอาจไม่ใช่เพราะลืมได้…แต่อาจเป็นเพราะลืมไม่ได้ต่างหากล่ะ” เบอร์รี่ตอบเรียบๆเบอร์รี่เดินจากไปทิ้งกลิ่นน้ำหอมจางๆไว้ในอากาศกวางยืนแน่นิ่งอยู่ที่เดิมมือกำเอกสารแน่น ริมฝีปากเม้มสนิทแต่สายตาเธอ…เริ่มสั่นไหวอย่างปิดไม่มิดลานเปลี่ยวหลังคณะนิติศาสตร์ เวลาหัวค่ำฝนเพิ่งหยุดตกหยดน้ำยังเกาะตามใบไม้ไฟริมทางสลัวสะท้อนแสงสีทองบนใบหน้าของกวางที
ห้องทำงานของ “ภาคภูมิ” พ่อของสิงโต เวลาประมาณ 10 โมงเช้า สิงโตในเสื้อเชิ้ตตัวเก่า กางเกงยีนส์ขาดเข่านั่งอยู่บนโซฟาตัวเดิมในห้องทำงานของพ่อมือหนึ่งจับบุหรี่ที่ยังไม่ได้จุดอีกมือถือโทรศัพท์แนบหูด้วยสีหน้าที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน“ฮัลโหล… พ่ออยู่มั้ย กูจะคุย” เสียงปลายสายเงียบไปนิดก่อนตอบรับภาคภูมิอยู่ในห้องอ่านหนังสือเก่าๆติดกับห้องทำงานทันทีที่ได้ยินเสียงลูกชายเขาก็เดินออกมาด้วยท่าทีสงบนิ่ง“มีอะไร ไอ้ราชสีห์? ปกติไม่โทรหาพ่อเลยนี่”สิงโตเงียบ… ก่อนพูดเสียงนิ่งๆ“พ่อ… ถ้ากูบอกว่า กูทำให้กวางย้ายออกไปเอง…มึงจะเกลียดกูปะ”ภาคภูมิชะงัก สายตาเริ่มแปรเปลี่ยนอย่างจับจ้อง เขาเดินเข้ามานั่งลงตรงข้ามลูกชาย โดยไม่พูดขัดเลยแม้แต่นิดเดียว“พ่อ… กูไม่รู้ว่าทำไมกูต้องทำตัวเหี้ยๆแบบนั้นกับเขา แต่กูแค่… กลับบ้านแล้วมันเงียบจนทนไม่ไหว” เสียงของสิงโตเริ่มแผ่วลงแต่ไม่ได้สั่น ไม่ใช่เพราะเขาไม่เจ็บ แต่เพราะเขา “ไม่ยอมให้เสียงสั่น”“กูไม่อยากให้เขาอยู่กับกูเพราะความรักหรืออะไรไร้สาระทั้งนั้น…กูแค่…อยากให้เขากลับบ้าน…”ภาคภูมิมองลูกชายที่มักหยิ่งทะนงในทุกเรื่องวันนี้กลับนั่งตรงหน้าในสภาพเหมือนคนพ่ายแพ้และพู
เสียงของเสือฟังดูเหนื่อยและหนัก“กวาง… ไอ้สิงโตโตมัน… รถชนเมื่อคืน”“ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล BMC ห้องฉุกเฉิน…”“ยังไม่ฟื้น แต่ปลอดภัยแล้ว… แค่… เขาไม่ได้บอกใครเลยนอกจากพวกพี่”กวางเงียบไป“เขาเมาหนักมากเลยนะ… ก่อนจะขับรถออกไปคนเดียว เมื่อคืนมันเรียกชื่อเธอตอนเมา… ทั้งคืนเลยว่ะ”กวางยังคงเงียบ น้ำตาคลอ… แต่ยังไม่หล่น“ขอบคุณที่บอกนะคะพี่เสือ…แต่กวาง… คงไม่ไปค่ะ”เสือเงียบ“แน่ใจนะกวาง…มันไม่มีใครเลยตอนนี้นะ”“เขาเคยมีค่ะ…แต่เขาเป็นคนผลักทุกคนออกไปเอง… โดยเฉพาะกวาง กวาง… ไม่ใช่น้องสาวเขา ไม่ใช่ใครในชีวิตเขาเลยด้วยซ้ำ เขาเองก็พูดไว้แบบนั้นไม่ใช่เหรอคะ…”เสียงในสายเงียบก่อนที่กวางจะพูดเบาๆจบสายด้วยน้ำเสียงสั่นไหวที่สุด“ขอให้เขาหายดีค่ะ… เท่านี้”ติ๊ดกวางวางสาย หันหน้าไปทางหน้าต่าง แสงเช้าอ่อนๆสาดเข้ามาทางม่านบาง เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกช้าๆเหมือนคนที่กำลังฝืนเดินต่อทั้งที่หัวใจยังบอบช้ำ“พอแล้ว… กวางต้องหยุดเจ็บเองให้ได้…”โรงพยาบาลเสียงเครื่องวัดชีพจรยังดังเป็นจังหวะสิงโตนอนอยู่บนเตียงริมฝีปากขยับเบาๆเหมือนละเมอ“…กวาง… อย่าไปนะ…”แต่ไม่มีใครได้ยินและไม่มีใครตอบกลับเขา…...ช่วงบ่ายวันอ
บนดาดฟ้าบ้านสิงโตกลับมาถึงบ้านที่ว่างเปล่าอีกครั้ง เขาขึ้นไปบนดาดฟ้า จุดบุหรี่ สูดลมกลางคืนแรงๆ มือหนึ่งสั่น มือหนึ่งถือมือถือที่ไม่กดโทรหาใครแต่เปิดรูปถ่ายกวางตอนที่แอบถ่ายไว้ในมือถือตัวเองรูปเธอนั่งกินข้าว ยิ้มเงียบๆข้างเตาในครัว“มึงมีคนดูแลแล้วใช่มั้ย…ดีแล้ว… ดีแล้วเว้ย…”แต่เสียงที่พูดออกมามันสั่นจนไม่เหลือความแน่ใจน้ำตาหนึ่งหยดไหลลงบนมุมปากก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นหัวเราะฝืนๆ“มึงแม่งเก่งว่ะกวาง…ไปจากกูได้จริงๆ…”…“แต่กูแม่ง… ไปจากมึงไม่ได้เลย…”วันถัดไปข่าวลือกระฉ่อนในกลุ่มไลน์คณะมีคนแอบถ่ายรูปกระทิงซื้อดอกไม้ให้กวาง โพสต์พร้อมแคปชัน “หวานจนแสบตา”คอมเมนต์ถล่มว่า “รักวัยมหาวิทยาลัยคู่ใหม่กำลังมา”สิงโตนั่งในรถมองโพสต์นั้นผ่านมือถือเงียบๆ มือเขาสั่นเล็กน้อยก่อนจะโยนมือถือกระแทกเบาะข้างแล้วทุบพวงมาลัยรถเต็มแรง!“กูแม่ง… มึงจะไปจริงๆใช่มั้ยวะ…” เสียงคำรามจากในอกเหมือนสัตว์ที่รู้ตัวว่า มันแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มสู้...ผับราชสีห์ในค่ำคืนที่ฝนตกสิงโตนั่งอยู่ในผับของตัวเอง โต๊ะ VIP ชั้นล่างที่ไม่เคยนั่ง รอบกายไม่มีใคร มีแค่เสียงฝนข้างนอก กับเหล้าเข้มในมือเขาไม่ชวนใคร ไม่ให้
ผับราชสีห์ห้อง VIP หลังผับปิดเสือ มิกซ์ และเม้าท์มานั่งกินเหล้าด้วยกัน เสียงเพลงเบาลงเหล้าเข้าขวดที่สามแล้ว สิงโตนั่งพิงโซฟา หน้าตาไม่ไหว เสื้อยับ แววตาแดงเหมือนอดนอนมาเป็นวันๆ“มึงเงียบเป็นบ้าเลยช่วงนี้นะไอ้ราชสีห์ หรือเพราะน้อง…” เสือเอ่ยขึ้นอย่างห่วงๆ“กวาง…” ชื่อหลุดจากปากสิงโตเอง เบาแผ่ว แต่ชัดเจนพอให้ทั้งโต๊ะเงียบ“เหี้ยอะไร กูแค่พูดชื่อคน…แม่งมีคนชื่อกวางเยอะจะตาย” เขาชะงักตัวเองไปเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะวางแก้วดังปังแล้วหัวเราะในลำคอแต่เพื่อนทั้งโต๊ะมองหน้ากันเงียบ มิกซ์กับเม้าท์ไม่พูดอะไรแต่สีหน้าชัดว่ารู้แล้วเสือถามอีกคำ… “แล้วมันเกี่ยวมั้ยวะ กับที่หายหัวไปสามวันก่อนหน้านั้น?”“กูไปนอนกับผู้หญิงมาเว้ย! มึงอย่ามาทำเป็นรู้ดี!” สิงโตตะคอกแต่แววตากลับเปล่าเปลี่ยวจนเจ็บแทนจากนั้นเขาก็ก้มหน้าเงียบแล้วพูดเบาๆเหมือนพูดกับใครสักคนที่ไม่อยู่ตรงนั้น“มึงจะหายไปนานแค่ไหนวะกวาง…หายไปจากบ้านก็พอแล้ว อย่าหายจากตรงนี้อีกเลย…”ไม่มีใครตอบ.....มีแค่เสียงเหล้าไหลลงแก้วต่ออีกคืนคืนฝนตก หอพักของกวางกวางนั่งกอดหมอนอยู่ริมหน้าต่าง ข้างนอกฝนโปรย กวางเผลอเปิดแชตเก่าของตัวเองกับสิงโต… แต่เขาไ